คนพาลร้อนกว่าทุกอย่าง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ผ่อนคลาย, 22 พฤศจิกายน 2005.

  1. ผ่อนคลาย

    ผ่อนคลาย Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    5,774
    ค่าพลัง:
    +12,932
    ว่าด้วยคนพาลร้อนกว่าทุกอย่าง

    [๑๕] ๑. ราตรีของคนผู้ตื่นอยู่นาน โยชน์ของคนล้าแล้วไกล สงสารของคนพาลทั้งหลาย ผู้ไม่รู้อยู่ซึ่งสัทธรรมย่อมยาว.


    ๒.
    ถ้าบุคคลเมื่อเที่ยวไป ไม่พึงประสบสหายผู้ประเสริฐกว่า ผู้เช่นกับ (ด้วยคุณ) ของคนไซร้พึงทำความเที่ยวไปคนเดียวให้มั่น เพราะว่า คุณเครื่องเป็นสหายย่อมไม่มีในเพราะคนพาล.


    ๓.
    คนพาลย่อมเดือดร้อนว่า บุตรทั้งหลายของเรามีอยู่ ทรัพย์ ( ของเรา) มีอยู่ ตนแลย่อมไม่มีแก่ตน บุตรทั้งหลายจักมีแต่ที่ไหน ทรัพย์จักมีแต่ที่ไหน.


    ๔.
    บุคคลใดโง่ ย่อมสำคัญความที่ตนเป็นคนโง่ บุคคลนั้นจะเป็นบัณฑิตเพราะเหตุนั้นได้บ้างส่วนบุคคลใดเป็นคนโง่ มีความสำคัญว่าตนเป็นบัณฑิต บุคคลนั้นแล เราเรียกว่าคนโง่.


    ๕. ถ้าคนพาล เข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตอยู่แม้จน
    ตลอดชีวิต เขาย่อมไม่รู้ธรรมเหมือนทัพพีไม่รู้รสแกงฉะนั้น.


    ๖.
    ถ้าวิญญูชนเข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตแม้ครู่เดียวเขาย่อมรู้แจ้งธรรมได้ฉับพลัน เหมือนลิ้นรู้รสแกงฉะนั้น.


    ๗.
    ชนพาลทั้งหลาย มีปัญญาทราม มีตนเป็นดังข้าศึก เที่ยวทำกรรมลามกซึ่งมีผลเผ็ดร้อนอยู่.


    ๘.
    บุคคลทำกรรมใดแล้ว ย่อมเดือดร้อนในภายหลัง เป็นผู้มีหน้าชุ่มด้วยน้ำตา ร้องไห้เสวยผลของกรรมใดอยู่ กรรมนั้นอันบุคคลกระทำแล้วไม่ดีเลย.


    ๙.
    บุคคลทำกรรมใดแล้ว ย่อมไม่เดือดร้อนในภายหลังเป็นผู้เอิบอิ่ม มีใจดีย่อมเสวยผลของกรรมใด กรรมนั้นแล อันบุคคลทำแล้วเป็นกรรมดี.


    ๑๐.
    คนพาลย่อมสำคัญบาปประดุจน้ำผึ้ง ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล ก็เมื่อใดบาปให้ผล เมื่อนั้นคนพาลย่อมประสบทุกข์.


    ๑๑.
    คนพาลพึงบริโภคโภชนะด้วยปลายหญ้าคาทุก ๆ เดือน เขาย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งท่านผู้มีธรรมอันนับได้แล้ว.

    ๑๒.
    ก็กรรมชั่วอันบุคคลทำแล้ว ยังไม่ให้ผลเหมือนน้ำนมที่รีดในขณะนั้น ยังไม่แปรไปฉะนั้นบาปกรรมย่อมตามเผาคนพาล เหมือนไฟอันเถ้ากลบไว้ฉะนั้น.


    ๑๓.
    ความรู้ย่อมเกิดแก่คนพาล เพียงเพื่อความฉิบหายเท่านั้น ความรู้นั้นยังหัวคิดของเขาให้ตกไป ย่อมฆ่าส่วนสุกกธรรมของคนพาลเสีย.


    ๑๔.
    ภิกษุผู้พาล พึงปรารถนาครามยกย่องอันไม่มีอยู่ ความแวดล้อมในภิกษุทั้งหลาย ความเป็นใหญ่ในอาวาส และการบูชาในตระกูลแห่งชนอื่น
    ความดำริย่อมเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้พาลว่า คฤหัสถ์และบรรพชิตทั้งสองจงสำคัญกรรมอันเขาทำเสร็จแล้วเพราะอาศัยเราผู้เดียว จงเป็นไปในอำนาจของเขา
    เท่านั้น ในกิจน้อยใหญ่กิจไร ๆ ริษยาและมานะย่อมเจริญ ( แก่เธอ).


    ๑๕.
    ก็ข้อปฏิบัติอันเข้าไปอาศัยลาภ เป็นอย่างอื่น ข้อปฏิบัติอันยังสัตว์ให้ถึงพระนิพพานเป็นอย่างอื่น (คนละอย่าง) ภิกษุผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าทราบเนื้อความนั้นอย่างนี้แล้ว ไม่พึงเพลิดเพลินสักการะ พึงตามเจริญวิเวก.

    จบพาลวรรคที่ ๕.



    ที่มา

    http://202.57.162.77/tripitaka/default.php?cat=4100018
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2005

แชร์หน้านี้

Loading...