ครุฑ ภุมมเทวา รุกขเทวา อากาสเทวา คนธรรพ์ วิทยาธร กุมภัณฑ์ ยักษ์ นาค

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย J.Sayamol, 18 กันยายน 2008.

  1. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    ครุฑ ภุมมเทวา รุกขเทวา อากาสเทวา อยู่ที่ไหน..เป็นชาวสวรรค์ชั้นใด ?

    พญาครุฑ คือใคร?

    *ครุฑ จัดเป็นเทวดาประเภทหนึ่ง อยู่ในการปกครองของท้าววิรุฬหก ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ด้านทิศใต้ เหตุที่มาเกิดเป็นครุฑเพราะทำบุญเจือด้วยโมหะ

    ครุฑมีกำเนิดทั้ง 4 แบบ คือ โอปปาติกะ ชลาพุชะ อัณฑชะ และสังเสทชะ มีที่อยู่ตั้งแต่พื้นมนุษย์ ป่าหิมพานต์ ป่าไม้งิ้ว จนถึงชั้นจาตุมหาราชิกา (ป่าไม้งิ้วอยู่ชั้นที่สองรอบภูเขาสิเนรุ ส่วนชั้นที่หนึ่งอยู่ในมหาสมุทรสีทันดร เป็นที่อยู่ของพญานาค)

    ครุฑชั้นสูง เกิดแบบโอปปาติกะ มีขนสีทอง มีเครื่องประดับแบบเทพบุตรเทพธิดา มีชีวิตอยู่เหมือนเทวดา แปลงกายได้ จะเสวยสุทธาโภชน์ คืออาหารทิพย์แบบเทวดา

    ครุฑบางประเภทผูกเวรกับนาค ก็จะกินนาคเป็นอาหาร บางประเภทก็กินผลไม้หรือเนื้อสัตว์ ครุฑบางประเภทผูกเวรกับสัตว์นรกในยมโลก ก็จะสมัครใจไปเป็นเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์สัตว์นรก

    เทวดาทั้ง 3 ประเภท เป็นเทวดาชั้นล่าง มีวิมานอยู่บนพื้นดินเดียวกันกับที่มนุษย์ อาศัยอยู่ เรียกชื่อตามที่อยู่ แต่ถือว่าเป็นชาวสรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้วย ภุมมเทวา

    เป็นเทวดาที่อาศัยอยู่บนพื้นมนุษย์ อยู่ตามจอมปลวก เนินดิน ใต้ดิน ภูเขาแม่น้ำ บ้าน เจดีย์ ศาลา ซุ้มประตู เป็นต้น บางองค์มีวิมานเป็นของตน บางองค์ก็ไม่มี ต้องอาศัยวิมานขององค์อื่นอยู่
    รุกขเทวา

    เป็นเทวดาที่อาศัยอยู่ตามกิ่งไม้หรือยอดไม้ต่างๆ ซึ่งสูงขึ้นไปกว่าพวก ภุมมเทวา มีทั้งที่มีวิมานและไม่มีวิมานเป็นของตน อากาสเทวา

    เป็นเทวดาที่มีวิมานอยู่กลางอากาศ สูงขึ้นไปจากพื้นดินประมาณ 1 โยชน์ (ประมาณ 16 กิโลเมตร)


    http://www.dmc.tv/pages/guide/page14.html<!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]


    ยักษ์ คือใคร ?

    *ยักษ์ คือ ผู้ที่เขาบูชาเซ่นสรวง หรือผู้ทำความพยายามให้เขาบูชาเซ่นสรวง ยักษ์มีหลายระดับ ตั้งแต่ยักษ์ชั้นสูง ยักษ์ชั้นกลาง ยักษ์ชั้นล่าง มีความละเอียดประณีตแตกต่างกันตามกำลังบุญ

    ถ้ายักษ์ชั้นสูง จะมีวิมานเป็นทอง มีรูปร่างสวยงาม มีเครื่องประดับ มีรัศมี แต่ผิวจะดำ ดำอมเขียว อมเหลือง ดำแดงก็มี แต่ว่าดำเนียน มีอาหารทิพย์ มีบริวารคอยรับใช้ ปกติไม่เห็นเขี้ยว เวลาโกรธจึงจะมีเขี้ยวงอกออกมา

    ยักษ์ชั้นกลาง ส่วนใหญ่จะเป็นบริวารคอยรับใช้ของยักษ์ชั้นสูง

    ส่วนยักษ์ชั้นต่ำที่บุญน้อยก็จะมีรูปร่างน่าเกลียด ผมหยิก ตัวดำ ตาโปน ผิวหยาบ เหมือนกระดาษทราย นิสัยดุร้าย

    ยักษ์เกิดได้ 3 แบบ คือ เกิดแบบโอปปาติกะ เกิดแล้วโตทันที ชลาพุชะ เกิดในครรภ์ และสังเสทชะ เกิดในเหงื่อไคล ที่อยู่ของยักษ์ ก็มีอยู่ตามถ้ำ ตามเขา ในน้ำ ในดิน พื้นมนุษย์ ในอากาศ และมีวิมานอยู่ที่เขาสิเนรุในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา พวกยักษ์จะอยู่ในการปกครองของท้าวเวสสุวรรณ หรือท้าวกุเวรมหาราชผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศเหนือ เหตุที่มาเกิดเป็นยักษ์เพราะทำบุญเจือด้วยความโกรธ มักหงุดหงิดรำคาญใจ




    ตัวอย่าง: ยักษ์ (vdo)
    ---------------------------------------------------
     
  3. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    คนธรรพ์ วิทยาธร กุมภัณฑ์ คือใคร ?

    *คนธรรพ์


    มี 3 ประเภท คือ คนธรรพ์ชั้นสูง คนธรรพ์ชั้นกลาง และคนธรรพ์ชั้นล่าง
    • คนธรรพ์ชั้นสูง มีวิมานอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เช่น ปัญจสิขเทพบุตร มีเทพธิดาประจำอยู่ในวิมาน
    • คนธรรพ์ชั้นกลาง เกิดอยู่ในป่าหิมพานต์ มีวิมานอยู่ในต้นไม้ และเป็นบริวารของ คนธรรพ์ชั้นสูง
    • คนธรรพ์ชั้นล่าง อยู่บนพื้นมนุษย์ สิงอยู่ในต้นไม้จำพวกไม้หอม เช่น นางตะเคียน นางตานี เป็นต้น
    คนธรรพ์มีความถนัดในการดนตรี การละคร ระบำรำฟ้อน ศิลปะ วรรณกรรม กวีนิพนธ์ เมื่อมีเทวสมาคมครั้งใด คนธรรพ์มักทำหน้าที่ขับกล่อมให้ความสำราญแก่ หมู่ทวยเทพทั้งหลาย คนธรรพ์นี้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ทำบุญเจือด้วยกามคุณ


    *วิทยาธร

    เป็นพวกที่ทรงความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ มีศิลปศาสตร์ 18 ประการ เช่น โหราศาสตร์ แพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เป็นต้น พวกนี้เหาะได้ มีเวทมนตร์ คาถา อาคมต่างๆ วิทยาธรมีรูปร่างหลากหลาย อยู่แบบเดี่ยวก็มี อยู่เป็นหมู่เป็นกลุ่มก็มี กุมภัณฑ์

    มีรูปร่างแปลก หน้าตาพองๆ เป็นยักษ์ประเภทหนึ่งแต่ไม่น่ากลัวเหมือน ยักษ์ ไม่มีเขี้ยว ผมหยิกๆ ผิวดำ ท้องโต พุงโร กุมภัณฑ์มีตั้งแต่ชั้นสูงจนถึงชั้นล่าง มีหน้าที่ลงไปทรมานสัตว์นรกในยมโลก

    ทั้งคนธรรพ์ วิทยาธร กุมภัณฑ์ เป็นเทวดาที่อยู่ในการดูแลของท้าวธตรฐ ผู้ปกครอง สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศตะวันออก


    ---------------------------------------------------
    * มก. คันธัพพกายสังยุต เล่ม 27 หน้า 573
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2008
  4. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    พญานาค คือใคร ?

    *พญานาค เป็นราชาแห่งงู จัดเป็นเดรัจฉานด้วย เพราะมีลำตัวไปทางขวางและไม่สามารถบรรลุธรรมได้ แต่ก็จัดอยู่ฝ่ายสุคติภูมิ อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา นาคแบ่ง ออกเป็น 4 ตระกูลใหญ่ คือ
    • ตระกูลวิรูปักษ์ พญานาคตระกูลสีทอง
    • ตระกูลเอราปถ พญานาคตระกูลสีเขียว
    • ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลสีรุ้ง
    • และตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลสีดำ
    **พญานาคเกิดได้ทั้ง 4 แบบ คือ แบบโอปปาติกะเกิดแล้วโตทันที แบบสังเสทชะ เกิดจากเหงื่อไคล สิ่งหมักหมม แบบชลาพุชะเกิดจากครรภ์ แบบอัณฑชะเกิดจากฟองไข่ พญานาคชั้นสูงเกิดแบบโอปปาติกะ เป็นชนชั้นปกครอง ที่อยู่ของพญานาคมีตั้งแต่ในแม่น้ำ หนอง คลอง บึงต่างๆ ในอากาศ จนไปถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา พวกพญานาคอยู่ ในการปกครองของท้าววิรูปักษ์ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศตะวันตก เหตุที่มาเกิดเป็นพญานาคเพราะทำบุญเจือด้วยราคะ

    ---------------------------------------------------
    * มก. ขุททกวัตถุขันธกะ เล่ม 9 หน้า 11
    ** มก. นาคสังยุต เล่ม 27 หน้า 556
     
  5. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ที่นำสาระ ดี ๆ มาให้อ่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p


    _____________________________<O:p</O:p
    เชิญร่วมบริจาคหนังสือ เข้าห้องสมุดชุมชนวัดย่านยาว<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthread.php?t=130823<O:p</O:p
     
  6. Sujinno

    Sujinno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +90
    อนุโมทนา ด้วย
    น่าจะบรรยายสวรรค์ให้ครบทั้ง 6 ชั้น ส่วนพระยานาคทั้ง 4 มีในบทสวด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2008
  7. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ปักหมุดให้ละกันครับ ทำแนะนำแบบภาพไม่ไหว ชื่อยาวเกิน หาภาพยากด้วย หุหุ
     
  8. เลอสันติ์

    เลอสันติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +141
    สวรรค์ หรือวิมานของเทพยดามี ๖ ชั้น เรียกว่า ฉกามาพจร

    ๑. สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา สวรรค์ชั้นต่ำสุด ตั้งอยู่เหนือจอมเขายุคันธร ซึ่งเป็นภูเขาที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ อยู่สูงกว่าแผ่นดินขึ้นไปเบื้องบน ๓๒๖,๐๐๐,๐๐๐ วา คิดเป็นโยชน์ได้ ๔๖,๐๐๐ โยชน์ มีเมือง ๔ เมือง มีความกว้างยาวเท่ากัน คือ ๔๐๐,๐๐๐ วา กำแพงล้อมรอบประกอบด้วยแก้ว ๗ ประการ สูง ๘,๐๐๐ วา บานประตูทำด้วยแก้ว มีปราสาททองอยู่เหนือประตูทุกด้าน แผ่นดินเป็นแผ่นดินทองคำ แวววาวงดงาม ราบเรียบเหมือนหน้ากลอง เหมือนปูด้วยผ้า แก้วที่ประดับพื้นนั้นถ้าเหยียบลงไปก็อ่อนนุ่มยุบลงเล็กน้อย แล้วก็เต็มขึ้นมาเหมือนเดิม ไม่ปรากฏรอยเท้าที่เหยียบ น้ำใสยิ่งกว่าแก้ว มีดอกบัว ๕ ชนิดบานสะพรั่ง น้ำมีกลิ่นหอมราวกับอบไว้ มีดอกไม้ต้นไม้งามเลิศ มีผลไม้รสอร่อยตลอดปี

    เทพยดา ในสวรรค์ชั้นนี้มีอาหารทิพย์ อาหารแห้ง หายเข้าสู่ร่างกาย ไม่มีกากมูลอุจจาระ ปัสสาวะ ไม่เจ็บป่วย อยู่กับครอบครัวลูกเมียเป็นสุขสบาย เทพยดานั้นจะย่อตัวขยายตัวได้ตลอด รูปโฉมโนมพรรณจะสดใสเป็นหนุ่มสาวอยู่ราว ๑๖ ปีตลอด ร่างกายบริสุทธิ์สะอาดหอมอยู่ตลอดเวลา ปราศจากมลทินใดใด

    จาตุมหาราชิกา มีเทพยดาผู้เป็นใหญ่ คือ พระยาจตุโลกบาล ปกครองเหล่าเทพยดา ครุฑ นาค และยักษ์ทั้งหลาย คือ ท้าวธตรฐ ทิศตะวันออก ท้าววิรูปักข์ ทิศตะวันตก ท้าววิรุฬหก ทิศใต้ ท้าวไพรศรพณ์ ทิศหนือ

    ผู้เกิดเป็นเทพยดาได้ ต้องกระทำบุญไว้มากพอ

    ๒. สวรรค์ชั้นดาวดึงษา เป็นสวรรค์ชั้นที่อยู่เหนือจาตุมหาราชิกาขึ้นไปอีก ๓๓๖,๐๐๐,๐๐๐ วา อยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ เป็นที่อยู่ของพระอินทร์ สวรรค์ชั้นนี้ มีอาณาเขตกว้าง ๘,๐๐๐,๐๐๐ วา มีเมืองชื่อไตรตรึงษ์ มีประตู ๑,๐๐๐ ประตู มีกำแพงแก้วล้อมเมือง ทุกประตูมียอดปราสาทแก้วงดงามวิจิตรพิสดารเวลาเปิดปิดประตู จะมีเสียงดังไพเราะราวกับดนตรี

    กลางนครไตรตรึงษ์ มีไพชยนต์ปราสาท สูง ๒๕,๖๐๐,๐๐๐ วา งดงามด้วยแก้ว ๙ ประการ เป็นที่ประทับของพระอินทร์

    ทิศตะวันออก มีสวนทิพย์ ชื่อ นิภาวัน มีอาณาเขต ๘๐๐,๐๐๐ วา มีกำแพงแก้วล้อมรอบ มีปราสาทแก้วเหนือประตูทุกประตู มีอุทยาน ซึ่งมีสมบัติทิพย์ ต้นโสออกดอกมาก มีสระใหญ่ชื่อ นันทาโบกขรณีน้ำใสเหมือนแก้วอิภานิล (สีฟ้าเข้ม) มีแท่นแก้ว ๒ แท่น ชื่อ นันทปริฐิปาสาณ และ จุลนันทาปริฐิปาสาณ แผ่นหินแก้วมีรัศมีรุ่งเรือง เวลาจับต้องจะนุ่มราวกับแผ่นหนังเหน

    ทิศใต้ มีอุทยาน ผารุสกวัน (ปารุสกวัน) อาณาเขต ๕,๖๐๐,๐๐๐ วา มีกำแพงแก้วและปราสาทเหนือประตู มีสระใหญ่ชื่อ ภัทรโบกขรณี สุภัทราโบกขรณี ริมฝั่งสระมีหินแก้ว ๒ ก้อน ชื่อเดียวกับสระ หินอ่อนนุ่ม

    ทิศตะวันตก มีอุทยานจิตรลดา อาณาเขต ๔๐๐,๐๐๐ วา มีสระ จิตรลดาโบกขรณี และ จุลจิตรลดาโบกขรณี มีแผ่นหินแก้ว ชื่อ จิตรปาสาณ

    ทิศเหนือ มีอุทยานใหญ่มิสกวัน ต้นไม้ดอกไม้งดงามราวกับตกแต่งไว้ มีกำแพงแก้วและยอดปราสาททุกประตู อาณาเขต ๔๐,๐๐๐ วา มีสาระใหญ่ชื่อ ธรรมาโบกขรณี และ สุธรรมาโบกขรณี แผ่นดินแก้วชื่อ ธรรมาปริฐิปาสาณ และ สุธรรมาปริฐิปาสาณ

    ทิศตะวันออก มีสวนใหญ่ ชื่อ มหาพน กำแพงล้อมรอบเป็นทองคำ มีปราสาทแก้วเหนือประตู อาณาเขต ๖๐๐,๐๐๐ วา มีปราสาททองคำ สวนมหาวัน สวนนันทวัน มีแท่นแก้ว กลดแก้วกางเหนือแท่นมีรถไพชยนต์ มีม้าแก้วเทียมรถทองคำ มีสร้อยมุกดาประดับพร้อมมาลัยดอกไม้ทิพย์ เวลาลมพัดได้ยินเสียงราวฆ้องกลองแตรสังข์ที่เทวดาบรรเลงในชั้นฟ้า

    ที่เขาพระสุเมรุ มีช้างทรงของพระอินทร์ ชื่อช้างเอราวัณ สูง ๑,๒๐๐,๐๐๐ วา มีเศียร ๓๓ เศียร เมื่อเวลาพระอินทร์จะประทับ ช้างจะเนรมิตกายสูงใหญ่ บนเศียรมีวิมาน มีปราสาท มีอุทยาน มีนางฟ้าร่ายรำ ช้าง ๓๓ เศียร มีงา ๒๓๑ งา สระ ๑,๖๑๗ สระ กอบัว ๑๑,๓๑๙ กอ ดอกบัว ๗๙,๒๓๓ ดอก ๕๕๔,๖๓๑ กลีบ นางฟ้าร่ายรำ ๓,๘๘๒,๔๑๗ นาง บริวารอีก ๒๗,๑๗๖,๙๑๙ นาง

    ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้ยังมีคำอธิบายความงามมหัศจรรย์พันลึกมาก เช่น มีสระ มีพระจุฬามณีเจดีย์ มีต้นปาริชาต (ดอกทองหลาง) ๑๐๐ ปี ดอกจึงจะบาน ดอกที่บานมีแสงสว่างรุ่งเรืองแผ่รัศมีไปไกลถึง ๘๐๐,๐๐๐ วา

    ๓. สวรรค์ชั้นยามา สูงขึ้นไปจากดาวดึงส์ ๖๗๐,๐๐๐,๐๐๐ วา หรือ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ มีปราสาทแก้ว ปราสาททองเป็นวิมาน กำแพงแก้วล้อมรอบ มีอุทยานแก้ว สระโบกขรณี เทวดาในชั้นนี้มีหน้าตารุ่งเรือง กายสูง ๘,๐๐๐ วา ผู้เป็นใหญ่คือ ท้าวสยามเทวราช ไม่มีแสงอาทิตย์เพราะอยู่สูงมาก เทวดามองเห็นสรรพสิ่งได้ด้วยแสงรัศมีจากแก้วทั้งหลาย และรัศมีกายของเทวดาเอง จะรู้ว่าเช้าหรือค่ำ ดูได้จากดอกไม้ทิพย์ ถ้าเห็นดอกไม้บาน คือรุ่งเช้า ถ้าหุบเป็นเวลากลางคืน อายุเทพยดาในชั้นฟ้านี้ยืนถึง ๒๐๐ ปีทิพย์ หรือ ๑๔๔,๐๐๐,๐๐๐ ในเมืองมนุษย์

    ๔. สวรรค์ชั้นดุสิต สูงขึ้นไปจากยามา ๑,๓๔๔,๐๐๐,๐๐๐ วา หรือ ๑๖๘,๐๐๐ โยชน์ มีปราสาทแก้ว ปราสาททองเป็นวิมาน กำแพงแก้วล้อมรอบ มีความกว้างและสูงกว่าในสวรรค์ชั้นยามา มีสระ สวนสนุกยิ่งใหญ่งดงามรื่นรมย์เหมือนสวรรค์ชั้นอื่นๆ ผู้เป็นใหญ่ชื่อ พระสันดุสิตเทพยราช เทพยดาในชั้นนี้ รู้บุญ รู้ธรรม พระโพธิสัตว์ก่อนเสด็จมาเป็นพระพุทธเจ้าก็สถิตสร้างสมบารมีในชั้นฟ้านี้ อายุเทวดาในชั้นนี้ ยืน ๔,๐๐๐ ปีทิพย์ หรือ ๕๗๖,๐๐๐,๐๐๐ ปีเมืองมนุษย์

    ๕. สวรรค์ชั้นนิมมานนรดี สูงขึ้นไปอีก ๒,๖๘๘,๐๐๐,๐๐๐ วา หรือ ๓๓๖,๐๐๐ โยชน์ มีสิ่งอำนวยความสุขเหมือนทุกชั้น มีความงดงามยิ่งขึ้นไปอีก เทพยดาในชั้นนี้มีความสุขสมบูรณ์มาก ปรารถนาสิ่งใดจะเนรมิตได้ตามความพอใจ

    ๖. สวรรค์ชั้นปรนิมิตวสวัตตี เป็นสวรรค์ชั้นสูงสุด ประเสริฐด้วยสุขสมบัติยิ่งกว่าชั้นฟ้าทั้งหลาย หากปรารถนาสิ่งใด เช่น อาหารทิพย์ ก็จะมีเทพยดาองค์อื่นคอยเนรมิตให้ทุกประการ สวรรค์ชั้นนี้ มีผู้เป็นใหญ่ ๒ องค์ คือ ปรนิมิตวสวัตตีเทวราช เป็นใหญ่ฝ่ายเทพยดา และพระยามาราธิราชเป็นใหญ่ฝ่ายมาร

    การสิ้นชีวิตของเทพยดา มี ๔ อย่าง

    ๑. อายุขัย ได้แก่ สิ้นชีวิตตามอายุในชั้นฟ้านั้น

    ๒. บุญญขัย สิ้นบุญก่อนถึงกำหนดอายุขัยในชั้นฟ้านั้น

    ๓. อาหารขัย สิ้นชีวิตเพราะสนุกจนลืมกินอาหาร

    ๔. โกธาพละ สิ้นชีวิตเพราะความโกรธ ซึ่งหัวใจจะกลายเป็นไฟไหม้ตนเอง

    ก่อนเทพยดาจะจุติ (สิ้นชีวิต) จะมีนิมิต ๕ ประการ คือ

    ๑. เห็นดอกไม้ในวิมานของตนเหี่ยวและไม่หอม

    ๒. ผ้าทรงดูหม่นหมอง

    ๓. อยู่ไม่มีความสุข มีเหงื่อไคลไหลจากรักแร้

    ๔. อาสนะร้อน และแข็งกระด้าง

    ๕. กายของเทพยดานั้นเหี่ยวแห้ง เศร้าหมอง ไม่มีรัศมี

    เรื่องสวรรค์เป็นเรื่องของความเชื่อ ซึ่งคนโบราณมุ่งจะปลูกฝังสั่งสอนให้คนประพฤติดี ประพฤติชอบ ไม่กระทำบาป คือ ละความโลภ ละความโกรธ ละความหลง เพื่อให้ได้เป็นเทวดาเสวยสุขสมบัติ อยากไปชั้นไหนก็เลือกกันเอาเองนะครับ

    http://www.pantown.com/board.php?id=14227&name=board1&topic=61&action=view
     
  9. เลอสันติ์

    เลอสันติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +141
    ทำบุญอะไรจึงได้ไปสวรรค์ในแต่ละชั้น?

    สวรรค์ คือ ภูมิอันเป็นที่อยู่ของเทวดา เป็นโลกที่อยู่อาศัยของกายละเอียดอันเป็นทิพย์ ที่มีรัศมีสว่างไสวรอบกายตลอดเวลา มีทั้งหมด 6 ชั้น

    เหตุที่ทำให้มาเกิดเป็นเทวดาเพราะได้ สร้างบุญกุศลไว้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ เมื่ออุบัติขึ้นก็ตั้งอยู่ในวัยหนุ่มสาวทันที งดงามตลอดเวลา จนกว่าจะถึงเวลาจุติ ไม่มีความแก่บังเกิดขึ้นเหมือนในเมืองมนุษย์

    วิมานปราสาท คือที่อยู่อาศัยของเทวดา ล้วนมีความวิจิตรงดงาม มีขนาดแตกต่างกัน มี ความเป็นอยู่สะดวกสบาย มีอาหารทิพย์บังเกิด ขึ้น มีบริวารคอยรับใช้ใกล้ชิด เสื้อผ้าเป็นทิพย์ วิจิตรงดงาม บังเกิดขึ้นให้สวมใส่ กิจกรรมแต่ละวันก็มีการเที่ยวเพลิดเพลินบันเทิงอยู่กับการชมสวน

    การสังสรรค์กันระหว่างทวยเทพทั้งหลาย ส่วนจะอุบัติขึ้น ณ สวรรค์ชั้นไหน เป็น เทวดาประเภทใด และอยู่ในฐานะอะไรนั้น ก็ ขึ้นอยู่กับบุญที่ตัวเองสั่งสมมาเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ ซึ่งได้มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 37 เรื่อง ทานสูตร สรุปย่อได้ดังนี้ ---------------------------------------------------
    * มก. อุโปสถสูตร เล่ม 34 หน้า 382

    1. เกิดบนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา

    มีจาก หลายสาเหตุ คือ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ทำบุญไม่ค่อยเป็น ไม่รู้หลักการทำบุญ และไม่ค่อยได้สั่งสมบุญ นาน ๆ ทำครั้งหนึ่ง เมื่อทำก็ทำน้อย หรือทำบุญเอาคุณ บุญที่ได้ก็ไม่บริสุทธิ์ ไม่สมบูรณ์ บาปในตัวก็มีอยู่ แต่ว่าบุญมากกว่า เมื่อละโลกใจนึกถึงบุญก่อนก็ไปสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่ ณ เชิงเขาสิเนรุ สวรรค์ชั้นนี้จะมีความหลากหลายมากที่สุด เพราะอยู่ใกล้ชิดกับพื้นมนุษย์มากกว่าสวรรค์ชั้นอื่น ๆ และมีบางส่วนที่มีที่อยู่ซ้อนกับภูมิมนุษย์ ที่ได้ชื่อสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เพราะมีเทพผู้เป็นใหญ่ครองสวรรค์ชั้นนี้อยู่ 4 ท่าน คือ ท้าวธตรฐ ปกครองเทวดา 3 พวก ได้แก่ คนธรรพ์ วิทยาธร กุมภัณฑ์ ท้าววิรุฬหก ปกครองพวกครุฑ ท้าววิรูปักษ์ ปกครองพวกนาค ท้าวเวสสุวรรณ ปกครองพวกยักษ์

    2. เกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

    คือเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ทำบุญเพราะเห็นว่าเป็นสิ่งดีงาม เป็นสิ่งที่ควรทำ กระทำแล้วก็สั่งสมบุญ สั่งสมเทวธรรม มีหิริ โอตตัปปะด้วย เมื่อละโลกก็จะไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าตัดของเขาสิเนรุ ที่ชื่อว่า "ดาวดึงส์" เพราะเป็นที่อยู่ของเทพผู้ปกครองภพถึง 33 องค์ โดยมีท้าวสักกเทวราช หรือพระอินทร์ เป็นประธาน และที่สำคัญมีพระธาตุจุฬามณี ซึ่งทุกวันพระเทวดาจะมาประชุมกันที่สุธรรมาเทวสภา เพื่อรับฟังโอวาทจากท้าวสักกะ

    3. เกิดบนสวรรค์ชั้นยามา

    คือเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ทำบุญเพราะอยากจะสืบทอด และรักษาประเพณีแห่งความดีงามนั้นไว้ ทำนองว่าวงศ์ตระกูลสร้างสมความดีมาอย่างไรก็อยากจะรักษาประเพณีไว้ หรือผู้หลักผู้ใหญ่สอนอย่างไร บรรพบุรุษทำมาอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ทำกันไปตามธรรมเนียม เช่น เห็น ปู่ย่าสร้างโบสถ์ บำรุงวัด สร้างพระประธาน ก็ทำตามนั้นด้วย หรือพระภิกษุที่รักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ที่พระต้องมีหน้าที่รักษาพระพุทธศาสนา เมื่อละโลกแล้ว ส่วนใหญ่จะไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ขึ้นไป

    4.เกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิต

    หรือในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันเรียกกันว่า ดุสิตบุรี คือ เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ ทำบุญเพื่อปรารถนาสงเคราะห์โลก ปรารถนาให้ชาวโลกมีความสุข มีความคิดที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เพื่อตนเองอย่างเดียว แต่เพื่อสงเคราะห์โลก เพื่อนมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลายด้วย เมื่อละโลกแล้วก็จะไปสวรรค์ ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงถัดจากสวรรค์ชั้นยามาขึ้นไป

    5.เกิดบนสวรรค์ชั้นนิมมานรดี

    คือ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เห็นผู้อื่นทำบุญแล้วได้รับ การยกย่อง ส่งเสริม จึงอยากจะทำบุญนั้นบ้าง อยากจะเป็นอย่างนั้นบ้าง เมื่อละโลกแล้ว จะไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นดุสิตขึ้นไป

    6.เกิดบนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี


    คือเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ทำบุญด้วยความเลื่อมใส เคารพในทาน ทำแล้วมีความรู้สึกปลื้มใจ ในบุญที่ทำนั้น เมื่อละโลกแล้วจะบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นนิมมานรดีขึ้นไป

    ความเป็นอยู่ของชาวสวรรค์แต่ละชั้น จะมีความประณีตยิ่ง ๆ ขึ้นไปตามลำดับชั้น ถ้าใครทำบุญมามาก จนครบทุกอย่างดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ปรารถนาจะไปอยู่ ณ ที่ใด ก็สามารถจะไปสวรรค์ชั้นที่ต้องการได้ เหตุแห่งการกระทำที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นสาเหตุหลัก ๆ เป็นภาพรวมของการทำบุญที่ทำให้ไปเกิดในสวรรค์ในแต่ละชั้นแต่อาจ จะมีองค์ประกอบ และปัจจัยอย่างอื่นเสริมอีกด้วย

    http://www.pantown.com/board.php?id=14227&name=board1&topic=61&action=view

     
  10. Sujinno

    Sujinno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +90
    อนุโมทนา
    ในเมื่อสวรรค์เป็นที่อยู่ของผู้ประกอบบุญ
    อยากถามว่า ทำไม สวรรค์ชั้น ที่ ๖ ผู้เป็นใหญ่ คือ พระยามาร
     
  11. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    การที่จะไปจุติบนสวรรค์ได้ ไม่ใช่เพียงแต่เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์เท่านั้นนะคะ เพียงแต่ว่าวาระสุดท้ายของลมหายใจ จิตได้ระลึกถึงบุญ และหากในตอนที่มีชีวิตอยู่นั้นได้มีการบำเพ็ญบารมีมาบ้าง ก็สามารถที่จะขึ้นไปจุติเป็นเทวดาได้

    ส่วนมารที่อยู่บนสวรรค์นั้นก็เช่นเดียวกัน เคยได้ยินเรื่องเทพฝ่ายขาว คือ "เทวดา" และเทพฝ่ายดำ คือ "มาร" มั๊ยคะ?? เพราะท่านเหล่านี้ได้เคยมีการทำบุญ และจิตระลึกได้ในลมหายใจสุดท้าย ผลบุญ ผลกรรม จึงดลให้ไปเกิดไปเป็นค่ะ...
     
  12. 1redstar

    1redstar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    622
    ค่าพลัง:
    +1,368
    แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ได้แสวงหาบุญ
    และสังคมมนุษย์ไม่ใช่สังคมบุญนิยมซะด้วย
    มนุษย์ต่างชอบสะสมทุน และอำนาจ
    ไม่เห็นจะสนใจสะสมบุญเลย เห็นว่าไร้สาระ
    บุญนิยม กับทุนนิยมมันดูเป็นคนละเรื่อง
    ทุนนิยมเห็นในชาตินี้
    บุญนิยมส่งผลตอบแทนในชาติหน้า จึงมองไม่เห็น
    พี่-น้องอยากให้สังคมเราเป็นแบบไหนล่ะ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2008
  13. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +782
    คงเคยทำบุญใหญ่มาก แต่ยังประกอบด้วยมิจฉาทิฐฐิอยู่ เคยได้ยินว่า พระโพธิสัตว์บางองค์ ยินดีตกนรก ดีกว่าไปเป็นมาร แสดงว่าการหลุดพ้นจากความเป็นมารนั้นยากมาก เพราะเป็นอาจิณกรรม เหมือนคนชอบกินข้าว ก็กินแต่ข้าวอยู่นั่นแหละ ชอบกินก๋วยเตี๋ยวก็จะกินแต่ก๋วยเตี๋ยว บางคนชอบเป็นผู้หญิง ขนาดเกิดเป็นชาย ยังจะขวนขวายไปแปลงเพศเลย ฉะนั้นมิจฉาทิฐฐินี้อันตรายจริงๆ จะเป็นพระหรือมาร ก็ต้องรับผลกรรมอยู่ดี ทางที่ดีรีบหาทางนิพพานดีกว่าครับ
     
  14. oku

    oku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +230
    อยากรู้เอาไว้ครับ เพราะตอนนี้ยังทำใจนั้นสมาธินานๆไม่ได้ครับ
    ทางนิพพานอีกยาวไกลมากๆ เลยหวังเอาไว้ว่าขอตายแล้วไม่ตกนรกก็พอ
    และถ้าโชคดีมากๆ ได้เกิดใหม่(ได้เป็นคน)ขอให้เกิดมาในดินแดนพระพุทธศาสนา ในยุคที่ศาสนาพุทธเจริญมากๆ หรือได้เกิดมาบนโลกนี้แล้วครับ ไม่อยากเกิดในยุคที่เกิดสงคราม อาหารขาดแคลน งั้นต้องทำบุญไว้ครับ เพื่อความไม่ประมาท
     
  15. parnparn

    parnparn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +199
    มีรูปย่อมมีนาม
    รูป คือ ธาตุทั้ง๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ
    นาม คือ ขันธ์ ๔ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน

    สวรรค์ที่รู้จักเป็นทั้ง รูปธรรม และนามธรรม
    สวรรค์ชั้นที่๑ จตุมหาราชิกา คือท้องฟ้า
    ท้าวเวสสุวัณ คือฟ้ามืด หรือกลางคืน จึงเป็นจ้าวผี
    นามธรรม คือ ความมืดมน (เป็นพี่ชายทศกัณฐ์ คือความกลัว)
    ท้าวฐตรัฐ คือ ฟ้าโปร่ง มีแสงทอง จึงบอกว่าวิมานเป็นทอง
     
  16. parnparn

    parnparn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +199
    ท้าวฐตรัฐ นามธรรม คือความกระจ่าง
    ท้าววิรูปักษ์ คือท้องฟ้า มีเมฆ
    นามธรรม คือความขุ่นมัว
    ท้าววิรุฬหก คือฟ้ามีฝน
    นามธรรม คือความพรั่งพรู

    ระหว่างทางที่เราเดินตามมรรค ปฏิบัติกรรมฐาน ต่างๆกันถ้าเราเฉไป หลงไหล หรือ ยึดติด จะทำให้เราไปเกิดในภพภูมิ ที่ไม่ใช่มนุษย์ เช่น สมถะ เย็นนิ่งเป็นธาตุน้ำ พวกงู วิปัสสนา ร้อนเป็น ธาตุไฟ พวก เสือ นิมิตเห็น เป็น ธาตุ ลม พวกนก
    กสิณ คงกระพัน เป็นธาตุดิน พวกเต่า พวกนี้มีบุญมาก เป็นเนื้อที่ภิกษุถูกห้ามฉัน
    ถ้าปฏิบัติลึกซึ้งกกว่านั้นจะเกิดเป็นสัตว์ในหิมพาน หรือโลกทิพย์ เช่น นาค รูปธรรม คือแม่น้ำ คลอง ทะเล ครุฑ รูปธรรม คือ ลมพายุ สิงหราช รูปธรรม คือ ไฟ เต่า รูปธรรม คือภูเขา แผ่นดิน หรือ จ้าวป่า จ้าวเขา พวกเหล่านี้บุญมาก ฤทธิ์เยอะ
     
  17. parnparn

    parnparn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +199
    สวรรค์ชั้น๒ ดาวดึงส์คือร่างกาย
    พระอินทร์ คือ อินทรี
    พระสหาย ๓๒ คือ อวัยวะ อาการ ๓๒ อันได้แก่ เกษา โลมา นักขา ...
    ช้างเอราวัณ คือ อารมณ์ มีสามเศียร คือ โลภ โกรธ หลง

    สวรรค์ชั้น๓ ยามา คือตอบสนอง
    นามธรรม คือ กตเวที ทำดีได้ดี
    ตรงกันข้าม กับ ยมโลก ทำชั่วได้ชั่ว
     
  18. parnparn

    parnparn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +199
    สวรรค์ชั้น๔ ดุสิต นามธรรม คือสันติpeace จึงเป็นที่อยู่ของพระโพธิสัตว์

    สวรรค์ชั้น๕ นิมานนรดี (เนรมิต) นามธรรม คือ เสียสละ Sacrifice
    เมื่อเราให้เราได้รับ สวรรค์ชั้นนี้ เทวดา เนรมิต ได้ตามที่ต้องการ

    สวรรค์ชั้น๖ ปรนิมมิตรสวัสตี นามธรรม คือ ความปรารถนา wish
    สวรรค์ชั้นนี้ เมื่อ หวังสิ่งใด จะมีผู้เนรมิตให้ เราจะไดรับจำนวนมากกว่า
    ปราณีตกว่า เนรมิตเองในชั้น๕
    พญามาร คือ ตัณหา ความต้องการ ความปรารถนา คงามอยาก
    ก็เลยเป็นประมุขอยู่ที่นี่
     
  19. อิติปิโส_ภควา

    อิติปิโส_ภควา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +242
    การที่จะไปจุติบนสวรรค์ได้ ไม่ใช่เพียงแต่เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์เท่านั้นนะคะ เพียงแต่ว่าวาระสุดท้ายของลมหายใจ จิตได้ระลึกถึงบุญ และหากในตอนที่มีชีวิตอยู่นั้นได้มีการบำเพ็ญบารมีมาบ้าง ก็สามารถที่จะขึ้นไปจุติเป็นเทวดาได้


    มีผู้รู้หลายๆท่านก็บอกว่า คนที่รู้จักคนหนึ่งได้ปรับภพภูมิไปสู่สวรรค์แล้ว

    แรกๆก็ไม่ค่อยเชื่อค่ะ แต่พอมาอ่านข้อความนี้ ก็คิดว่าเป็นไปได้..

    ถ้าลมหายใจสุดท้าย นึกถึงแม่..พ่อ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีใช่ไหมคะ

    ตอนมีชีวิตอยู่เขาก็ได้มีการสะสมบุญบารมีมาบ้าง จึงเป็นไปได้.. สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...