ข้าวหมาก อาหารโปรไบโอติกแบบไทยๆ

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย talkjoss, 20 มกราคม 2013.

  1. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    [​IMG]

    ไม่นานมานี้มีข่าวการค้นพบคุณประโยชน์ในข้าวหมากว่ามีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือด ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แก้ปัญหาสิวฟ้าได้ และจัดเป็นอาหารโปรไบโอติก ทำให้ใครหลายคน หันมาให้ความสนใจกับอาหารชนิดนี้มากขึ้น

    แต่ก่อนที่จะไปรู้ว่าข้าวหมากนั้นช่วยบำรุงสุขภาพได้อย่างไร เรามารู้จักกับคำว่า โปรไบโอติกกันก่อน

    โปรไบโอติกคืออะไร
    โปรไบโอติก คืออาหารที่บรรจุจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ช่วยการสร้างความสมดุลให้กับลำไส้ โดยจุลินทรีย์เหล่านี้จะมีอยู่ร่างกายเราอยู่แล้ว และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หากอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมเป็นมากขึ้น โดยนำจุลินทรีย์เหล่านี้มาบรรจุในเครื่องดื่มเพื่อช่วยให้ระบบลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น

    โปรไบโอติก พบที่ไหนบ้าง
    โดยปกติ อาหารที่เหมาะสมกับการย่อยสลายของจุลินทรีย์โปรไบโอติกนั้น มีอยู่แล้วในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น อาหารเส้นใย ผักและผลไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กล้วยหอม แอปเปิ้ล มะเขือเทศ หน่อไม้ฝรั่ง หอมหัวใหญ่ กระเทียม ซึ่งจะเป็นอาหารชั้นดีของแบคทีเรียในลำไส้นั่นเอง

    โปรไบโอติกดีอย่างไร
    จุลินทรีย์ที่เป็นโปรไบโอติกหรือแบคทีเรียชนิดดีจะผลิตกรดอินทรีย์ช่วยในการขับถ่าย ทำให้กระดูกและเม็ดเลือดแข็งแรง ปรับความสมดุลให้กับแบคทีเรียในร่างกาย ช่วยให้การเผาผลาญปกติ นอกจากนี้ยังช่วยในการกำจัดสารก่อมะเร็ง ไวรัส อนุมูลอิสระต่างๆ ลดอาการอักเสบท้องเสีย กระเพาะอาหาร โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภูมิแพ้ โรคตับอักเสบ โรคตับ แผลสด แผลพุพอง
    แผลเน่าเปื่อยอีกด้วย


    ข้าวหมาก กับอาหารโปรไบโอติก


    จริงๆแล้วอาหารประเภทโปรไบโอติก ไม่ใช่มีแค่ในอาหารไทยเท่านั้น แต่ในอาหารประเภทอื่นๆก็มีจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์อยู่อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นกิมจิของเกาหลี นัตโตะหรือถั่วหมักของญี่ปุ่น แม้แต่โยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวที่เรารู้จักกันดี ก็มีส่วนผสมของโปรไบโอติกเช่นเดียวกัน

    ส่วนข้าวหมากอาหารไทย ๆ ของเรานั้นจะมียีสต์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์ มีธาตุสังกะสีมาก ซึ่งคุณประโยชน์ของสังกะสีนั้น จะช่วยในการบำรุงเลือด ผิวพรรณสดใส ไม่เป็นสิวหรือฝ้า ทั้งยังช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตให้กับเด็กอีกด้วย

    เห็นมั้ยว่าอาหารดีมีประโยชน์นั้นอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ราคาถูกและยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่ต้องไปเสียเงินซื้ออาหารราคาแพงๆแต่ได้คุณประโยชน์เท่ากันให้เสียเวลาอีกแล้วล่ะ
    :cool::cool:

    ขอบคุณข้อมูลจาก
    http://women.thaiza.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2013
  2. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    ประโยชน์ของข้าวหมาก

    ยังไม่มีใครเคยนึกถึงข้าวหมากว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ข้าวหมากมีรสหวานจากธรรมชาติ คือเชื้อราในลูกแป้งย่อยแป้งให้กลายเป็นน้ำตาลกลูโคส ซึ่งเป็นน้ำตาลที่ร่างกายนำไปใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องย่อยก่อนเหมือนน้ำตาลทราย ทำให้เมื่อรับประทานข้าวหมากแล้วจะรู้สึกสดชื่น เพราะได้น้ำตาลไปให้พลังงานกับร่างกายอย่างรวดเร็ว อีกทั้งแป้งที่ยังเหลือจากการย่อยก็สามารถให้พลังงานแก่ร่างกายได้เช่นเดียวกับการรับประทานข้าวตามปกติ และยังมีวิตามินต่างๆ จากข้าว ส่วนแอลกอฮอล์ที่มีอยู่นิดหน่อย ก็จะช่วยให้เลือดไหลเวียนคล่อง หากบริโภคเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดอุดตันได้เช่นเดียวกับการดื่มไวน์

    นอกจากนั้นในข้าวหมาก ยังมีเซลล์ยีสต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งมีวิตามินบีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และเป็นการเสริมโปรตีนให้กับข้าว ซึ่งปกติมีโปรตีนต่ำ การกินยีสต์นั้นไม่ใช่เรื่องแปลก คนออสเตรเลีย อังกฤษ จะรับประทานยีสต์ที่ทำเป็นครีมสำหรับทาหน้าขนมปังปิ้งเป็นอาหารเช้า ชาวฝรั่งเศสนำยีสต์เป็นๆ มาใส่แคปซูลทำเป็นยาแก้ท้องเสีย ส่วนคนไทยกินข้าวหมาก
    ประโยชน์ในแง่เศรษฐกิจก็คือการเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวไทย เพียงนำมาคลุกกับลูกแป้งใช้เวลาแค่ 3 วัน ก็เพิ่มมูลค่าได้หลายเท่า
     
  3. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    การผลิตข้าวหมากในปัจจุบัน

    การผลิตข้าวหมากก็ใช้วิธีเดียวกับการทำสาโท คือใช้ลูกแป้งคลุกกับข้าวเหนียวนึ่ง เชื้อราในลูกแป้งไม่สามารถย่อยแป้งดิบได้ จึงต้องนึ่งข้าวให้สุกก่อน นักวิชาการทั่วไปเชื่อว่าลูกแป้งข้าวหมากกับลูกแป้งเหล้าต่างกัน ถ้าในแง่ของคนปั้นลูกแป้งก็จะบอกว่าลูกแป้งข้าวหมากกับลูกแป้งเหล้าใช้สมุนไพรต่างกัน แต่ผมไม่เชื่อว่าแค่เพียงเปลี่ยนสมุนไพรบางชนิด จะทำให้เราได้เชื้อจุลินทรีย์ต่างกันจนทำให้ลูกแป้งเหล้าหมักข้าวแล้วได้เหล้า ส่วนลูกแป้งข้าวหมากหมักข้าวแล้วได้ข้าวหมาก คือเกิดแอลกอฮอล์น้อย มีกลิ่นหอม รสหวาน ผมเชื่อว่ามันเกิดจากความบังเอิญที่คนปั้นลูกแป้งคนนี้ ได้เชื้อจากธรรมชาติที่เหมาะสม แต่อีกคนได้เชื้อที่ไม่เหมาะ จึงทำให้คนทำข้าวหมาก ต้องเสาะแสวงหาลูกแป้งที่ดี บางคนยอมเสียเงินแพงๆ เพื่อเรียนเทคนิคการปั้นแป้งจากเกจิอาจารย์ที่มีแป้งดีๆ แต่หวงสูตรยิ่งกว่าหวงลูกสาว

    อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคนทำข้าวหมากจะใช้ลูกแป้งอะไร แต่การหมักใช้เวลาเพียง 3 วัน ถ้าลูกแป้งไม่แย่จริงๆ ก็จะได้ข้าวที่มีรสหวานและมีกลิ่นหอมของแอลกอฮอล์พอสมควร แต่ถ้าลูกแป้งนั้นมียีสต์ที่ใช้ทำเหล้า และไม่รีบนำข้าวหมากแช่ตู้เย็น ก็จะเกิดแอลกอฮอล์มากจนรสหวานลดลงและกลิ่นเหล้าฉุนมากขึ้น ดังนั้นการผลิตข้าวหมากจึงไม่มีอะไรยุ่งยาก เพียงคลุกกับลูกแป้งแล้วเมื่อเป็นข้าวหมาก ก็แช่ตู้เย็นเพื่อป้องกันคุณภาพเปลี่ยนแปลง แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีอายุการเก็บเพียงไม่กี่สัปดาห์
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    ไม่เคยทำรับประทานเลยค่ะ ว่างๆจะลองทำดูบ้าง
    ชอบซื้อทาน ด้วยเห็นว่าสะดวกดีค่ะ
     
  5. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    อิอิอิ...จริงๆข้าวหมากดูว่าทำง่าย แต่เคล็ดลับมีมากครับ

    การที่ข้าวหมากจะอร่อยหรือไม่ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย
    1. ชนิดของข้าวเหนียวและการหุง
    2. สูตรเด็ดของลูกแป้งที่นำมาหมัก
    3. อุณหภูมิ/ความชื้นในอากาศขณะที่ทำการหมัก
    ทุกส่วนมีความสัมพันธ์กันอย่างยิ่ง

    อาหารประเภทหมักที่เป็นโปรไบโอติคที่เด็ดขาดที่สุดคือ โยเกิร์ตจากนมแพะ ครับ

    ในตำนานของเจงกีสข่าน เมื่อไปรบกับชนเผ่าด้วยกันแต่พลาดท่าถูกธนูบาดเจ็บสาหัส หมอมีกองทัพแนะนำให้ไปหา "เหล้านมแพะ/คือ โยเกิร์ตนั่นแหละ) มากินให้ได้ไม่งั้นตายแน่

    กองทัพของเจงกืสข่านใช้ม้าเร็วเป็นพาหนะ ไม่มีเสบียงที่เป็นแพะติดมาด้วย
    จึงใช้ทหารมีฝีมือลอบเข้าไปขโมยโยเกิร์ตในค่ายศัตรูมาได้

    เพียง 3 วัน เท่านั้นเจงกีสข่านสามารถออกรบและได้รับชัยชนะในที่สุด

    สูตรนี้ถ้ามีโอกาสจะลองซะหน่อย...เผื่อว่าสำเร็จแล้วคงจะแก่ไม่เป็นเรย...นิ
    :cool:
     
  6. หนุงหนิง TRM

    หนุงหนิง TRM Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +78
    ชอบกินข้าวหมากเหมือนกันค่ะ ยิ่งแช่เย็นๆ ด้วยแล้ว อร่อยมาก ^^
    คุณแม่เคยทำอยู่ครั้งหนึ่ง แต่หมักไว้นานเกินกลายเป็นเหล้าอ่อนๆ กินไม่ได้เลยต้องทิ้ง
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    พี่คะ ถ้าจะไปเลิงนกทาเมื่อไร ติงขอเป็นของฝากนะคะพี่:cool:
     
  8. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    ดห....ครู ครับ

    ตกลงจะให้เอาอะไรมาฝาก ล่ะครับ

    ถ้าเป็นข้าวหมากมอญแถววัดกู้ อันนี้พอไหวแต่ไม่รู้ว่าไปถึงนครเลิงนกแล้ว
    ยังเป็นข้าวหมากหรือเป็นกระแช่.....แฮ่ๆๆๆ

    ส่วนโยเกิร์ตนมแพะ คงต้องไปเอาถึงเมืองอูลานบาร์ตอร์ เมืองหลวงของ มงโกเลียนอก บ้านเจงกิส ข่าน นะสิครับ
    ขณะนี้อากาศกำลังสบายคือ -20 องศา....เท่านั้นเอง...อิอิอิอิอิ (f)

    อันนี้คงนานหน่อย ล่ะครับ...คุณครู
    (smile)
     
  9. น้ำใสไหลเย็น

    น้ำใสไหลเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +4,452
    ท่านพี่ ช่วยอธิบายให้คำจำกัดความ ของคำว่า "เมรัย" ด้วยค่ะ

    วันก่อนมีเพื่อนที่ทำงานนำหมกข้าวหมาก มาเป็นของฝาก

    เพื่อนๆในที่ทำงานก็เอร็ดอร่อย หอมปากหอมคอกันไป

    ส่วนน้องยังติดสงกะสัยไม่หาย ว่า ข้าวหมากใช่ " เมรัย " รึป่าวคะ
     
  10. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    ของหมักดองที่ทำให้เกิดแอลกอฮอร์นับว่าเป็นเมรัยทั้งสิ้น ครับ

    จริงๆแล้วเมรัยคือ การหมักข้าวหรือผลไม้ให้เกิดเป็นแอลกอฮอร์และน้ำตาลโดยไม่ผ่า่นความร้อนหรือการกลั่น

    ส่วนสุราคือ เมรัยที่เอาไปกลั่นจนเป็นไอระเหยและควบแน่นลงมาเป็น "เหล้า" นั่นแหละ ครับ
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    5555
    เอาข้าวหมากที่พี่ทำเองค่ะ
    อยากชิมฝีมือ:cool:
     
  12. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    ไปอ่านมาค่ะ
    ....
    "สุรา (อังกฤษ: liquor หรือ spirit) หมายถึง น้ำเมาที่ได้จากการกลั่นสารบางประเภท อาทิ เอทิลแอลกอฮอล์ และเมรัย คือ นํ้าเมาที่เกิดจากการหมักหรือแช่ให้เกิดสารบางประเภท เมื่อดื่มแล้วสารนั้นจะออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง หากดื่มไม่มากอาจรู้สึกผ่อนคลายเนื่องจากสารกดจิตใต้สำนึกที่คอยควบคุมตนเองทำให้กล้าแสดงออกมากขึ้น แต่เมื่อดื่มมากขึ้นก็จะกดสมองบริเวณอื่น ๆ ทำให้เสียการทรงตัว พูดไม่ชัด จนแม้กระทั่งหมดสติในที่สุด ทั้งสุราและเมรัยเรียกโดยภาษาปากว่า "เหล้า""

    โดยส่วนตัว วินิจฉัยว่าข้าวหมากที่มีเฉพาะรสหวานไม่จัดเป็นเมรัยค่ะ
    ยกเว้นข้าวหมากที่หมักนานจนเกิดแอลกอฮอล์:cool:
     
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    จากพจจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ หน้า ๘๗๓
    เมรย - เมรัย[เมรยะ-] น. นำ้เมาที่เกิดจากการหมักหรือแช่ .น้ำเมาที่ไม่ได้กลั่น.(ป.).
     
  14. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    (||) อธิบายความได้ชัดเจน ครับ คุณครู (||)

    ทีนี้คงทราบแล้วว่า เมรัย ต่างกับ สุรา อย่างไร

    แต่ยังมีความลึกแต่ไม่ลับเกี่ยวกับเมรัยอีกหลายประการ เช่น

    1. เมรัยเป็นน้ำเมาที่มีราคาแพงที่สุดในโลก กล่าวคือ ไวน์นั่นเอง
    เพราะถ้ายี่ห้อดี ปีสากลนิยม ไวน์ขวดนั้นจะมีราคามากกว่าขวดละ 1 แสนบาท ถึง 3 แสนบาท นะครับ....อูย..ยยยยส์ (ถ้าซื้อมาคงกินไม่ลง แต่คงเก็บเอาไว้หยอดตา ....555555555
    2. เมรัยหลายชนิดโดยเฉพาะกระแช่สด เมื่อดื่มเข้าไปแล้วยีสต์ที่อยู่ในกระแช่ยังมีชีวิตอยู่ในกระเพาะของคนเราระยะหนึ่ง ทีนี้พอผู้ดื่มกินอาหารหวานเช่น ทองหยิบ ฝอยทอง เข้าไปภายหลัง เหล่ายีสต์ก็จะทำหน้าอย่างเที่ยงตรงคือ เอาน้ำตาลที่ลงมากลั่นเป็นแอลกอฮอร์อีกชั้นหนึ่ง

    จึงเป็นที่มาที่คุณครู เงยหน้า ล้มตึง นอนผึ่งพัดลม ด้วยประการฉะนี้....555555555555555
    (one-eye)
     

แชร์หน้านี้

Loading...