ข่าวสาร วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี โดยเพจมูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

วันนี้วันพระตรงกับวันพุธกลางคืน(ราหู) ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีจอ

ขอให้ทุกท่านมีความสุขในธรรม

“มีพระสอนว่าไม่มีอะไร ว่างหมด! จะอธิบายอย่างไร?”
แหม..ไม่รู้จะว่ายังไง พระพุทธเจ้าท่านก็เทศน์ไว้ดีแล้ว มีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปสร้างคำสอนขึ้นใหม่จะดีกว่ากระมัง พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสไว้ทั้ง ๔ แบบแล้วนี่ สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต เราจะชอบแบบไหนก็เลือกกันตามสบายๆ จะกินอาหารไทย อาหารเจ๊ก อาหารฝรั่ง อาหารแขก กินได้ตามอัธยาศัย
ถ้าเราจะเป็นพระอรหันต์แบบ สุกขวิปัสสโก ก็ไม่ต้องหาอะไรกระจุกกระจิก เพียงทำด้านวิปัสสนาญาณควบคุมสมาธิไปเล็กน้อยจนกระทั่งเข้าถึงปฐมฌาน จิตก็สามารถตัดกิเลสได้ใช่ไหม อันนี้สบาย…
เขยิบมาอีกนิดหนึ่ง ถ้าเราเป็นคนนิสัยจุกจิก เห็นห่อของแล้วต้องแก้ดู เห็นกล่องต้องเปิดกล่องดู พวกนี้ทำสบายๆ แบบนั้นไม่ได้ ต้องมาศึกษาด้าน วิชชาสาม ให้เข้าใจ เลยช้าไปหน่อย เพราะว่า วิชชาสาม จะต้องทรงกสิณให้ได้ถึงฌาน แต่ว่า วิชชาสาม ขั้นต้นทางด้านโลกีย์นะ ทำกสิณถึงอุปจารสมาธิได้ “ปฏิภาคนิมิต” อันนี้ยังไม่ถึงปฐมฌานนะ ถ้าสามารถทรงได้สัก ๕ นาที ๓ นาทีก็นับว่าพอ เพราะทรงนานไม่ได้ เราอยากจะเห็นสวรรค์ เห็นนรก เห็นพรหมโลก เห็นว่าใครอยู่ที่ไหน เราก็จับภาพกสิณให้แจ่มใส เมื่อจับให้แจ่มใสได้เต็มที่ของเราแล้ว ก็นึกว่าขอภาพกสิณนี้จงหายไป ขอให้ภาพนั้นๆ ที่อยากเห็นปรากฏ ภาพนั้นก็จะปรากฏ มีความผ่องใสเท่ากับภาพกสิณ คือถ้าเราเห็นกสิณมัวภาพนั้นก็มัว ถ้าเห็นภาพกสิณแจ่มใสภาพนั้นก็จะใส
พูดถึงปฏิภาคนิมิตนี่ ถ้าเราเห็นภาพแล้วคุยกับผู้ที่ปรากฏ บางทีพูดคำหนึ่งสองคำ อ้าว! ภาพหายไปเสียแล้ว เพราะสมาธิมันตั้งอยู่ไม่นาน เราต้องนึกภาพขึ้นใหม่ อย่างนี้ความจริงเขาไม่ได้หายไปไหนหรอก ไอ้เรามันหายเอง คืออารมณ์ที่เป็นทิพย์ของเรามันตกไปเอง อย่างนี้เราก็ต้องเร่งรัดตัวเอง ถ้าอยากคุยนานๆ วิธีเร่งคือคุมกำลังจิต ประเดี๋ยวก็เข้าฌาน ๔ พอถึงฌาน ๔ ก็หัดทรงเวลา ตั้งเวลาไว้ ๕ นาที ๑๐ นาที ไปจนถึง ๑ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง ทรงฌานได้นานเท่าไร เราเห็นใครเราก็คุยกับเขาได้นานเท่านั้น
ทำได้อย่างนี้เรียกว่าได้ “ทิพจักขุญาณ” แยกได้ ๘ อย่าง แต่ถ้าเราอารมณ์เข้มได้ จุตูปปาตญาณ แล้วญาณ ๘ ที่พูดเมื่อกี้นี้ไม่ต้องไปทำหรอก มันได้หมด! คือพอ จุตูปปาตญาณ มา เจโตปริยญาณ มันก็มาเอง ไม่ต้องไปเชิญ ก็ไอ้ตัวนั้นแหละมันสร้าง ตัว ทิพจักขุญาณ ตัวเดียวนั่นแหละ!
เจโตปริยญาณ เราจะรู้ได้ยังไง? มันก็ต้องรู้ใจตัวเองก่อน ดูใจของเรานี่ แหม..ถ้าได้ตัวนี้แล้วมันวิ่งดีจังเลยกรรมฐานนี่ ดูใจของเราเองนะว่าเวลานี้มันเป็นสีอะไร ใจมันมีอยู่ ๓ สี ความจริงมันมีอยู่ ๖ สีนะ แต่มันจำยาก เอามันแค่ ๓ พอ ถ้าใจเป็นทุกข์มันก็มีสีดำหรือสีมัว ทุกข์มากดำมาก ทุกข์น้อยดำน้อย ทุกข์นิดๆ หน่อยๆ ก็เป็นเทาๆ
ถ้ามีความสุขดีอกดีใจ ใจมันก็มีสีแดง ถ้าใจสบายอารมณ์ว่างจากนิวรณ์ ใจมันก็มีสีใส
ทีนี้ไอ้ ๒ สี คือ สีดำก็ดี สีแดงก็ดี นักเจริญกรรมฐานเขารังเกียจ เพราะมันเป็นสีไม่ดีทั้งคู่ ดีใจมันก็เกาะติด สีที่ดีจริงๆ คือ “สีใส” เป็นสีของอุเบกขา เป็นสีของฌาน ๔ อันนี้ต้องรักษาไว้ ถ้าเราเห็นใจเราได้ เราก็เห็นใจคนอื่นได้ ถ้าเราต้องการดูใจใคร เราก็ดูจากใจเราก่อน ถ้าไม่เห็นใจเรา เราก็เห็นใจคนอื่นไม่ได้ แต่เราต้องชำระจิตของเราให้ดีก่อนนะ ให้เป็นอุเบกขาจริงๆ คือสามารถทรงฌาน ๔ ทรงอุเบกขาสบาย อย่าไปยอมรับนับถืออุปาทาน
ไอ้ตัว เจโตปริยญาณ น่ะ มันมีอีกชั้นหนึ่ง รวมเป็น ๒ ชั้น แน่ะ! คือว่าถ้าเรามีกำลังสูงขึ้น แทนที่จะเห็นจิตเป็นดวง ไม่ว่าจะเป็นจิตของคนอื่นหรือจิตเราเองนะ ก็เลยเห็นกายทั้งหลาย ที่เรียกกันว่า “อทิสสมานกาย” หรือกายทิพย์ พวกได้ฌานจะเห็นรูปร่างภายในได้เลยว่าคนนี้ๆ น่ะตายแล้วจะเป็นอะไรกันแน่ ถ้าหากเขาตายไปในเวลานั้น เพราะว่าไอ้กายข้างในมันบอกชัด ถ้าเขาจะเป็นพรหม สภาวะกายข้างในก็เป็นพรหม ถ้าเขาจะเป็นเทวดา ไอ้กายข้างในก็จะเป็นเทวดา ถ้าเขาจะลงนรก กายข้างในก็เป็นสัตว์นรก ถ้าตายขณะนั้นก็ต้องไปตามนั้น นี่มันชั้นที่ ๒ นะ!
เมื่อได้ เจโตปริยญาณ แล้วก็มา ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกชาติได้ มันก็ของกล้วยๆ ธรรมดา ไม่ต้องไปสร้างใหม่ เว้นแต่พวก อาทิกัมมิกะ ก็ต้องสร้างใหม่ เพราะไม่ได้ทำไว้แต่ชาติก่อน ถ้าเราขึ้น ทิพจักขุญาณ ก่อน ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ก็ไม่ต้องทุกข์ คือเมื่อมี จุตูปปาตญาณ มาแล้ว ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ก็ได้เลย แต่จะคล่องหรือไม่คล่องก็อยู่ที่การฝึกซ้อม การระลึกชาติต้องค่อยๆ ระลึกถอยหลังไป
คราวนี้มา อตีตังสญาณ รู้เรื่องราวในอดีต อย่างเรานั่งอยู่ตรงนี้แหละ! ที่เขา ยันฮี นี่ เดิมมันเป็นอะไรบ้าง ก็แบบเดียวกับ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ รู้เรื่องของสถานที่หรือบุคคล ส่วน อนาคตังสญาณ เราจะรู้ตัวว่าเราจะไปทางไหน คนอื่นจะไปทางไหนถ้าตายไปแล้ว ปัจจุปปันนังสญาณ ก็รู้ว่าเวลานี้น่ะ ที่เขาว่ามีการรบกันที่ชายแดนมันจริงหรือไม่จริง เช่นเขาว่าประเทศเจ๊กเวลานี้ โอ้โฮ!! มีพระแยะเชียว แต่ไปดูเข้าจริงๆ เห็นพระไถนากันเป็นแถว เวลาไปเยี่ยมไปดูเขาก็เอาพระพวกนั้นมาห่มจีวรพระเข้า อย่างนี้เราก็รู้ได้
มาถึง ยถากัมมุตาญาณ ตัวท้าย นี่เป็นตัวรู้กฎของกรรมว่าคนเราที่เกิดมาแล้วนี่น่ะ มีสุขมีทุกข์เพราะอาศัยอะไรเป็นปัจจัยเดิม
นี่เป็นเรื่องของ วิชชาสาม เขาก็ฝึกแบบนี้ แต่ถ้าเข้มขึ้นไปอีกนิดหนึ่ง เราไม่ตั้งนิมิตภายนอก อย่างที่ วัดปากนํ้า ท่านสอนให้ตั้งนิมิตให้เห็นภาพพระในอก นี่ก็เป็นลักษณะหนึ่งของ วิชชาสาม แต่กึ่งอภิญญา เพราะสามารถจะยกร่างกายภายในไปเที่ยวตามภพต่างๆ ได้ แต่ความจริงแล้วจะไปได้หรือไม่ได้มีค่าเท่ากัน เรานั่งอยู่ตรงนี้ก็คุยกับเทวดาได้ คุยกับพรหมก็ได้ คุยกับสัตว์นรกก็ได้ กับ พระยายม ก็ได้ และถ้าจิตของเราเข้าถึง “โคตรภูญาณ” เราจะคุยกับพระอรหันต์หรือพระพุทธเจ้าที่นิพพานไปแล้วก็ได้
แต่ถ้าจิตยังไม่ถึง “โคตรภูญาณ” ห้ามพูดเลยเรื่องนิพพาน ปิดปากไว้ก่อน เพราะถ้าจิตยังไม่ถึง “โคตรภูญาณ” เรื่องของนิพพานรู้ไม่ได้ เดี๋ยวก็กลายเป็นสูญโญ ท่านที่ว่าพระนิพพานสูญก็คือท่านผู้นั้นเป็นผู้สูญจากพระนิพพาน ที่เราจะเข้าใจเรื่องของนิพพานได้นั้นต้องเข้าถึง วิชชาสาม เสียก่อนนะ พวก สุกขวิปัสสโก อธิบายไม่ได้หรอก วิชชาสาม นี่ พอถึง “โคตรภูญาณ” เห็นนิพพานได้แจ๋วเลย เห็นแล้วก็เลยไม่อยากดูอะไร ดูแต่นิพพาน สนใจแต่นิพพาน เพราะนิพพานสวยสดงดงาม จัดเป็นทิพย์พิเศษ ไม่ใช่ว่าสูญ ไอ้ที่ว่าสูญก็คือสูญไปจากอำนาจกิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม นี่เรียกว่าคนขยันหน่อยนะ ถ้าขยันมากกว่านี่อีกนิดก็ต้องเล่น “อภิญญาหก” เรื่องนี้ฉันไม่อธิบายมาก

โพสต์โดย achaya



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ เสริมโครงสร้างเสาอาคารที่พัก ๒๕ ไร่ ล็อกแรก ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ดำริให้ช่างทำการเสริมโครงสร้างอาคารที่พัก ๒๕ ไร่ ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมตามการเวลา ซึ่งช่างได้ดำเนินการ ตัดพื้นปูนเพื่อขุดดินและเสริมเหล็กและเทปูนขยายขนาดเสาเพื่อลองรับน้ำหนักอาคาร ตามหลักวิศวกรรม
ส่วนภายในห้องได้ ตรวจสอบและปรับปรุงระบบสุขาภิบาล การระบายน้ำ เดินระบบไฟแสงสว่าง ระบบเสียง โดยจะเริ่มปรับปรุงห้องบางส่วนที่มีสภาพทรุดโทรม และใช้วัสดุเก่านำมาปรับปรุงใหม่ให้ดีขึ้น
โครงการนี้เป็นความดำริตั้งแต่สมัยเมื่อท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล (อนันต์ พทฺธญาโณ) ได้วางแผนไว้เมื่อครั้งตอนทำการปรับปรุงลานหน้าปราสาททองคำ ในครั้งนี้ช่างมีความพร้อมว่างเว้นงานอื่น ท่านพระครูฯ จึงให้ช่างดำเนินการปรับปรุง
ท่านใดมีความประสงค์ร่วมทำบุญ สามารถร่วมทำได้กับ
ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

พระสงฆ์ ตรวจเยี่ยมผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒
พระใบฎีกาพิษณุ สุธมมฺธโร ,พระทนงศักดิ์ ,พระวารีสมบูลณ์ เวลา ๙.๑๐ น. ตัวแทนพระสงฆ์วัดท่าซุงเดินทางโดยรถยนต์ ออกจากวัดที่ศาลานวราช เดินทางไปที่ตำบลท่าซุง เพื่อสำรวจผู้ป่วย สูงอายุติดบ้านติดเตียงจำนวน ๒๙ คน ๒๙ หลังคาเรือน เสร็จแล้วกลับวัด เวลา ๑๓.๐๐ น เดินทางไป ต.น้ำซึม เยี่ยมผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง จำนวน ๔๕ คน ๔๕ หลังคาเรือน

เบื้องต้น ******
ประธานงานสาธารณสงเคราะห์จังหวัดอุทัยธานี (ท่านเจ้าอาวาส ท่านพระครูปลัดสมนึก)
มอบให้ พระใบฎีกาพิษณุสำรวจและเก็บข้อมูล เพื่อนำเข้าประชุมระดับ เจ้าคณะปกครองจังหวัดอุทัยธานี มีเจ้าคณะอำเภอทั้ง ๘ อำเภอ และประธานทั้งหมด ๖ ฝ่าย
ในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๒

ณ ศาลาปฏิบัติธรรมพุทธมณฑลอุทัยธานี

แล้วจึงสรุป ตั้งโครงการ
และดำเนินการต่อไป














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๒ ความคืบหน้าปิดทองคำเปลว ประดับเพชร พระประธานวิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์ วัดท่าซุง
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

กำหนดการเดินทาง/งานวัดท่าซุง ประจำเดือน “เมษายน” ปี ๒๕๖๒

บ้านดอนเมือง และ บ้านสายลม กรุงเทพฯ
ระหว่างวันที่ ๒๙ มีนาคม – ๒ เมษายน ๒๕๖๒

บรรพชาสามเณร (หมู่) นักเรียนชาย ร.ร.พระสุธรรมยานเถระวิทยา และ นักเรียนหญิง บวชชีกรรมบถ ๑๐ ถวายกุศลแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ที่มหาวิหาร ๑๐๐ ปี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ศาลา ๑๒ ไร่)
วันจันทร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๒

ทำบุญวันสงกรานต์
วันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน – วันอาทิตย์ที่ ๑๔ เมษายน
เวลา ๐๗.๓๐ น. ทำบุญใส่บาตร และถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ ที่ศาลา ๑๒ ไร่
เวลาเย็นร่วมก่อพระเจดีย์ทรายถวายเป็นพุทธบูชา ที่ ลาน ๒๕ ไร่
เวลา ๑๙.๐๐ น.สวดพระอภิธรรม ที่มหาวิหาร ๑๐๐ ปี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ศาลา ๑๒ ไร่)

พิธีสะเดาะเคราะห์
วันอาทิตย์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๒
เวลา ๑๐.๐๐ น. ทำพิธีสะเดาะเคราะห์รอบที่ ๑ ที่ ศาลา ๑๒ ไร่
เวลา ๑๔.๐๐ น. ทำพิธีสะเดาะเคราะห์รอบที่ ๒ เป็นรอบสุดท้าย
เวลา ๑๕.๐๐ น. สรงน้ำพระภิกษุและสามเณร ที่ศาลา ๑๒ ไร่

สอนพระกรรมฐานที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม
ศิษย์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง (โคราช)
ระหว่างวันที่ ๑๙ – ๒๑ เมษายน ๒๕๖๒



วัดจันทาราม (ท่าซุง) – กำหนดการเดินทาง/งานวัดท่าซุง ประจำเดือน “เมษายน” ปี 2562

ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันนี้ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๓.๓๐ น.
พระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ
เจ้าอาวาสวัดท่าซุง พร้อมด้วย
พระทนงศักดิ์ฯ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส
เดินทางเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการดำเนินโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเส้นทางเเสวงบุญในมิติทางศาสนา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๒ ณ ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุทัยธานี อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี โดยมีแผนที่เส้นทางท่องเที่ยวแสวงบุญในมิติศาสนาจังหวัดอุทัยธานี มีวัดท่าซุงอยู่ในเส้นทางฯการท่องเที่ยวด้วย











ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๒ ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ตรวจสอบการติดตั้งโคมระย้า ภายในปราสาททองคำชั้นล่างซึ่งทดลองติดเป็นตัวอย่าง ซึ่งโคมไฟที่จะติดตั้งใช้จำนวน ๘๑ โคม
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันนี้วันพระตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๘ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีจอ

ขอให้ทุกท่านมีความสุขในธรรม

“เมื่อมีศีลเป็นปกติแล้ว ก็พยายามกำจัด นิวรณ์ ๕ ประการ แล้วทรงฌานตามที่ได้ศึกษา โดยมี พรหมวิหาร ๔ เป็นอารมณ์ คอยควบคุมรักษาจิตใจให้ชุ่มชื่น เป็นการประคับประคองศีล และฌานสมาบัติผ่องใสไม่บกพร่อง ระดับของสมาธิที่จะทรงฌานทรงญาณให้ดีเด่นบริบูรณ์ไม่บกพร่องต้องทำอย่างนี้ อันดับนี้เป็นฌานโลกีย์ ท่านที่นั่งคิดนอนฝันถึงพระนิพพานอย่าเพ่อท้อใจ ว่าการปฏิบัติตามลำดับอย่างนี้จะช้าเกินไปไม่ทันการ ขอบอกว่าท่านคิดว่าจะก้าวลัดตัดไปนิพพานให้เร็วกว่านี้ ก็จงคิดว่าท่านไม่ใช่สาวกของพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านอาจเป็นพระศาสดาองค์ใหม่ที่บัญญัติกฎการปฏิบัติใหม่เอาเอง เพราะพระพุทธเจ้ามีแนวปฏิบัติที่พระองค์ทรงสั่งสอนพุทธบริษัท พระองค์สอนตามแนวนี้”
“ขอบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน พยายามทรงอารมณ์จิตให้อยู่ใน พรหมวิหาร ๔ เป็นปกติ คิดว่าเราจะมีความรักในคนอื่นและสัตว์อื่น นอกจากตัวเรา เสมอด้วยตัวเรา เราจะมีความสงสารเกื้อกูลเขาให้เป็นสุขตามกำลังที่เราพึงจะทำได้ เราไม่มีอารมณ์อิจฉาริษยาบุคคลอื่น เห็นใครได้ดีก็พลอยยินดีตาม ถ้าสิ่งใดเป็นเหตุเกินวิสัยด้วยอำนาจกฎของกรรมหรือกฎของธรรมดาเกิดขึ้น เราจะไม่มีความหวั่นไหวในจิต นี่อารมณ์อย่างนี้ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททรงไว้ได้ ก็จัดว่าเป็นศูนย์กำลังใจที่มีความสำคัญที่สุดอันจะพึงก้าวเข้าไปสู่ความดี”
“องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงแนะนำให้บรรดาท่านพุทธบริษัทผู้ปรารถนาจะเข้าถึงฌานสมาบัติและทรงมรรคผล ให้ทุกคนแผ่เมตตาจิตไปในทิศทั้งปวงเสียก่อน ในอันดับแรก ก่อนที่เราจะทรงจิตเป็นสมาธิ ก็ตั้งใจแผ่เมตตาจิตและกรุณาความสงสารไปในทิศที่ครอบจักรวาลทั้งหมด โดยกำหนดจิตไว้เสมอว่า เราจะไม่เป็นศัตรูกับใคร เราจะเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั้งหมด เราจะสงเคราะห์คนและสัตว์ที่ได้รับความทุกข์ยาก ให้มีความสุขตามฐานะกำลังของเราที่พอจะช่วยได้ เราเปล่งวาจาและคิดออกไปแบบนี้ด้วยความจริงใจเป็นปกติทุกวัน ต่อไปก็จะเกิดอาการชิน อารมณ์จิตของเราจะไม่มีความโกรธ ความพยาบาท ไม่มีความเคียดแค้นมุ่งประทุษร้ายใคร”
“พวกเรามีใครบ้างไหม ในอดีตใกล้ก็ดี ไกลก็ดี ที่ขาด พรหมวิหาร ๔ มีอารมณ์คิดเป็นศัตรูกับคนอื่น คิดทำลายล้างบุคคลอื่น คิดอิจฉาริษยาบุคคลอื่น คิดลงโทษ คิดซํ้าเติมในความผิดของบุคคลอื่นมีบ้างไหม ในอดีตเริ่มตั้งแต่ย่างเข้ามาสู่สำนักนี้ อารมณ์จุดไหนมีบ้าง ถ้ามีอยู่ไม่รู้ตัวว่ามีนี่เลวมาก หมายถึงว่าเป็นที่ไปแห่งอเวจีมหานรก ถ้าขณะใดเรารู้อยู่ว่ามีในกาลนั้นพึงรู้ว่านี่เราเป็นสัตว์นรกเสียแล้ว ไม่ใช่แดนของอริยะ หรือไม่ใช่แดนของสมณะ ไม่ใช่แดนของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา นี่ความจริง พรหมวิหาร ๔ นี่เราศึกษากันแต่ต้น ถ้าไม่มีในใจก็แสดงว่าเลวเกินไปสำหรับความเป็นมนุษย์ และเลวเกินไปที่จะต้องเกิดเป็นสัตว์ เป็นอสุรกาย หรือเป็นเปรต ช่วงที่อยู่คืออเวจีมหานรก เตือนใจเตือนตัวให้รู้ไว้ ความเลวประเภทนี้ไม่มีสังคมใดเขาต้องการ นี่ความรู้สึกอย่างนี้ต้องมีกับเราเสมอ”
“ถ้าจิตของเราทรงอยู่ใน พรหมวิหาร ๔ แล้วมีอะไรบ้างที่มันจะเกิดขึ้น นั่นก็คือศีลบริสุทธิ์ ไม่ต้องระมัดระวังศีล ความเป็นผู้มีเหตุมีผลมีความเคารพในองค์สมเด็จพระทศพลก็มีพร้อมบริบูรณ์ เพราะอะไร เพราะคนที่ทรงศีลบริสุทธิ์ ก็แสดงว่ามีความเคารพในพระพุทธเจ้า มีความเคารพในพระธรรม มีความเคารพในพระสงฆ์ เพราะว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงแนะนำให้จิตอยู่ในขอบเขตนี้ เรามีความเคารพในองค์สมเด็จพระชินสีห์เป็นต้น เราจึงมีศีลบริสุทธิ์ เราจึงรู้จักอายความชั่ว เกรงกลัวความชั่ว จึงได้มีการประกอบความดี คือจิตทรง พรหมวิหาร ๔ มี หิริ และ โอตตัปปะ นึกถึงความตายเป็นอารมณ์ อยู่ที่ไหนก็มีแต่ความเยือกเย็น มีแต่ความเป็นสุข เราก็เป็นสุข บุคคลอื่นก็เป็นสุขเพราะกายไม่เสีย ปากไม่เสีย ทั้งนี้เพราะว่าใจไม่เสีย ถ้ากายเสีย ปากเสีย ก็แสดงว่าใจมันเสีย เสียมากจนล้นมาถึงกาย ถึงวาจา นี่เป็นอันว่าถ้าทรงคุณธรรมอย่างนี้ได้ ความเป็นพระโสดาบันก็ย่อมปรากฏ”
“การที่เราทำอะไรไม่ดีในด้านสมาธิจิต หรือวิปัสสนาญาณ เริ่มแต่การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ไม่ได้ก็แสดงว่าเราขาด พรหมวิหาร ๔ ถ้าอารมณ์จิตของเราตั้งอยู่ใน พรหมวิหาร ๔ ตลอดเวลา เรื่องฌานสมาบัติเป็นเรื่องเล็กจริงๆ เพราะฌานสมาบัติจะทรงขึ้นมาได้ และศีลบริสุทธิ์ได้เพราะความเยือกเย็นของจิต เมื่อจิตมีความเยือกเย็น ไม่เร่าร้อน ไม่กระวนกระวาย ไม่กระสับกระส่าย ไม่มีความโหดร้าย ไม่คิดอิจฉาริษยาทำร้ายใคร ใจก็เป็นสุข อารมณ์ก็เป็นกุศล”
“ทาน การบริจาค เป็นการกำจัด โลภะ ความโลภของจิต แล้วคนที่จะให้ทานได้ก็ต้องประกอบไปด้วยความเมตตาและกรุณา ตกอยู่ในอำนาจของ พรหมวิหาร ๔ ถ้าคนใดจิตจับอยู่ในอำนาจของ พรหมวิหาร ๔ วันหนึ่งสักชั่วขณะจิตเดียว พระพุทธเจ้ากล่าวว่า “เรากล่าวว่าบุคคลผู้นั้น เป็นผู้ไม่ว่างจากฌาน” แล้วคนใดที่เมตตาจิตอยู่แล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วกล่าวว่า เขาผู้นั้นเป็นผู้มี อภัยทาน มีอานิสงส์มาก ตกนรกไม่เป็น”
“ถ้าจิตเราทรง พรหมวิหาร ๔ ได้ตลอดกาล ก็ชื่อว่าเราสามารถคุมศีลของเราให้ปกติอยู่ได้ตลอด สามารถคุมสมาธิให้ทรงตัว คือจิตน้อมอยู่ในเกณฑ์ของกุศลตลอดเวลา และคุมวิปัสสนา และเมื่อจิตเราเยือกเย็นมีแต่ความรัก ความสงสาร ปรารถนาในการเกื้อกูล มีจิตอ่อนโยน ไม่อิจฉาริษยาใคร มีการวางเฉยไม่หวั่นไหวในเมื่อกฎของกรรมเกิดขึ้น อารมณ์จิตของเราก็มีความเยือกเย็น อารมณ์จิตมีความสุข เมื่อจิตมีความเยือกเย็น จิตมีความสุข อารมณ์สบายก็เกิดขึ้น เมื่ออารมณ์สบายเกิดขึ้น ศีลมันไม่ขาด สมาธิก็ทรงตัว ปัญญาก็แจ่มใสสามารถพิจารณาได้ตามเหตุตามผลที่สมควร คนที่ทรงอารมณ์อย่างนี้ได้เป็นปกติ บุคคลประเภทนั้นจะเป็นผู้ทรงฌานก็ไม่ยาก เพราะจิตมีความดีอยู่ในด้านกุศลทรงอยู่ มันเป็นฌานอยู่แล้ว จะบังคับจิตให้ทรงฌานขนาดไหนก็ได้ ตามอัธยาศัยแล้วก็ใช้เวลาไม่นาน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเรามีความปรารถนาจะเป็นพระอริยเจ้าก็เป็นไม่ยาก”
(คัดลอกจากหนังสือ “โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง” เล่ม ๑)

โพสต์โดย achaya



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒ ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง และพระสงฆ์ ๓ รูป เดินทางจากวัดท่าซุง มาสอนกรรมฐานและรับสังฆทานที่บ้านสายลม กทม.

กำหนดการ
บ้านดอนเมือง และ บ้านสายลม กรุงเทพฯ
ระหว่างวันที่ ๒๙ มีนาคม – ๒ เมษายน ๒๕๖๒

– วันศุกร์ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒
เวลา ๐๘.๐๐ น ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) พร้อมด้วยพระสงฆ์ ๓ รูป ฉันภัตตาหารเช้าแล้ว เดินทางไปบ้าน พล.อ.อ.อาทร-คุณสิริรัตน์ โรจนวิภาต ที่ดอนเมือง (กม.๒๗) เพื่อรับสังฆทานและฉันภัตตาหารเพล หลังจากฉันเพลเสร็จแล้ว เดินทางเข้าบ้านสายลม
เวลา ๑๙.๐๐ น. – ๒๑.๓๐ น. ลงรับรับสังฆทาน

– วันเสาร์ที่ ๓๐ มีนาคม – วันอาทิตย์ที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒
เวลา ๐๙.๐๐ น. ถึง ๑๕.๓๐ น. ลงรับสังฆทาน
เวลา ๑๒.๓๐ น. ถึง ๑๕.๐๐ น. ฝึกมโนมยิทธิ
เวลา ๑๙.๐๐ น. ถึง ๒๐.๐๐ น. เจริญพระกรรมฐาน โดยเปิดเทปคำสอนของพระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน และนั่งสมาธิจบแล้วรับสังฆทานต่อ จนถึง
เวลา ๒๑.๐๐ น. ถึง ๒๑.๓๐ น. สวดมนต์ อุทิศส่วนกุศล และรับพร

งานพิธีไหว้ครูประจำปี บ้านสายลม

วันอาทิตย์ที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒
เวลา ๐๘.๐๐ น. ทำพิธีบวงสรวง จากนั้นทำพิธีขอขมาพระรัตนตรัย เจริญสมาธิ และอุทิศส่วนกุศล เป็นอันเสร็จพิธิ

– วันจันทร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๒
เวลา ๑๐.๐๐ น. ถึง ๑๕.๓๐ น. รับสังฆทาน (วันนี้ไม่มีฝึกมโนมยิทธิ)
เวลา ๑๙.๐๐ น. ถึง ๒๐.๐๐ น. เจริญพระกรรมฐาน โดยเปิดเทปคำสอนของพระเดชพระคุณ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน และนั่งสมาธิจบแล้ว รับสังฆทานต่อ จนถึง
เวลา ๒๑.๐๐ น. ถึง ๒๑.๓๐ น. สวดมนต์ อุทิศส่วนกุศล และรับพร

– วันอังคารที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๒ ฉันเช้าแล้วเดินทางกลับว



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๒ ช่วงเช้าวันนี้ ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ลงรับสังฆทาน ที่บ้านสายลม กทม เสาร์- อาทิตย์ นี้มีฝึกกรรมฐานมโนมยิทธิฯ เริ่มฝึก ๑๒.๓๐ น.














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๒ เจ้าหน้าที่จัดเตรียมบายศรี
สำหรับการบวงสรวงบูชาครูที่บ้านสายลมประจำปี
ซึ่งจะมีการบวงสรวงในวันพรุ่งนี้(๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒) ช่วงเช้าเวลา ๐๘.๐๐น.ขอเชิญมาร่วมพิธีบวงสรวงด้วยกันครับ












ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันที่ ๒๙ มี.ค.๖๒ ร่วมบุญสร้างโคมไฟระย้าที่วิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์
ขอเชิญญาติโยมพุทธบริษัท ศิษยานุศิษ
ย์ ตลอดจนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพโคมไฟระย้าภายในวิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์ ณ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ตามรายละเอียดดังนี้
-โคมไฟระย้า ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๕๐ ซม. ราคา ๓๐๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๔ โคม
-โคมไฟระย้า ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๗๕ ซม. ราคา ๔๕,๐๐๐ บาท จำนวน ๘ โคม

โดยสามารถร่วมบุญได้ตามกำลังศรัทธา ที่ท่านเจ้าอาวาส ในวันที่เดินทางมาสอนกรรมฐานที่บ้านซอยสายลมหรือติดต่อสอบถามได้ที่ พระชูชัย 0896688671














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒ ความคืบหน้างานปิดทองคำเปลว พระพุทธรูป รอบวิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์ จำนวน ๒๐ องค์ ท่านใดมีความประสงค์เป็นเจ้าภาพองค์ละ ๘๐,๐๐๐ บาท

โดยสามารถร่วมบุญได้ตามกำลังศรัทธา ที่ท่านเจ้าอาวาส ในวันที่เดินทางมาสอนกรรมฐานที่บ้านซอยสายลมหรือติดต่อสอบถามได้ที่ พระชูชัย 0896688671














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒ เวลาประมาณ ๐๘.๐๐น. พระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ทำพิธีบวงสรวง จากนั้นพระสงฆ์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์

แล้วทำพิธีบูชาครูภายในบ้าน โดยท่านพระครูให้โอวาท แล้วนำสวดโยโสฯ นั่งสมาธิ ขอขมาพระรัตนตรัย ถวายพานดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วนั่งสมาธิ

จากนั้นอุทิศส่วนกุศลถวายแด่บูรพาจารย์ หลวงปู่ปาน,วันที่ หลวงตาแสง, หลวงพ่อพระราชพรหมยาน และ หลวงพ่อพระราชภาวนาโกศล จากนั้นอุทศส่วนกุศลแด่ท่านผู้มีคุณ มีท่านเจ้ากรม มรว.เสริม สุขสวัสดิ์, คุณแม่เฉิดศรี (คุณแม่อ๋อย) สุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา, ท่านอดีตเจ้าของบ้านที่ล่วงลับ พรหมเทวดาที่ปกปักรักษาสถานที่ทุกท่าน
เสร็จแล้วพุทธบริษัทถวานสัฆทาน



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

กำหนดการบรรพชาสามเณร และ บวชพราหมณ์หญิงถือศีล ๘ กรรมบถ ๑๐

วันที่ ๘- ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ( ภาคฤดูร้อน )

ของนักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมเถระวิทยา ถวายกุศลแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

(บรรพชาสามเณร ๑๒๗ รูป และ บวชพราหมณ์หญิง ๒๙๐ คน)



วัดจันทาราม (ท่าซุง) – กำหนดการ…บรรพชาสามเณร 127 คน และ บวชพราหมณ์หญิง 290 คน ( 8-14 เม.ย 2562)

ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันอังคารที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๒
ช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่คณะพระสงฆ์ฉันเช้าเสร็จแล้ว ในเวลาประมาณ ๐๗.๔๕น. ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ ท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุงพร้อมด้วยคณะสงฆ์ เดินทางจากบ้านสายลมกลับวัดท่าซุง จ.อุทัยธานึ

ขอแจ้งประชาสัมพันธ์กำหนดการงานบ้านสายลมครั้งต่อไป
ตรงกับวันที่ ๓-๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

กำหนดการวันทำบุญวันสงกรานต์ และพิธีสะเดาะเคราะห์ วัดท่าซุง ๒๕๖๒
ระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๔ เมษายน ๒๕๖๒



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันนี้วันพระตรงกับวันพุธกลางคืน(ราหู)* แรม ๑๔ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีจอ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขในธรรม

เครดิต YouTube Mee Paiboon

https://youtu.be/zl5iULxgwrwพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)แก้อารมณ์ฟุ้งซ่าน1/2 วิธีการแก้อารมณ์ฟุ้งซ่าน ให้กำหนดลมหายเข้าออก ควรใช้ค….

ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

ขอเชิญร่วมทำบุญปรับปรุงห้องโถงประดิษฐานซุ้มฉากหลังพระประธาน , แท่นปูนติดกระเบื้องเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมากรสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก 4 ศอก, สร้างห้องพระกรรมฐานและทำพื้นความร้อนในห้องโถง ณ วัดพุทธไทยเนิร์นแบร์ก เมืองเนิร์นแบร์ก ประเทศเยอรมัน ซึ่งมีพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์ (อาจินต์ ธมฺมจิตฺโต) เป็นประธานสงฆ์

.หมายเลขบัญชีธนาคารกรุงไทย
สาขา อุทัยธานี
ชื่อบัญชี พระอาจินต์ ธมฺมจิตฺโต (สร้างบุญ)
หมายเลขบัญชี 619_1_45464_3
(รับโอนเงินเฉพาะกิจ ทำบุญที่วัดพุทธไทยเนอร์นแบร์กเท่านั้น เพื่อสะดวกในการทำบัญชี)









ร่วมปรับปรุงวัดพุทธไทยเนอร์นแบร์ก สาขาวัดท่าซุง ประเทศเยอรมัน

(หลังจากได้ซื้อที่ดินและอาคารโรงงานเก่า เมื่อปีพ.ศ. 2560 มาทำเป็นวัด)

สร้างห้องพระประธานใหม่

เป็นแท่นปูน 2 ชั้น เพื่อประดิษฐานพระพุทธปฏิมากรสมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก 4 ศอก (คุณเยาวลักษณ์ มิตรศรัทธา (คุณขวัญ) เป็นเจ้าภาพสร้างถวาย และทำซุ้มติดผนังเป็นฉากหลังของพระประธาน ประดับด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินและโมเสคกระจกแก้วประกายพรึก

ขอบอกบุญร่วมเป็นเจ้าภาพ ดังนี้

1. พื้นแท่นพระประธานสมเด็จองค์ปฐม , หลวงปู่ , หลวงพ่อ หลายองค์ ประดับด้วยกระเบื้องแกรนิตสีแดงประกายพรึก จำนวน 39 ตารางเมตร ๆ ละ 200ยูโร (คิดเป็นเงินไทย ตารางเมตรละ 7,000 บาท) หรือแผ่นละ 72 ยูโร (คิดเป็นเงินไทย แผ่นละ 2,500 บาท)

2. ในซุ้มหลังพระประธานสมเด็จองค์ปฐม , หลังรูปเหมือนพระวิสุทธิเทพ , หลังรูปเหมือนหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ , หลังรูปเหมือนหลวงปู่ชีวกฯ, หลังรูปเหมือนหลวงปู่ปาน และหลังรูปเหมือนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ประดับด้วยกระเบื้องแกรนิตสีน้ำเงินเข้มประกายพรึก จำนวน 31.5ตารางเมตร ๆ ละ 200 ยูโร (คิดเป็นเงินไทย ตารางเมตรละ7,000 บาท) หรือแผ่นละ 72 ยูโร ( คิดเป็นเงินไทย แผ่นละ2,500 บาท)

3. ผนังหลังพระประธาน ส่วนด้านล่าง ห่างจากพื้น 1.5 เมตร ประดับด้วยโมเสคสีน้ำเงินเข้มสลับลาย จำนวน 13 ตารางเมตร ใช้กระเบื้องโมเสค จำนวน 137 แผง (แผงละ 225 ชิ้นเล็ก) แผงละ 25ยูโร (คิดเป็นเงินไทย 900 บาท)

ส่วนด้านบน ประดับด้วยกระเบื้องโมเสคกระจกแก้วประกายพรึกรอบซุ้มฉากหลังพระประธานฯ และทั่วทั้งผนัง พื้นที่จำนวน 37 ตารางเมตร ใช้กระเบื้องโมเสค จำนวน 556 แผง (แผงละ 225 ชิ้นเล็ก) แผงละ 20ยูโร (คิดเป็นเงินไทย 700 บาท)

4. แท่นพระประธานเทปูนคอนกรีตสองชั้น เพื่อความแข็งแรงทนทาน แทนแท่นไม้ที่เคยทำไว้แต่แรก จำนวน 32 ตารางเมตร ๆ ละ 80 ยูโร (คิดเป็นเงินไทย ตารางเมตรละ 2,800บาท)
สร้างห้องพระกรรมฐาน
การทำบุญแบ่งเป็น

1 สร้างห้องพระกรรมฐาน 4 ห้อง และห้องอื่น ๆ อีก 2 ห้อง มีห้องสำหรับแขวนเสื้อผ้า และห้องโถงทางเข้าวัด แต่ละห้องทำด้วยโครงไม้ ฝาห้องบุฉนวนกันหนาว มีพื้นที่ใช้งานจำนวน 99 ตารางเมตร ค่าวัสดุ และค่าช่าง คิดตารางเมตรละ 575 ยูโร (คิดเป็นเงินไทย ตารางเมตรละ 20,000บาท)

2. สร้างพื้นทำความร้อนใต้พื้น(Bodenheizung) และเทพื้นในห้องพระกรรมฐาน และห้องอื่น ๆ มีพื้นที่ใช้งานจำนวน 99 ตารางเมตร ค่าวัสดุ และค่าช่าง คิดตารางเมตรละ 160 ยูโร (คิดเป็นเงินไทยตารางเมตรละ 5,600 บาท)

3. พื้นห้องปูด้วยกระเบื้อง มีพื้นที่ใช้งานจำนวน 99 ตารางเมตร ค่ากระเบื้อง วัสดุ และค่าช่าง คิดตารางเมตรละ180 ยูโร (คิดเป็นเงินไทย ตารางเมตรละ 6,300บาท)

4. ประตูกระจกติดหน้าห้อง จำนวน 4 บาน ๆ ละ 1,300 ยูโร (คิดเป็นเงินไทย บานละ45,500บาท)

5. ระบบไฟฟ้าในห้องพระกรรมฐาน และห้องอื่น ๆ จำนวนทั้งสิ้น 6 ห้อง ค่าวัสดุ และค่าช่าง คิดห้องละ 3,333 ยูโร (คิดเป็นเงินไทย ห้องละ 116,665บาท)

รายการทั้งหมดนี้ นอกจากสามารถทำบุญตามที่กล่าวมาแล้ว ยังสามารถแยกทำบุญเป็นรายการย่อยได้อีก และสามารถชำระเป็นงวด ๆได้ เพื่อเป็นเจ้าภาพร่วมปรับปรุงวัดด้วยกัน แบ่งเป็น

1. เจ้าภาพชุดเล็ก หมายถึงร่วมทำบุญตามกำลังศรัทธา ร่วมบุญทุกอย่าง เท่าใดก็ได้

2. เจ้าภาพชุดกลาง ชุดละ 109 ยูโร ( คิดเป็นเงินไทย ชุดละ 3,800บาท) (เป็นเจ้าภาพกระเบื้อง+โมเสค ที่ห้องพระประธาน และห้องกรรมฐาน)

3. เจ้าภาพชุดใหญ่ ชุดละ 499 ยูโร (คิดเป็นเงินไทย ชุดละ 17,500บาท) (เป็นเจ้าภาพ กระเบื้อง+โมเสค ที่ห้องพระประธาน , ห้องกรรมฐาน , สร้างพื้นทำความร้อนใต้พื้น(Bodenheizung) , ระบบไฟฟ้าทั้งหมด)

ห้องโถงในวิหารฯ

ร่วมทำบุญสร้างพื้นและทำฝ้าเพดานในห้องโถงซึ่งเป็นวิหารประดิษฐานพระพุทธปฏิมากรสมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก 4 ศอก และเป็นศาลาทำบุญในเทศกาลต่าง ๆ แบ่งเป็น

1. พื้นห้องโถงในวิหาร เป็นพื้นหินแกรนิต มีระบบความร้อนใต้พื้น(Bodenheizung) มีพื้นที่ 345 ตารางเมตร (ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ : ค่าพื้นแกรนิต 50,000 ยูโร + ค่าช่างและอุปกรณ์ 50,000 ยูโร + ระบบทำความร้อนใต้พื้น(Bodenheizung) 50,000 ยูโร) คิดเป็นตารางเมตรละ 500 ยูโร (คิดเป็นเงินไทย ตารางเมตรละ17,500 บาท)

2. ติดฝ้าเพดานของห้องโถงในวิหาร พื้นที่เพดาน 650 ตารางเมตร (คิดโดยประมาณ: ค่าวัสดุและอุปกรณ์ 70,000 ยูโร + ค่าช่าง 15,000 ยูโร) คิดเป็นตารางเมตรละ 130 ยูโร (คิดเป็นเงินไทย4,500 บาท)

3. โคมไฟระย้าใหญ่ บริเวณกลางห้องโถงในวิหารฯ จำนวน 1 โคม ๆ ละ …………ยูโร (ขอไปดูราคาของจริงก่อน) (คุณเยาวลักษณ์ (คุณขวัญ) ขอจองเป็นเจ้าภาพแล้ว แต่จะทำบุญร่วมกับคุณขวัญอีกก็ได้)

4. โคมไฟระย้ากลาง บริเวณทิศทั้ง 4 หรือแนวกลางของห้องโถงในวิหารฯ จำนวน 4 โคม ๆ ละ …………..ยูโร (ขอไปดูราคาของจริงก่อน)

5. โคมไฟระย้าเล็ก ประดับทั่วบริเวณของห้องโถงในวิหารฯ จำนวน 30 โคม (ราคาโดยประมาณที่เคยซื้อ โคมละ 700 ยูโร) (คิดเป็นเงินไทย โคมละ 24,500 บาท)

รายการบุญในห้องโถงนี้ ราคาสูงมาก ที่จริงไม่อยากจะบอกบุญในเวลาปีนี้ เพราะว่า บอกไปหลายรายการแล้ว เกรงว่าจะหนักใจกัน แต่ถ้าไม่บอกเดี๋ยวก็ต้องมีคนมาถามอีกจนได้ โดยเฉพาะเรื่องโคมไฟระย้าจะถามกันบ่อยมาก ก็จึงจำเป็นต้องบอกเสียเลย

สร้างประตูทางเข้าวิหารฯ , ประตูห้องกรรมฐาน และห้องอื่น ๆ

1. ประตูทางเข้าวิหาร ด้านหน้าวัด เป็นประตูกระจก ประตูคู่ จำนวน 2 บาน คู่ละ15,000 ยูโร (คิดเป็นเงินไทย 525,000บาท)

2. ประตูทางเข้าวิหาร ด้านหน้าวัด (ด้านใน) เป็นประตูกระจก ประตูคู่ จำนวน 2 บาน คู่ละ 3,000ยูโร (คิดเป็นเงินไทย 105,000บาท)
3. ประตูทางเข้าวิหาร ด้านหลัง (ประตูหนีไฟ) เป็นประตูคู่ จำนวน 2 บาน คู่ละ 3,000 ยูโร (คิดเป็นเงินไทย 105,000บาท)

รายการบุญที่บอกมานี้ ก็เพื่อให้พี่น้อง , ญาติโยมที่อยู่ในประเทศไทย ได้มีส่วนร่วมงานปรับปรุงวัดด้วยกัน เพื่อเป็นวัดไทย สาขาของวัดท่าซุง ในประเทศเยอรมัน ใครไปใครเห็นวัดท่าซุงแล้วต่างก็ออกปากอุทานอย่างไร ก็อยากให้คนไทยและคนต่างประเทศที่นี่เขาเห็น เขาจะได้อุทานเหมือนเห็นวัดท่าซุงเหมือนกัน

การทำงานครั้งนี้มิใช่มีเจตนาทำเพื่อตัวเอง แต่เพื่อทำถวายเป็นพุทธบูชา บูชาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีองค์สมเด็จองค์ปฐม เป็นประธาน ธรรมบูชา บูชาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า สังฆบูชา บูชาพระอริยสงฆ์ที่สืบ ๆ กันมา มี พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน และท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล เป็นที่สุด

ถ้าหากท่านประสงค์จะร่วมงานปรับปรุงวัดพุทธไทยเนอร์นแบร์กในครั้งนี้ โปรดโอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขา อุทัยธานี ชื่อบัญชี พระอาจินต์ ธมฺมจิตฺโต (สร้างบุญ)
หมายเลขบัญชี 619 -1 – 45464 – 3

ขอความตั้งใจนี้จงส่งผลให้งานปรับปรุงวัดพุทธไทยเนอร์นแบร์กนี้จงสำเร็จ และขอบารมีจากทุกพระองค์ได้โปรดเมตตาประทานพรให้ท่านทั้งหลาย ที่มีส่วนได้ปรับปรุงวัดพุทธไทยเนอร์นแบร์กในครั้งนี้และที่แล้วมา และช่วยกันบริจาคเงินมาทำบุญสร้างวัดอีก 2 วัด 2 เมืองสาขาวัดท่าซุง จงมีความสุข จงมีความเจริญ จงมีความคล่องตัว ปรารถนาสิ่งใดในทางที่ชอบ ขอให้สำเร็จสมปรารถนาด้วยเทอญ

พระครูภาวนาธรรมนิเทศก์ประธานสงฆ์วัดพุทธไทยเนอร์นแบร์ก 4 เมษายน 2562

ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร