ครูบาธรรมรังษี...อัศจรรย์ปาฏิหาริย์เทียนพระจ้าโผดโลก แลกความรู้คาถา อาคม ยันต์ล้านนา

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย เทวธรรม, 29 สิงหาคม 2013.

  1. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    ได้ฤกษ์ยามเขียนกระทู้นี้สักที.........หลังจากอิดออดด้วยความวุ่นวายมานานจึงเอาฤกษ์ยามดีวันนี้เขียนกระทู้ยาวๆสักเรื่อง....เหตุเพราะกระผมมีพระที่ผมเคารพนับถือบฎิปทาท่านอยู่รูปหนึ่งชื่อว่าพระครูบาธรรมรังษี หรือชาวบ้านจะเรียกว่าตุ๊ปี้ต้น โดยจุดประสงค์เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ คำสอน รวมถึงวัตถุมงคลและข่าวสารต่างๆของท่าน อันที่จริงคนใกล้ชิดจะรู้ดีว่าเป็นอย่างไร แต่กระนั้นท่านก็ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนต่างถิ่นเพราะท่านครูบาท่านชอบสงบ ไม่สุงสิงกับใครที่ใหน ประจวบเหมาะช่วงก่อนผมได้ไปขอให้ท่านช่วยเหลือแผ่เมตตาให้ในด้านการงานเลยได้พูดคุยและขออนุญาติเอามาลงให้ท่านผู้สนใจได้อ่านกัน โดยผมได้ติดตามท่านมานานพอสมควรจึงขอถ่ายทอดเป็นช่วงตามแต่ความสะดวก.......ในโอกาสต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  2. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    ประวัติพระครูบาธรรมรังษี(เทวฤทธิ์ ธรรมังษี) ชาติกำเนิด
    [​IMG]
    พระครูบาธรรมรังษี นามเดิม เทวฤทธิ์ นามสะกุล สุตะวงค์
    โยมบิดาชื่อ นาย วินัย สุตะวงค์
    โยมมารดาชื่อ นาง อัมพร แก้วเลิศ
    เป็นบุตรชายคนเดียว เกิดเมือวัน อาทิตย์ ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๒๘ ปีฉลู ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ โยมบิดามารเป็นคนอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย มีอาชีพทำไร่ ทำนา ตามฤดูกาล
    โดยก่อน บิสนธินั้น โยมแม่ และ โยมย่าได้เล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งหลังจากทำงานกลับมาพอถึงเวลาเย็นพลบค่ำ โยมแม่ได้ไปอาบน้ำบริเวณหลังบ้านซึ่งชนบทสมัยก่อนไม่มีห้องน้ำแบบมาตรฐาน จะมีแต่เพลิงปิดทั้ง ๔ ด้าน เรียกภาษถิ่นว่าอมอาบน้ำ โยมแม่ได้เดินไปใกล้ถึงสถานอาบน้ำนั้นพลันได้เห็นลูกแก้วสีเหลืองลอยออกมาจากไต้ต้นไม้ ซึ่งบริเวณนั้นรู้กันดีในแถบนั้นว่ามีบ่น้ำสองบ่อเป็นบ่น้ำสมัยโบราญซึ่งเป็นบ่อน้ำวัดโบราญติดอยู่กับรั้วหลังบ้านเรียกโดยทั่วไปว่าน้ำบ่อสองนาง แต่หลังมีเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในอำเภอเชียงแสน ในปีพ.ศ.๒๕๐๐ น้ำบ่ได้ก็ได้ถูกดินโคลนถมลงจนไม่เห็นร่องรอยมีแต่ก็พอเดาได้ว่าอยู่บริเวณไหน ในตำนานคนเฒ่าคนแก่กล่าวว่า น้ำบ่อนี้เป็นสถานที่ซ่อนสมบัติในสมัยที่มีสงครามกับพม่า แม่โยมแม่เห็นดวงแก้วนั้นก็ตกใจ จะวิ่งหนีแต่มีเหตุเหมือนโดนสะกดให้ต้องยืนดูอย่างนั้น จนดวงแก้วใกล้เข้ามาเรื่อยๆและลอยหายเข้าไปในท้องของโยมแม่ของพระครูบา พอโยมแม่ของท่านครูบาเห็นดังนั้นและตั้งสติได้และยกมือไหว้เพราะคิดว่าเป้นของดีมาให้โชคและเล่าให้คนเฒ่าคนแก่ฟัง พอเวลาผ่านไปไม่นานปรากฏว่าโยมแม่ของท่าพระครูบาได้ตั้งท้องจนครบถ้วน๙เดือนจึงได้กำเนิดบุตรเป็นผู้ชายเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก โยมพ่อจึงตั้งชื่อให้ว่า เทวฤทธิ์ อันหมายถึงบุตรที่เทวดาให้มาจุติ พอเวลาล่วงเลยไม่นานโยมพ่อและโยมแม่ได้แยกทางกันด้วยเหตุผลบางประการ พระครูบาจึงได้อาศรัยอยู่กับโยมปู่ และโยมย่า คือโยมปู่ จำนงค์ และโยมย่าสุทัน และเหตุนี้เองจึงเป็นเหตุให้ท่านพระครูบาได้ใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุที่ท่านโยมปู่ และโยมย่า เป็นคนเฒ่าคนแก่ที่ไปวัดรักษาศีลเป็นประจำ ในช่วงชีวิตวัยเด็ก เด็กชายเทวฤทธ์ เป็นเด็กที่ ฉลาด พูดจาเหมือนผู้ใหญ่เรือนรู้อะไรง่าย เป็นที่รักของคนทั้งหลาย เวลาไปตลาดจะต้องมีมีค้าที่ขายขนมในตลาดหลายคน เอาขนมมอบให้หรือไม่ก็ฝากโยมย่ามาให้เสมอ อีกทั้งเป็นคนใจบุญสุญทานก่อนไปโรงเรียนต้องใส่บาตรก่อนทุกครั้ง และในทุกวันพระช่วงเข้าพรรษาต้องไปวัดก่อนไปโรงเรียน ถ้าถึงวันเสาร์อาทิตย์ก็จะไปฟังเทศฟังธรรม นั่งสมาธิ และทำเป็นกิจวัติประจำวันทุกวันจนเป็นที่รักและรู้จักของคนเฒ่าคนแก่ละแวกนั้นกันทั่ว จนเจ้าอาวาสวัดผ้าขาวป้านองค์ก่อนได้เอ๋ยปากขอไปบวชถึงสามครั้งสามครา แต่เพราะความห่วงหวงหลานปานแก้วตาดวงใจปู่และย่าจึงไม่ปลงใจมอบให้ มีเรื่องประหลาดอยู่เรื่องหนึ่งคือเด็กชายเทวฤทธิ์ ในวัยเยาว์มักพูดถึงเรื่องเชียงแสนในอดีตและพูดพร่ำว่าเป็นใครเมื่อชาติก่อน ได้ทำกรรมอะไรไว้บ้างอีกทั้งบางทีก็รู้เหตุกาลล่วงหน้าและเดาจิตใจคนได้อย่างแม่นยำแต่ก็โดนโยมปู่และย่าห้ามปรามไม่ให้พูดจนท่านก็ไม่พูดถึงอีกเลย พออายุได้ ๗ ขวบได้เข้าศึกษาชั้นประถมที่ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์๑๕ ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พอจบการศึกษาแล้ว โยมพ่อซึ่งไปทำงานที่เชียงใหม่ได้กลับมาอยู่ภูมิลำเนาจึงได้รับเด็กชายเทวฤทธิ์ ไปอาศัยอยู่ด้วยซึ่งไม่ห่างจากบ้านโยมปู่และโยมย่า เด็กชายเทวฤทธิ์ได้เอ่ยปากขอบวชเรียนแก่บิดา แต่โยมพ่อเห็นว่ายังเด็กอยู่จึงไม่อนุญาตแต่เด็กชายเทวฤทธิ์ ก็ตั้งบฏิธานว่าจะต้องบวชให้ได้ในสักวัน จึงได้เรียนศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษา ณ โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม ในระหว่างท่านเป็นได้ชอบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ตำรา โหราศาสตร์ต่างๆ โดยศึกษาจากปู่ทวดอันเป็นที่เคารพของผู้คนละแวกนั้นโดยรูจักกันในชื่อว่าปู่หนานหลวง (หนานหลวงคือเจ้าอาวาสสิกขาลาเพศมาเป็นฆราวาส)โดยเวลามีคนเจ็บป่วยจะมาขอยาหม้อบ้าง มาทำพิธีต่างๆบ้าง โดยเฉพาะการมาขอบูชาเทียน เด็กชายเทวฤทธิ์จึง ได้ศึกษาตัวเมือง ตำรายาสมุนไพร คาถา และพิธีกรรมต่างๆโดยศึกษาจากตำราปู่ทวดบ้าง ครูพักลักจำบ้าง จนปู่ทวดยอมสอนให้จนหมดเปลือกตั้งแต่อายุยังน้อย พอจบการศึกษามัทธยมศึกชันปีที่๓ โยมบิดาเสียชีวิต ท่านเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้บวชทดแทนคุณและจะได้บวชเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยอย่างที่ตังเองใฝ่ฝันท่านจึงได้บวชและจำวัดอยู่ที่ วัดผาลาด อันเป็นวัดอยู่กลางป่าและเหมาะกับการวิปัสสนากรรมมัฏฐาน จนอายุได้๑๙ ปีจึงออกเดินทางไปค้นหาสัจธรรมโดยเดินทางไปเรื่อยๆตามป่าเขาเพื่อจะไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่เหมือนพรหมลิขิตให้มาพบกับครูบาอาจารย์ที่ อ.แม่สะเรียง โดยท่าได้พบกับท่านครูบาอินสม (พระครูสุวีรธรรมนุยุต)แห่งวัดดอยจอมทอง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ท่านจึงอยู่รับใช้และเล่าเรียนวิปัสสนากรรมมัฏฐาน และตำรับตำราต่างๆ จนอายุครบบรรพชาอุปสมบทศรัทธาทั้งหลายร่วมกันเป็นเจ้าภาพ โดยมี พระครูบาอินสมเป็นพระอุปัชฌาย์จารย์ ได้ฉายาว่า อภิวังโส พอออกพรรษาแล้วด้วยเวรกรรมของท่านยังไม่หมด โยมปู่ได้ล้มป่วยลงด้วยอาการหนักโยมย่าก็แก่เฒ่าแล้ว ท่านจึงยอมลาสิกขาเพื่อมาดูและโยมปู่ซึ่งเปรียบเสมือน พ่อบังเกิดเกล้า แต่แล้วมนุษย์คนเราย่อมหนีความตายไปไม่พ้นโยมปู่ได้ถึงแก่กรรมในเวลาต่อมาหลังจากเสร็จงานศพโยมปู่แล้ว พระครูบาได้เอ่ยปรารภอยากจะบวชอีกครั้งด้วยความที่ว่าโลกภายนอกช่างวุ่นวายหนอซึ่งตลอดเวลา๓เดือนที่ท่านครูบาสึกมาสีท่าท่านไม่มีความสุข และร่างกายฝ่ายผอมไปมาก โยมย่าจึงอนุโมทนาและจัดงานบวชครั้งที่ ๒ ณ พัทธสีมาวัดพระธาตุดอยสุเทพวรวิหาร ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่สิริอายุ ๒๑ ปี ๖เดือน มี พระเทพวรสิทธาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้จำพรรษาอยู่๑พรรษา จึงออกเดินทางไปเล่าเรียนวิชาต่างๆตามครูบาอาจารย์ท่าน เช่นครูบาสิทธิวัดบางต้นเดื่อดอยลาง ครูบาช่วง ชวนปัญโญวัดป่าไผ่อ.ลี้ และได้เดินทางธุดงตามคณะครูบาอาจารย์ไปยังประเทศพม่า เขตไทใหญ่ เชียงตุง แถบอำเภอแม่แจ่มจังหวัดเชียงใหม่ และบางทีก็ขึ้นเขาไปโปรดพวกชาวเขาชาวดอยตามชนบทต่างๆ โดยเอาตำราสมุนไพรที่ได้เรียนมาสงเคราะห์ ญาติโยมที่เดือดร้อน พอครบจากนวกะจึงออกเดินธุดงค์ด้วยตนเองไปตามป่าแถบจังหวัดแม่ฮ่องสอน และเมืองต่างๆของพม่า โดยการเดินธุดงค์นี้ท่าครูบาได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนกับผู้รู้ต่างๆตามนิสัยชอบศึกษาทั้งพุทธศาสตร์ ไสยศาสตร์ทางด้านการช่ายเหลือสงเคราะห์ญาติโยมที่ได้รับความเดือดร้อนต่างๆจนเป็นที่ประจักษ์แก่ญาติโยมโดยทั่วไปโดยส่วนการบฎิบัติของท่านพระครูบานั้น ท่านจะฉันเจ ไม่แตะต้องเนื้อสัตว์เลย เพราะท่านได้ศรัทธาครูบาอาจารย์ที่เอามาเป็นแบบอย่างคือ พระครูบาเจ้าศรีวิชัย และ พระครุบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร ซึ่งท่านครูบาบุญชุ่มนี้ท่านได้สัมผัสบฏิปทาและเห็นตั้งแต่วังเยาว์วัย

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2013
  3. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    [​IMG]
    สวัสดีครับทีนี้มาต่อความเดิมต่อจากประวัติความเป็นมาเป็นไปของท่านครูบา
    อันที่จริงคำว่าครูบานี้เป็นการเรียกพระที่มีผู้คนเคารพนับถือและเป็นพระที่แก่พรรษาจึงจะได้เป็นครูบา แต่การเรียกท่านครูบานี้เป็นการเรียกตามศรัทธาไทใหญ่ที่เคารพนับถือในตัวครูบาท่านโดยตั้งแต่รู้จักท่านมาไม่เคยได้ยินท่านเรียกตนเองว่าครูบาเลยสักครั้ง และท่านเป็นผู้ไม่ถือตัวพูดจากับญาติโยมอย่างเป็นกันเองท่านจะไม่ยึดติดกับการเรียกท่านว่าอย่างไรก็ได้ บางคนก็เรียกพระอาจารย์ บางคนก็เรียกอาจารย์ ยิ่งทางเหนือแล้วจะเรียกว่าตุ๊ (มาจากคำว่าตุ๊เจ้า)จะเรียกว่าตุ๊พี่ ตุ๊น้า ท่านก็ไม่ได้ว่าถือสาแต่อย่างใด แต่ผมเต็มใจที่เรียกตามพวกศรัทธาชาวไทใหญ่ที่เรียกท่านว่าครูบา เพราะการจะเป็นที่รักและศรัทธาขางชาวไทใหญ่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะชาวไทยใหญ่เป็นผู้ที่เคร่งครัดเรื่องศาสนามากถ้าชาวไทยใหญ่ยอมรับนับถือแล้วเรียกว่าครูบาแล้วนั้นย่อมไม่ใช่การอุตริตั้งตัวเองขึ้นอย่างแน่นอนเพราะจะเรียกนำคนอื่นอย่างไรถ้าไม่มีความศรัทธาแล้วไซร้คงไม่มีใครเรียกตาม เพราะคำว่าครูบาไม่ใช่ตำแหน่งทางการปกครอง แต่เป็นตำแหน่งแห่งแรงศรัทธาของสาธุชนที่ยกย่องขึ้น เพราะท่านครูบาเปรียบเสมือนที่พึ่งของพวกเขาเหล่านั้น
    เมื่อยามไม่สบายหาหมอไม่หาย มีความทุกข์ร้อนใจ มักจะมาพึ่งพาท่านครูบาเสมอโดนท่านก็ให้คำแนะนำและสอดแทรกคติธรรมให้น้อมนำไปปฏิบัติซึ่งเห็นผลกันมากต่อมากครับพอเกริ่นก็ยาวเลยทีนี้เข้าเรื่องกันดีกว่า

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    หลังจากท่านครูบาได้ลงมาจากวัดพระธาตุดอยสุเทพแล้วท่านครูบาได้ออกธุดงค์ ไปยังอำเภอแม่แจ่ม ได้ลัดเลาะป่าเขาเพื่อไปโปรดชาวป่าชาวดอยตามหมู่บ้านชาวเขา ออกทาอำเภอกัลยานิวัฒนา สู่อำเภอปายทะลุออกอำเภอเวียงแหง และเข้าสู่ชายแดนพม่าอันเป็นเขตการปรกครองของทหารไทใหญ่โดยเวลาท่านจะออกธุดงค์ทุกครั้งท่านจะต้องนำยาสมุนไพรหรือหาตามรายทางไปด้วยเสมอเพื่อเป็นการสงเคราะห์ญาติโยมซึ่งถ้าอาการไม่หนักหนาอะไรท่านก็จะใช้สมุนไพรรักษาเพราะในเขตป่าเขานั้นการจะเดินทางไปโรงพยาบาลก็ยากเต็มที ขนาดน้ำไฟยังไม่มีใช้ข้าวที่ใช้หุงยังต้องตำเองอาหารที่ใส่บาตรก็จะมีน้ำพริกที่ตำพริกกับเกลือและผักต้ม บางทีบิณฑบาตโยมไม่มีอะไรใส่ก็จะมีข้าวเปล่ากับกล้วยป่าซึ่งมีแต่เมล็ดครูบาเล่าไปก็หัวเราะไปซึ่งปรกติเอาไปให้คนในเมืองกินใครก็คงไม่กิน เป็นระยะเวลากว่า๗ เดือน
    [​IMG]
    น้ำมันงามนต์ที่ครูบาหุงเพื่อสงเคราะห์โยม
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    สมุนไพรหรืยาเมืองที่ท่านครูบาจะต้องนำติดตัวไปด้วยเสมอ
    [​IMG]
    หม้อยาต้ม
    [​IMG]
    ครูบาอาจารย์สายไทใหญ่ที่ท่านเคราพนับถือและเป็นผู้เเนะนำกรรมฐาน
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    ในการเดินทางเพื่อเผยแผ่ศาสนาสู่แดนดอยผมเคยถามครูบาท่านคนเราต่างภาษาต่างเชื้อชาติเราจะสอนเขาได้อย่างไรครูบาตอบเพียงว่า ศาสนาไม่มีเชื้อชาติ ไม่มีเพศ ไม่มีภาษา พระธรรมอยู่ทุกแห่งทุกหนเพียงแต่ว่าเราจะมีดวงตาเห็นมันหรือไม่ เพียงจิตที่เรามีเมตตาเขาเพียงแค่นี้เขาก็รับรู้แล้วส่วนการสอนธรรมะก็เพียงแค่เอาเรื่องใกล้ตัวเขานำมาสอนแล้วเขาก็จะเข้าใจเองไม่จำเป็นบาลีให้วุ่นวาย ในการเดินทางแต่ละครั้งมีทั้งอุปสรรค์ความยากลำบาก และอันตรายแต่ท่านไปที่ใหนมักจะมีคนคอยอุปฐากติดตามเสมอนี่แหละหนอที่เขาเรียกว่าความมีเมตตาเรามีให้เขาเมื่อเข้ารับรู้แล้วเข่าก็ย่อมเมตตาตอบเราเช่นกันสาธุ.........


    จวนจะใกล้เข้าพรรษาท่านจึงได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองบุญชุม ต.บ้านเรือน อ.ป่าซาง จ.ลำพูน โดยเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ท่านอีกรูปหนึ่ง คือครูบาบุญมา(เสียชีวิตแล้ว)โดยช่วยแบ่งเบาภาระท่านเรื่องการสร้างวิหาร ณ ที่นี้ท่านได้เรียนตำราการดูหมอจาก ครูบาบุญมา โดยเป็นที่ยอมรับกันในท้องถิ่นว่าครูบาบุญมานี้สามารถดูดวงชะตาและอาการเจ็บป่วยต่างๆได้อย่างแม่นยำ โดยครูบาบุญมาได้สืบทอดมาจากท่านครูบาแก้ววัดปากล้อง อ.ป่าซาง ซึ่งเป้นพระอุปัชฌาย์ของท่านเอง จนคนละแวก ลำพูน อ.ป่าซางได้ขนานนามท่านว่า ครูบาบุญมาตาทิพย์ ท่านครูบาธรรมรังษีได้ช่วยงานครูบาบุญมาอยู่ระยะหนึ่งพร้อมกับศึกษาหาความรู้ด้านยาสมุนไพร รักษาโรคจาก พระสงวนศักดิ์ สุเมธโส เจ้าสำนักสงฆ์ดอยขม้อ ต.มะเขือแจ้ อ.เมือง จ.ลำพูนโดยการนั่งรถไปเรียนในตอนที่ว่าง และศึกษาวิชากับครูบาบุญมาควบคู่กับการช่วยสร้างวิหารวัดหนองบุญชุมไปเป็นระยะ ต่อมาภายหลังได้เกิดการแตกแยกกันในหมู่ศรัทธาวัดหนองบุญชุมจึงเป็นเหตุให้ครูบาบุญมาต้องย้ายวัดและได้สิกขาลาเพศและได้นุ่งห่มขาวแทนซึ่งอีกไม่นานท่านก็เสียชีวิต ส่วนท่านครูบานั้นมีศรัทธาวัดหนองบุญชุมได้นิมนต์ให้เป็นเจ้าอาวาสต่อ แต่เนื่องจากความเป็นคนกตัญญูต่อผู้มีพระคุณอันเป็นครูบาอาจารย์ ท่านจึงไม่รับนิมนต์และได้ย้ายออกจากวัดหนองบุญชุมไปจำพรรษาอยู่ที่วัดศรีบุญเรือง ต.ในเวียง อ.เมือง จ.ลำพูนเป็นการชั่วคราวเพราะอีก๓วัน จะเข้าพรรษาท่านจึงอยู่จำพรรษาที่วัดศรีบุญเรือง๑พรรษาโดยท่านครูบาบอกว่าเป็นพรรษาที่ทรมานที่สุดเพราะเป็นวัดในเมืองการบฏิบัติกรรมฐานก็ไม่มีความสงบ และการบิณฑบาตต้องดิ้นรนแข่งขันกันซึ่งเป็นธรรมดาของสังคมในเมืองซึ่งมีแต่ความวุ่นวายพอ ออกพรรษาแล้วต่อมามีผู้ใจบุญได้ถวายที่ดินเพื่อสร้างสำนักสงฆ์ ท่านจึงรับนิมนต์ไปสร้างแต่ด้วยเวรกรรมของท่านครูบา เมื่อท่านได้ไปสร้างแล้วสถานการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อท่านโดนบีบบังคับโดยอาศัยท่านเป็นเครื่องมือทางพุทธพาณิชย์ แต่ครูบาท่านไม่เห็นด้วยพวกนายทุนจึงไปเป่าหูเจ้าของที่ดินและกลั่นแล้งใส่ความท่านครูบาต่างๆนาๆให้เสียชื่อเสียง อีกทั้งยังไปรับพระอีกรูปหนึ่งเข้ามาเพื่อมาเป็นหุ่นเชิดของพวกเขา ท่านครูบาจึงสละทุกอย่างเดือนทางออกจากที่นั้นโดยมีแค่บาตร กลด เดินทางออกธุดงค์ไปกราบครูบาอินสมที่แม่สะเรียงและได้เดินธุดงค์ขึ้นไปอำเภอสบเมย และได้อยู่ช่วยเหลือชาวเขาที่หมู่บ้านห้วยธีชะ เป็นระเวลาประมาญ๑ เดือน ท่านจึงมุ่งหน้าออกเดินทางย้อนขึ้นมาทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน สั่งสอนเผยแพร่พระพุทธศาสนา สั่งสอนญาติโยมไปตามทาง จนถึงอำเภอปางมะผ้า และได้เข้าไปยังหมู่บ้านปางคาม และเข้าไปดอยไตแลงธุดงค์ออกไปทางรัฐฉาน และได้พักจำพรรษาอยู่ ๑ พรรษาที่บ้านล่ายเพ อันเป็นบ้านป่าเป็นที่อยู่ของทหารไทใหญ่โดยญาติโยมและทหารไทใหญ่สร้างกระต๊อบให้พักพอคุ้มแดดคุ้มฝนไปวันๆเท่านั้น ช่วงนั้นท่านครูบาได้ใช้ความรู้ความสามารถทางด้านหมอยาสมุนไพร และ การทำเทียน คาถาอาคมที่เล่าเรียนมาช่วยโปรดญาติโยมชาวไทยใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่ก็สำเร็จสมปราถนาเกือบทุกราย จนเป็นที่เคารพนับถือของทหาร และญาติโยมชาวไทใหญ่ ซึ่งตอนนั้นท่านครูบามีความคิดว่าคงจะไม่กลับประเทศไทยอีกแล้วเหตุผลใช่ว่าโกรธแค้นอะไร แต่ครูบาท่านมองเห็นจิตศรัทธาที่บริสุทธิ์การยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาอย่าเคร่งครัดของชาวไทยใหญ่ จนออกพรรษาแล้วค่ำวันหนึ่งท่านครูบาได้นั่งกรรมฐานและได้กำหนดจิตถามครูบาอาจารย์ว่าจะอยู่ที่เมืองพม่านั้นได้หรือไม่ แต่ในนิมิตครูบาอาจารย์ได้บอกให้ท่านมาที่อำเภอฝาง จ.เชียงใหม่ ท่านจึงคิดใคร่ครวญอยู่นานจึงตัดสินใจออกเดินธุดงค์ต่อข้ามป่าข้ามดงตามทางหาของป่าหลายวันจนทะลุออก บ้านเปียงหลวง อำเภอเวียงเเหง จ.เชียงใหม่ และได้เดินทางออกทางอำเภอเชียงดาว จนมาถึงอำเภอฝาง เหมือนทุกอย่างถูกลิขิตใว้แล้วเมื่อท่านมาถึงฝางได้มีโยมนิมนต์ให้ไปปักกลดที่สวนริมแม่น้ำฝางและมีนิมิตที่ดีจึงได้ทำการติดต่อขอซื้อและจัดสร้างเป็นธรรมสถานเวียงพรมท่าล้อ(จองคำ)โดยมีกลุ่มคนไทใหญ่อันเป็นญาติพี่น้องของญาติโยมที่อยู่ฝั่งพม่าที่ย้ายรกรากถิ่นฐานมาอยู่ประเทศไทยได้นิมนต์ให้อยู่และสร้างสถานบฏิบัติธรรมที่อ.ฝาง
    บันจุบัน ท่านครูบาได้จำพรรษาอยู่ที่ ธรรมสถานเวียงพรหมท่าล้อ (จองคำ)ม.๑๖ ต.สันทราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เดี๋ยววันหลังผมจะมาเล่าให้ฟังต่อว่าหลังจากท่านได้มาปักกลดที่ริมแม่น้ำฝางแล้วท่านครูบานิมิตอะไรจึงสร้างสถานบฏิบัติธรรม และให้ชื่อว่าเวียงพรท่าล้อ วันนี้ดึกแล้วและก็ง่วงละขอราตรีสวัสดิ์ท่านผู้ติดตามอ่านทุกท่านครับ ราตรีสวัสดิ์.............


    [​IMG]
    กระท่อมที่ชาวบ้านไทใหญ่สร้างถวายจำพรรษาเพียงบังแดดบังฝนแบบสมถะจริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  4. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    จากเครษฐีพ่อเลี้ยงสวนส้มล้มละลายรอดวิกฤติมาได้ด้วยบารมีครูบาธรรมษี

    หลังจากหายไปหลายวันเพราะการงานจึงมีเวลาได้มาต่อกระทู้หลังจากทำงานเสร็จเสียที
    วันนี้ผมจะได้เล่าถึงประสบการณ์ และความศรัทธา อันมีบุคคลไม่น้อยได้ประสบกับตัวเองมาถึงแม้ว่าจะไม่แพร่หลายในระดับประเทศ แต่ในเขตอำเภอฝาง แม่อาย ไชยปราการ นั้นได้ฮือฮากันอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกัน ถึงแม้ว่าครูบาท่าจะมาอยู่ อ.ฝางได้แค่ ๖ เดือนกว่าๆ แต่ก็เป็นที่เริ่มรู้จักกันอย่างแพร่หลายโดยการเล่าสืบกันแบบปากต่อปาก เพาะตั้งแต่วันแรกที่ พระครูบาได้มาปักกลด จนมาถึงขณะนี้ ไม่มีวันใหนที่ท่านครูบาจะว่างเลยสักวัน เพราะทุกวันจะมีญาติโยมเข้ามาขอพึ่งบารมีเมตตาธรรมกับพระครูบาอยู่เสมอมิขาดสายจนบางทีท่านแทบจะไม่ได้ลุกไปใหนเลยทั้งวัน ถึงขนาดว่าถนนหนทางมีแต่โคลนก็พากันเดินเท้าลุยน้ำกันมาเลยทีเดียว ซึ่งพระครูบาท่านก็ได้โปรดเมตตาสั่งสอนส่วนใหญ่จะมาปรึกษาปัญหาชีวิต สุขภาพ และปัญหาต่างๆที่บางทีผมฟังเขาเหล่านั้นเล่าแล้วก็น่าเห็นใจ อยู่มิน้อยแต่ถ้าเป็นผมก็คงจนด้วยเกล้าที่จะช่วยเหลืออะไรได้ ผมเคยถามท่านครุบาว่าญาติโยมเหล่านั้นมาขอปรึกษากับท่านครุบาปัญหาต่างๆทำอย่างกับครูบาเป็นเทวดาที่จะบันดาลให้เขาได้ทุกอย่างงั้นแหละ ท่านครูบาฟังแล้วก็หัวเราะและกล่าวว่าเขาเหล่านั้นมาขอพึ่งพาเรา เราช่วยเขาได้เราก็ช่วยแต่อันใหนช่วยไม่ได้ก็สุดแต่กรรมเวรเขา เพราะคนเรามีกรรมเป็นของตนเอง แต่ถึงอย่าไรอย่างน้อยเขามาหาพระก็ยังดีกว่าไปทำอย่างอื่นที่มันไม่ดี หรือหลงเชื่อในสิ่งที่ผิดๆทำให้โดนหลอกลวงได้งาย ซึ่งมันอาจจะเป็นการซ้ำเติมเขาเหล่านั้นให้ทุกข์ขึ้นไปอีกก็ได้ อย่างน้อยเขามาหาเราเขาก็ได้ธรรมะไปไม่มากก็น้อยถ้าเราช่วยอะไรเขาทางกายไม่ได้แต่เราก็ช่วยเขาเหล่านั้นทางใจได้คือให้เขาเหล่านั้นกลับไปแล้วมีความรู้สึกสบายใจ และได้ธรรมะอันได้แผงใว้ในกุสโลบายของท่านพระครูบา ซึ่งส่วนส่วนใหญ่เมื่อมาหาพระครูบาแล้วมักจะมาขอให้ท่านดูหรือผูกดวงให้ ท่านครุบาท่านก็มีเมตตาดูดวงให้โดยแผงกุสโลบายคำสอนบวกกับธรรมะให้ต้องตามจริตและปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์อันเลวร้ายในชีวิตให้ผ่านไปด้วยดีซึ่งส่วนใหญ่มาแล้วต่างยอมรับนับถือว่าท่านครูบาทักหรือเตือนอะไรไปแล้วย่อมเกิดขึ้นแน่นอนในอนาคต และน้อมนำเอาธรรมะที่ครูบาสั่งสอนนั้นเอาไปยึดเหนี่ยวจิตใจและจะได้ตั้งรับเตรียมพร้อมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีสติ โดยส่วนมากมักจะถามท่านครูบาว่าเคราะห์กรรมในครั้งนี้จะแก้ไขยังไงพระครุบาจะพูดเสมอว่าให้มีสติ ไม่ประมาท แล้วทุกอย่างจะผ่านพ้นไปเอง ความทุก สุข ทุกอย่างมันไม่จีรังมันเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วดับไป เพียงแต่เราต้องมีสติรู้ทันกับเหตุที่เกิดขึ้นและแก้ไขอย่างมีสติ ให้แก้ไปทีละข้อ ทีละข้อ เปรียบเสมือน
    เชือกที่พันกันจนยุ่งวิธีแก้ก็ต้องสางออกทีละเส้น จึงจะสำเร็จ อย่าเอามากองกันแล้วสางมันก็ยิ่งยุ่ง ยิ่งแก้ก็ยิ่งพัน แต่ถ้าเราค่อยแก้อย่างมีสติ เปรียบเสมือนเราแก้ปมทีละข้อๆ ถึงแม้ว่ามันจะช้า จะก็สำเร็จได้ด้วยดี ทุกอย่างลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะคน การมัวแต่ทำพิธี ไหว้วอนขอพร แต่ไม่ลงมือทำอะไรเลยมันก็ไม่มีผล เปล่าประโยชน์ ป่วยการณ์ที่จะทำ สามสิบลิขิตฟ้า เจ็ดสิบมานะคน เทพเทวาโชคชะตา ไหนเล่า จะสู้เท่ามานะของคนเรา เพียงแต่เรามีสติและลงมือทำ ลงมือแก้ ค่อยทำไปปัญหาทุกอย่าก็คลี่คลายได้ด้วยดี

    จากเศรษฐีพ่อเลี้ยงสวนส้มล้มละลายรอดวิกฤติมาได้ด้วยบารมีครูบาธรรมษี

    ทีนี้ผมจะขอ วกเข้าเรื่องสักทีตามที่ผมเกริ่นไว้แล้วในหัวข้อข้างต้น ก่อนอื่นผมจะต้องออกตัวก่อนว่าเรื่อเล่านี้เป็นเรื่องจริงทุกประการณ์ไม่ใช่เป็นการหลอกลวง โฆษณาขายของชวนเชื่อแต่อย่างใดขอให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายใช้สติวิจารณญาณในการอ่าน โดยผมกล้าสาบานได้ว่าทุกคนที่เล่านั้นมีตัวตนอยู่จริง และสมารถมาหาสอบถามได้ทุกเมื่อทุกเวลา
    [​IMG]
    คุณพ่อเฉลิม คุณแม่ผาสมบัติใหม่ (สองคนในรูป) เป็นคนอำเภอฝาง ทำธุรกิจสวนส้มจำนวนหลายสิบไร่มีรายได้แต่ละปีหลายล้านบาท แต่เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๕๒ ได้ประสบกับเหตุการณ์ภัยธรรมชาติลูกเห็บกระหน่ำทำให้สวนส้มที่แกทำกินอยู่และพร้อมที่จะขายได้เงินจำนวนหลายล้านบาทได้เสียหายย่อยยับลงไปในระยะเวลาชั่วพริบตาเดียว เหลือไว้แต่รอยช้ำและหนีสิ้นล้นพ้นตัวจนต้องขายบ้าน ขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ที่ลงทุนทำส้มในปีนั้นที่เสียหายไปจนสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องย้ายไปอยู่อาศัยในไร่บนดอยมีอาชีพเก็บผักทำไร่ทำนาขายตลาดไปเป็นวันๆ เป็นระเวลาหลายปี จนมีวันหนึ่งคุณแม่ผายได้ฝันว่า........ได้ไปกราบครูบาท่านหนึ่งพร้อมกับลูกสาวของแกครูบาองค์นั้นท่านยังหนุ่มอายุไม่ถึงสามสิบ และท่านพูดกับโยมแม่ผาในฝันว่า "อาตมามีที่ดินจะขายขายให้โยมผา โยมผมจะซื้อไหม เมื่อโยผาได้ฟังแล้วก็มีปิติยิ่งรับในความฝันว่าซื้อเจ้าคะดิฉันอยากมีบ้านเจ้าคะ"และพระในฝันนั้นได้บอกให้ลูกโยมแม่ผาพาโยมไม่ไปลุยน้ำในแม่น้ำสามครั้งเพื่อเป็นการส่งเคราะห์กรรมทั้งหลาย และก็บอกให้โยมแม่ผากลับบ้านได้และก่อนกลับได้พูดสัมทับ ขึ้นมาอีกทีว่าโยมแม่เอาที่ดินแปลงนี้แน่นะ โยมแม่ก็รีบรับในฝันอีกครั้งว่าเอาเจ้าคะ และครูบาในฝันก็พูดขึ้นว่า อีกเจ็ดวันให้มาดูที่แล้วกัน ...........โยมได้สดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความปิติในฝัน และได้ก้มกราบลงบน
    หมอนแล้วอธิฐานว่าถ้าพระรูปนี้มีจริงและจะได้มาโปรดขอให้ได้พบเจอทีเถอะ และช่วงนั้นเองเป็นช่วงที่ท่านพระครูบาได้มาปักกลด ณ สวนริมน้ำฝางแล้ว หลังจากที่โยมผาฝันได้สามวันได้มีคนมาขอพึ่งบารมีท่านแล้วไปพูดกันปากต่อปากจนถึงหูโยมแม่ผา แกจึงมีความศรัทธาอยากมากราบสักครั้งจึงเดินทางมากับโยมพ่อเฉลิมซึ่งเป็นสามี เมื่อมาเห็นพระครูบาแล้วแม่ผาถึงกับน้ำตาไหลขนลุกไปทั้งและแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าพระหนุ่มในฝันนั้นจะเหมือนกันกับพระครูบาธรรมรังษีมาก และอีกประการณ์หนึ่งท่านครูบาท่านก็เหมือนรู้มาก่อนว่าโยมแม่ผาจะมาหา อันนี้แปลกจริงครับ เพราะท่านยิ้มรับด้วยความเมตตาและทักว่ามาแล้วเหรอแสร้งความแปลกใจให้โยมผา และโยมเฉลิม เป็นอย่างมาก เมื่อโยมผาเข้าไปกราบพร้อมสามีแกครูบาก็พูดขึ้นมาว่า สองคนผั๋วเมียนี้จะได้ป๊นเคราะห์ ป๊นโศกแล้วเน้อแล้วก็ยิ้ม และได้มอบเทียนชุดเศรษฐีขี้ไร้ให้โยมแม่ผานำไปจุดบูชาพระพุทธรูปที่บ้านและให้ถือศีลสวดมนต์เป็นประจำ โดยตอนที่มอบนั้นท่านพูดขึ้นมาว่า ถ้าบุญบารมีมันจะได้เกื้อกูลกันแล้วความสำเร็จก็ไม่ยากที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งก็เหมือนเป็นเลศนัยอะไรบางอย่าง โยมพ่อเฉลิมและโยมผารับเทียนจึงลากลับ และนำเทียนไปจุดบูชา ปฏิหารย์เกิดขึ้นหลังจากจุดเทียนได้สามคืน เจ้าของบ้านซึ่งพ่อเฉลิมและโยมผาได้ขายไปนั้นได้โทรมาถามว่าแม่ผากับพ่อเฉลิมอยากได้บ้านเก่าคืนหรือไม่เขาจะขายไห้ในราคา 1ล้าน6แสนบาท โยมแม่ผาได้ยินเช่นนั้นจึงดีใจถึงกับร้องให้โฮด้วยความดีใจและได้ตอบไปว่าจะซื้อแน่นอนแต่ขอเวลาไม่เกินเจ็ดวัน หลังจากวางโทรศัพท์แล้วโยมผาถึงกับเข่าอ่อนซึ่งตอนนี้ไม่ใช่ว่าจะดีใจแล้วแต่เป็นการกลุ้มใจว่าจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเขาทั้งที่วันๆแทบไม่มีกิน จึงได้ปรึกษากับพ่อเฉลิมว่าจะขายที่เเปลงสุดท้ายที่ทำกินอยู่เอาไหนซื้อบ้านที่แกผูกพันและสร้างจากน้ำพักน้ำแรงของแก แต่ก็เป็นการยากที่ดินจะขายได้ถึงล้านหกเชียวเหรอ และอีกอย่างคนอื่นเขาขายที่ดินใช้เวลาเป็นปีๆถึงจะได้ขายแล้วเราจะได้ขายทันเวลาที่นัดเขาเหรอ แต่โยมผาก็ไม่ยอมแพจึงลองดิ้นรนดู โดยเอาโฉนดนั้นอธิฐานถึงบารมีของท่านครูบาแล้วนำไปเสนอขายโดยนำไปเร่ขายตามบ้านคนมีฐานะแบบว่าถามเหมือนถามขายผักขายไม้แกเล่าไปหัวเราะไป แต่ก็ไม่มีที่ใหนรับซื้อเลยจนโยมผายเริ่มท้อถึงกับนั่งร้องให้อีกครั้ง แต่บฎิหารก็มีจริงเมื่อวันที่สองแกก็ทำวิธีนี้อีกโดยอธิฐานถึงบารมีของท่านครูบาและออกไปเร่ขายที่ จนมีเศรษฐีคนหนึ่งซื้อใว้โดยได้ราคา หนึ่งล้านหกแสนบาท และไม่ต่อเลยสักคำอีกทั้งนัดไปเอาเงินสดอีกในวันถัดไป โยมเฉลิมกับโยมผายจึงไปรับเง็นในวันรุ่งขึ้นและได้จ่ายค่าบ้านในวันนั้นเองซึ่งเป็นที่อัศจรรย์มาคือเรื่องราวเกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียงแค่เจ็ดวัน ซึ่งเรื่องนี้แม่ผายได้เล่าต่อให้คนละแวก บ้านฟังจนเป็นที่เลื่องลือกันในแถบ ต.แม่สูณ อ.ฝางเลยทีเดียว นับจากนั้นมาศรัทธาญาติโยมก็มาพึ่งบารมีของท่านครูบามากขึ้นเรื่อยๆจนท่านแทบไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะการที่เวลามีคนมาปรึกษาท่านนั้นท่านจะกำหนดจิตกรรฐานดูถ้าบ้านมีอะไรที่ไม่เป็นมงคลท่านจะทักขึ้นมาได้อย่างถูกต้องและไม่พลาดเลย แต่คนเราก็นานาจิตตังอีกพวกที่ไม่เชื่อก็ถึงกับพูดออกมาว่าท่านครูบาคงส่งคนไปสืบดูบ้านพวกเขาเป็นแน่ ซึ่งเมื่อได้ทราบเข้าท่านถึงกับหัวเราะแล้วพูดว่า เฮาบ่ใจ๊คนฝาง และจะฮู้ได้อย่างใดว่าโยมเขาบ้านอยู่ ใหนจื่อว่าอะหยังเพราะอาตมาก็แค่ดูไปต๋ามที่อาตมาคิดว่ามันท่าจะเป๋นดังนั้น ถ้าผิดพลาดประการณ์ใดขอสูมาอภัยโตยเน้อโยม.............

    [​IMG]
    เทียนที่ครูบาท่านทำขึ้นเมื่อโยมมาขอบูชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2013
  5. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    ปฏิหารย์ยันต์ก๋าสะต๊อน พระครูบาธรรรังษี คนแห่มาเช่าบูชาจดหมดในวันเดียว.............

    เรื่องต่อมาเป็นเรื่องราวของ ตระกรุด หรือทางเหนือเรียกว่ายันต์ ซึ่งครูบาท่านได้สร้างขึ้นมาซึ่งตอนแรกๆนั้นท่านมิได้มีเจตนาที่จะให้เช่าบูชาแต่อย่างใด เพราะท่านจะทำแจกให้ญาติโยมที่มาขอเอาไปติดตัวเพื่อป้องกันภัยต่างๆซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งมีทั้งแทงไม่เข้า ยิงไม่ออก อุบัติติเหตุแล้วแคล้วคลาด ซึ่งในวันนี้ผมจะขอยกเหตุการณ์แรกซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนนี้เอง และเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้คนพากันหลั่งไหลมาเช่าบูชายันต์ก๋าสะต๊อน ของท่านพระครูบากันจนหมดไปในวันเดียวคือรอเอากันหน้าประรำปลุกเสกเลยทีเดียว ซึ่งเป็นพลังความศัรทธาที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งตระกรุดรุ่นนี้ท่านครูบาได้จัดสร้างขึ้นเพื่อหารายได้ซื้อที่ดิน เพื่อจัดสร้างธรรมะสถานเวียงพรหมท่าล้อ จารมือทุกดอกและข้างในเป็นหนังควายเผือกตายพราย ซึ่งสร้างตามแบบฉบับของครูบา ชุ่ม โพธิโก หรือครูบาชุ่มวัดวังมุย
    บฏิหารย์เด็กหนุ่มรอดจากรถเสียหลักพลิกคว่ำที่ อ.แม่อายรอดตายเพราะยันต์ก๋าสะท้อน
    [​IMG]
    [​IMG]
    ยันต์ก๋าสะต๊อนพอกครั้งยันต์แอว
    ซึ่งเป็นข่าวที่โจทย์ขานและฮือฮากันอีกข่าวหนึ่งในท้องถิ่น เรื่องมีอยู่ว่า มีวัยรุ่นคนหนึ่งจะเข้าการเกณฑ์ทหาร และมาขอให้ครูบาท่านช่วยเรื่องเทียนแคล้วคลาด ไม่ให้ได้ติดการเกณฑ์ทหาร ซึ่งนายคนนี้รู้จักกันโดยทั่วไปว่า นายแชมป์ โดยพ่อของนายแชมป์ซึ่งเป็นนายชั่งรับเหมาปั้นบัวซีเม็นได้พามารดน้ำมนต์และทำเทียนแคล้วคลาดให้รอดการเกณฑ์ทหาร แต่ท่านครูบาได้ตรวจดูแล้วจึงพูดขึ้นมาว่า ชาตะขาดสามขั้นเคราะห์หลวงให้ระวังเรื่องรถ และอุบัติเหตุให้ดีให้มีสติอย่าเที่ยวกลางคืน ส่วนเรื่องการเกณฑ์ทหารนั้น มีเปอร์เซ็นต์ ๙๐ เบอร์เซ็นให้ทำใจไว้ เสร็จแล้วท่านครูบาจึงรดน้ำมนต์ และให้เทียนพระเจ้าโผดโลกไปจุดบูชา และท่านได้มอบยันต์ก๋าสะท้อน ซึ่งตอนั้นท่านครูบาท่านทำไว้สงเคราะห์โยมจริงๆให้กับนายแชมป์
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    สภาพรถเมื่อไปดูกันตอนเช้าซึ่งนายแช็มป์รอดตายราวบาฏิหารย์
    เมื่อก่อนถึงวันเกณฑ์ ทหารประมาณ๒วัน นายแชมป์ได้ไปงานวันเกิดเพื่อนที่ อ.แม่อายโดยนำรถเก๋งสีดำซึ่งซื้อมาได้ไม่นาน ได้ดื่มฉลองกันจนเวลาประมาณเที่ยงคืนจึงเลิกรากันกลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้านนั้นนายแชมป์ได้ขับรถด้วยความเร็วสูงและคึกคะนองจึงทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำหลายตลบจนสภาพรถพังยับเยิน โดยขายเป็นเศษเหล็กได้ราคาเพียงสามหมื่นบาท โดยเมื่อเกิดเหตุแล้วประชาชนต่างพากันมามุงดู พอตำรวจมาถึงต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคนขับคงไม่รอดแน่ แต่ก็เกินคาด เพราะนายแชมป์ได้เดินออกมาหาตำรวจโดยมีแค่รอยพกช้ำ และคางแตกนิดหน่อยจนเป็นที่อัศจรรย์ของคนที่มามุงดู และไถ่ถามเหตุการณที่เกิดขึ้น นายแชมป์เล่าว่าได้ขับรถมาถึงบริเวณนี้แล้วถนนลื่นเพราะฝนตกเสร็จใหม่ รถจึงเสียหลักแหกโค้งพลิกคว่ำลงข้างทาง ทันใดนั้นแกก็รูสึกว่ามีแรงอะไรบางอย่างดึงแกออกมาจนอยู่นอกรถ ซึ่งแกเล่าด้วยความเหลือเชื่อว่าจะเป็นไปได้ ทั้งตำรวจและชาวบ้านจึงได้ถามนายแชมป์ว่าได้พกพระอะไรหรือเปล่า นายแชมป์จึงเปิดยันต์ก๋าสะต๊อนที่เอวให้ดูและบอกว่าผมมีแต่ชิ้นนี้ชิ้นเดียวจริงๆ ชาวบ้านจึงสอบถามหาสำนักของท่านพระครูบา และพากันมาถามถึง ประจวบเหมาะกับที่ท่านพระครูบามีดำริที่สร้างธรรมะสถานเวียงพรหมท่าล้อด้วย จึงได้สร้างตระกรุดขึ้นมาอีก ๕๙๙ ดอก เป็นตระกรุดหนังความเผือกตายขำ(ขำคือคาอวัยวะเพศของแม่อยู่แล้วก็สิ้นใจตายโดยธรรมชาติ) และจารย์มือทุกดอก ซึ่งใช้เวลาในการทำเป็นเดือนทั้งวันทั้งคืน เพราะทำค่อนข้างยากหลายขั้นตอนอีกทั้งต้องหาครั่งไม้บ่าตันขอ(พุทราป่า) เพื่อมาทำการพอกสืบหาใช้เวลาเป็นแรมเดือนจึงไปได้ที่ อ.สันกำแพงจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในวันปลุกเสกนั้นได้ทำประรำขึ้นและตั้งขันตามแบบล้านนาประเพณีมีการไหว้ครูบาอาจารย์ และบอกถึงเจตจำนงในการสร้าง ซึ่งทำในวันที่16เมษายน ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันพญาวัน เป็นวันที่ดีที่สุดในรอบปีตามความเชื่อของล้านนา จึงเรียกกันติดปาดว่ารุ่นไหว้ครูพญาวัน ๑ ซึ่งพอเสร็จพิธีแล้วธรรมการได้จัดเก็บไว้ก่อน๑๐๐ ชุด ที่เหลือ๔๙๙ ดอกนำออกให้บูชาในวันนั้นผลปรากฏว่าชุลมุนกันยกใหญ่ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงตระกรุด ๔๙๙ ดอกหมดภายในวันเดียวเป็นที่น่าอัศจรรย์มาก ซึ่งรุ่นนี้ได้เกิดบฏิหารย์ต่อมาอีกหลายเรื่องดังจะเล่าให้ฟังในวันหน้าครับผม....และเมื่อเดือนกรฏาคมที่ผ่านมาได้จัดสร้างอีก ๙๙๙ ดอกได้มีประชาชนมาจองคิวกันรับของตั้งแต่หัวเช้าจนทำให้สถานที่วัดแน่นขนัดไปด้วยคนที่มารอเช่าบูชาตระกรุดยันต์ก๋าสะต๊อนหลวง ซึ่งหลังจากวันนั้นตระกรุดก็เหลืออยู่เพียงไม่ถึง ๑๕๐ ดอก ซึ่งพระครูบาได้เก็บรักษาไว้เพราะว่าช่วงหลังๆท่านครูบาไม่มีเวลาสร้างเพราะต้องคอยรับแขกญาติโยมีที่มากราบท่านเป็นประจำทุกวันจึงต้องรออีกนานกว่าจะสร้างครั
    [​IMG]ยันต์ก๋าสะต๊อนผู้หญิง
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    ภาพงานพิธีปลุกเสกยันต์ก๋าสะท้อน ซึ่งพิธีดูโบราญและศักสิทธ์ ญาติโยมต่างพากันมานั่งรอเช่าตระกรุดก๋าสะต๊อนเพื่อไปให้ลูกให้หลาน และใว้ติดตัวจนต้องเข้าคิว เสียดายรูปตอนสำคัญไม่ได้ถ่ายไว้ตอนที่คนชุลมุลกันเพราะมัวแต่ไปนั่งเฝ้าตระกรุดยันต์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  6. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    ประสบการณ์รอดตายจากการโดนยิงแบบประชิดแต่กระสุนกลับด้านอย่างบาฏิหารณ์

    ประสบการณ์รอดตายจากการโดนยิงแบบประชิดแต่กระสุนกลับด้านอย่างบาฏิหารณ์
    วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องที่เกรื่อนว่าแต่วันก่อนเรื่องความศักสิทธิ์ ของตระกรุดก๋าสะท้อนของพระครูบาธรรมรังษีซึ่งตอนนี้นับวีนก็ยิ่งมีเรื่องราวประสบการณ์ให้รับฟังกันอย่างแพร่หลายซึ่งมีจำนวนมากที่กลับมากราบท่านครูบาและเล่าถึงประสบการณ์ที่ตัวเองได้ประสบมาเช่นคุณคนนี้
    [​IMG]
    ซึ่งได้มากราบครูบาและมาร่วมงานใหว้สาครูบาอาจารณ์เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา โดยคุณโยมคำ (ขอสงวนชื่อนามสกุลจริง)แกเป็นคนฝางโดยกำเนิด และค่อนข้างที่จะชอบเรื่องการพนันขันต่อเป็นชีวิตจิตใจเรียกได้ว่าอาชีพหลักก็คือเล่นการพนันเป็นอาชีพ ซึ่งเขาคนนี้ได้มาเช่าตระกรุดรุ่นใหว้ครูพญาวัน ของครูบาไปและนำติดตัวใว้ตลอดที่ออกไปเล่นการพนันตามที่เคยมาเช่นทุกวัน ต่อมาหลังจากเช่าตระกรุดไปในวันที่ 15 เม.ย. แลัวผ่านไปประมาณสิบวันกว่า นายคำได้ไปเล่นการพนันในบ่อนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นของคนมีสีและมีอิธิพล ในการเล่นครั้งนี้ได้มีการดื่มเหล้าร่วมด้วยเวลาผ่านไปทุกคนจึงเรื่อมมีอาการเมามาย ประกอบกับการเล่นการพนันในวันนั้นนายคำดวงเฮงเป็นพิเศษและเล่นแบบออกอาการดีใจจนเกินกว่าเหตุ แก่เจ้ามือคนมีสีเล่นเสียเกือบทุกรอบจนเรื่มออารมเสียเเละใส่อารมย์ในการเล่น ในส่วนของนายคำเมื่อเล่นได้ก็มีการตรบไม้ตรบเมือพูดถากถางกันขึ้นแบบทีเล่นทีจริงไม่ได้คิดว่าจะมีเรื่องหมางใจกันเกิดขึ้น จนเวลาผ่านไปรอบนี้แกใส่ไปจนหมดตักหวังว่าจะลุ่นรอบสุดท้ายก่อนกลับบ้านผลการลุ้นปรากฎว่าแกกินเรียบจึงแสดงความดีใจและฟาดไพ่หงายลงบนโต๊ะเพื่อโชว์ ตอนนั้นเรื่องไม่คาดคิดก็เกืดขึ้นเมื่อเจ้ามือคนมีสีคนนั้นเกิดอาการฉุนควักปืนออกมายิงแบบไม่พูดพร่ำฟังเพลง จนได้ยินเสียงลั่นไกด์ปืนดังแก๊ก แก๊ก แก๊ก ถึงสามรอบซึ่งนายคำก็ได้แต่ตลึงแทบช็อกตาย แต่ปาฎิหารก็เกิดขึ้นเมือลูกปืนด้านถึงสามลูกเจ้ามือคนมีสีคนนั้นถึงกับยืนงง เข่าอ่อนในทันที หลังจากทุกคนตั้งสติได้แล้วจึงพากันพูดให้คนมีสีคนใจเย็นและยอมขอโทษซึ่งกันและกัน และนายคำก็ไม่ได้ถือสาเอาความใดๆ แต่เหตุการณในวันนั้นทำให้ทุกคนถึงกับตลึงและแทบไม่เชื่อกับสายตาตัวเอง จนคนมีสีคนนั้นจึงได้ไต่ถามนายแดงว่ามีอะไรดี นายแดงจึงบอกว่าผมมีแต่ยันต์ของครูบาน้อยซึ่งมาสร้างวัดใหม่อยู่ริมน้ำฝาง จากนั้นการลองของก็เรื่อมมีขึ้นอีกรอบ คนมีสีคนนั้นได้ยืมตระกรุดของนายคำ และเอาตระกรุดของแกซึ่งเช่ามาจากวัดๆหนึ่ง และของพักพักที่มีสีเมือนกัน ได้รวมกัน5ดอกเอามารวมกันและยิงผลปรากฏว่าลูกด้าน จึงแยกออกทีละเส้นยิงออกทุกเส้น จนมาถึงเส้นของท่านครูบาลูกปืนได้ด้านอีกครั้งจึงแกะลูกออกดูนกหลังลูกก็เป้นรอยลึกแล้วแกนึกว่าลูกคนด้านไปแล้ว จึงนำลูกปืนนั้นกลับใส่ไปใหม่และลองยิงไปที่อื่นดูผลปรกฏว่าลูกปืนนั้นมิได้ด้านแต่อย่างใด จนกรายเป็นที่นับถือและยอมรับกันในวงนั้นจนเรื่องนี้แพร่ออกสะพรัดและได้มาสอบถามท่านครูบา ท่านครูบาได้ตักเตือนนายคำและคนที่ลองว่ามันบ่ดี คนเราอย่าประมาทอย่าเหิมกริม เพราะความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย ของจะดีเเต่ใหนศักสิทธิ์แค่ใหนแต่คนใช้ประมาทไม่มีศีลธรรมย่อมวิบัติชิปหายได้เช่นกัน ในการที่ยิงไม่ออกนั้นครูบาท่านพูดว่ามันคงเป็นเพราะดวงโยมคำไม่ถึงฆาตรกรรมเวรมันยังมาไม่ถึงหลังจากนี้ให้เร่งอยู่ในความไม่ประมาทเลิกอบายมุขเพราะโชคของเราที่จะมีอย่างครั้งนี้คงมีไม่บ่อยที่รอดมาได้ ..........สาธุ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  7. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    คาถาอาคมล้านนาอันได้สืบทอดเเลกเปลี่ยนกันมาใครมียันเทียน ยันต์ต่างๆ คาถา จะเผยแพร่เป็นธรรมทานขอเรียนเชิญแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับผม
    ศรีสิทธสวัสดีดูราท่านทั้งหลายกาละบัดนี้ผู้ข้าจักขอวรรณณากล่าวเถิงยังคาถาอาคมอันมีมาแต่โบราณสันตะติมาดังนี้เทอะ
    ที่นี้จักขอกล่าวเถิงคาถาอันมีในเมืองใต้พู้น อันมีในตำราเวทมนต์ตำหรับ ของพระครูสิริสมณวัตรก่อนแล
    คาถานโมตาบอด พระทุกขัง นามะรูปัง นะโมพุทธายะ มะ อะ อุ ฯ ใช้เป่าไข้
    คาถาสะเดาะเคราะห์ตัวเอง ไชยะ ไชยะ พุทโธ ไชยะ ไชยะ ธัมโม ไชยะ ไชยะ สัพพะราชา ฯ ใช้สวดขอความปกป้องคุ้มครอง ขอโชคลาภ
    คาถาเสกข้าวสาร อนิจจาพาลัง ปิยัง โหติ เทวตาปัตตัยยัง นะมามิหัง ผุลเลผุลเลนะ เตเชนะ ชัยยะ มังคะลัง ฯ ใช้เสกข้าวสาร ๗ คาบ แล้วโปรยข้าวสารที่เสกนั้นรอบที่อยู่อาศัย ป้องกันอันตรายทุกประการ ศัตรูทำร้ายไม่ได้ เสกข้าว ๗ คาบกิน ทำให้อยู่ยงคงกระพัน เสกน้ำล้างหน้ามีคนยำเกรง เสกผ้าอุดหูไว้ปืนยิงไม่ออก
    คาถาปทุมมัสมิง โอมปทุมมัสมิง นะสาราเติง นะสาราชะตาง กาลาเปิง พรหมเสมะถุรุปะเปิง จะตุเลิงสะมังเค สะนะสะเนิง สัพพะเชิง ปะระพุทธะเชิง พิสสะยักขะ กะนาม ทิหิ ทุรัคเค อะนาคาหิจะตุนะอะนุภาเวนะ พัลละวะโสกัสมา อะสีติอะธิกะคาถารานังกานิชังคุณะเสวิตตัง ตัปโปทะยะคะยาสะมาตตะ โอมผองๆ ปิไชยะ สมาตตะ สัพพะสิทธิสวาหุม ฯ คาถานี้หากจำเริญทุกค้ำเช้า ปรารถนาสิ่งใด คือว่ายศศักดิ์สมบัติก้ดี เงินทองก้ดี ก้หากจักสมดังใจมักไฝ่นั้นแล
    คาถานางวิสาขาเรียกลูก เยนะ พุทธา เยนะ ธัมมา อะสา สัมมา เยนะ สังฆา ปัจจะยิโน ทุกขะเวทะนา เยนะ ราชา ทุกขะเวทะนา สุขะเวทะนา ยังยัง ปะถะวิโหนตุ เชยยะมังคะลัง ฯ คาถาบทนี้หากหญิงชายใดอยากให้ผู้อื่นรักก็ดี ขุนนางรักก็ดี ให้ศัตรูรักก็ดี ท่านให้เขียนรูปนางวิสาขาใส่ในผ้าดอกคำหรือผ้าขาวก็ดีแล้วเขียนคาถานี้ล้อมรอบนางวิสาขานั้น ทำเป็นผ้าเช็ดหน้า ทำให้ผู้คนที่พบเห็นนั้นเอ็นดูรักไคร่
    คาถากันถ้อยความ นะวะพาผาติโน เยนะนะเยโน นะชิตาชินะทะชิตา เยนะนะ เย พุทธผาวันตัง ฯ หากใครเป้นถ้อยเป็นความท่านให้ใช้คาถานี้เสกหญ้าให้ควายกิน แล้วจึงตบปากควายแล้วว่าความแพ้เราแล้ว ถ้าไม้งั้นให้เขียนชื่อใส่ใบมะพร้าวเสกคาถาแล้วเอาฝังไว้ในน้ำว่าความแพ้เราแล
    คาถามณีจินดา มะณีจินดา ปิปะ รัมหัญจะ ชะนังยะสัง ทัสสะนา สิโก มัง ปัตตะติดลิเนหัง มันตามุตตัง วิสัง สิทธิราชา ฯ คาถาจินดามณีตัวผู้
    มะหามันตัง จินดามะณี ทิวาตะชะระนิ โจระวา ทะสินทิสสา จักขุทิสสะเร จันทะเทวิอะสามัคคิ อะทัตติยา อะทัสสะนา ฯ คาถามณีจินดาตัวเมีย
    คาถามณีจินดาทั้งคู่นี้ใช้ทางเมตตามหานิยาคนรักหูมนักแล ใช้เสกน้ำมันจันทน์ทาตัวเป็นเสน่ห์แก่คนทั่วไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  8. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    คาถาพระยาอินทร์หรือคาถานางกวัก โอมมหาสิทธิโชคอุดม โอมปู่เจ้าเขาเขียว มึงอยู่คนเดียวชื่อว่านางกวัก ชายเห็นชายรัก หญิงเห็นหญิงรัก รู้จักทุกตำบล คนรักถ้วนหน้า พวกพาณิชพาลูกค้าเมืองแมน กูว่าหัวแว่นได้ลักสุทธนา กูจักพาไปค้าสารพัดก็ได้ดั่งใจ กูจักเอาเงินก็ได้เต็มกอง กูจักเอาทองก็ได้เต็มหาบมาเรือน สามเดือนกูจักได้เป็นเศรษฐี สามปีจักค้าสำเภา โอมปู่เจ้าเขาเขียว อะลันตะสัญญัง อิติวะระสัญญัง อิติมะนิมุนตะสัญญัง อิติ อิติมะตาสัญญัง พุทธาอิติ มันตาสัญญัง ธัมมาอิติมันตาสัญญัง พุทธาอิติมันตาสัญญัง ธัมมาอิติมันตาสัญญัง ธัมมาอิติมันตาสัญญัง สังฆาอิติเตโช มหาภัยยะอิติสวัสดี อิติสวาหุม ฯ เขียนไว้สองข้างผู้ใดทำร้ายมิได้ เทวดารักษาเสกน้ำล้างหน้าทุกวันเป็นเสน่ห์แก่หญิงทั่วไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  9. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    คาถาแม่ไก่กุ๋กลูก ภาวนาเจ็ดครั้งเป๋นเมตต๋ามหานิยม ไปตี๊ไหนบ่อดบ่อยาก แคล้วคลาดปลอดภัย "ก๋ะกุ๋กิ๋ง ก๋ะกุ๋ก๋า ก๋ะกุ๋มา ส๋ะต๋ะย๋ะนัง ปิยังมะมะ "
    บทตี๊สอง "อมกุ๋กกุ๋กปั๋กก๋า อมกุ๋กกุ๋กมามานานามิหัง"
    บทนี้มนต์ใบพลู มนต์น้ำ มนต์ข้าวกิ๋นข่ามคง"เถ้าะหล่อ"

    [​IMG]
     
  10. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    แคล้วคลาดปลอดภัยจากแม็คปืนลมประสบการณ์ของคุณถาวร บุญเอื่ม

    แคล้วคลาดปลอดภัยจากแม็คปืนลมประสบการณ์ของคุณถาวร บุญเอื่ม
    ครับเรื่องนี้ก็เป็นอืกตัวอย่างหนึ่งที่มีประสบการณ์ด้านแคล้าวคลาดจริงๆ ที่ทีแรกนึกว่ามันก็คงจะบังเอิญแต่พอได้ยินเข้ามาอีกหลายๆเรื่องแล้วมูลแต่ละเรื่องมันจะเป็นเหตุบังเอิญก็คงเกินวิสัยที่จะคิดว่ามันบังเอิญได้อย่างไร เพราะเรื่องที่ได้ยินแต่ละเรื่องก็เหลือเชื่อจนถ้าไม่ใช่คนใกล่ชิดหรือได้ยินจากคนที่โดนจริงๆก็คงจะคิดว่าโม้ โฆษณาเกินจริงแต่ผมกล้าสาบานได้และลากตัวเป็นๆไปยืนยันได้เลยเพราะว่าท่านเหล่านั้นส่วนใหญ่หลังจากเกิดประสบการณ์กับตัวเองเเล้วมักจะผันตัวมาเป็นลูกสิทธ์ที่อุปฐากอยู่เป็นประจำเลยตามหาตัวได้ไม่ยากเลย
    [​IMG]
    โดยเรื่องที่เกิดนี้ได้ประสบพบพานโดยคุณถาวร บุญเอื่ม ชาวบ้านบ้านห้วยงู อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเรื่องราวมีอยูว่า คุณถาวรนี้ แกมีอาชีพช่างไม้และรับเหมางานสร้างบ้านต่างๆทั่วไป โดยก่อนเกิดเหตุน้นแกได้ซื้อปืนลมใหม่มาสำหรับประกอบงานไม้และได้ยิงลองผิดลองถูกกันกับหลานซึ่งมาช่วยงาน ตอนนั้นคุณถาวรกำลังจะประกอบโต๊ะจึงบอกให้หลานชายหยิบปืนลมส่งมาให้หน่อยโดยตอนนั้นเครื่องปั๊มลมได้เปิดเครื่องทิ้งใว้ก่อนแล้ว หลานชายของคุณถาวรจึงหยิบหัวยิงปั๊มลงส่งมาให้แต่ด้วยตวามประมาทหลานของแกได้กดไปโดนตัวยิงลวดขึ้นผลปรากฏว่า เครื่องยิงลมได้ทำงานและยิงเส้นลวดอันคมกริบบวกกับแรงดันขนาดทะลุไม้สักหนาสองนิ้วเข้าได้อย่างสบายๆ ออกจากลำกล้อองทันทีมากระทบโดนท้องของคุณถาวรซึ่งตอนนั้นได้ถอดเสื้อทำงานยิ่งเข้าไปได้ง่ายกว่าไม้ดังปึก สองคนน้าหลานต่างหน้าซีดผืดน้าก็กุมท้องใว้แล้วนึกในใจว่างานนี้ต้องไปผ่าเอาลวดออกแน่ แต่พอเอามือที่ีกุมท้องออกก็ต้องตลึงงง เพราะลวดที่ถูกยิงกระทบผิวหนังนั้นบรอเวณที่โดนมีแต่รอยจ้ำๆสีช้ำเลือดนิดหน่อย แต่ลวดหายไปใหนสองคนน้่หลานต่างพากันมาหาแต่ไม่เจอเลยไม่ได้ใส่ใจอะไรจึงวางเครื่องมือแล้วไปนั่งพักให้หายตกใจ ส่วนแม่ของคุณถาวรแมื่อเห็นลูกและหลานออกไปแล้วจึงไปเก็บกวาดสถานที่แล้วได้พบว่ามีลวดปักอยู่ที่เสาไม้ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามคุณถาวรตอนโดนเครื่องปั๊มลมยิงห่างประมาญ1เมตรพอดี ทุกคนเลยสันนิษฐานว่า ลวดนั้นได้ถูกยิงมาโดนท้องของคุณถาวรแล้วได้กระเด็นออกไปถูกต้นเสาไม่พอดี เพราะแกสาบานได้เพราะไม่เคยเอาลวดปั๊มลมยิงเสาหรือลองกับเสาเลยเพราะเครื่องมือพึ่งใช้มากำลังลองยิงได้แค่3ครั้งแล้วมาเกิดเหตุ เลยเป็นไปไม่ได้ว่าลวดจะไปโดนเสาบ้านก่อนได้ คุณถาวรจึงนึกถึงยันต์ก๋าสะท้อนของท่านครูบาขึ้นเพราะว่าแกจะใส่ติดตัวตลอดที่แกได้มาเพราะน้องไปเช่าในวันงานของที่ท่านครูบาปลุกเสกมาให้ แกพูดว่าถ้าไม่มีตระกรุดคงป่วยหนักไปหลายวันเพราะขนาดไม้เเข็งๆยังทะลุได้อย่าง่ายดายแล้วจะนับประสาอะไรกับหนังคน.........อนุโมทนาสาธุกับคุณถาวรที่ได้อนุเคราะห์รูปและบอกเล่าเหตุการณ์ครั้งนั้นให้มาเผยแพร่ เพราะผมได้ไปเจอแกตอนไปช่วยกันสร้างศาลาบำเพ็ญบุญพอดีเลยนำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังครับผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2013
  11. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    [​IMG]
    ยันต์จักกิ้มสองหางตั๋วปู๊ และตั๊วแม่ เมตตามหนิยมดีนักแล
     
  12. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    [​IMG]
    คนเราในเมื่ออยู่ในศีลเป๋นนิตแล้วความเดือดร้อนก็จักบ่เกิด เพราะคนที่ผึกตนอยู่ในศีลดีแล้วย่อมมีสะติเป็นตัวระลึกอยู่ตลอดเวลา ความเดือดร้อนย่อมไม่เกิดขึ้นได้ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นมาเราก็ย่อมแก้ได้โดยง่ายเพราะเรามีศีลและสติเป็นตัวคุม หลายคนมีปัญหามัวแต่ไปพึ่งพระพึ่งสิ่งศักสิทธิ์ แต่ไม่ยอมพึ่งตัวเองอันที่จริงตนเองนี่แหละเป็นที่พึ่งแห่งตนที่ดีที่สุดที่บอกกว่าดีที่สุดนั้นเพราะเหตุที่ว่าปัญหาความทุกข์ทุกอย่างตนนั้นแหละเป็นผู้รู้ดีว่าปัญหานั้นเกิดขึ้นเช่นไร แล้วผลสุดท้ายเรานั่นแหละก็ต้องเป็นผู้ดับ ไม่ว่าจะไปพึ่งพระ พึ่งสิ่งศักดิ์สิทใดๆก็ตามผลสุดท้ายถ้าเราไม่หาวิถีทางที่เราจะดับทุกนั้น พรที่เราขอไปมันก็คงยากที่จะเกิดผล แต่มันก็เป็นเรื่องยาก เพราะมนุษย์คนเรานั้นยึดติดแต่ความสุข ยึดติดแต่ความรัก ยึดติดกับความสมหวังในสิ่งที่เรารัก และปราถนาในสิ่งที่เราหวัง ในสิ่งที่เรารัก จึงตะเกืยกตะกายใขว่คว้าโดยไม่มองเห็นกฎแห่งสารวัตรอันเป็นจริงแห่งโลกรรม8 เพราะส่วนใหญ่ก้จะลุ่มหลงอยู่ในโลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ คือ ฝ่ายที่มนุษย์พอใจมีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่ไม่ค่อยมองเห็นและรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าทุกอย่างมันก็มีขั้วลบคือ โลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ คือ ฝ่ายที่มนุษย์ไม่พอใจอันมี เสื่มลาภ เสื่มยศ มีนินทา มีทุกข์ เป็นของควบคู่กันมาถือว่าควบคู่กันก็ได้ แต่ถ้าเรารู้หลักแห่งโลกกรรม8แล้วเราก็ย่อมมองเห็นเหตุแห่งอินิจจัง ทุกขัง แลอนัตตตา คือความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แลดับไปของทุกสรรพสิ่ง คือในเมื่อทุกข์ มันก็จะต้องมีเกิดขึ้นตั้งอยู่ และดับไป มันไม่จีรัง เรามีสุขก็เช่นกัน ถ้าเรารู้หลักอันมีเหตุและผลนี้แล้วเราก็แทบจะไม่ต้องพึ่งสิ่งศักสิทธิ์ หรือขอพรอะไรเลย เพราะปัญหาทุกสิ่งมันเกิดขึ้นเราก็ไม่หวั่นใหวเพราะเรารู้แล้วว่าออมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของโลก จิตของเราก็ไม่หมองมัวสติก็จะอยู่กับตัว ปัญาก็จะเกิดปัญหาทุกอย่างก็จะแก้ได้โดยง่าย...........พระครูบาธรรมะรังษี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2013
  13. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    วันบูชาเทียน
    "การบูชาเทียนนั้นโดยทั่วไป แล้วสามารถจะกระทําได้ทุกวันขึ้นอยู่กับความสะดวกและเหมาะสม" ส่วนการบูชาเทียนใน ล้านนานั้นได้มีการกําหนดวันที่จะบูชาเทียนเป็นการเฉพาะทั้งนี้เพื่อให้เกิดประสิทธิผลในการบูชา การกําหนดวันบูชาเทียนของล้านนามีอยู่หลายแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสํานักของครูบาอาจารย์ที่ท่านได้ ตั้งไว และในที่นี้จะยกเอาเฉพาะบางส่วนที่นิยมใช้กันทั่วไปดังต่อไปนี้
    ตามแบบครูบาเจ้าศรีวิชัย
    ออก (ข้างขึ้น) ๑ ค่ำ อย่าบูชาไม่ดีมักผิดหมองใจผู้ใหญ่
    ออก (ข้างขึ้น) ๒ ค่ำ บูชาจักสมฤทธิ์ชุ่มเย็นดีแล
    ออก (ข้างขึ้น) ๓ ค่ำ บูชาซ้ำดีนักแล
    ออก (ข้างขึ้น) ๔ค่ำ บูชาไม่ดีขุนนางเกลียดชัง
    ออก (ข้างขึ้น) ๕ ค่ำ บูชาดีนัก
    ออก (ข้างขึ้น) ๖ค่ำ อย่าบูชาไม่ดีจะเป็นเคราะห์ใหญ่
    ออก (ข้างขึ้น) ๗ ค่ำ บูชาดี
    ออก (ข้างขึ้น) ๘ อย่าบูชาไม่ดีจะผิดเถียงกัน
    ออก (ข้างขึ้น) ๙ ค่ำ ค่ำ อย่าบูชาขุนนางเกลียดชัง
    ออก (ข้างขึ้น) ๑๐ ค่ำ อย่าบูชาไม่ดีเลย
    ออก (ข้างขึ้น) ๑๑ ค่ำ บูชาดีจะสมคาปรารถนา
    ออก (ข้างขึ้น) ๑๒ ค่ำ ดีนัก
    ออก (ข้างขึ้น) ๑๓ ค่ำ ดีเต็มที่ให้บูชา
    ออก (ข้างขึ้น) ๑๔ ค่ำ บูชาดีทุกอย่าง
    ออก (ข้างขึ้น) ๑๕ ค่ำ บูชาดีแท้

    แรม ๑ ค่ำ อย่าบูชาไม่ดี
    แรม ๒ ค่ำ อย่าบูชาไม่ดี
    แรม ๓ค่ำ อย่าบูชาไม่ดี
    แรม ๔ค่ำ อย่าบูชาไม่ดี
    แรม ๕ ค่ำ บูชาจะมีโชคลาภดีนัก
    แรม ๖ค่ำ อย่าบูชาจะมีเคราะห์๑
    แรม ๗ค่ำ บูชาจะมีโชคลาภให้
    แรม ๘ค่ำ บูชาแม่ยิงสาวหูมดีนักแล
    แรม ๙ค่ำ บูชาดีนัก
    แรม๑๐ค่ำ บูชาที่เป็นเมตตาแก่คนทั้งหลาย
    แรม ๑๑ ค่ำ อย่าบูชาจะผิดเถียงกัน
    แรม๑๒ ค่ำ อย่าบูชาไม่ดีเลย
    แรม๑๓ ค่ำ อย่าบูชา
    แรม ๑๔ค่ำอย่าบูชาไม่ดี
    แรม ๑๕ ค่ำอย่าบูชาเขาเกลียดชัง

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2013
  14. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    พระครูบาธรรมรังษี.....มีเมตตาช่วยโยมโดนคุณไสยมากว่าหกปีหายอย่างอัศจรรย์

    พระครูบาธรรมรังษี.....มีเมตตาช่วยโยมโดนคุณไสยมากว่าหกปีหายอย่างอัศจรรย์
    จากหลายๆตอนที่แล้วผมได้เล่าประสบการณ์วัตถุมงคลมาบ้างแล้วซึ่งมันจะเป็นปฎิหารย์เหตุบังเอิญหรือเหตุใดกระผมก็ไม่อาจรู้ได้แต่ทุกเรื่องที่เล่าไปล้านแต่เป็นความจริงทุกประการใช่ว่าจะสรรเสริญชวนเชื่อหรือยกประเด็นขึ้นเพื่อยกย่องอาจารยืของตนเองก็หาไม่แต่บางทีมันก็อาจจะเป็นการจุดประกายของคนที่มีทุกข์ต้องการที่ปรึกษาหรือแสงสว่างในชีวตก็ได้ซึ่งในที่สุกผมก็กล้าสาบานด้วยสัตย์ว่าเป็นจริงทุกประการณ์
    เรื่องต่อไปนี้มีอยู่ว่าได้มีสามมีภรรยาคู่หนึ่งได้ยินข่าวจากชาวบ้านเรื่องอภินิหารของพระครูบา จรึงได้เดินทางมากราบเพื่อบูชาวัตถุมงคลไปครุ้มครองตัว แต่เมื่อทั้งคู่ก้มลงกราบแล้วท่านครูบาได้สังเกตุเห็นคนที่เป็นภรรยามีอาการสั่นหน้าตาซีดเซียวดูแล้วเหมือนคนป่วยมาเป็นเวลาเเรมปี จึงได้สอบถามชื่อเสียงเรียงนามจึงได้ทราบว่าสามีนั้นชื่อว่าโยมติ๊บ ส่วนภรรยานั้นมีชื่อว่าแสงดา นามสกุลโปธิ เป้นคนบ้านต้นตุ้ม อ.ฝาง เมื่อพูดคุยกัยพอรู้เรื่องแล้วภรรยาของแกคือโยมดาได้มีอาการปวดหน้าอก หายใจแม่ออกท่านพระครูบาจึงกำหนดจิตดูจึงทรายว่าโยมคนนี้โดนกระทำด้วยคุณไสย จึงได้เสกน้ำมนต์ให้ดื่มอาการก็ทุเลาขึ้น จึงสอบถามถึงความเป็นไปเป็นมาสองสามีภรรยาจึงเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนเดิมทีได้ไปอาศัยบ้านญาติซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของโยมติ๊บ พอไปอยู่แล้วจึงได้เปิดกิจการค้าขาย ซึ่งน้าของโยมติ๊บก็ได้ทำอาชีพเดียวกันนี้ พอค้าขายไปเรื่อยๆกิจการก็เรื่อมดีขึ้นมาตามระดับจึงเกิดเรื่องหมางใจกันเรื่องลูกค้าและอิจฉากันจึงได้มีการต่อล้อต่อเถียงทะเลาะวิวาทกันใหญ่โตจนโยมสองคนสามีภรรยาจึงตัดสินใจย้ายมาค้าขายด้วยตนเองอีกหมู่บ้านหนึ่งแต่แล้วมีอยู่คืนหนึ่งโยมดาได้เข้านอนตามปรกติได้นอนฝันถึงมีผีมากมายได้ฉุดตัวแกเพื่อจะเอาไปอยู่ด้วยแกจึงดิ้นรนสู้เต็มที่ในฝันแล้วได้ตกใจตื่นขึ้นและเล่าให้สามีแกฟัง จนเวลาผ่านไปไม่นานโยมดาได้ล้มป่วยลงด้วยอาการใจสั่นเจ็บหน้าอกอ่อนเพลีย จึงเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลฝางแต่ผลการตรวจได้พบว่าไม่มีอาการผิดปรกติใดๆเเพทย์จึงลงความเห็นว่าอ่อนเพลียรักษาอยู่หลายวันอาการไม่ดีขึ้นจึงเดินทางไปโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ในตัวเมือง แต่ผงการเช็คร่างกายอย่างละเอียดก็ออกมาเหมือนกันคือปรกติ ทั้งสองคนจึงตัดสินใจไปพึ่งหมอไสยศาสตร์ควบคู่กับหมอแผนบัจจุบัน ไปเกือบทุกหมอที่ว่าดีแต่ก็ดีในเวลาชั่วคราวสามสี่วันก็เป้นอีกเป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนโยมดาไม่สามารถทำงานอะไรได้เพราะมีอาการสั่น อ่อนเพลีย หายใจไม่ทั่วท้องเป้นอย่างนี้ตลอดหกปี จนหมดเงินทองไปหลายแสนบาทกับการรักษาแทบสิ้นเนื้อประดาตัว จนคิดจะฆ่าตัวตายถึงสามครั้งแต่โยมติ๊บก็มาช่วยใว้ได้ทัน เมื่อครูบาได้ฟังเรื่องราวแล้วจึงมีเมตตารับปากว่าจะลองช่วยดูจึงนัดเเนะให้มาวันใหม่โดยให้เตรียมของในพิธีและยาสมุนไพรบางตัวมาเอง เมื่อวันทำพิธีมาถึงท่านครูบาได้ทำพิธีต้มยาถอนคุณไสย และทำพิธีตัดพรมพรายซึ่งเป้นพิธีของล้านนาโยมแม่ดาได้มีอาการกระวนการวายเเอะอะโวยวาย สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ท่านครูบาจึงสอบถามว่ามาจากใหน มาเพราะอะไรผลก็คือเป็นวิญญาณที่โดนส่งมาเพื่อรังควาญโยมดาและโยมติ๊บให้ชิบหายและมีอันเป็นไปต่างๆนา ท่านพระครูบาจึงแผ่เมตตาให้วิญญาณนั้นและส่งให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี และได้จัดการให้โยมแม่ดาดื่มยาแก้คุณไสยโดยดื่มติดต่อกันช่วงแรกเจ็ดวัน เว้นระยะกันไปจนครบสามหม้อหม้อละเจ็ดวัน จนโยมดาได้มีอาการดีขึ้นเป็นลำดับจนหายเป็นปลิดทิ้งซึ่งโยมดาได้กราบท่านครูบาแล้วพูดว่า หากไม่มีท่านครูบาชีวิตนี้ก็ยังไม่รูว่าจะทุกข์ทรมานไปอีกแค่ใหน เพราะในระยะหกปีที่ผ่านมาก็แทบจะเหมือนตายทั้งเป็น ท่านพระครูบาจึงตอบว่า ดีแล้วที่หายให้ถือเสียว่าตายแล้วเกิดใหม่ นับจากนี้ไปให้หมั่นถือศีลภาวนา ใส่บาตรกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรและเพื่มบุญให้ตัวเองเพื่อจะได้มีชีวิตที่เจริญก้าวหน้าและบุญนี้จะได้ต่อบุญไปในภายภาคหน้า............สาธุ
    [​IMG]
     
  15. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    [​IMG]
    ยันมหาพิชัยสงครามลายมือท่านครูบา
    [​IMG]
     
  17. เทวธรรม

    เทวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +277
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...