ข้อสังเกตุ นิมิตชวนหลง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ยอดคะน้า, 18 กันยายน 2015.

  1. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711
    เกร็ดธรรม


    หลวงปู่พุธ ฐานิโย


    วัดป่าสาละวัน
    อ.เมือง จ.นครราชสีมา



    เมื่อมีโอปะปาติกะ


    อาจารย์ที่สอนกรรมฐาน ที่ล่วงลับไปแล้ว มา เรียก
    โดยเห็นในสมาธิ
    ได้สัมผัสรับรู้ ได้กลิ่นหอม ตลอดเวลาที่ทำสมาธิ
    การที่จะติดต่อพูดคุยกับท่าน ควรปฏิบัติอย่างไร ??




    อันนี้ไม่มีทางที่จะควรปฏิบัติอย่างไร
    และก็ไม่ควรคิดที่จะไปพูดคุยกับท่าน


    เพราะสิ่งเหล่านี้


    จิตของท่านปรุงแต่งขึ้นมาเอง
    อย่าไปเข้าใจว่าสิ่งอื่นมาแสดงให้ปรากฎ


    ถ้าหากว่า ท่านภาวนาพุทโธ พุทโธ พุทโธ


    ท่านนึกอย่างเห็นพระพุทธเจ้า
    หรือจิตของท่านผูกพันอยู่ที่พระพุทธเจ้า


    จิตสงบสว่างลงไปแล้ว จะเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จ ดำเนินมา


    ถ้าหากท่านยึดอยู่ที่ครูบาอาจารย์ผู้ล่วงลับไปแล้ว


    พอจิตสงบลงเป็นสมาธิ ระหว่าง อุปจาระสมาธิ สว่างขึ้นมา
    กระแสจิตส่งออกไปข้างนอก
    จิต ยึดมั่นอยู่ในสิ่งใด
    สิ่งนั้นจะปรากฎเป็นตัวขึ้นมาให้ท่านเห็น
    จงทำความเข้าใจว่านิมิตทั้งหลายแหล่ ที่ปรากฎนั้น
    มันเป็นเพียงมโนภาพที่จิตของท่านสร้างขึ้นมาเอง


    อย่าไปเข้าใจว่าเป็นสิ่งอื่น


    หลวงพ่อนี่นั่งภาวนาจนมองเห็นกายของตัวเองนี่แหลกเป็นผงไปแล้ว
    ลืมตาขึ้นมา กายก็ยังอยู่
    ถ้ามันเป็นจริงแล้วก็
    ทำไม ถึงจะมานั่งเทศน์ ให้โยมฟังอยู่ได้


    อันนี้คือข้อเท็จจริง


    เราอย่าไปหลงว่าเป็นสิ่งอื่นมา


    ถ้าหากว่าเป็นสิ่งอื่น
    มาแสดงตัวให้ปรากฎกันจริงๆ นี่


    ไม่จำเป็นจะต้องนั่งอยู่ในสมาธิ
    บางครั้งนี่ อาตมานั่งอยู่เฉยๆ นี่
    ผีมันวิ่งผ่านไปอย่างงี้
    อันนี้มันถึงเป็นของจริง


    ในสมาธินี่มันเป็นของหลอก


    อ่า ในเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ แม้ว่าเวลาจะยืดยาวหน่อยก็
    ต้องขอ อภัยท่านผู้ฟัง


    จะนำตัวอย่างมาเล่าให้ฟัง
    ท่านอาจารย์ของอาตมานี่ ท่านหนึ่ง


    ชื่อ อาจารย์ ทอง อโศโก


    ถ้ายังมีชีวิตอยู่เวลานี้
    ก็อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน กับ
    ท่านหลวงพ่อเทสก์ ท่านอาจารย์เทสก์


    ท่านผู้นี้ ไปนั่งภาวนาอยู่ในกุฏิเล็กๆ
    ในสำนักอาจารย์มั่น


    เวลาเข้าไปก็ปิดประตูลงกลอนอย่างดี
    พอภาวนาแล้วก็
    พอจิตสงบนิ่งสว่างลงไป
    แล้วก็มีผู้หญิงสาวๆคนหนึ่งมานั่งอยู่ข้างๆ
    แล้วก็มา พูด จา หลวงพี่มาทนทุกข์ทรมานทำไม
    สึกไปอยู่ด้วยกัน จะมีความสุข


    ในตอนนี้ ท่านมีสติอยู่
    ท่านก็กำหนดว่า รู้ จิต เฉยๆ อยู่
    เสียงนี่มันก็ดังออด ออดออด อยู่อย่างนั้นล่ะไม่หยุด
    ลองผลสุดท้าย อีนางผู้หญิงในนิมิตในฝันนั้นก็บอกว่า


    อืม มาพูดจาด้วยก็ไม่อยากพูด ไม่พูดก็อย่าพูด
    เสร็จแล้วมันก็ลุกปุ๊บปั่บไป
    ท่านอาจารย์ทอง ก็ มองเห็น ผู้หญิงคนนั้นเดินออกประตูไป
    เดินด่อม ด่อมด่อมๆ ออกประตูไปจนลับสายตา
    พอมันลับสายตาไปแล้ว


    สมาธิแตก อึ๊ม พูดกับเค้าซะก็ดีเน๊อะ (ฮาๆๆ)


    ทีนี้ ทั้งๆที่ อ่า เค้าเรียกว่า พูดกับเค้าซะก็ดี
    เลยลุกปุ๊ปปั๊บ ออกจากที่นั่งสมาธิ
    พอไปถึงประตูทั้งๆที่ตัวเองเนี๊ยะ


    เมื่อนั่งอยู่ในสมาธินี่
    เห็นผู้หญิงนี่เดินลอดประตูออกไป
    แต่เมื่อตัวไปถึงแล้วต้องถอดกลอนเปิดประตูออกเอง


    ยังไม่ได้ สติ
    อ่า ..วิ่งลงไปยืนๆวนรอบหาอยู่รอบๆกุฏิ
    ส่องมุมโน้นส่องมุมนี้


    ท่านอาจารย์มั่น ท่านอยู่กุฏิ ท่านตะโกนร้องมา


    ทองเอ้ย วัวหายเห็นแล้วหรือยัง (ฮาๆๆ) ได้สติคืนมา


    เนี๊ยะ ข้อเท็จจริง ที่นำมาเล่าให้ฟังเนี๊ยะ
    มันเป็นประสบประการณ์ของนักปฏิบัติจะต้องเจอกันทั้งนั้นแหล่ะ


    เพราะฉะนั้น ให้ระวังเอาไว้


    นิมิตในขั้นนี้ อย่าเพิ่งเข้าใจว่า มันเป็นของเป็นจริงเป็นจัง


    เนี๊ยะ เพราะไปหลงนิมิต ที่มโนภาพของตัวเอง
    จิตของตัวเองสร้างมโนภาพขึ้นมาเนี๊ยะ
    ไปถือว่าเป็นจริงเป็นจังแล้ว
    อย่างสมมุติว่า
    มองเห็น พระ ผู้วิเศษ หรือ อะไรก็ตามเดินเข้ามาหา
    นึกว่ามันเป็นจริง เลยน้อมจิตรับ พอน้อมจิตรับแล้ว
    ไอ้นั่น มันก็เข้ามากลายเป็น เป็นเรื่องทรงไป


    เนี๊ยะ มันเป็นทางที่เขวได้ง่ายที่สุด
    เพราะฉะนั้น
    ควรทำความเข้าใจว่า


    นิมิต หรือสิ่งที่รู้ทั้งหลายนี่


    เป็นจิตของเราปรุงแต่งขึ้นมาเองเท่านั้น


    ไม่ใช่สิ่งอื่นมาแสดงให้เห็น
     

แชร์หน้านี้

Loading...