คนแขวนเบี้ย.

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หยาดหมอก, 18 มิถุนายน 2012.

  1. หยาดหมอก

    หยาดหมอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +2,225
    ขอบคุณมากครับผม [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. ชาวประมง

    ชาวประมง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    4,657
    ค่าพลัง:
    +22,538
    ตอนนี้ใส่ตลับอลูมีเนียมแล้วใส่กระเป๋าสะพายประจำตัวครับ อิอิ
     
  3. หยาดหมอก

    หยาดหมอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +2,225
    เบี้ยแก้หลวงพ่อพรครับผม ยังไม่เคยแขวนบูชา เลยไม่รู้ว่าจะดีเหมือนของหลวงปู่เจือรึเปล่า

    รักยังไม่แข็งดีครับผม

    ลงรักหนาต้องรอราวๆสามเดือนครับ กว่าจะแข็งสนิท และดำวาว[​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,800
    สีทองนี่ลงเองหรือว่ามาจากวัดแบบนี้ครับ สวยดีครับ
     
  5. หยาดหมอก

    หยาดหมอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +2,225
    ปิดด้วยแผ่นทองเปลวครับผม [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    เบี้ยแก้หลวงพ่อพร มีแต่แบบหุ้มตะกั่วครับผม สองลูกนี้ผมถักเชือกแล้วก็ลงรักเองครับผม
     
  6. ธุลี-ดิน

    ธุลี-ดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2012
    โพสต์:
    12,650
    ค่าพลัง:
    +12,202
    เอามาฝาก จำไม่ได้ว่านำมาจากท่านใด


    ตัวเบี้ย เบี้ยตามความหมายของพจนานุกรม คือ ชื่อหอยน้ำเค็มกาบเดียวมีอยู่หลายชนิดผิวแข็ง ผิวเป็นมัน หลังนูนท้องแบนเรียกรวมๆว่า
    หอยเบี้ยแต่หอยชนิดที่นำมาทำเบี้ยแก้นี้ ท่านให้เอาเบี้ยจั่น เพราะคนโบราณท่านถือว่าเป็นวัตถุกลางที่ใช้สำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งของ ก่อนการใช้เหรียญกษาปณ์หรือธนบัตรใน
    ปัจจุบันแต่คำว่าเบี้ยก็ยังเป็นคำที่ใช้ แทนสื่อความหมายของเรื่องเงินๆทองๆมาจนถึงปัจจุบันนี้ เช่นเบี้ยเลี้ยง เบี้ยบำนาญ เบี้ยหวัด เบี้ยประกัน เป็นต้น เมื่อได้เบี้ยตามต้องการแล้วก็นำมาปลุกธาตุหรือปลุกเสกเพื่อเรียกวิญญาณคืนเบี้ย

    2. ปรอท เป็นธาตุโลหะลักษณะเป็นของเหลวสีเงิน สารประกอบปรอทเป็นพิษ แต่บางเบาเป็นยาโดยปริยาย หมายถึงอาการที่เป็นไปอย่างรวดเร็วว่องไว ปรอทที่นำมาบรรจุในเบี้ยแก้ครั้งนี้ เป็นปรอทที่ไปดักตามธรรมชาติ ผู้ที่เดินทางไปดักปรอทธรรมชาตินี้ ท่านเป็นอาจารย์ฆารวาสที่มีอำนาจจิตสูงท่านหนึ่ง ซึ่งได้มีโอกาสเดินป่าอยู่เป็นประจำ อีกทั้งท่านยังได้เล่าเรียนและสืบทอดวิชา การสร้างเบี้ยแก้นี้จากครูบาอาจารย์สายอีสานแถบลุ่มแม่น้ำโขงอีก ด้วย ท่านต้องใช้ความพยายาม และวิริยะ อุตสาหะ อย่างยิ่งที่จะนำปรอทมาถวายหลวงปู่ญาท่านสวน ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปดักปรอทในป่านั้น จะต้องบวงสรวงเจ้าป่าเจ้าเขา เทพยาดา เทวดาผู้พิทักษ์รักษาป่าแห่งนั้นเสียก่อน จึงจะเข้าไปดักปรอทได้ จากนั้นจึงนำไข่มาเสกด้วยคาถาไชดักปรอท แล้วใช้เข็มเจาะรูเล็กๆ คราวนี้จะต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวสังเกตว่าที่แห่งใดจะมีปรอทอาศัยอยู่ ซึ่งส่วนมากจะเป็นบริเวณที่มีซากพืชเน่าเปื่อย บริเวณที่มีปรอทจะสังเกตุเห็นเป็นพรายน้ำเรืองแสง เมื่อมั่นใจแล้วจึงนำใข่ที่เจาะรูแล้วไปฝังในดินบริเวณนั้นสัก 2-3 วัน จึงกลับมากู้ไข่ดักปรอท

    เมื่อมีปรอทอยู่ในบริเวณนั้นก็จะลงไปกินใข่เน่าแล้วจะออกไม่ได้เพราะได้ลง คาถาปิดปากไชเอาไว้ ในการดักแต่ละครั้งในไข่แต่ละฟองจะได้ปรอทเท่ากับหัวไม้ขีดสถานที่ที่ได้มา
    ของปรอทคือ ภูหางสง ภูงอย อยู่ในประเทศลาว และ ภูผักแพรว อ.ช่องแม็ก อุบลราชธานี เมื่อได้ปรอทจำนวนมากแล้วนำมาเทรวมกัน และบรรจุใส่ในกระเพาะวัวรัดปากใว้แล้วนำไปต้ม ผูกเชือกแขวนที่ปากปี๊ปสุมไฟตลอด พร้อมกันนั้นจะต้องสวดด้วยคาถาคุมปรอท ซัดว่านด้วยว่านคางคก ว่านทรหด และว่านอื่นๆ ที่ไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้ ทำจนปรอทแข็งตัวเป็นก้อน เป็นการกันไม่ให้ปรอทหนี ก่อนที่จะนำปรอทไปบรรจุในตัวเบี้ย ก็จะต้องนำปรอทที่แข็งตัวก้อนนั้นมาขยำด้วยน้ำมะนาวสด เพื่อล้างเอาขี้ปรอทออกอีกครั้ง จากนั้นปรอทที่แข็งตัวก็จะกลับเป็นของเหลวกลายเป็นปรอทบริสุทธิ์

    3. ขั้นตอนการบรรจุปรอทเข้าไปในตัวเบี้ย ในขณะบรรจุปรอทต้องภาวนาคาถากำกับ เช่น พุทธังบรรจุ อธิษฐานมิ
    ธัมมังบรรจุ อธิษฐานมิ สังฆังบรรจุ อธิษฐานมิ จากนั้นจึงปิดทับด้วยชันโรง

    4. ชันโรง คือชื่อผึ้งขนาดเล็ก ซึ่งมีลำตัวยาวไม่เกิน 10 มิลลิเมตร ชอบกินน้ำหวานจากเกสร ดอกไม้มัก
    อยู่รวมกันเป็นฝูง โดยปกติแล้วตัวชันโรงจะชอบอยู่ตามที่ที่มีความเงียบสงบไม่ชอบให้ใครรบกวน เมื่อถ่ายออกมาจะเป็นสีดำ มีความเหนียว และมีกลิ่นหอมน้ำหวาน ด้วยเหตุนี้เอง โบราณจารย์ท่านจึงนำมาปิดปากเบี้ยเพื่อกันปรอทไหลออกมา สำหรับชันโรงที่นำมาประกอบพิธีกรรมในครั้งนี้เป็น ชันโรงเพียงดิน ซึ่งเป็นชันโรงที่อยู่กลางแจ้ง ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ เชื่อกันว่าชันโรงชนิดนี้มีคุณในตัวเองและหายากมาก ก่อนนำไปปิดปากเบี้ยให้นำชันโรงมาเสกด้วยเสกด้วยคาถาเดียวกันกับคาถาบรรจุ ปรอท

    5. นำแผ่นตะกั่วบางๆ
    มาลงอักขระ ด้วยยันต์นะซ่อนหัว หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่านะใต้น้ำ ล้อมรอบด้วยธาตุสี่คือ นะมะพะทะ เสร็จแล้วจึงนำไปปิดทับปากเบี้ยอีกชั้นหนึ่ง

    6. เมื่อเสร็จตามขั้นตอนดังกล่าว
    แล้วให้นำมาปลุกเสกด้วยธาตุ จนปรอทแข็งตัวเป็นเม็ดจะสังเกตุได้ว่าก่อนนำมาปลุกเสกเมื่อเขย่าจะมีเสียง ดังขลุกๆเป็นเสียงน้ำกลิ้งไปกลิ้งมา แต่เมื่อปลุกเสกสำเร็จแล้วจะมีเสียงแซ็กๆคล้ายดั่งเสียงเม็ดทราย หรือบางตัวเสียงค่อนข้างทึบเพราะอาจมีปรอทมากไป

    7. จากนั้นจึงนำมวลสารมาบรรจุเพิ่มเติม คือผ้าอาบน้ำของหลวงปู่ ผงปถมังที่หลวงปู่ท่านเขียนและลบเอง ชานหมาก ผงพุทธคุณต่างๆ ผงแร่ใต้น้ำ แร่บนเขา เส้นเกศา ตะกรุด 1 ดอก เข็มโลกธาตุ 1 เล่ม ยังได้อัญเชิญ พระอุปคุตเถระ (เหรียญกลีบบัว ปี2540 เป็นเหรียญสุดยอดประสบการณ์) มาประดิษฐานอยู่บนตัวเบี้ย จากนั้นจึงทำการถักเชือกหุ้มตัวเบี้ย

    8. นำชันโรงแข็ง ซึ่งได้มาจากปล่องทางเดินของตัวชันโรง จากใต้น้ำและที่ขึ้นสู่อากาศ และ ชันโรงเพียงดินซึ่งอยู่กลางแจ้ง จะมีลักษณะแข็งคล้ายครั่ง แต่มีสีน้ำตาล นำมาตำให้ละเอียดกับตัวทำละลายให้เหลวเป็นน้ำ แล้วนำไปชุบตัวเบี้ย ผึ่งลมให้แห้ง

    9. นำเบี้ยทั้งหมดไปถวายให้หลวงปู่ญาท่านสวน อธิฐานจิต ปลุกเสกเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2547 เป็นอันเสร็จพิธี การสร้างเบี้ยแก้นั้นมีมาตั้งแต่โบราณกาล แต่จะมีเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ ใดไม่มีหลักฐานระบุอย่างแน่ชัด จุดมุ่งหมายในการสร้างเบี้ยแก้ของบูรพคณาจารย์ แต่ละสำนักนั้นมีจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน นั่นก็คือ เครื่องรางที่ใช้สำหรับป้องกันการทำคุณไสยยาสั่ง แก้เหตุร้ายให้กลับกลายเป็นดี อีกทั้งยังมีพุทธคุณทางด้านเมตตามหานิยมอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาดและป้องกันอันตรายทั้งปวง แต่สำหรับการสร้างเบี้ยแก้ของวัดนาอุดมในครั้งนี้ นอกจากจะมีจุดมุ่งหมายอันเดียวกันกับสำนักต่างๆแล้ว เบี้ยแก้ยังเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง ทำให้บังเกิดโชคลาภสักการะ เรียกทรัพย์ เรียกเงิน เรียกทอง สื่อถึงความร่มเย็นเป็นสุข อีกทั้งยังเป็นตัวแก้และกัน สิ่งชั่วร้ายต่างๆ ป้องกันภูตผีปีศาจ ผีพราย ป้องกันไข้ป่า ป้องกันสัตว์มีพิษต่างๆ ป้องกันตัวทากมิให้เกาะในขณะเดินป่า โดยเฉพาะผู้เดินป่าสมัยก่อนอันตรายมาก ในขณะนั่งทำภารกิจส่วนตัว พวกตัวทากจะกระโดดเกาะและดูดเลือด การสร้างเบี้ยแก้ในครั้งนี้นอกจากจะสร้างตามตำราที่กำหนดโดยเคร่งครัดแล้ว ยังได้เพิ่มมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ บรรจุในเบี้ยแก้เช่น ผ้าอาบน้ำหลวงปู่ญาท่านสวน ผงปถมังที่หลวงปู่ท่านลบเอง ผงชานหมาก ผงพุทธคุณต่างๆเส้นเกศา ผงแร่ใต้น้ำ ผงแร่บนเขาต่างๆ ตะกรุด1ดอก เข็มโลกธาตุ 1 เล่ม
    และที่สำคัญได้อัญเชิญ พระอุปคุตเถระ ผู้ปราบพญามารซึ่งเชื่อกันว่าท่านยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ และสถิตอยู่ ณ.วิมานแก้วเจ็ดชั้น ใต้สะดือทะเล ซึ่งมีกุ้งหอยปูปลาเป็นบริวาร มา
    ประดิษฐานที่ปากเบี้ยแก้ด้วยความมั่นใจและปรารถนาที่อยากให้เบี้ยแก้นี้ ทรงอนุภาพศักดิ์สิทธิ์ ปกป้องคุ้มครองและใว้เป็นสมบัติอันหวงแหนแก่ผู้ที่นำไปสักการะบูชา และจะเป็นที่สืบเสาะแสวงหาภายในอนาคตข้างหน้า เบี้ยแก้องค์ครู ด้านหลังปิดด้วยพระอุปคุต ตอกโค๊ตกันปลอม ถักเชือกหุ้มลงรักยางไม้ แบบนี้สร้างไว้น้อยมาก (แจกกรรมการ) มีทั้งถักแบบมีหูและไม่ไมีหู มักมีใช้กันเฉพาะหมู่ศิษย์ ส่วนเบี้ยแก้แบบธรรมดานั้นด้านหลังไม่มีพระอุปคุตครับถักเชือหุ้มหลังปิดหมด ฉะนั้นเบี้ยแก้องค์ครูนี้ต้องห้อยคอนะครับ ห้ามแขวนเอว

    พุทธานุภาพของเบี้ยแก้ใช้ได้สารพัดยิ่งกว่าฝอยท่วมหลังช้าง เป็นโชคลาภ ดูดเงินดูดทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ป้องกันอาถรรพ์ร้ายและภูตผีปีศาจ ขึ้นชื่อว่าเบี้ยแก้ แก้ได้ทุกชนิด เช่นแก้พิษ แก้ดวงตก แก้คุณไสย์ดำ ฯลฯ ยิ่งได้บารมีพระอุปคุตมาด้วยแล้วยิ่งแรงไปใหญ่ หาไว้ใช้ติดตัวเถิดดีแน่นอนครับ ไม่ต้องไปตามหาเบี้ยแก้พระเกจิดังในอดีตให้เหนื่อย ได้มาก็ดูไม่เป็นไม่มั่นใจ ใช้เบี้ยแก้รุ่นใหม่ของญาท่านสวนนี่แหละครับ รับรองไม่เป็นรองใคร



    เบี้ยแก้ถือได้ว่าเป็น เครื่องรางที่มีราคาสูง ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่นิยมของผู้ศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง
    เมื่อกล่าวถึงเครื่องรางชนิดนี้น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเซียนพระที่นิยมเบี้ยแก้
    จะทราบกันดีในแง่ของความเข้มขลังและสรรพคุณอันครอบคลุม ๑๐๘ อย่าง คุ้มครองป้องกันได้สารพัด ทั้งคุณไสย ภูตผีปีศาจ สิ่งชั่วร้าย อัปมงคลต่างๆ ไม่มีทางที่จะมาทำอันตรายกับผู้ที่มีเบี้ยแก้องค์ครูไว้ครอบครองได้เลย

    นอกจากนี้แล้วเบี้ยแก้องค์ครูยังให้คุณอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเมตตามหาเสน่ห์ โชคลาภ เรียกทรัพย์ อยู่ยงคงกระพัน และอื่นอีกมากมาย ถือได้ว่ามีเบี้ยแก้อยู่กับตัวเพียงอย่างเดียว ก็อุ่นใจไปทุกเรื่องเรื่อง

    เบี้ยแก้ คือเครื่องรางชนิดหนึ่งซึ่งมีอุปเท่ห์การใช้มากมายหลายอย่างทั้งกันและแก้ สิ่งชั่วร้ายเสนียดจัญไร คุณไสย ยาเบื่อ ยาเมา
    เสน่ห์ยาแฝด ไข้ป่า ไข้ป้าง ไข้ผีป่า ผีโป่ง ผีปอบ ต้องกระทำจากภูตผี ผีพราย ผีตายโหง กองกอยวิกลจริต จิตวิกลวิกาล วิญญาณและอุปทานหลอน ป้องกันสัตว์ที่มีพิษร้ายกาจ เช่นงู แมลงป่อง และยังทำให้เกิดโชคลาภอยู่ยงคงกระพันอีกด้วย
    แต่บางตำราก็ว่าเบี้ยแก้ คือโยนีพระแม่อุมาอุมา ที่ถือว่าเป็นของขลังที่ผีกลัวอยู่แล้ว

    หลวงปู่ญาท่านสวน ฉนฺทโร แห่งวัดนาอุดม อำเภอตาลสุม จังหวัดอุบราชธานี เป็นอริยสงฆ์ผู้เปี่ยมล้นความเมตตาที่ไม่เลือกชั้นวรรณะ
    เป็นพระที่มีวัตรปฎิบัติที่งดงาม เบี้ยแก้ของท่านเป็นหนึ่งในสิบของเกจิอาจารย์ที่สร้างเบี้ยแก้ที่ดักปรอท ธรรมชาติ

    วิธีการทำเบี้ยแก้ หลวงปู่ญาท่านสวน ฉนฺทโร
    ตำราการสร้างเบี้ยแก้ของหลวงปู่ญาท่านสวน ฉนฺทโร นั้นนอกจากจะให้คุณด้านป้องกันการทำคุณไสย ยาสั่ง แก้เหตุร้ายให้กลายเป็นดี
    มีพุทธคุณทางด้านเมตตามหานิยม อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด และป้องกันอันตรายทั้งปวง และให้โชคลาภ ยังถือว่าเบี้ยแก้เป็นสัญญลักณ์แห่งความมั่นคง ทำให้เกิดโชคลาภสักการะ เรียกทรัพย์ เรียกเงิน เรียกทอง สื่อถึงความร่มเย็นเป็นสุข ในการสร้างเบี้ยแก้องค์ครูนี้ นอกจากจะสร้างตามตำราที่กำหนดโดยเคร่งครัดแล้ว ยังได้เพิ่มมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆบรรจุเบี้ยแก้ เช่น ผ้าอาบน้ำชำระร่างกายหลวงปู่ญาท่านสวน ฉนฺทโร ผงปถมัง ที่หลวงปู่ลบเอง ผงชานหมาก ผงพุทธคุณต่างๆ เส้นเกศา ผงแร่ใต้น้ำ ผงแร่บนเขาต่างๆ ตระกรุดอก เข็มโลกธาตุ 2 เล่ม และที่สำคัญได้อัญเชิญ พระอุปคุตเถระ ผู้ปราบพญามารซึ่งเชื่อกันว่าท่านยังทรงชีพอยู่ และสถิตอยู่ในวิมารแก้ว ๗ ชั้น ใต้สะดือทะเลซึ่งมีกุ้ง หอย ปู ปลา เป็นบริวาร มาประดิษฐานที่ปากเบี้ยแก้ด้วยความมั่นใจและปรารถนาที่อยากให้เบี้ยแก้นี้ ทรงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ ปกป้องคุ้มครองและเป็นสมบัติอันหวงแหนแก่ผู้ที่นำไปเคารพสักการบูชาและเป็น ที่สืบเสาะแสวงหาภายอนาคตข้างหน้า

    ขั้นตอนการทำเบี้ยแก้หลวงปู่ญาท่านสวน

    1. ตัวเบี้ยแก้ ที่นำมาทำเบี้ยแก้นี้ท่านได้เลือกเอาเบี้ยจั่นมาปลุกธาตุ หรือ ปลุกเสกเพื่อเรียกวิญญาณคืนเบี้ย
    2. ปรอท ที่นำมาบรรจุในเบี้ยแก้ครั้งนี้เป็นปรอทที่ไปดักตามธรรมชาติ ซึ่งเรียกว่าปรอทธรรมชาติ
    3. ขั้นตอนการบรรจุปรอทเข้าในตัวเบี้ย ในขณะบรรจุปรอทต้องภาวนาคาถากำกับ จากนั้นจึงปิดทับด้วยชันโรง
    4. ชันโรง คือชื่อของผึ้งขนาดเล็กที่ทำรังอยู่ในที่แจ้ง แล้วนำมาปิดทับเพื่อป้องกันปรอทไหลอกมา
    5. แผ่นตะกั่ว นำแผ่นตะกั่วบางๆมาลงอักขระด้วยยันต์นะซ่อนหัว หรือ เรียกอีกอยางหนึ่งว่านะใต้น้ำ เสร็จแล้วจึงนำไปปิดทับปากเบี้ยอีกชั้นหนึ่ง
    6. เมื่อเสร็จตามขั้นตอนดังกล่าวแล้ว ให้นำมาปลุกเสกด้วยธาตุ จนปรอทแข็งตัวเป็นเม็ดทราย หรือเรียกว่า ปรอทเดิน
    7. จากนั้นได้นำมวลสารมาบรรจุเพิ่มเติม เช่น ว่าน ตระกรุด ผงแร่ใต้น้ำ มาใส่ไว้ที่ปากเบี้ยแก้ แล้วถักเชือกหุ้มเบี้ยไว้อีกชั้นหนึ่ง
    8. นำชนโรงแข็งคล้ายครั่ง มาชุบตัวเบี้ยแล้วผึ่งแดด ตากให้แห้ง
    9. เมื่อเสร็จทุกขั้นตอนแล้ว หลวงปู่ญาท่านสวน ฉนฺทโร ได้อธิฐานจิตอีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ 1 เมษายน 2547 เป็นอันเสร็จพิธี ก่อนนำไปให้ศิษย์ สักการบูชาต่อไป

    สุดยอดเครื่องราง เบี้ยแก้ปรอทธรรมชาติ หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม ปี 46 แบบมีห่วง สวยๆ หายากสุดๆ ประสพการณ์มากมาย อีกไม่นานจะกลายเป็นตำนานครับ
    <O:p</O:p<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2012
  7. victorvee

    victorvee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2010
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +2,693
    เห็นพี่ๆเอาเบี้ยมาโชว์ไว้จะถ่ายรูปมาโชว์บ้างนะครับ ตอนนี้เก็บเบี้ยอยู่หลายอาจารย์เหมือนกัน แต่ปัญหาล่าสุดคือเอาเบี้ยไปเลี่ยมแล้้วปรอททลักออกมาหน่อย เสียดายครับ
     
  8. หยาดหมอก

    หยาดหมอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +2,225
    ก็ยังใช้ได้ครับผม ถ้าปรอทยังอยู่ในเลี่ยม [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    ถ้าซึมไม่มากก็พอใช้ได้ แต่ถ้าไหลอยู่เรื่อยคงต้องแกะออกมาซ่อมครับ

    เบี้ยแก้สายอ่างทองค่อนข้างที่จะต้องดูแลมากหน่อยครับ ถ้าเป็นสายนครปฐม เค้าป้องกันหลายชั้น
     
  9. lavar181

    lavar181 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2012
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +659
    โชวซักนิ๊ด ไม่สวยเลยเพราะใช้งานหนักไปหน่อยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • R0014531.JPG
      R0014531.JPG
      ขนาดไฟล์:
      197.6 KB
      เปิดดู:
      517
    • R0014532.JPG
      R0014532.JPG
      ขนาดไฟล์:
      194.5 KB
      เปิดดู:
      382
  10. jaruwat007

    jaruwat007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +362
    มีของอาจารย์เจือ1ลูกครับ รับมากับมือ
     
  11. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,800

    เชือกคาดเอวสีเขียวนี้คุ้นๆนะเนี้ย เห็นแล้วบาดใจยิ่งนัก
     
  12. ธุลี-ดิน

    ธุลี-ดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2012
    โพสต์:
    12,650
    ค่าพลัง:
    +12,202

    ดูเชือกคาดเอวของผม สุดยอดกว่า บาดเอวเลย [​IMG]
     
  13. หยาดหมอก

    หยาดหมอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +2,225
    ความงามของเครื่องรางอยู่ที่ริ้วรอยแห่งกาลเวลาครับผม [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    ยิ่งใช้มากยิ่งงามมาก ยิ่งมีเหงื่อไคลมากยิ่งอบอุ่นเพิ่มขึ้นทุกที

    เบี้ยแก้ผุๆพังๆแขวนอยู่ติดตัว ย่อมเกิดประโยชน์มากกว่าเบี้ยแก้สวยงามที่เก็บไว้ในตู้ครับผม
     
  14. หยาดหมอก

    หยาดหมอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +2,225
    ของดียอดเยี่ยมจริงๆครับ [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    แวะมาเยี่ยมชมครับ ตระการตากับเบี้ยหลากหลายสำนักมากๆครับ
     
  16. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    เบี้ยแก้พระอาจารย์ปุ้ม วัดศาลาแดง
    ท่านเรียนเบี้ยกับหลวงตาเผือด วัดมะกอก ครับ

    เบี้ยเปลือยไร้ตะเข็บ

    [​IMG][​IMG]

    เบี้ยเปลือย ๓๒ ฟัน จัดชุดทำเบี้ยไปขอความเมตตาทำเป็นพิเศษครับ

    [​IMG][​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0017.JPG
      IMG_0017.JPG
      ขนาดไฟล์:
      34.5 KB
      เปิดดู:
      4,017
    • IMG_0020.JPG
      IMG_0020.JPG
      ขนาดไฟล์:
      47.9 KB
      เปิดดู:
      3,742
    • IMG_0002.JPG
      IMG_0002.JPG
      ขนาดไฟล์:
      36.8 KB
      เปิดดู:
      3,838
    • IMG_0003.JPG
      IMG_0003.JPG
      ขนาดไฟล์:
      38.4 KB
      เปิดดู:
      3,750
  17. Lose Way

    Lose Way เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +154
    สอบถามคุณหยาดหมอกหน่อยครับ เบี้ยแก้หลวงปู่เจือใส่กระเป๋ากางเกงได้หรือเปล่าครับ และตอนที่ทางวัดให้บูชาเบี้ยแก้ลูกละ 300 บาท ตอนนั้นมีของปลอมออกมาหรือยังครับ
     
  18. romegat

    romegat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +9,405
    [​IMG]
    บี้ยตัวที่ถักเชือกเขียวๆใช่ของหลวงพ่อทรง หรือเปล่าครับท่าน..
     
  19. lavar181

    lavar181 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2012
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +659
    ใช่ครับพี่ ของหลวงพ่อทรงครับ เคยขอให้ท่านช่วยห้ามฝนมาหลายรอบแล้วใช้ได้จริงๆ
    เบี้ยเปลือยเป็นของหลวงตาเผือดวัดมะกอก กันสิ่งไม่ดีได้จริงๆครับ แฟนผมมีมีอาการแสบร้อนตามแขนโดยไม่ทราบสาเหตุผมเลยให้ใช้เบี้ยแก้ของท่านลูบตามแขนผลคือหายแสบร้อนจริงๆ
    ตัวเล็กเป็นของหลวงพ่อโปร่งวัดท่าช้างครับ มีประสพการเรื่องเหนียวครับ
     
  20. phromprasit2012

    phromprasit2012 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +63
    เบี้ยสวยๆทั้งนั้นเลยครับ ขอบคุณที่นำมาให้ชมกันครับ:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...