ข้อความต่างมิติ-จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามี UFO มาปรากฎตัวให้เห็นแบบจะๆ

**จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามี UFO มาปรากฎตัวให้เห็นแบบจะๆ**


(Credit the picture from internet)

*หมายเหตุ:*

จริงๆแล้วหัวข้อที่ผมตั้งนี้ จะไม่ค่อยตรงกับเนื้อหามากนักนะครับ เพราะเนื้อหามันครอบคลุมหลายเรื่องมากกว่า

และส่วนที่พูดถึงภัยพิบัติข้างล่างนี้ ผมก็ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ผู้อ่านกลัวนะครับ เพราะมันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น จริงอยู่..แม้จะมีคนตายบ้าง แต่ก็เป็นเพราะพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณของพวกเขาเหล่านั้น ที่ได้กำหนดไว้แล้ว ว่าจะตายในช่วงเวลานั้นๆและในเหตุการณ์นั้นๆ เพื่อเปิดทางให้กับรูปธรรมชีวิตทรงภูมิปัญญาชั้นสูงแห่งแสงสว่างอื่นๆสามารถลงมาเกิดบนโลกได้

เพราะว่าโลกของเรากำลังอยู่ในกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นอยู่ จึงกำลังต้องการพลังงานจากมิติสูงๆมาช่วยเหลือเป็นอย่างมาก และนี่แหละคือสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ในยุคสมัยนี้มีรูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่างชั้นสูงจากต่างมิติ, จากพระเจ้า, จากพระผู้สร้าง, จากจักรวาลอื่นๆ และจากทั่วสารทิศ ลงมาเกิดในโลกมากมาย มากกว่าทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา ตั้งแต่โลกก่อกำเนิดขึ้นมา

เพราะว่าเหตุการณ์นี้ ยังไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อนเลยในเอกภพแห่งนี้ โลกของเราคือแห่งแรก ที่จะยกระดับขึ้นไปทั้งกายเนื้อแบบนี้ เพราะที่ผ่านๆมา และที่อื่นๆในเอกภพ เขามีแต่ใช้วิธีต้องตายจากกายเนื้อไปก่อนเท่านั้นเอง ถึงจะเปลี่ยนมิติได้

.........................

Dolores: ถ้ามียานอวกาศมาที่โลกจริงๆ พวกเขาจะมาเพื่ออะไรคะ?

Anne: พวกเขาก็อยู่ที่นี่ตลอดเวลาอยู่แล้วนะ เพียงแต่ว่าพวกเขาจะสามารถปรากฎตัวให้ชาวโลกมองเห็นได้ ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น เพราะว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเฉพาะทางเลือกเสรีของชาวโลกตามปกติเท่านั้น เพราะว่ามันยังจะเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเลือกที่จะไปอยู่ในโลกใหม่ของชาวโลกหลายๆคนอีกด้วย ในช่วงเวลานั้น

และก็..การตัดสินใจเลือกที่ว่านี้ ก็ไม่ได้หมายถึงของเฉพาะมนุษย์โลกเท่านั้นด้วยนะ แต่ยังหมายรวมถึง ของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆที่อยู่บนโลกอีกด้วย เพียงแต่ว่าพวกเขาอยู่ต่างคลื่นความสั่นสะเทือนกับมนุษย์โลกเท่านั้นเอง

ดังนั้น เหตุผลส่วนหนึ่ง จึงไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาเลือกที่จะให้ชาวโลกมองเห็นได้หรือไม่ได้เท่านั้นหรอกนะ แต่มันยังเกี่ยวข้องกับระดับพลังงานด้วย ที่เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว มันจะยอมให้ชาวโลกมองเห็นยานอวกาศของพวกเขาได้เอง

D: ดิฉันทราบคะ ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่มานานแล้ว เพราะว่าดิฉันกำลังทำงานร่วมกับพวกเขาอยู่ และดิฉันก็รู้ว่าพวกเขามาดีด้วย ดังนั้น ดิฉันจึงไม่เคยมีปัญหากับพวกเขาเลย

A: แต่ว่าเมื่อใดที่พวกเขาปรากฎตัวให้ชาวโลกเห็นหละก็ และเมื่อใดที่จิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลกได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วหละก็ และเมื่อใดที่รัฐบาลของประเทศต่างๆในโลกเสื่อมอำนาจลง และเมื่อใดที่ความวุ่นวายโกลาหลได้บังเกิดขึ้น แล้วก็เมื่อใดที่ภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ปะทุขึ้นแล้วหละก็ พวกคุณก็จะได้เห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่บนโลกจะเกิดอาการตกใจกลัวสุดขีดเพียงใด!!

และมิหนำซ้ำ เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ความเชื่อทางศาสนาของพวกเขา และความคิด-ความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตในแบบที่พวกเขารู้จัก ก็จะพังทลายลง แล้วพวกเขาก็จะรู้สึกว่าไร้ที่พึ่ง และก็ไม่รู้ว่าควรจะหันหน้าไปพึ่งหรือไปเชื่อใครดี ซึ่งนี่..ก็จะนำไปสู่ความกลัวอย่างสุดขีดของชาวโลกส่วนใหญ่ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย

และความกลัวที่ว่านี้ ก็อาจจะนำไปสู่ความบ้าคลั่ง และการเป็นโรคจิตเภท และรวมถึงเป็นโรคอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกด้วยก็เป็นได้

แต่ว่า..ในช่วงเวลานี้แหละ แล้วก็..เพราะว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นดังว่านี้แหละ ที่จะทำให้ชาวโลกส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะเปราะบางมากที่สุด ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ ความช่วยเหลือจากคนอย่างพวกคุณ จึงจะมีความจำเป็นอย่างมาก จนถึงมากที่สุดเลยหละ

D: คือหมายถึง..คนที่เหมือนๆกับดิฉัน และคุณ Anne คือผู้ที่มาที่นี่ เพื่อที่จะมาให้ความช่วยเหลือชาวโลกใช่ไหมคะ?

A: ชาวโลกผู้ที่ได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีแล้ว สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ (จริงๆแล้วการเปลี่ยนแปลงมันกำลังเกิดขึ้นอยู่แล้วนะครับ ณ.ตอนนี้เลย - ผู้แปล) เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว พวกเขาก็จะไม่เกิดความกลัวขึ้น

ดังนั้น พวกเขาก็จะเป็นเหมือนเสาหลักที่สามารถให้คนอื่นๆมาพึ่งพิงได้ ในช่วงเวลาที่สับสนอลหม่านเช่นนี้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า พวกคุณจะต้องไปบอกความจริงอะไรให้พวกเขาฟังหรอกนะ เพียงแต่ว่า มันหมายความว่า พวกคุณแค่ไม่ล้มระเนระนาดไปพร้อมๆกับพวกเขาเท่านั้นเอง

D: คือ ดิฉันกำลังคิดว่า พวกเราจะสามารถทำอะไรได้ เมื่อช่วงเวลาแห่งความโกลาหลเช่นนั้นมาถึงจริงๆ?

A: แค่พวกคุณไม่เสียสติไปซะก่อน และแค่พวกคุณสามารถคงความสงบในจิตใจเอาไว้ได้ เท่านั้นก็พอแล้ว ดังนั้น มันจึงไม่สำคัญเลยว่าพวกคุณจะไปทำอะไร

เพราะว่าผู้คนจะมองเห็นความเข้มแข็งและความสงบที่มีอยู่ในตัวพวกคุณ แล้วพวกเขาก็จะค้นหามัน เพราะว่าพวกเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังมองเห็นอยู่นั้นเลย

และพวกคุณเอง ก็อาจจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังมองเห็นอยู่นั้นด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่าพวกคุณได้ผ่านการเตรียมพร้อมมาแล้วเท่านั้นเอง ดังนั้น พวกคุณจึงจะมีความเชื่อและก็รู้อยู่ลึกๆข้างในว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง ดังนั้น พวกคุณก็จะไม่เป็นบ้าไปพร้อมๆกับพวกเขาด้วย

D: หมายถึง คนอื่นๆไม่ได้เตรียมความพร้อมอะไรมาเลยใช่ไหมคะ?

A: ถูกเผ๋งเลย

D: คุณรู้ไหมคะ ว่าในช่วง 2 ปีมานี้ มีคนจำนวนมากมาย ที่มาหาดิฉัน และเป็น Healer หรือไม่ก็กำลังจะเป็น Healer ตามที่คุณในฐานะ "จิตใต้สำนึก" ( The Subconsciousness) เป็นคนบอกมา ดังนั้น พวกเราจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมในโลกของเราจึงมี Healer เยอะจังเลยหละคะ?

A: คุณรู้ไหมว่าจำนวนประชากรในโลกมีทั้งหมดเท่าไหร่?

D: รู้ค่ะ..ว่ามากโขอยู่ทีเดียว

A: ก็นั่นแหละคือเหตุผลข้อที่ 1 หละ แล้วก็..เหตุผลอีกข้อหนึ่งก็คือ ในยุคนี้..มันเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่ามากๆสำหรับจิตวิญญาณหลายๆดวง เพราะว่ามันมีบทเรียนและบททดสอบให้ได้เรียนและได้สอบกันอยู่มากมาย

เพราะว่ายุคนี้มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่ปกติธรรมดาเลย อย่างที่ดาวเคราะห์โลกไม่เคยประสบมาก่อน เพราะฉะนั้นแล้ว มันจึงเป็นโอกาสอันดี ที่จะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

ดังนั้น จิตวิญญาณทั้งหลายจึงอยากจะลงมามีประสบการณ์กับมันดู และก็ใช้โอกาสอันดีนี้เพื่อวิวัฒน์ตัวเองขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้นต่อไปอีก เพราะว่ามันจะมีปัญหาและอุปสรรคต่างๆให้ต้องฝ่าฟันกันอยู่มากมาย

ดังนั้น จิตวิญญาณที่มีพัฒนาการสูงๆแล้วทั้งหลาย จึงรู้สึกสนใจและปรารถนาที่จะฉกฉวยโอกาสอันดีนี้ให้กับตัวเอง

D: ดิฉันเคยเข้าใจว่า ถ้าระบบต่างๆของโลกพังทลายลงมาแล้ว ความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย และนั่นก็น่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราจำเป็นจะต้องมี Healer พวกนี้ เพราะว่าพวกเขาสามารถที่จะใช้พลังงานบำบัด และใช้ธรรมชาติบำบัดได้

A: มันจะมีซักวันหนึ่ง เมื่อถึงเวลาอันสมควร ที่ระดับพลังงานของโลกจะสูงมากพอ ที่จะทำให้โรคภัยไข้เจ็บของพวกคุณเปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่ในแบบที่พวกคุณรู้จักพวกมันในตอนนี้

และถึงแม้ว่า Healer พวกนี้จะสามารถช่วยได้มากจริงๆก็ตาม แต่มันก็จะมีซักวันหนึ่งที่โรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ จะไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว การบำบัดรักษาจึงจะกลายเป็นสิ่งชั่วคราวเท่านั้นเอง ซึ่งก็หมายความว่า Healer จะมาช่วยบำบัดรักษาให้ก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นจริงๆเท่านั้น

และถ้าในเวลานั้น ไม่มีโรงพยาบาลเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว เพราะว่าผู้คนพากันหนีออกไปจากตัวเมืองกันหมด หรือเพราะว่ามันจมน้ำหายไปหมดแล้ว (เธออาจจะหมายถึงเมืองถูกน้ำท่วมหรือเปล่า?) Healer ทั้งหลายก็จำเป็นจะต้องเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือแทน

แต่ว่า..นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลเพียงข้อเดียว ที่ทำให้พวกเขาพากันมาอยู่ที่นี่หรอกนะ เพราะว่าที่พวกเขาพากันมาอยู่ที่นี่ ก็เพราะว่า พวกเขาต้องการที่จะมาเรียนรู้อะไรบางอย่างเองด้วย เพราะว่าจิตวิญญาณของพวกเขาต้องการที่จะมาร่วมมีประสบการณ์กับกระบวนการยกระดับขึ้นในครั้งนี้ด้วยนั่นเอง

D: นั่นคือเหตุผลที่ทำให้พวกเราทุกคน เลือกที่จะมาอยู่ที่นี่และในช่วงเวลานี้ใช่ไหมคะ?

A: ใช่ และมันก็เป็นเหตุผลหลักซะด้วย

D: ดิฉันเคยรู้มาว่า DNA ของพวกเรา ก็กำลังถูกปรับแต่งอยู่ด้วยใช่ไหมคะ เพื่อที่จะให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่กำลังจะมาถึงได้ ใช่ไหมคะ?

A: มันมีรูปธรรมชีวิตอยู่หลายกลุ่ม ที่เกี่ยวข้องกับการเร่งระดับขึ้นของพลังงานของโลก โดยใช้เทคโนโลยีของพวกเขาเอง ซึ่งตามความเข้าใจของพวกเรานั้น พวกเราอยากจะพูดว่าพวกเขาใช้วิธีการส่งผ่านพลังงานที่มีคลื่นความถี่สูงๆเข้ามายังดาวเคราะห์โลก แล้วคลื่นความถี่ของพลังงานระดับสูงๆเหล่านี้ก็จะไปส่งผลกระทบต่อผู้คนบนโลกอีกต่อหนึ่ง

เพราะฉะนั้นแล้ว มันจึงไม่ใช่ DNA ของมนุษย์โดยตรงหรอกนะที่ถูกปรับแต่งหนะ อันนี้พูดตามความเข้าใจและมุมมองของพวกเรานะ

เพราะว่าโดยธรรมชาติแล้ว คลื่นความถี่ระดับสูงๆนั้น ก็สามารถที่จะส่งผลกระทบต่อ DNA ของมนุษย์ได้อยู่แล้ว ซึ่งใน DNA ของมนุษย์นั้น มันก็จะมีบางส่วนที่ยังหลับไหลอยู่ หรือหยุดชะงักการทำงานอยู่

ดังนั้น เมื่อพลังงานที่มีคลื่นความถี่สูงๆเหล่านี้ถูกส่งเข้ามายังดาวเคราะห์โลกแล้ว มันจึงไปส่งผลกระทบต่อ DNA โดยทำให้ส่วนที่ยังหลับไหลอยู่ของ DNA เหล่านั้น ถูกกระตุ้น และถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาตามไปด้วย

D: ดิฉันเคยรู้มาว่า นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ชาวโลกหลายๆคน กำลังมีปัญหาทางร่างกายอยู่ต่างๆนาๆ ในช่วงเวลานี้

A: มันจะเกิดขึ้นกับร่างกายส่วนที่ หรือบริเวณที่ มีการอุดตันหรือติดขัดทางพลังงานอยู่หนะ ไม่ว่าการติดขัด หรืออุดตันนั้น จะเกิดขึ้นจากสาเหตุใดก็ตาม

เช่น เกิดจากพลังงานของกรรม, หรือเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บอันเนื่องมาจากการขาดระเบียบวินัยในการเลือกรับประทานอาหารของชาวโลกผู้นั้นเอง, หรือเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าโรคภัยไข้เจ็บที่ว่านั้น คือโรคอะไร

แต่ว่า มันก็มักจะมีส่วนที่ หรือบริเวณที่ จะมีการอุดตันหรือติดขัดทางพลังงานอยู่เสมอ ซึ่งเมื่อถูกกระตุ้นด้วย "พลังงานใหม่" ซึ่งก็คือคลื่นความถี่ระดับสูงๆที่ถูกส่งเข้ามายังโลกแล้ว สิ่งอุดตันหรือติดขัดเหล่านั้น ก็จะถูกเขย่าหรือกระตุ้น ให้โผล่ขึ้นมาสู่ระดับพื้นผิวของความตระหนักรู้ของมนุษย์ผู้นั้นโดยธรรมชาติ เพราะว่ามันไม่สามารถที่จะนอนนิ่งๆอยู่ที่เดิมได้อีกต่อไป

พลังงานกรรมก็เช่นเดียวกัน เมื่อมันถูกกระตุ้นด้วยพลังงานใหม่ที่มีคลื่นความถี่สูงๆเหล่านี้แล้ว มันก็จะลอยขึ้นมาสู่ระดับพื้นผิวด้วยเช่นเดียวกัน

เพราะว่าพลังงานใหม่เหล่านี้ กำลังบีบบังคับให้พลังงานด้านมืด ที่กำลังอุดตันอยู่ หรือติดขัดอยู่ในส่วนนั้นๆ หรือในบริเวณนั้นๆ หรือในเรื่องนั้นๆของมนุษย์แต่ละคน ได้รับการเผชิญหน้า และถูกชำระสะสางออกไป เพื่อที่พลังงานจะได้ไหลเวียนได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนเดิม อย่างที่มันควรจะเป็น

ซึ่งการที่จะเคลียร์พลังงานที่ยังอุดตันและติดขัดเหล่านี้ออกไปได้นั้น ปัญหาที่เป็นรากเหง้าของโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ จะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ซะก่อน และจะต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วยเองด้วย มันถึงจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งนั่นก็เป็น free will หรือทางเลือกเสรีของชาวโลกแต่ละคนอีกนั่นแหละ ว่าจะใส่ใจต่อสิ่งเหล่านี้หรือไม่

ที่มา: บางส่วนจากหนังสือ The Convoluted Universe เล่ม 3 โดย Dolores Cannon.

แปลโดย: Chayutt Naowarat
Date: 24/06/20
.............................................
#Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen

#เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat)
#ฝากกระทู้เกี่ยวกับหินด้วยนะครับ http://Alchemistic.2.vu/AlchemisticHere