ข้อความจากต่างมิติ - อนาคตด้านต่างๆของมนุษย์โลก (โดย Kryon-กรกฎาคม 2015)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 24 สิงหาคม 2015.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความนี้เป็นการกล่าวถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ในอีกหลายสิบปีหรือหลายร้อยหลายพันปีข้างหน้า แล้วแต่กรณี

    ดังนั้น จึงขอให้ท่านโปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลเอาเองนะครับ เพราะว่าผมเป็นแต่เพียงผู้ที่แปลข้อมูลเขามาแบ่งปันให้ท่านได้อ่านด้วยเท่านั้น


    .........................
    #Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
    #เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat)
    #ฝากกระทู้เกี่ยวกับหินด้วยนะครับ http://Alchemistic.2.vu/AlchemisticHere
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2021
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon) เรื่อง: ตัวกรองที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาตัวกรองทั้งหมด (The Biggest Filter of All)

    วันที่: 18 กรกฎาคม 2015; ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    ที่มา:The Biggest Filter of All > Kryon

    a.jpg
    (credit the picture from internet)

    ตอนที่ 1:

    สวัสดีที่รักทั้งหลาย ฉันคือครายออนแห่งหน่วยบริการแม่เหล็ก บางครั้งพวกคุณก็ต้องใช้เวลาซักครู่หรือสองครู่ เพื่อที่จะย้ายเข้ามาอยู่ในส่วนของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ที่จะยินยอมให้เรื่องแบบนี้ (การ channeling) เกิดขึ้นได้ และพวกเราก็ถูกถามบ่อยเหลือเกินว่า

    “ผู้ชายคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้กำลังถ่ายทอดสาส์นจากต่างมิติอยู่จริงๆ หรือว่ากำลังถ่ายทอดความคิดของตัวเองออกมา แล้วเสแสร้งว่ากำลัง channeling อยู่กันแน่?”

    “กระบวนการที่ถูกอ้างว่าคือการ channeling นี้ กำลังเกิดขึ้นอยู่ที่นี่จริงๆหรือเปล่า?” “ประตูสู่มิติของวิญญาณกำลังเปิดอยู่ในชั่วขณะนี้จริงๆหรือเปล่า?”

    ซึ่งคำตอบของคำถามเหล่านี้ก็จะขึ้นอยู่กับพวกคุณแต่ละคน เพราะว่าการรับรู้และความเข้าใจของพวกคุณแต่ละคนไม่เหมือนกัน

    พวกเราเคยพูดถึง “ตัวกรอง” หรือ “filter” ทั้งหลายของมนุษย์ไปแล้ว (อยู่ในข้อความชุด “Human Filters” : The Human Filters > Kryon) และพวกเราก็เคยเปิดเผยเรื่อง “ตัวกรองของบันทึกแห่งฟ้า” ให้พวกคุณรู้ไปแล้วด้วย (อยู่ในข้อความที่ชื่อ “Akashic Filters” : Audio www.kryon.com/cartprodimages/2015 downloads/download_sylvan_15.htmL)

    ซึ่งตัวกรองเหล่านี้แหละที่เป็นตัวขวางกั้นพวกคุณเอาไว้ไม่ให้สามารถยอมรับมิติของวิญญาณได้ หรือก็คือสิ่งที่ขัดขวางพวกคุณเอาไว้ไม่ให้สามารถยอมรับความจริงขั้นพื้นฐานได้ เพียงเพราะว่า ตัวกรองเหล่านี้คือสิ่งที่พวกคุณได้เรียนรู้มาก่อนแล้วเท่านั้นเอง ใช่หรือไม่?

    “ความรู้” (knowledge) ก็เป็นอย่างนี้แหละ และถึงแม้ว่ามันจะเคยช่วยพวกคุณมาแล้วหลายครั้งก็ตาม แต่ก็ไม่เสมอไปหรอก ตัวอย่างเช่น..อีกครั้งหนึ่ง ถ้าพวกคุณกำลังสงสัยอยู่ว่าการสื่อสารในครั้งนี้คือของจริงหรือไม่?

    พวกคุณก็จะต้องใช้วิจารณญาณเอาเอง และก็จะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองซะก่อน ก่อนที่จะกล้าเชื่อถือข้อมูลเหล่านี้ เพราะว่า..มนุษย์โลกที่รักทั้งหลาย พวกคุณมีทางเลือกเสรีอยู่แล้ว ที่จะใช้วิจารณญาณเลือกตัดสินใจว่า ข้อความสื่อสารชุดนี้มีความถูกต้องและเป็นของจริงหรือไม่

    และมันก็กำลังจะกลายเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างมาก ที่พวกคุณจะต้องใช้มันที่นี่ และกับข้อความสื่อสารชุดนี้ด้วย เพราะว่าฉันกำลังจะบอกข้อมูลทางวิทยาศาสตร์อะไรบางอย่าง และเปิดโปงความคิดโง่ๆบางอย่างให้พวกคุณได้รู้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะผลักดันพวกคุณด้วยความเมตตากรุณา ให้ยอมรับอะไรบางอย่างที่กำลังจะมาถึง และบางทีก็อาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดของพวกคุณได้อีกด้วย

    .......................
    #Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
    #เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat)
    #ฝากกระทู้เกี่ยวกับหินด้วยนะครับ http://Alchemistic.2.vu/AlchemisticHere
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2021
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon) เรื่อง: ตัวกรองที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาตัวกรองทั้งหมด (The Biggest Filter of All)

    วันที่: 18 กรกฎาคม 2015; ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    ที่มา:The Biggest Filter of All > Kryon

    a.jpg
    (credit the picture from internet)

    ตอนที่ 2:

    *ตัวกรองที่ใหญ่โตที่สุดที่คอยขัดขวางความจริงเอาไว้ ก็คือความรู้ที่คลาดเคลื่อนของพวกคุณเอง*

    พวกคุณเชื่อหรือไม่ว่า ตัวกรองที่ใหญ่โตที่สุดของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นตัวกรองที่คอยขัดขวางมนุษย์โลกเอาไว้ไม่ให้ได้พบกับความจริงที่จริงแท้ก็คือสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “ความรู้” (knowledge) นั่นเอง

    พวกเรากำลังหมายถึงสิ่งที่มนุษย์โลกกำลังรับรู้และเข้าใจกันอยู่ในตอนนี้ว่ามันคือ “ความรู้” อยู่นะ เพราะว่าสิ่งที่พวกคุณยังไม่รู้ก็คือ “ความรู้ในอนาคต” นั่นเอง

    แล้วคราวนี้หละ..นักวิทยาศาสตร์ทุกๆคนก็จะสามารถเข้าใจถึงความแตกต่างของพวกมันได้ ทุกๆคนเลย เพราะว่าพวกเขารู้ว่าสิ่งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนั้น จะมาสอนพวกเขาในสิ่งที่พวกเขายังไม่รู้ในตอนนี้นั่นเอง นี่แหละคือส่วนหนึ่งของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หละ

    แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พวกเขาก็ยังจะเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่พวกเขารู้ หรือคิดว่าตัวเองรู้อยู่ต่อไปอยู่ แล้วก็ยังจะยินยอมให้มันมาส่งผลกระทบอย่างเต็มที่ต่อการทดลองต่างๆที่เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขายังไม่รู้อยู่อีกต่อไป เพราะว่าพวกเขาจะวางอนาคตไว้บนความรู้หรือความเชื่อเดิมของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีกว่านั้นก็ตาม!

    เช่น แพทย์คนหนึ่งอาจจะย้อนมองอดีต แล้วก็จะจดจำสิ่งที่ตัวเองเคยถูกสั่งสอนมาได้ว่า มีช่วงเวลาหนึ่งที่มนุษย์มักจะไปเยียวยารักษาโรคในร้านตัดผม ซึ่งที่นั่นพวกเขาจะถูกทำให้เลือดออกจริงๆเพื่อเยียวยารักษาโรค

    เพราะฉะนั้น นั่นแหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมแท่งหมุนๆที่อยู่หน้าร้านตัดผมถึงมีแถบสีแดงอยู่ด้วย เพราะว่ามันเป็นธรรมเนียมของช่างตัดผมที่จะต้องทำให้ลูกค้าเลือดออก ดังนั้น ในช่วงเวลานั้น พวกคุณจึงพากันไปรักษาโรคในร้านตัดผมโดยการถูกทำให้เลือดออก!

    ซึ่งแน่นอนว่าวิธีการดังกล่าวนี้ ได้ทำให้เกิดการตายของผู้คนจำนวนมากมาย เพราะว่าพวกเขายังไม่มีความรู้เรื่องเชื้อโรค หรือเรื่องการฆ่าเชื้อ หรือเรื่องที่เป็นความรู้พื้นฐานของคนในยุคปัจจุบันนี้กัน

    แพทย์ทั้งหลายรู้เรื่องนี้กันดี และพวกเขาก็หัวเราะให้กับความก้าวหน้าของพวกคุณทุกๆคน ที่มาไกลมากแล้วจากช่วงเวลานั้น ดังนั้น แพทย์ทั้งหลายจึงรู้อยู่เต็มหัวใจว่าสักวันหนึ่งสิ่งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนั้นจะน่าหัวเราะจริงๆ แต่ว่าสิ่งเหล่านั้นก็ยังจะมีความใกล้เคียงกับสิ่งที่มันควรจะเป็นอย่างสมบูรณ์แบบและอย่างสิ้นเชิงอยู่

    เพราะว่าพวกเขาจะคิดแค่ว่ามันคือความก้าวหน้าของวิทยาการที่พวกเขารู้อยู่แล้วในตอนนี้เท่านั้นเอง และแนวโน้มดังกล่าวนี้ ก็จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภทเหมือนๆกันหมดด้วย ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

    นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์คนหนึ่งที่รักความก้าวหน้าอย่างมากและทุกสิ่งทุกอย่างก็กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วอยู่! ดังนั้นในกรณีนี้เขาจึงคาดหวังว่าสิ่งที่จะมาถึงในอนาคตก็คือสิ่งที่พัฒนาต่อยอดมาจากสิ่งที่เขาเห็นอยู่ในช่วงเวลา 2 – 3 ปีมานี้นั่นเอง

    ดังนั้น เขาจึงพยากรณ์ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยใช้รูปแบบของสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้วมาเป็นโมเดล เช่น การมีชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อเพิ่มความเร็วของการประมวลผล หรือเพิ่มขนาดและความจุของหน่วยความจำ เป็นต้น

    แต่ฉันอยากจะบอกใบ้ให้พวกคุณรู้กันสักหน่อยว่า
    สิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นไปตามโมเดลใดๆที่เขาเคยมีอยู่ในประวัติศาสตร์อันสั้นของเขาเลย

    เพราะว่านับจากนี้ไปอีก 50 ปี มันก็ยังจะมีคอมพิวเตอร์ใช้งานอยู่ แต่ว่าระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย จะแตกต่างไปจากที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้อย่างสิ้นเชิงและอย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว เพราะว่าแทนที่ “ชิปอิเล็กทรอนิกส์” (electronic chips) ของพวกมันจะเปลี่ยนไป พวกคุณก็จะเปลี่ยนให้มันเป็น “ชิปชีวิต” แทน (life chips)

    เพราะว่าในอนาคตข้างหน้านั้น ชิ้นส่วนต่างๆของคอมพิวเตอร์จะต้อง “มีชีวิต” ถึงจะสามารถทำงานได้ ดังนั้น “ชีวคอมพิวเตอร์” (Bio-computor) จึงคือคลื่นลูกใหม่ของคอมพิวเตอร์ในอนาคต และเพราะฉะนั้นแล้ว ความหมายของคำว่า “การติดไวรัส” ของคอมพิวเตอร์ของพวกคุณก็จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง [ผู้ฟังหัวเราะ] มันกำลังจะเกิดขึ้น เพราะว่ามันจะต้องเป็นเช่นนั้น!

    มันจะมีการผนวกรวมกันขึ้นของวงจรไฟฟ้าและชีวิต จนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตทางชีวภาพที่สามารถแพร่พันธุ์หรือเกิดขึ้นทดแทนได้ ซึ่งจะเจริญเติบโตอยู่บนแผ่นชิปแผ่นหนึ่ง ซึ่งก็จะทำให้พลังอำนาจในการประมวลผลข้อมูล และหน่วยความจำของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก และก็จะทำให้สิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “คอมพิวเตอร์” นั้น มีความแตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก

    สิ่งที่พวกคุณขอให้คอมพิวเตอร์ทำในทุกวันนี้ จะถูกหัวเราะเยาะ เมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกคุณจะขอให้มันทำในอีก 50 ปีข้างหน้าโน้น และในอนาคตข้างหน้าพวกคุณก็อาจจะตั้งชื่อให้กับคอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำไป เหมือนอย่างที่พวกคุณตั้งชื่อให้กับสัตว์เลี้ยงในตอนนี้นั่นแหละ!

    นอกจากนี้แล้วพวกคุณก็ยังจะต้อง “ให้อาหาร” มันอีกด้วย!
    แต่ว่าคอมพิวเตอร์ก็ยังจะมีอยู่ต่อไป

    พวกคุณไม่รู้ในสิ่งที่ตัวเองยังไม่รู้ เพราะฉะนั้นแล้ว มันจึงเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะยึดถือในสิ่งที่ตัวเองรู้อยู่ในตอนนี้ แล้วคาดเดาเอาเองถึงสิ่งที่คิดว่าน่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

    ฉันกำลังจะพูดถึง 5 เรื่องด้วยกัน และในกระบวนการสื่อสารในครั้งนี้ ฉันจะเปิดเผยข้อมูลใหม่ๆ และศักยภาพแห่งความเป็นไปได้ใหม่ๆบางอย่างให้พวกคุณได้รู้ แม้แต่ข้อมูลที่เป็นความรู้ด้านอภิปรัชญา (metaphysic) ก็ด้วย

    ................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2021
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon) เรื่อง: ตัวกรองที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาตัวกรองทั้งหมด (The Biggest Filter of All)

    วันที่: 18 กรกฎาคม 2015; ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    ที่มา:The Biggest Filter of All > Kryon


    ตอนที่ 3:

    *ด้านฟิสิกส์ – พวกคุณเอาแต่ยึดติดอยู่กับสิ่งที่ตัวเองรู้อยู่แล้วเท่านั้น*

    นักฟิสิกส์ก็เป็นหนึ่งในบรรดานักวิทยาศาสตร์ประเภทที่คาดหวังการเปลี่ยนแปลงจากการค้นพบด้วยเหมือนกัน และก็เป็นผู้ที่รู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองไม่รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีการทำงานอย่างไรด้วย มันเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับความเป็นนักฟิสิกส์

    แต่ว่าความผิดพลาดที่พวกเขาทำขึ้นด้วยความมีอคติของพวกเขานั้น ก็เป็นความผิดพลาดชนิดเดียวกันกับความผิดพลาดของนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์นั่นแหละ คือความจริงของพวกเขาจะมาจากฟิสิกส์ 3 มิติล้วนๆที่พวกเขารู้กันอยู่แล้ว แล้วจากนั้นพวกเขาก็จะนำเอาความจริงที่ว่านั้นไปใช้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขายังไม่รู้ด้วย

    ฉันขอยกตัวอย่างผลงานการค้นพบและการเปิดเผยของนักดาราศาสตร์ที่ชื่อว่า Vera Rubin สักหน่อย ในตอนที่เธอค้นพบว่าดวงดาวต่างๆที่โคจรไปรอบๆศูนย์กลางของกาแล็กซี่นั้น ไม่ได้แสดงพฤติกรรมว่ากำลังเป็นไปตามกฎแห่งแรงดึงดูดของ Newton หรือกฎแห่งการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ของ Kepler เลย ซึ่งการค้นพบในครั้งนี้ถือว่าเป็นการค้นพบครั้งสำคัญครั้งหนึ่งเลยทีเดียว

    ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะของพวกคุณ
    จะโคจรไปรอบๆดวงอาทิตย์ตามกฎ 3 มิติแห่งการเคลื่อนที่ ที่สามารถคำนวณได้ค่อนข้างแม่นยำ โดยที่..วัตถุที่อยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มากกว่าจะเคลื่อนที่ช้ากว่าวัตถุที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากกว่า

    แต่ว่า..จากการค้นพบของเธอกลับพบว่า
    ดวงดาวทั้งหลายที่โคจรไปรอบๆกาแล็กซี่จะมีพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามกันกับการโคจรของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะอย่างสิ้นเชิง! คือดวงดาวที่อยู่ห่างไกลจากจุดศูนย์กลางของกาแล็กซี่มากกว่าจะโคจรด้วยความเร็วที่สูงกว่า!

    สิ่งที่เธอได้ค้นพบก็คือดวงดาวทุกๆดวงจะเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วเดียวกันทั้งหมด เมื่อเทียบกับความเร็วของจุดศูนย์กลางของกาแล็กซี่ ราวกับว่าพวกมันถูกแปะติดเอาไว้บนกระดานแผ่นเดียวกันอย่างงั้นแหละ ดังนั้นพวกมันทั้งหมด
    จึงโคจรไปรอบๆจุดศูนย์กลางของกาแล็กซี่พร้อมๆกันหมด พวกมันไม่ได้ทำตามกฎฟิสิกส์ข้อไหนๆที่พวกคุณรู้จักเลย

    ดังนั้น สิ่งที่นักฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ทั้งหลายทำกันกับข้อมูลสำคัญใหม่นี้ก็คือ แทนที่พวกเขาจะมองเห็นกระบวนทัศน์ใหม่เอี่ยมอันนี้ของมัน พวกเขากลับพยายามที่จะใช้กฎเก่าๆของนิวตั้นมาใช้คำนวณ เพื่อที่จะค้นหาสิ่งที่ควรจะต้องมีอยู่ที่นั่นให้ได้ เพื่อที่จะหาคำอธิบายในเรื่องนี้

    และแล้วพวกเขาก็ลงเอยกันที่ “สสารมืด!” (dark matter) เพราะว่าพวกเขาคิดกันว่ามันจะต้องมีสสารลึกลับที่มองไม่เห็น ที่ทำให้เกิดการเคลื่อนที่แบบนิวโตเนี่ยนที่แปลกประหลาดและใหญ่โตมโหฬารนี้อยู่อย่างแน่นอน

    ดังนั้น แทนที่พวกเขาจะมองดูมันแล้วพูดว่า “ตรงนี้มันมีกฎทางฟิสิกส์อันใหม่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ซึ่งพวกเรายังไม่รู้จัก” พวกเขากลับพยายามที่จะจับมันไปใส่ในกฎของนิวตั้นเหมือนเดิม แล้วตั้งชื่อให้กับมันใหม่ว่า “ฟิสิกส์แบบนิวโตเนี่ยนผันแปร” (Altered Newtonian Physics) ตลกดีไหม๊หละ!

    เพราะว่ามันก็จะเหมือนกับการที่พวกคุณค้นพบว่าโลกไม่ได้แบน แต่มีลักษณะเป็นทรงกลม แต่พวกคุณกลับไปตั้งชื่อให้มันใหม่ว่า “กฎแห่งโลกแบนผันแปร” นั่นแหละ!

    แต่ถึงแม้ว่าชื่อของนิวตั้นจะยังถูกนำมาผูกติดไว้กับกระบวนทัศน์ใหม่นี้อยู่ก็ตาม แต่กฎแบบ 3 มิติทั้งหลายของเขาก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งที่ Ruben ค้นพบนี้เลย เพราะว่า “สสารมืด” มันไม่มีอยู่จริง! มันเป็นแต่เพียงค่าของพลังงานที่ถูกนำมาเติมเต็มเพื่อให้เป็นไปตามกฎเก่าข้อนี้ ที่ไม่สามารถนำมาใช้อธิบายพฤติกรรมดังกล่าวนี้ได้เท่านั้นเอง

    เพราะว่าความจริงแล้วมันมีกฎใหม่ทางฟิสิกส์อยู่ข้อหนึ่ง ที่พวกคุณยังมองไม่เห็น เพราะว่ามันเป็นกฎหลากมิติที่จะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องของ “การพัวพันดัดแปลง” (modified entanglement) ด้วย

    การพัวพันดัดแปลง หรือ modified entanglement นี้
    เกิดขึ้นได้เพราะสิ่งที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางของกาแล็กซี่ เพราะว่าคู่ของพลังงานปริมาณมหาศาลที่ทำหน้าที่ทั้งผลักและดันที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางของแต่ละกาแล็กซี่นั้น ไม่ได้มีความเรียบง่ายเหมือนอย่างที่ดวงอาทิตย์ของพวกคุณทำกับระบบสุริยะของพวกคุณหรอกนะ

    และมันก็ไม่ได้เป็นไปตามกฎของ Kepler ด้วย เพราะว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของ “มวล” ที่โคจรไปรอบจุดศูนย์กลางตามธรรมชาติเท่านั้น แม้ว่าพวกคุณจะเข้าใจไปว่ามันเป็นเช่นนั้นก็ตาม เพราะว่ามันดูคล้ายคลึงกันมาก เพราะว่ากาแล็กซี่ก็มีดวงดาวต่างๆโคจรไปรอบๆจุดศูนย์กลางของมันเหมือนกัน

    แต่สักวันหนึ่งเมื่อพวกคุณรู้ความจริงแล้ว พวกคุณก็จะเขกหัวตัวเอง ที่ได้ทำแบบนี้ไปกับการค้นพบของ Ruben ในครั้งนี้ แล้วพวกคุณก็จะเปลี่ยนแปลงกฎต่างๆทางฟิสิกส์ไป

    คราวนี้ ก็มาถึงเรื่องลี้ลับทางดาราศาสตร์กันบ้างหละ : ลองมองดูสิ่งที่พวกคุณทำกับแนวความคิดที่ว่าพวกคุณมีเชื้อสายมาจากชาวกลุ่มดาวลูกไก่ดูสิ เพราะว่าตอนนี้กำลังมีนักวิทยาศาสตร์หลายคนหัวเราะเยาะเรื่องนี้อยู่

    เพราะว่าพวกเขาจะพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า ตำนานที่ว่าชาวกลุ่มดาวลูกไก่ คือผู้ที่มาบ่มเพราะเมล็ดพันธุ์ให้กับร่างกายเนื้อของพวกคุณนั้น ไม่สามารถเป็นไปได้แน่ๆ และที่มันเป็นไปไม่ได้ก็เพราะว่า พวกเขารู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ด้านดาราศาสตร์ดี และพวกเขาก็รู้เรื่องราวของกลุ่มดาวลูกไก่อีกด้วย

    ..................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2021
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon) เรื่อง: ตัวกรองที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาตัวกรองทั้งหมด (The Biggest Filter of All)

    วันที่: 18 กรกฎาคม 2015; ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    ที่มา:The Biggest Filter of All > Kryon

    a.jpg
    (credit the picture from internet)

    ตอนที่ 4:

    *ตำนานและสายสัมพันธุ์กับกลุ่มดาวลูกไก่*

    เรามาพูดถึงกลุ่มดาวลูกไก่ หรือ “กลุ่มดาว 7 พี่น้อง” กันบ้างดีกว่า เราจะมาพูดถึงข้อเท็จจริงของมันกัน แล้วจากนั้นเราค่อยมาอภิปรายกันว่าสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์บอกว่าคือตำนานของมันนั้นคืออะไร และที่พวกเราจะบอกข้อมูลที่พวกคุณยังไม่เข้าใจและยังมองไม่เห็นนี้แก่พวกคุณ ก็เพราะว่าพวกคุณมีความรู้เรื่องนี้อยู่แล้วนั่นเอง

    พวกคุณเรียกกลุ่มดาวนี้ว่า “กลุ่มดาว 7 พี่น้อง” หรือ M45 ซึ่งความจริงทางกายภาพก็คือว่า มันมีดวงดาวอยู่ภายในกลุ่มดาวลูกไก่นี้จำนวนหลายร้อยดวงเลยทีเดียว และที่กำลังโคจรอยู่รอบๆดวงดาวเหล่านี้ก็คือเนบูล่า (กลุ่มของอนุภาคของฝุ่นและแก็ส) อันหนึ่ง ซึ่งเนบูล่านี้แหละที่ทำให้เกิดหมอกสีฟ้าสว่างไสวและสวยงามที่พวกคุณมองเห็นกันบนท้องฟ้าในคืนฟ้ากระจ่างหละ

    แต่เพราะสภาพบรรยากาศและระยะทางที่ไกลแสนไกล จึงทำให้ตาเปล่าของพวกคุณสามารถมองเห็นได้เฉพาะสิ่งที่เหมือนกับว่าเป็นดวงดาวเจ็ดดวง (หรือกลุ่มของดวงดาว 7 ดวง) เท่านั้น ดังนั้น พวกคุณจึงตั้งชื่อให้กับมันว่ากลุ่มดาว 7 พี่น้องยังไงหละ

    แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกคุณใช้กล้องโทรทัศน์ส่องดูหละก็ พวกคุณก็จะเห็นว่ามันมีดวงดาวอยู่ทั้งหมด 9 ดวง ซึ่งดวงดาวแต่ละดวงก็จะมีชื่อเรียกของมันอยู่ แต่อีกครั้งหนึ่ง..ในความเป็นจริงแล้วมันมีดวงดาวอยู่ทั้งหมดหลายร้อยดวง

    กลุ่มดาว 7 พี่น้องนี้อยู่ห่างจากพวกคุณประมาณ 440 ปีแสง ซึ่งตามมุมมองของดาราศาสตร์แล้ว นับว่าเป็นระยะทางที่ใกล้มากๆ! เอาหละคราวนี้..ต่อไปนี้คือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณพูดผิดเกี่ยวกับตำนานของพวกคุณเกี่ยวกับชาวกลุ่มดาวลูกไก่หละ

    พวกเขาพูดว่ากลุ่มดาวลูกไก่เป็นกลุ่มดาวที่ยังมีอายุน้อยมากๆ และระบบดาวลูกไก่ทั้งระบบก็มีอายุน้อยเกินกว่าที่จะมีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาได้ เพราะว่ามันมีอายุเพียงแค่ประมาณ 100 ล้านปีเท่านั้นเอง ซึ่งนับว่ายังเป็นเด็กทารกอยู่เลย!

    แต่กาแล็กซี่นี้มีอายุประมาณ 4000 ล้านปี (ตามการคำนวณของนักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณ) และดาวเคราะห์โลกของพวกคุณก็มีอายุไม่น้อยกว่า 1000 ล้านปีแล้ว ดังนั้น จะเห็นได้ว่ากลุ่มดาวลูกไก่มีอายุเพียงเศษเสี้ยวเดียวของอายุของสิ่งเหล่านี้เท่านั้นเอง คือแค่ 100 ล้านปีเท่านั้นเอง

    ดังนั้น ต่อไปนี้คือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณพูดกัน ว่า..ตำนานที่คนโบราณส่วนใหญ่ทั่วทุกมุมโลกเล่าขานกันมาว่าชาวกลุ่มดาวลูกไก่เป็นบรรพบุรุษของพวกเขานั้น มันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่ามันไม่สอดคล้องกับอายุของดวงดาว

    แต่ว่าสมมุติฐานและตรรกะทั้งหลายก็มักจะถูกใช้ไปในแนวทางนี้แหละ คือ ถ้าพวกคุณเห็นอะไรก็ตามที่เคยเกิดขึ้นบนโลกแล้ว พวกคุณก็จะคิดว่ามันจะต้องเกิดขึ้นกับที่อื่นๆในกาแล็กซี่ด้วย ซึ่งไม่ถูกต้อง และค่อนข้างจะน่าขันด้วย! เพราะว่าพวกคุณจะมีอคติอยู่ว่าชีวิตจะต้องวิวัฒน์ไปในแบบที่พวกคุณรู้จักเท่านั้น เหมือนอย่างที่มันกำลังเกิดขึ้นที่นี่ บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้

    ซึ่งการคิดแบบนี้นอกจากจะไม่ถูกต้องตามหลักความเป็นจริงแล้ว มันยังจะเป็นการตัดโอกาสแห่งความเป็นไปได้ที่ว่า บางทีชาวกลุ่มดาวลูกไก่ที่พวกคุณคิดว่ามีอยู่จริงนั้น อาจจะ..แค่อาจจะนะ ถูกปลูกฝังลงไปที่นั่นก็ได้! (คือถูกนำมาไว้ที่กลุ่มดาวลูกไก่นี้ภายหลังจากที่ได้วิวัฒน์มาไกลระดับหนึ่งแล้วจากดาวเคราะห์ดวงอื่นๆอะไรประมาณนั้น – ผู้แปล) ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วมันจะเป็นยังไง? บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้วิวัฒน์ขึ้นมาจากที่นั่นเลยก็ได้!

    ดังนั้น การมองข้ามความเป็นไปได้ใดๆอย่างสิ้นเชิง
    เพียงเพราะว่าความรู้ที่พวกคุณมีอยู่ในขณะนี้เท่านั้น อาจจะส่งผลให้พวกคุณได้ข้อสรุปที่ไม่สมเหตุสมผลมาก็ได้ เพราะว่ามันจะทำให้มีคำถามตามมาว่า

    “แล้วทำไมชาวกลุ่มดาวลูกไก่เหล่านั้น ถึงมีวิวัฒนาการที่ล้ำหน้าได้รวดเร็วขนาดนั้นได้หละ?”

    ที่กล่าวมานี้เป็นแค่เพียงประกายเล็กๆของความเป็นไปได้เท่านั้นนะ ที่ฉันโยนให้พวกคุณในเย็นวันนี้ เพื่อให้พวกคุณเก็บเอาไปคิดกัน ชาวกลุ่มดาวลูกไก่ที่กำลังอยู่ที่นี่ กำลังอมยิ้มอยู่ เพราะว่าพวกเขาก็รู้จักพวกคุณดีเหลือเกิน

    พวกคุณอาจจะเหมือนเป็นเด็กใหม่ก็ว่าได้ เพราะว่าชีวิตเพิ่งวิวัฒน์ขึ้นบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้เมื่อไม่นานมานี้เอง แต่ว่าสำหรับชาวกลุ่มดาวลูกไก่แล้วพวกเขามีรูปแบบชีวิตที่แตกต่างไปจากพวกคุณมาก แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย เพราะว่าก่อนที่จะกลายมาเป็นดาวเคราะห์ที่เลื่อนระดับขึ้นไปแล้วได้แบบนี้ พวกเขาก็จำเป็นจะต้องอาศัยแรงผลักดันจากดาวเคราะห์ประเภทอื่นๆบางประเภทด้วย และพวกเขาก็มีบรรพบุรุษทางชีวภาพของพวกเขาเองด้วย!

    ที่รักทั้งหลาย มันถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะต้องหันมาเริ่มต้นคิดออกนอกกรอบความรู้ของตัวเองเสียที แล้วเปิดหัวใจออกไปสู่ความเป็นไปได้ทั้งหลายที่พวกคุณยังไม่เคยได้พบเห็น ณ.ที่แห่งนี้มาก่อน

    ................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2021
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon) เรื่อง: ตัวกรองที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาตัวกรองทั้งหมด (The Biggest Filter of All)

    วันที่: 18 กรกฎาคม 2015; ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    ที่มา:The Biggest Filter of All > Kryon

    a.jpg
    (credit the picture from internet)

    ตอนที่ 5:

    *การแพทย์..อนาคตจะไปทางไหน?*

    ฉันอยากจะนำเสนอข้อมูลด้านอื่นๆให้พวกคุณนำเอาไปพิจารณาบ้าง มันมีอยู่หลายเรื่องด้วยกันที่พวกเราจะพูดถึงในวันนี้ แต่ว่าพวกเราจะไม่เรียงลำดับตามหลักการใดๆทั้งสิ้น ยกเว้นเรื่องสุดท้ายเท่านั้น ดังนั้น เราจะมาเริ่มกันที่เรื่องทางการแพทย์ก่อน อนาคตของวงการแพทย์ของพวกคุณจะเป็นอย่างไร?

    แต่ว่า..แม้แต่คำพยากรณ์ที่เลิศเลอมากที่สุดเกี่ยวกับอนาคตของวงการแพทย์ของพวกคุณก็ยังจะด้อยกว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงๆเลย

    สิ่งที่พวกคุณมีกันอยู่ในทุกวันนี้ ก็คือเทคโนโลยีชั้นสูงทางด้านการใช้สารเคมี แต่เพราะว่าร่างกายเนื้อของพวกคุณประกอบขึ้นมาจากสารเคมี ดังนั้น มันจึงเป็นการสมเหตุสมผลดีอยู่ที่พวกคุณจะมองดูที่สารเคมีเหล่านั้นแล้วหาทางจัดการกับมัน

    มันเป็นการสมเหตุสมผลอย่างแท้จริง ที่พวกคุณจะค้นหาว่าสารเคมีเหล่านั้นมันมีปฏิกิริยาต่อโรคภัยไข้เจ็บอย่างไร แล้วจากนั้นก็ออกแบบวิธีการเยียวยารักษามันด้วยวิธีการทางเคมีเหมือนกัน

    มันเป็นเรื่องปกติที่สุดที่พวกคุณจะทำในสิ่งที่พวกคุณได้ทำกันไปแล้วนั้น
    แต่ว่ามันก็กำลังจะถึงจุดสิ้นสุดในเร็วๆนี้แหละ เพราะว่าอนาคตของวงการแพทย์ขอพวกคุณนั้นคือ “วิธีการทางฟิสิกส์” ที่รักทั้งหลาย ไม่ใช่วิธีการทางเคมี

    (หมายเหตุ: วิธีการทางฟิสิกส์ที่ว่านี้ก็เช่น การใช้คลื่นเสียง, คลื่นแสง, สี,
    พลังแม่เหล็ก, สนามแม่เหล็ก, ไฟฟ้า, คลื่นความถี่ต่างๆ, พลังงานของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ และอื่นๆ เป็นต้น – ผู้แปล)

    ตอนนี้พวกคุณกำลังจะเริ่มเข้าใจ และก็กำลังจะเริ่มพัฒนาวิธีการบำบัดรักษาแบบใหม่ๆด้วยวิธีการทางฟิสิกส์ขึ้นมาได้แล้ว และพวกคุณก็กำลังจะค้นพบว่า “ฟิสิกส์การแพทย์” (medi-physics) จะสามารถ “พูดคุย” กับเซลในร่างกายเนื้อของพวกคุณได้จริงๆ และก็กำลังจะสามารถสั่งการให้เซลเหล่านั้นทำในสิ่งที่พวกคุณต้องการได้จริงๆโดยไม่จำเป็นจะต้องอาศัยสารเคมีใดๆทั้งสิ้น

    ปกติแล้วสารเคมีก็มักจะเกิดปฏิกิริยาอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นเสมอ ใช่ไหม๊หละ? ดังนั้น มันจึงมักจะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นตามมาด้วยเสมอ เพราะว่าเมื่อพวกคุณพยายามที่จะทำอะไรซักอย่างแล้ว ปฏิกิริยาอย่างอื่นกลับเกิดขึ้นมาแทน ใช่หรือไม่? แล้วแบบนี้พวกคุณยังจะพากันชื่นชอบมันอยู่อีกหรือ?

    วิธีการบำบัดรักษาโดยใช้วิธีการทางเคมีที่ดีเลิศที่สุดของพวกคุณ ที่สามารถช่วยบำบัดรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยที่ร้ายแรงมากที่สุดบนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณได้ในขณะนี้ล้วนมีผลข้างเคียงด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งผลข้างเคียงที่ว่านี้ของบางวิธีการก็คือ “ตาย!” เพราะฉะนั้นแล้ว ฉันจึงถามพวกคุณยังไงหละว่า พวกคุณพากันชื่นชอบมันอยู่ได้อย่างไร?

    พวกคุณเห็นว่ามันดีเลิศแล้วจริงๆเหรอ? หรือว่ามันเป็นแค่วิธีการที่ทำให้เลือดออกวิธีการหนึ่ง แต่มีความประณีตมากกว่าเท่านั้นเอง เหมือนอย่างที่เคยทำกันในร้านตัดผม? ที่รักทั้งหลาย นั่นแหละคือแบบที่พวกคุณจะมองดูมันในสักวันหนึ่งหละ! ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นแล้ว พวกคุณก็จะตบหัวตัวเองแล้วพูดว่า “ยังจำวันเวลาที่พวกเราจัดการกับทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสารเคมีและยาได้ไหม๊?”

    ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงในทำนองนี้ได้เริ่มต้นเกิดขึ้นแล้วในหลายๆด้าน แถมยังกำลังมีการค้นพบใหม่ๆเกิดขึ้นเรื่อยๆอยู่อีกด้วย ซึ่งการค้นพบเหล่านี้แหละที่กำลังช่วยบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่ร้ายแรงที่สุดของพวกคุณอยู่

    ฉันจะเปิดเผยให้พวกคุณรู้กันสักเรื่องหนึ่งก็แล้วกัน เพราะว่ามันไม่ใช่ความลับอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าปกติแล้วฉันจะเปิดเผยเฉพาะข้อมูลที่มีชาวโลกคนใดคนหนึ่งกำลังพยายามทำอยู่แล้ว หรือข้อมูลที่ถูกตั้งสมมุติฐานขึ้นมาแล้วเท่านั้น เพื่อไม่ให้ขัดกับกฎแห่งทางเลือกเสรีของดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ ซึ่งนั่นแหละคือแนวทางของการ channeling หละ

    เพราะว่าพวกเราไม่สามารถที่จะเฉลยอะไรให้พวกคุณรู้ตามอำเภอใจได้ เพราะว่าพวกคุณจะต้องเป็นผู้ที่พัฒนามันขึ้นมาเอง

    แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราก็สามารถที่จะนำพาพวกคุณ ให้ไปอยู่ในพลังงานที่มีศักยภาพแห่งความเป็นไปได้ของการค้นพบที่เร็วขึ้นกว่าเดิมได้ จนอาจจะพูดได้ว่า การค้นพบดังกล่าวนั้นจะมีโอกาสเกิดขึ้นจริงมากขึ้นกว่าเดิมก็ได้

    โรคความจำเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ นับว่าเป็นโรคที่น่าเศร้าใจโรคหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้มีชาวโลกจำนวนหลายล้านคนที่กำลังป่วยเป็นโรคนี้อยู่ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    เพราะเมื่อพวกคุณมีอายุมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว มันก็จะมีวัตถุที่มีลักษณะคล้ายๆกับคราบหรือแผ่นบางๆแผ่นหนึ่ง ก่อตัวสะสมมากขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วย ซึ่งเจ้าวัตถุที่ว่านี้มันสามารถที่จะไปทำให้ความทรงจำในสมองของพวกคุณเกิดความยุ่งเหยิงหรือมืดบอดลงได้ มันจะไปเกาะติดอยู่กับส่วนต่างๆของสมองของพวกคุณ และไปทำให้สมองส่วนนั้นของพวกคุณมีเปลือกหุ้ม และถูกจำกัดขอบเขตเอาไว้ จนเป็นสาเหตุให้ความสามารถในการจดจำของมนุษย์ผู้นั้น และตลอดจนกระบวนการประมวลผลข้อมูลทั้งกระบวนการถูกกักขังเอาไว้ในท้ายที่สุด

    และผลลัพธ์ของมันก็คือการตาย ซึ่งเป็นการตายอย่างช้าๆ
    มันมีสาเหตุมาจากสิ่งแวดล้อมของพวกคุณนั่นแหละ นี่คือข้อเท็จจริงที่จะถูกค้นพบในท้ายที่สุด จะสังเกตได้ว่าบรรพบุรุษของพวกคุณผู้ที่มีอายุยืนยาว ไม่เคยมีใครมีปัญหานี้เลย

    แต่มันกำลังจะถูกเยียวยารักษาด้วย “วิธีการทางฟิสิกส์”
    เพราะว่าตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณเริ่มที่จะค้นพบแล้วว่าเจ้าสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกับคราบ
    หรือแผ่นบางๆที่ว่านั้น (plaque-like substance) มันสามารถที่จะถูกทำให้อ่อนแอลงได้ด้วยคลื่นความถี่ของ “เสียง” ค่าหนึ่ง

    ดังนั้น ด้วยการใช้ “คลื่นเสียงความถี่สูง” ที่ถูกปรับจูนให้มีค่าความถี่ที่ถูกต้องค่าหนึ่ง และมีค่าความสูงของคลื่น (amplitude) ที่ถูกต้องค่าหนึ่งแล้ว ก็จะสามารถทำให้เจ้าแผ่นบางๆแผ่นนั้นมันอ่อนแอลง แล้วค่อยๆสลายตัวไป แล้วก็หลุดออกมาได้ในที่สุด

    แต่ว่ามันก็ยังจะมีงานวิจัยอีกมากมายที่พวกคุณยังจะต้องทำกันอยู่ต่อไป แต่ว่ามันก็จะมีสักวันหนึ่งที่พวกคุณจะร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจว่า “ฉันเจอมันแล้ว!” แล้วเมื่อนั้นพวกคุณก็จะได้ประจักษ์ว่าแค่ใช้วิธีการทางฟิสิกส์เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีการใช้สารเคมีใดๆเลย ก็สามารถที่จะทำให้โครงสร้างภายในร่างกายเนื้อของพวกคุณเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้แล้ว มิหนำซ้ำมันยังจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆทั้งสิ้นอีกด้วย... มันกำลังจะมาถึงแล้ว มันกำลังจะมาถึงแล้ว!

    มีชาวโลกบางคนที่ตอนนี้กำลังทำการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับสเต็มเซลของสายสะดือสดอยู่ พวกเขากำลังใช้วิธีการทางฟิสิกส์ล้วนๆเพื่อชี้นำให้สเต็มเซลเหล่านั้นเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางในร่างกายที่เฉพาะเจาะจงบางจุดอยู่ เพื่อที่จะไปซ่อมแซมระบบที่ล้มเหลวเหล่านั้น

    ที่รักทั้งหลาย อนาคตของเรื่องสุขภาพและการบำบัดรักษาของพวกคุณ
    ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการทางเคมีที่ดีกว่าเดิมอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าวงการแพทย์ของพวกคุณยังคงตั้งตารอคอยตัวยาที่ดีขึ้นกว่าเดิมอยู่ก็ตาม!

    พวกคุณสามารถเชื่อมต่อจุดเหล่านี้เข้าด้วยกันได้ไหม และพวกคุณรู้ไหมว่าร่างกายเนื้อของพวกคุณมีฟิสิกส์เป็นรากฐานอยู่? เพราะว่าภายในเซลร่างกายของพวกคุณนั้น มันจะมีพลังงานแม่เหล็ก, กำลังงัด (leverage), พลังงานของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้, กระแสไฟฟ้า และพลังงานรูปแบบอื่นๆอยู่มากมาย

    ดังนั้น เพียงแค่ใช้วิธีการทางฟิสิกส์เพียงอย่างเดียว พวกคุณก็สามารถที่จะ “จูนเข้าหา” โรคภัยไข้เจ็บนั้นๆแล้วทำลายมันไปได้แล้ว! และพวกคุณก็ยังสามารถที่จะ “ปรับจูนขั้นละเอียด” (fine-tune) ให้กับระบบร่างกายของตัวเองได้ด้วย โดยใช้คลื่นความสั่นสะเทือนที่ส่งเสริมกัน เพื่อทำให้ตัวเองมีอายุยืนยาวมากขึ้น โดยอาศัยความช่วยเหลือจากฟิสิกส์เพื่อกุศลเจตนา

    เมื่อ 16 ปีที่แล้ว พวกเราเคยบอกเรื่องนี้กับพวกคุณไปแล้ว ในตอนที่ฉันพูดเรื่อง “วิหารแห่งการกลับคืนสู่ความเป็นหนุ่มเป็นสาว” (the Temple of Rejuvenation) ฉันเคยอธิบายไปแล้วว่ามันจำเป็นจะต้องใช้วิธีการทำให้เย็นแบบยิ่งยวดด้วย (super-cooling) มันถึงจะทำได้ ดังนั้นอุณหภูมิที่จำเป็นจะต้องใช้เพื่อทำมันก็คือ -55 ๐C และนี่ก็เป็นวิธีการทางฟิสิกส์ด้วยเช่นเดียวกัน!

    คราวนี้..ความคาดหวังผิดๆว่า ในอนาคตพวกคุณจะสามารถค้นพบวิธีการทางเคมีที่ดีกว่าเดิมได้นั้น ล้วนเป็นผลมาจาก “ตัวกรองด้านความรู้” ของพวกคุณเองทั้งสิ้น เพราะว่าสิ่งที่พวกคุณมีอยู่และรู้อยู่ในตอนนี้นั้น เป็นสาเหตุให้พวกคุณเกิดความคาดหวังถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น (ว่ามันจะต้องเป็นไปในทำนองเดิมๆแน่ๆ – ผู้แปล) แต่ว่าตัวกรองอันนี้แหละที่คอยขัดขวางพวกคุณเอาไว้ ไม่ให้สามารถมองเห็นศักยภาพแห่งความเป็นไปได้ที่พวกคุณอาจจะสามารถมีได้ได้

    ......................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2021
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon) เรื่อง: ตัวกรองที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาตัวกรองทั้งหมด (The Biggest Filter of All)

    วันที่: 18 กรกฎาคม 2015; ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    ที่มา:The Biggest Filter of All > Kryon

    a.jpg
    (credit the picture from internet)

    ตอนที่ 6:

    *สงคราม – ไม่มีใครมองเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น*

    เรามาพูดถึงเรื่องสงครามกันบ้างดีกว่า เราจะมาพูดถึงอะไรบางอย่างที่มีน้อยคนนักที่จะนึกถึงมัน เพราะว่าสิ่งที่พวกคุณคาดหมายกันเอาไว้นั้นไม่ได้อยู่ในขอบข่ายของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงๆเลยแม้แต่น้อยและโดยสิ้นเชิง เพราะว่าพวกคุณมีความรู้เกี่ยวกับสงครามอยู่แค่เพียงด้านเดียวเท่านั้น

    การสงครามของพวกคุณนับวันก็ยิ่งพัฒนาก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้สามารถทำให้เกิดการระเบิดที่ใหญ่โตมากขึ้น, มีประสิทธิภาพมากขึ้น และอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหลายก็สามารถยิงด้วยความเร็วที่สูงขึ้นด้วย ทั้งอาวุธนิวเคลียร์, เลเซอร์, เสียง ล้วนแต่มีศักยภาพเกินกว่าที่จะสามารถทำลายล้างชีวิตได้ด้วยกันทั้งสิ้น นั่นแหละคือวิถีทางที่การสงครามของพวกคุณวิวัฒน์ไปหละ

    แต่ว่าพวกคุณยังไม่เคยมีสิ่งที่เรียกว่า
    “เครื่องต้านสงคราม” (anti-war devices) กันจริงๆเลย ใช่ไหม๊? ฉันกำลังจะมอบบัตรเชิญให้พวกคุณ เพื่อให้พวกคุณไปเริ่มต้นค้นหามันดู ซึ่งพวกคุณบางคนก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการตั้งสมมุติฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

    สนามพลังงานหลากมิติ
    สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงความเป็นไปในโลกแห่งความเป็นจริง 3 มิติได้โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น

    ฉันเคยบอกพวกคุณไปแล้วว่าสิ่งที่ซุ่มซ่อนอยู่ในอนาคตของพวกคุณ ก็คือการค้นพบต่างๆที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกๆแง่มุมของชีวิตของพวกคุณเอง ซึ่งการค้นพบที่ว่านี้ส่วนใหญ่แล้วก็จะหมายถึงการค้นพบเกี่ยวกับ “สิ่งที่จะทำให้ฟิสิกส์พื้นฐาน กระทำในสิ่งที่มันกำลังกระทำอยู่ในขณะนี้ ในระดับอะตอม”

    ดังนั้น ถ้าพวกคุณสามารถเข้าใจความเป็นหลากมิติได้อย่างถ่องแท้แล้วหละก็ พวกคุณก็จะสามารถควบคุมสูตรของมวลได้ และก็จะสามารถสร้าง “วัตถุไร้มวล” (massless objects) ขึ้นมาได้ และพวกคุณก็ยังสามารถที่จะทำมันได้ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่พวกคุณมีอยู่ในขณะนี้ด้วยซ้ำไป!

    มันมีความเป็นไปได้ทางฟิสิกส์ที่จะสามารถสร้างสนามพลังงานบางชนิดขึ้นมาได้ ฟังให้ดีๆนะ เจ้าสนามพลังงานบางชนิดที่ว่านี้มันเป็นสนามพลังงานหลากมิติ ที่จนกระทั่งบัดนี้พวกคุณยังไม่เคยพบเห็นพวกมันเลย และพวกมันก็ไม่มีอันตรายใดๆต่อร่างกายเนื้อของพวกคุณด้วย แต่ว่าพวกมันสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติบางอย่างในมิติที่ 3 ได้

    สนามพลังงานดังกล่าวนี้ คือสนามพลังงานที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี
    และเหตุผลที่พวกมันถูกออกแบบมาเป็นพิเศษและไม่เหมือนใครแบบนี้ ก็เพื่อวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งนั่นก็คือ..เมื่ออยู่ภายในสนามพลังงานชนิดนี้แล้ว ปฏิกิริยาการระเบิดแบบธรรมดาจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้!

    พวกคุณนึกออกไหมว่าถ้านำเอาสนามพลังงานดังกล่าวนี้ไปใส่ไว้ในห้องๆหนึ่งแล้ว ไม่ว่าจะยิงอาวุธชนิดไหนขึ้นมาก็ตาม ไม่ว่ามันจะเป็นปืนกลหรือปืนพกก็ตาม มันก็จะไม่ระเบิดเอาดื้อๆยังงั้นแหละ! แล้วถ้าเป็นการโจมตีบนเครื่องบินหละ เมื่อทิ้งระเบิดลงไปแล้วมันไม่ระเบิด มันจะเป็นยังไงน๊า? นี่ก็เป็นฟิสิกส์ล้วนๆอีกเช่นกัน

    การเปลี่ยนแปลงความเป็นไปตามธรรมชาติของมิติที่ 3 โดยการใช้สนามพลังงานหลากมิติ ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษดังกล่าวนี้ ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กก็ตาม กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้

    ฉันรู้ว่าพวกคุณไม่เชื่อฉันหรอก แต่ว่าคอยดูไปก็แล้วกัน
    เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่พวกคุณเริ่มค้นพบฟิสิกส์หลากมิติกันแล้ว และมีความสามารถที่จะควบคุมมันได้แล้ว พวกคุณก็จะค้นพบว่า มันมี “กุศลเจตนา” อยู่ในฟิสิกส์ประเภทนี้อยู่ คือ..พวกคุณจะไม่สามารถนำมันไปใช้เพื่อ “เป็นอาวุธ” ได้ เหมือนอย่างที่พวกคุณเคยทำได้อย่างง่ายดายกับฟิสิกส์ 3 มิติของพวกคุณ เพราะว่ามันเป็นโลกแห่งความเป็นจริงที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

    ฉันจะบอกพวกคุณอีกครั้งหนึ่งว่า เมื่อใดที่พวกคุณสามารถเข้าใจลึกลงไปจนถึงในระดับอะตอมได้ว่า “มวล” (mass) ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไรแล้ว เมื่อนั้นพวกคุณก็จะสามารถเรียนรู้วิธีการสร้าง “วัตถุไร้มวล” ขึ้นมาได้ แต่ว่าเจ้าสิ่งนี้มันยังมีอีกชื่อหนึ่งนะ เพราะว่าพวกคุณเรียกมันว่า “วัตถุต้านแรงดึงดูด” (anti-gravity) แต่ว่ามันไม่มีของแบบนั้นอยู่จริงๆหรอกนะ เพราะว่ามันเป็นแค่ความสามารถของพวกคุณ ที่ในที่สุดแล้วก็สามารถควบคุมสูตรที่ใช้สร้างแรงดึงดูดขึ้นมาให้กับมวลได้เท่านั้นเอง

    พวกคุณเข้าใจใช่ไหม๊ว่านี่เป็นแค่ฟิสิกส์ง่ายๆเท่านั้นเอง? และมันก็ง่ายมากๆที่จะควบคุมการนำไปใช้งานเพื่อกุศลเจตนา โดยอาศัยสนามพลังงานชนิดอื่นๆที่พวกคุณรู้จักกันดีอยู่แล้วด้วย และก็เหมือนกับการที่พวกคุณสามารถเรียนรู้ที่จะควบคุมฟิสิกส์ชนิดอื่นๆที่อยู่ในมิติที่ 3 ของพวกคุณนี้ได้นั่นแหละ เพราะว่าพวกคุณก็จะสามารถควบคุมฟิสิกส์หลากมิติได้เช่นเดียวกัน

    ลองจินตนาการดูสิว่าถ้าบนดาวเคราะห์ดวงหนึ่งๆ ไม่ว่ามันจะมีอาวุธยุทโธปกรณ์อะไรอยู่ก็ตาม มันก็จะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป! พวกคุณคิดว่ามันจะเป็นยังไง? ลองจินตนาการดูสิว่าถ้าฟิสิกส์มีความสามารถในการสลายโมเลกุลของอาวุธชีวภาพได้มันจะเป็นยังไง? พวกคุณคิดว่ามันจะทำให้นโยบายทางการเมืองของโลกเปลี่ยนไปไหม๊?

    มันกำลังเกิดขึ้นแล้ว มันกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว!

    เพราะว่าในวันนี้มันกำลังอยู่ในห้องทดลองอยู่ เพราะว่าพวกคุณกำลังเริ่มที่จะค้นหาฟิสิกส์หลากมิติกันแล้ว ดังนั้น การสามารถควบคุมสิ่งที่พวกคุณคิดว่าไม่สามารถควบคุมได้ ก็คือสิ่งที่พวกคุณกำลังทำกันอยู่แล้วหละ เรื่องนี้มันกำลังจะทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก!

    แต่ว่าพวกคุณคงไม่เชื่อเรื่องนี้หรอก เพราะว่า “ความรู้” ของพวกคุณเกี่ยวกับว่าสิ่งต่างๆมันเป็นไปอย่างไร จะไม่ยินยอมให้พวกคุณเชื่อเรื่องแบบนี้หรอก นี่แหละคือตัวกรองของพวกคุณหละ

    ............................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2021
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon) เรื่อง: ตัวกรองที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาตัวกรองทั้งหมด (The Biggest Filter of All)

    วันที่: 18 กรกฎาคม 2015; ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    ที่มา:The Biggest Filter of All > Kryon

    a.jpg
    (credit the picture from internet)

    ตอนที่ 7:

    *สุขภาพอนามัย*

    การมีสุขภาพที่ดีตามปกติก็คือการกลับไปสู่ฟิสิกส์พื้นๆง่ายๆสำหรับบางสิ่งที่ง่ายที่สุด อาหารชนิดใหม่ๆจะถูกเพาะปลูกขึ้นมาด้วยวิธีการใหม่ๆทางฟิสิกส์ ไม่ใช่วิธีการทางเคมีอีกต่อไป แล้วพวกมันก็จะกลายเป็น “อาหารฟิสิกส์” (physics foods) [ชื่อที่ครายออนตั้งให้] ที่ไม่มีการดัดแปลงพันธุกรรม หรือดัดแปลงด้วยสารเคมีใดๆทั้งสิ้น แต่ว่าพวกมันจะถูกส่งเสริมการเจริญเติบโตด้วยวิธีการทางฟิสิกส์ที่เต็มไปด้วยกุศลเจตนาแทน!

    ซึ่งด้วยวิธีการนี้แหละที่จะทำให้เกิดการเจริญเติบโตแบบใหม่ที่เรียกว่า
    “การเจริญเติบโตแบบยิ่งยวด” หรือ “super growth” ขึ้น ซึ่งจะสามารถหล่อเลี้ยงผู้คนบนโลกได้ในแบบที่มันไม่เคยเป็นมาก่อน มันจะทำให้เกิดอาหารที่สามารถต้านทานต่อทุกสิ่งทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นแมลง, แบคทีเรีย หรือโรคก็ตาม แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็โดยการใช้วิธีการทางฟิสิกส์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น มีใครเคยคิดถึงเรื่องนี้บ้างไหม๊?

    สิ่งที่พวกคุณคาดหมายว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ ก็มีรากฐานมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตด้วย ดังนั้น ตัวกรองตัวใหญ่ของความรู้จากอดีต จึงคอยสกัดกั้นพวกคุณไว้ไม่ให้สามารถคิดออกนอกกรอบได้ พวกคุณไม่รู้ในสิ่งที่พวกคุณยังไม่รู้หรอก

    ..............................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2021
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon) เรื่อง: ตัวกรองที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาตัวกรองทั้งหมด (The Biggest Filter of All)

    วันที่: 18 กรกฎาคม 2015; ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    ที่มา:The Biggest Filter of All > Kryon


    ตอนที่ 9:

    *ด้านจิตวิญญาณ*

    และสุดท้ายนี้ ฉันอยากจะขอพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณซักหน่อย ชาวนิวเอชทั้งหลายเอ๋ย ฉันอยากจะขอให้พวกคุณตั้งใจฟังฉันให้ดีสักครู่

    ตอนนี้พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปสู่ความเป็นดาวเคราะห์ที่เลื่อนระดับขึ้นแล้วอยู่ ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันได้พร่ำบอกกับพวกคุณไปตลอดระยะเวลา 26 ปีมานี้ จึงเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หมดทั้งสิ้น เพราะว่ามวลหมู่มนุษยชาติกำลังวิวัฒน์ไปสู่การเป็นรูปธรรมชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณอยู่ และ DNA ของมนุษย์ก็กำลังเริ่มที่จะมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นเรื่อยๆแล้วด้วย ซึ่งพวกคุณหลายคนก็อาจจะสามารถรู้สึกถึงมันได้

    เหล่าคุรุในอดีตทั้งหลาย ที่พวกคุณรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันดี คือตัวอย่างของบุคคลที่มีประสิทธิภาพการทำงานของ DNA อยู่ที่ 80% พวกเขาแต่ละคนได้พยายามที่จะแสดงให้พวกคุณเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผ่านทางคำแนะนำสั่งสอนของพวกเขา

    และในตอนนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ล้วนเป็นมนุษย์โลกด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นทวยเทพแต่อย่างใดเลย เพราะว่ามันมีเหตุผลของเรื่องนี้อยู่ คือพวกเขาต้องการที่จะให้พวกคุณซึ่งเป็นมนุษย์โลกได้เผชิญหน้ากับมนุษย์โลกด้วยกัน เพื่อที่พวกเขาจะได้พูดว่า

    “ลองดูฉันสิ ดูซิว่าฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง!
    ซึ่งพวกคุณก็สามารถทำแบบนี้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าพวกคุณเชื่อมต่อเข้าไปในสิ่งที่อยู่ภายในตัวของพวกคุณเอง เพราะว่าภายในตัวของพวกคุณนั้น มีเมล็ดพันธุ์ของพระผู้สร้างอยู่”

    และถ้าพวกคุณรู้จักเอาใจใส่คำแนะนำสั่งสอนของพวกเขาหละก็ พวกคุณก็จะเริ่มพัฒนามากขึ้น และมีภูมิปัญญาและความรู้มากขึ้นด้วย แล้วพวกคุณก็จะสามารถสร้างสันติภาพและอื่นๆขึ้นมาบนโลกใบนี้ได้

    ชาวนิวเอช และนักอภิปรัชญาทั้งหลาย พวกคุณรู้ไหมว่าดาวเคราะห์ที่เลื่อนระดับขึ้นไปแล้วจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร? พวกคุณแต่ละคนต่างก็มีแนวความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอยู่แล้วใช่ไหม๊? เท่าที่พวกคุณรู้มา และตามที่พวกคุณจินตนาการเอาไว้ มันน่าจะเป็นอย่างไร?

    ตามจินตนาการของพวกคุณ มันก็น่าจะประมาณว่า อันดับแรกเลย..ศาสนาจะล่มสลายลง เพราะว่ามนุษย์โลกทุกๆคนจะกลายเป็นผู้ที่มีความคิด-ความเห็นคล้ายๆกัน และทุกๆคนก็จะสามารถเหาะไปไหนมาไหนได้ และพวกคุณก็อาจจะสามารถเปลี่ยนสีผิวของตัวเองให้เป็นไปตามต้องการได้ด้วยซ้ำไป! และดาวเคราะห์ที่เลื่อนระดับขึ้นไปแล้วนั้น ก็จะเป็นดาวเคราะห์ที่พวกคุณจะมีแต่จิตสำนึก/ความตระหนักรู้เท่านั้น ไม่จำเป็นจะต้องมีกายเนื้ออีกแล้ว นี่คือแบบที่พวกคุณคิดใช่ไหม๊?

    แต่ว่าฉันกำลังจะบอกพวกคุณว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะว่ามันจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นซะอีก! เชื่อฉันเถอะว่ามันจะดีกว่านั้นมากๆ!

    พวกคุณจะมีทางเลือกเสรีได้อย่างไร ถ้าพวกคุณไม่มีทางเลือกใดให้เลือกเลย? พวกคุณคิดว่า “การเลื่อนระดับขึ้น” (ascension) ก็คือการผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน (homogenization) หรือว่าคือการตั้งโปรแกรมทางจิตวิญญาณใหม่ให้กับทุกๆคนอย่างนั้นหรือ?

    ฟังฉันให้ดีนะ ภูมิปัญญาของคนทั้งโลกจะไม่ถูกผสมเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะว่าสิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่ในตอนนี้ด้วยภูมิปัญญาของตัวเองจะยังคงอยู่ต่อไป พวกคุณจะไม่กลายเป็นคนที่มีอะไรเหมือนๆกันหมด! พวกคุณยังจะคงมี “ทางเลือกเสรี” (free choice) อยู่เสมอบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้

    เพียงแต่ว่ายิ่งดาวเคราะห์โลกฉลาดมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีความสามารถในการค้นหาวิธีการแก้ไขปัญหาให้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉลาดมากขึ้นเท่านั้นด้วย

    และยิ่งพวกคุณมีภูมิปัญญาสูงขึ้นเท่าไหร่ พวกคุณก็จะยิ่งมีความสามารถในการค้นหาพระผู้สร้างที่อยู่ภายในตัวเองมากเท่านั้นด้วย ซึ่งนั่นแหละคือวิถีทางที่ชาวโลกกว่า 90% จะเลือกเดินหละ แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังจะมีผู้คนที่ไม่เห็นด้วยกับพวกคุณอยู่เสมอๆนั่นแหละ แต่ว่าพวกคุณก็ยังจะเดินหน้าต่อไปอยู่

    กระบวนทัศน์ที่พวกคุณจะปฏิบัติต่อคนอื่นๆจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง และธรรมชาติของมนุษย์ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย พวกคุณจะกลายเป็นผู้ที่มีปัญญา ดังนั้น มันจึงจะไม่มีสงครามเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว

    เพราะว่าการฆ่าฟันกันนั้นเป็นวิสัยของเผ่าพันธุ์ที่ด้อยพัฒนาเท่านั้น ดังนั้นเมื่อพวกคุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว (หมายถึงมีวิวัฒนาการทางจิตสำนึกสูงขึ้นแล้ว – ผู้แปล) มันก็จะมีฟิสิกส์บางประเภท และสิ่งประดิษฐ์บางอย่าง ที่จะช่วยทำให้โอกาสที่จะเกิดสงครามขึ้นกลายเป็นศูนย์ไป

    มันจะมีเทคนิกในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บแบบใหม่เกิดขึ้นมากมาย และอายุขัยของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะยืนยาวมากขึ้นเป็น 3 หรือ 4 เท่าของในตอนนี้ แล้วจากนั้นพวกคุณก็จะมีภูมิปัญญาในการควบคุมจำนวนประชากรของตัวเองด้วย เพราะว่าพวกคุณคือผู้ที่เจริญแล้ว

    พวกคุณจะไปจนถึงจุดที่มีจำนวนประชากรมากมายเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เพียงแต่ว่าพวกคุณจะมีปัญญาเฉลียวฉลาดมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมากเท่านั้นเอง ดังนั้นพวกคุณจึงสามารถอยู่กันได้

    ศาสนาหนะหรือ? มันก็แค่จะฉลาดเฉลียวมากขึ้นเท่านั้นเอง! ซึ่งหมายความว่ามันจะเปลี่ยนวิธีคิดใหม่เกี่ยวกับตัวมันเองและเกี่ยวกับผู้อื่น และมันก็จะมีผู้นำทางศาสนาคนใหม่ที่จะออกมาประกาศสิ่งใหม่ๆให้รับรู้ด้วย แล้วจากนั้นข้อบัญญัติทางศาสนาทั้งหลายก็จะถูก update ใหม่ และก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความสมเหตุสมผลทางจิตวิญญาณมากขึ้นกว่าเดิมด้วย แทนที่จะไปยึดติดอยู่แต่กับข้อมูลที่ผิดๆจากอดีตเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา

    เหล่าผู้นำทางศาสนาคนสำคัญๆคนใหม่ๆของแต่ละศาสนา จะเป็นผู้ที่สามารถเชื่อมต่อกับพระผู้สร้างได้ ดังนั้นพวกเขาจึงจะนำพาศาสนาของตนเองไปในทิศทางที่ดีกว่านี้มาก และพวกเขาก็จะมีความเข้าใจที่เหมือนๆกันว่า มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่จะให้การยอมรับศาสนาทุกๆศาสนา แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันอยู่ก็ตาม

    เพราะว่าแม้ว่าพวกคุณจะยังคงอยู่ในกล่องความเชื่อของตัวเองอยู่ก็ตาม แต่ว่าพวกคุณก็ยังสามารถที่จะรักคนอื่นๆที่อยู่ในกล่องความเชื่ออื่นๆได้ด้วยเช่นเดียวกัน แล้วแบบนี้มันจะไม่ใช่ภูมิปัญญาได้อย่างไร? มันแตกต่างจากที่พวกคุณคิดเอาไว้ใช่ไหม๊?

    มันจะมีการยอมรับร่วมกันว่า “พระเจ้าเพียงองค์เดียว”
    สามารถที่จะถูกสักการบูชาโดยผู้คนที่นับถือศาสนาต่างๆ และด้วยวิธีการที่แตกต่างกันได้ ไม่ใช่จะต้องใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่งเพียงวิธีการเดียวเท่านั้น

    ชาวกลุ่มดาวลูกไก่มีดาวเคราะห์อยู่ดวงหนึ่งที่ได้วิวัฒน์ไปมากเหลือเกินแล้ว จนพวกเขาสามารถที่จะควบคุม “โลกแห่งความเป็นจริง” ของพวกเขาเองได้อย่างมากมาย พวกเขาสามารถที่จะควบคุมฟิสิกส์ได้ด้วย “จิตสำนึก/ความตระหนักรู้” (consciousness) ของพวกเขาเอง ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพวกคุณด้วยเช่นเดียวกันหละ และเหล่าคุรุทั้งหลายของพวกคุณก็ได้เคยแสดงให้พวกคุณเห็นแล้วว่า จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ สามารถที่จะควบคุมฟิสิกส์ได้จริงๆ

    เพราะฉะนั้น สำหรับชาวกลุ่มดาวลูกไก่แล้ว “พลังชีวิต” (life force) จึงสามารถที่จะไปอยู่ในจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ได้โดยตรง โดยที่ไม่ต้องอาศัยกายใดๆทั้งสิ้น และโดยอาศัยกระบวนการ entanglement พวกเขาก็สามารถที่จะ “เดินทาง” ไปยังสถานที่อื่นๆได้ภายในพริบตา ซึ่งในอดีตที่ผ่านมานั้น หนึ่งในสถานที่อื่นๆที่ว่านั้นก็คือดาวเคราะห์โลกดวงนี้แหละ และแม้กระทั่งบัดนี้พวกเขาก็ยังคงอยู่ที่นี่อยู่!

    (หมายเหตุ: Quantum Entanglement หมายถึง การที่อนุภาคของแสงหลายๆอนุภาค สามารถมาอยู่ร่วมกัน, มามีพันธะต่อกัน และมาแบ่งปันข้อมูลข่าวสารแห่งแสงสว่างในระดับควอนตั้มด้วยกันได้ ซึ่งในโลกของควอนตั้มแล้ว คุณลักษณะที่สำคัญอย่างหนึ่งของการแลกเปลี่ยน และการมีพันธะต่อกันดังกล่าวนี้ ก็คือ..เมื่อใดก็ตามที่อนุภาคแห่งแสงสว่างเหล่านี้ได้มาอยู่ในสภาวะที่มีการพัวพันกันแล้ว พวกมันก็จะแบ่งปันข้อมูลข่าวสารร่วมกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าพวกมันจะอยู่ห่างไกลกันสักแค่ไหนก็ตาม หรือไม่ว่าพวกมันจะอยู่ต่างกาลเวลากันสักแค่ไหนก็ตาม – จากหนึ่งในข้อความของ The Team – ผู้แปล)

    ข้อความที่เพิ่งกล่าวไปเมื่อสักครู่นี้ (น่าจะหมายถึงเรื่อง entanglement หรือเปล่า? – ผู้แปล) มีความจำเป็นที่พวกคุณจะต้องเข้าใจหลักการทางฟิสิกส์ของมันด้วยว่า: ถ้าพวกคุณทำเช่นนั้นแล้ว พวกคุณก็จะไม่สามารถกลับไปสู่โลกทางกายภาพได้อีก เพราะว่าพวกคุณจะต้องอยู่ในสภาวะของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ล้วนๆซึ่งเป็นอมตะ โดยปราศจากกายเนื้อใดๆทั้งสิ้นเท่านั้น มันเป็นฟิสิกส์ทางเดียวระดับพื้นๆเท่านั้นเอง

    (หมายเหตุ: ย่อหน้าข้างบนนี้ทั้งย่อหน้า ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าครายออนต้องการที่จะสื่อสารอะไร
    ดังนั้น ถ้าผู้อ่านท่านใดมีความเข้าใจตรงจุดนี้มากพอ ก็ช่วยแนะนำด้วยนะครับ ขอบคุณครับ – ผู้แปล)

    ฉันรู้ว่าพวกคุณบางคนกำลังรู้สึกว่าฉันพูดเป็นปริศนาอยู่ แต่ว่าก็จะมีพวกคุณบางคนที่รู้ว่าฉันกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่

    พวกคุณก็สามารถที่จะทำสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน (น่าจะหมายถึงเรื่อง entanglement หรือเปล่า? – ผู้แปล) แต่ว่าไม่ใช่ภายใน 1 ล้านปีนี้หรอกนะ เพราะว่าเรื่องนี้มันจะค่อยๆเกิดขึ้นอย่างช้าๆ แต่ว่ามันก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว เพราะว่าพวกคุณกำลังอยู่บนหัวเลี้ยวหัวต่อของการค้นพบว่าบางส่วนของพวกมันทำงานอย่างไรอยู่ แต่ว่ามันก็จะไม่ทำงานด้วยวิธีการที่พวกคุณคิดว่าตัวเองรู้จักหรอกนะ

    “ตัวกรองด้านความรู้” (knowledge filter) ซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางที่ใหญ่โตที่สุดที่ทำให้พวกคุณไม่สามารถเข้าถึงความจริงที่จริงแท้ได้ ตอนนี้มันกำลังค่อยๆถูกรับรู้แล้ว และมันก็กำลังค่อยๆถูกทำให้สลายตัวไปโดยผู้ที่เป็นจิตวิญญาณเก่าแก่ทั้งหลายอย่างพวกคุณอยู่ เพราะว่าพวกคุณคือผู้ที่กำลังคิดออกนอกกรอบที่มันเคยเป็นไปอยู่ ดังนั้นพวกคุณนี่แหละคือผู้ที่จะทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้

    ส่วนตัวกรองด้านจิตวิญญาณซึ่งเป็นตัวกรองตัวสุดท้ายนั้น เป็นตัวกรองที่มีความสำคัญต่อพวกคุณอย่างมาก

    ฉันอยากจะให้พวกคุณมีคุณลักษณะของความเป็นคุรุอยู่ในตัวเอง ฉันไม่อยากให้พวกคุณถูกมองว่าเป็นมนุษย์ประหลาดที่ดูเหมือนจะมีความเชื่อในเรื่องประหลาดๆอยู่ แต่ฉันอยากจะให้พวกคุณคิดเหมือนกับคุรุคนหนึ่งของโลกใบนี้แทน ซึ่งก็คือ..เป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก-ความเมตตา เป็นผู้ที่ผู้คนทั้งหลายอยากจะเข้ามาหา เป็นผู้ที่มีความสมดุล และมีความเมตตากรุณา

    และถ้ามีใครเข้ามาหาพวกคุณ ก็ขอให้พวกคุณมีความรู้สึกเต็มใจมากพอที่จะโอบกอดพวกเขาได้ จงโอบกอดพวกเขาไว้ และจงรับฟังสิ่งที่พวกเขาอยากจะพูด จงร้องไห้ไปกับพวกเขา และก็จงหัวเราะไปกับพวกเขาเมื่อพวกเขามีความสุข

    นี่แหละคือสิ่งที่เหล่าคุรุทั้งหลายของโลกใบนี้ทำกันหละ เพราะว่าผู้เป็นคุรุจะมีความเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ดี และพวกคุณในฐานะที่เป็นจิตวิญญาณเก่าแก่ดวงหนึ่ง ก็เคยเกิดเป็นคุรุกันมาก่อนแล้ว ดังนั้นพวกคุณจึงเคยทำเช่นนี้กันมาก่อนแล้ว และเพราะฉะนั้น พวกคุณจึงไม่มีข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้นที่จะมาบอกว่าตัวเองไม่เข้าใจมันเลย เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นมรดกตกทอดที่มาจากพวกคุณนั่นเอง นี่แหละคือผู้ที่พวกคุณเป็นหละ


    ฉันคือครายออน ผู้ที่มีความรักต่อมนุษย์โลก

    And so it is.

    …………………................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2021
  10. mananee

    mananee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2015
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิดอยู่ดีแหละครับ ปลงๆบ้างก็ดี
    สมัคร gclub
     
  11. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,161
    น่าทึ่งมาก แต่ที่สุดแล้วก็เพียงบรรเทาทุกข์ในร่างกายแค่นั้น ซึ่งที่สุดแล้วก็ต้องตายและไปเกิด เหมือนเดิม อยู่ดี !!!

    จริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้ไม่เคยเกิดหรือ จริงๆ ก็เคยเกิดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่ที่สุดเรื่องของพระเจ้า ก็เหมือนๆ เดิม พระเจ้าที่อยู่คู่กับวัฎฎสงสารนี้มีอยู่จริง แต่ไม่ใช่ตัวตนจริง เป็นผู้สร้างโลก สร้างภพภูมิทุกอย่าง แต่ในมุมมองของมนุษย์ก็จะเห็นว่าเป็นตัวเป็นตน เรื่องนี้แม้แต่มนุษย์ต่างดาว ก็ยังมองออกไม่หมด มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทรงแยกความจริงเหล่านี้ออกมาได้ แล้วสอน แนะนำทางเลือกที่เยี่ยมยอดไปกว่า เพราะถ้าพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวัฎฎฯ ไม่สามารถจะนำความสุขที่แท้จริงมาให้แก่ดวงจิตทุกดวงได้ ถามว่าเราจะนับถือเป็นพระเจ้า ทำไม?
     
  12. จันทลักษณ์

    จันทลักษณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +412
    ขอบคุณมากค่ะ...คุณChayutt
    อ่านแล้วทำให้ได้รับความรู้ มากมายเลยค่ะ ^_^
     
  13. thontho

    thontho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +612
    บันใดมีหลายขั้น ปัญญามนุษย์ย่อมไม่เท่ากัน การรับความรู้อะไร ต้องระวังฟุ้งหรือไม่
    ถ้าเมื่อใดเข้าถึง รู้จนไม่รู้ สงบอย่างแท้จริงนั่นแหละ คือความรู้ที่ทุกคนได้จะตรงกันอย่างอัตโนมัติ......นมัสการัม
     
  14. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    พระเจ้าทำตัวไม่ดีก็มีในประวัติศาสตร์เยอะแยะนะ
    สุดท้ายการไม่มีพระเจ้า ทุกคนเท่าเทียมกันหมด
    อิสระในการคิด น่าจะดีที่สุด
    อยากไปเล่นน้ำชายหาดเหลือเกิน อ้าโลกอิสระ
     
  15. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,666
  16. Teepa

    Teepa สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +2
    อ่านแล้วมันน่าทึ่งมากๆ..
     
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ลองอ่านทบทวนดูอีกทีนะครับ สำหรับคนที่เคยอ่านแล้ว
     
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** ความจริง กับ ความเชื่อ ****

    ความรู้ ...
    คือ ความจริง

    ตัวกรอง(กั้น)ความรู้....
    คือ ความเชื่อที่ไม่ใช่ความจริง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** สสารมืด ****

    ที่ว่า คือ ตัวกระทำ
    ไม่สูญสลาย
    เป็นตัวจัดสรรทุกอย่าง

    - " หนุมาน ผู้นำส่ร "
     

แชร์หน้านี้

Loading...