คลิปพระอยากดัง มีความคิดเห็นอย่างไรกับพฤติกรรมแบบนี้?

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย roentgen, 20 กันยายน 2011.

  1. pipat

    pipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +126
    พิจราณาดูเถิด..
     
  2. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +1,830
    แล้วยังไงครับคำสอนดี แต่กิริยาทรามแบบนี้ ควรเชื่อหรือ

    งั้นกระผมถามหน่อย ถ้า พระทั่วประเทศ ด่าอวัยวะเพศหมาตัวเมีย ด่าพ่อด่าแม่ เ-ดพ่อ เ-ดแม่ ขากเสลด ต่อหน้า เตะโต๊ะ แบล็กคิกทิชชู่ ยกขาสูงจนอวัยวะเพศเกือบโผล่

    แล้วบอกว่า จงฟังสิ่งที่อาตมาสอนเพราะอาตมาสอนดีลองฟังสิ แล้วจะมีใครฟังไหม ศาสพุทธในประเทศไทยจะเป็นยังไง ศาสนาอื่นมาเห็นเขาก็หัวเราะป่าวๆ บอกว่า นี่หรือศาสนาแห่งธรรมมะ

    แล้วใครจะมานับถือพุทธ สุดท้ายมันก็ล่มสลายไปไม่เวลาไม่นาน พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนให้เผยแพร่ธรรมะ แบบหยาบคาย แบบนี้หรือครับ? แล้วถ้าพระพุทธเจ้าทรงเทศนาแบบนี้ ศาสนาของท่านจะอยู่ถึง ป่านนี้หรือครับ

    งั้นในโรงเรียน ต่อไปนี้ให้คุณครู ด่าพ่อแม่ นร. เตะโต๊ะนักเรียน ขากเสลดใส่ นักเรียน โวยวาย เ-ด พ่อเ-แม่ ไป แล้วก็สอนไป แล้วบอกว่า ให้ฟังที่ครูสอนเพราะครูสอนเนื้อหาดีทั้งนั้นให้ดูที่เนื้อหาอย่ามาสนใจครู แบบนี้เอาไหม ท่านจะส่งลูกไปเรียนไหมครับ??

    ในเมื่อกิริยายังรับไม่ได้แล้วคนเขา จะไปธรรมมะของท่านได้อย่างไร เพราะแค่ฟังท่านด่า 2-3คำเขาก็ลากลับ้านแล้ว แล้วท่านจะไปสั่งสอนใคร

    พระที่ดัง จนลูกศิษย์มากมายศรัทธาแรงกล้า ก็ดับมาแล้วนะครับ อย่างพระเทวทัต พระภาวนาพุทโธพระสายป่า หรือ พระยันตระ ก็ตาม

    ซึ่งในคลิปนี้ท่าน ไมได้สอนอะไรเลย ท่านกำลังหัวเสียโกรธหงุดหงิด ที่มีคนมาหาว่าท่านนั้นอยากดัง ท่านเลยด่าผ่านคลิปแล้วให้ลูกศิษย์มาอัพลงยูทูบเพื่อตอบโต้คู่กรณี แล้วมันเป็นคำสอนยังไงครับ?? ช่วยบอกที ว่าท่านสอนอะไรสอนเตะสูงกระนั้นหรือ
     
  3. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +1,830
    ไม่ได้ครับขนาด 2-3ปีก่อน โดนเถระสมาคมจัดการ ตำรวจเรียกสอบ ศาลสั่งให้ย้ายออกจากวัด

    ปัจจุบันยังอยุ่ที่เดิมครับ
     
  4. #กาสะลอง#

    #กาสะลอง# สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +6
    อารมณ์ท่านประมาณนี้น่ะฮับ

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=JSB4XeIqI5E&feature=player_detailpage"]ต่อยกัน ตบเกรียนแตก ( Part 1 ) - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=y5FC-7EB9OI&feature=player_detailpage"]ต่อยกัน ตบเกรียนแตก ( Part 2 ) - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=8Wo9Tdu3D2I&feature=player_detailpage"]ต่อยกัน ตบเกรียนแตก ( Part 3 ) - YouTube[/ame]​
     
  5. เอ-นก

    เอ-นก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +3
    เป็นธรรมดาครับ ในหมู่คณะใหญ่ย่อมมีพวกนอกคอกบ้าง มีความเห็นเข้าข้างตนเองบ้าง เพราะมิจฉาทิฐิเข้าครอบงำ เมื่อครั้งพุทธกาลก็มีพระเทวทัตเป็นต้น กว่าจะรู้สึกตนก็ธรณีสูบเสียแล้ว...ฉะนั้น เราควรทำตัวของเราเองให้เป็นที่พึ่งให้กับตัวเราให้ได้ ศึกษาพระไตรปิฎกแล้วนำมาใช้ให้ได้กับชีวิต
     
  6. pechja

    pechja สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    ตั้งสติให้ดีๆ ก่อนวิจาร์ณใดๆ
     
  7. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    สำนักพระพุทธเล็งลงดาบพระเกษม



    [​IMG]
    <SCRIPT type=text/javascript src="http://www.komchadluek.net/js/slides.min.jquery.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> $('#slides').slides({ preload: false, preloadImage: 'images/loading.gif', effect: 'fade', crossfade: true, fadeSpeed: 500, play:4500, pause: 1500, hoverPause:true, generateNextPrev: false, generatePagination: false, animationStart: function(current){ $('.caption').animate({ bottom:-35 },100); if (window.console && console.log) { // example return of current slide number console.log('animationStart on slide: ', current); }; }, animationComplete: function(current){ $('.caption').animate({ bottom:0 },200); if (window.console && console.log) { // example return of current slide number console.log('animationComplete on slide: ', current); }; }, slidesLoaded: function() { $('.caption').animate({ bottom:0 },200); } }); </SCRIPT>
    • [​IMG]
    สำนักพระพุทธเล็งลงดาบพระเกษม

    สำนักพระพุทธศาสนาเพชรบูรณ์นำคลิป "พระเกษม" เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ป่าสามแยก หารือเจ้าคณะจังหวัดเตรียมลงดาบ ชี้พฤติกรรมไม่เหมาะสม เผยปี 51 เคยมีคดีเหยียบฐาน-ตบหน้าพระพุทธชินราชจำลองมาแล้ว เจ้าตัวเผยอัพโหลดคลิปเอง ยืนยันไม่ผิดพระธรรมวินัย


    ความคืบหน้ากรณีคลิปวิดีโอที่แพร่หลายในเว็บไซต์ยูทูบ ซึ่งปรากฏภาพของหลวงพ่อเกษม อาจิณณสีโล เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ที่โรงจังหันเช้า โดยคลิปดังกล่าวอัพโหลด เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2554 ความยาว 24.10 นาที ในหัวข้อ "แบบนี้เรียกว่าอยากดังหรือเปล่า" ซึ่งตลอดคลิปดังกล่าวปรากฏภาพหลวงพ่อเกษม กล่าวคำหยาบคายและมีกิริยาไม่สุภาพ ยกขาวางบนโต๊ะ เตะของบนโต๊ะจนหล่น และถีบเก้าอี้กระเด็น จนกระทั่งผู้ได้ชมภาพคลิปดังกล่าวต่างแสดงความเห็นในเชิงไม่เห็นด้วย พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปแก้ปัญหา

    ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 กันยายน นายจรูญ นราคร รองอธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเพราะขณะนี้ติดราชการอยู่ จึงไม่สามารถแสดงความคิดเห็นอะไรได้ อย่างไรก็ตาม การดูแลพฤติกรรมพระสงฆ์นั้น เป็นหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โดยตรง ทางกรมการศาสนาดูแลสนับสนุนเรื่องการเผยแผ่คำสอนของ 5 ศาสนา ได้แก่ พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ ฮินดู ในเรื่องดังกล่าวขอให้ พศ.เป็นผู้ดูแลจะดีกว่า เพราะมีอำนาจพิจารณาโดยตรง
    ด้านนายวิโรจน์ ไผ่ย้อย รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบทราบว่าพระสงฆ์ที่ปรากฏในคลิปวิดีโอทราบชื่อหลวงปู่เกษม อาจิณณสีโล หรือพระเกษม เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ป่าสามแยก ซึ่งเมื่อ พ.ศ.2551 ชาวบ้านใน จ.พิษณุโลกและเพชรบูรณ์ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.น้ำหนาว ให้ดำเนินคดีกับพระเกษม เพราะลบหลู่และเหยียดหยามพระพุทธชินราชจำลอง โดยย่ำยีต่อพระพุทธรูป ด้วยการเหยียบฐานพระพุทธรูปและตบพระพักตร์พระพุทธชินราชจำลอง พระเกษมเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.น้ำหนาว เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2551 พร้อมให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ลบหลู่ศาสนา แต่ยอมรับว่ากระทำการดังกล่าวจริง
    นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า กรณีล่าสุดที่พบว่ามีคลิปวิดีโอเผยแพร่ทางเว็บไซต์โดยหลวงปู่เกษม แสดงออกอย่างไม่เหมาะสม ทั้งเตะ ถีบโต๊ะ เก้าอี้ ใช้วาจาไม่สุภาพ ไม่มีความสำรวมปรากฏขึ้นอีกครั้ง จึงได้เก็บรวบรวมภาพทั้งหมดเข้าปรึกษาหารือกับพระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบภาพทั้งหมดว่าเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์หรือไม่อย่างไร
    “จากการตรวจสอบคาดว่าวิดีโอถ่ายทำเมื่อไม่นานมากนี้ ภาพที่เห็นมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ท่ามกลางญาติโยม และแม่ชีที่กำลังทำบุญตักบาตร หลังจากนี้ต้องตรวจสอบว่าใครเป็นคนถ่ายและเผยแพร่วิดีโอนี้ พร้อมทั้งดูภาพอย่างละเอียดว่าการแสดงกิริยาที่ปรากฏมีความผิดหรือไม่อย่างไร เกิดจากความตั้งใจถ่ายทำหรือไม่ ส่วนการดำเนินการทางกฎหมายนั้น จะเข้าดำเนินการตรวจสอบที่ดินของวัดว่าตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายต่อไป ที่ผ่านมาเคยเข้าไปพูดคุยด้วย แต่หลวงพ่อไม่ค่อยเปิดใจยอมรับ ไม่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลกับทางราชการ” นายวิโรจน์กล่าว
    นายธนทัย คำกลาง วัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า เบื้องต้นต้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนามีแนวทางชัดเจนในการดำเนินการเอาผิดก่อน ในส่วนของวัฒนธรรมจังหวัดนั้นจะคอยหนุนเสริมเพราะถือว่าภาพในคลิปวิดีโอสร้างความเสื่อมเสียให้แก่จังหวัดเป็นอย่างมาก ผู้ที่ชมเว็บไซต์ต่างแสดงความคิดเห็นถึงความไม่เหมาะสม ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นคงต้องรอผลการพิจารณาตรวจสอบ
    ขณะที่พระเกษมเปิดเผยว่า เป็นผู้นำภาพคลิปวิดีโอดังกล่าวลงในเว็บไซต์ยูทูบด้วยตนเอง แต่ว่าสื่อกลับนำเสนอไม่หมด ขอยืนยันว่า ขณะนี้ได้มีลูกศิษย์ และผู้เลื่อมใส ที่เชื่อมั่นในพระไตรปิฎก ยอมปลดวัตถุมงคล พระดังทุกรุ่นที่ผู้นับถือนำมาฝังในพื้นที่วัด มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาทแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยจุดที่ฝังวัตถุมงคล เพราะผิดวินัยสงฆ์ที่ต่อต้านมาโดยตลอด
    "คลิปที่นำเสนอนั้น เป็นคลิปที่ต้องการตอบโต้ พระผู้ใหญ่รูปหนึ่งที่มาหาว่าอาตมาอยากดัง แล้วโอ้อวด และทำตัวแตกต่าง แต่อาตมาไม่ได้อยากดัง อาตมาทำทุกอย่างตามพระธรรมวินัยและพระไตรปิฎกได้เขียนเอาไว้ ไม่ได้ผิดเพี้ยน ใครคิดว่าอาตมาทำผิด อยากจะมาจับ ก็จับได้เลย ใครอยากจะมาแจ้งความดำเนินคดีกับอาตมาก็มาแจ้งได้เลย อาตมาขอบอกว่าสิ่งที่อาตมาทำนั้นไม่ได้ผิดพระธรรมวินัยแต่อย่างใด" พระเกษมกล่าว
    ส่วนบรรยากาศของสำนักสงฆ์วัดสามแยกพบว่า บริเวณทางเข้าจะมีด่านกั้นไว้ ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต และต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนว่ามาสำนักสงฆ์ด้วยวัตถุประสงค์ใด หากไม่ชัดเจนก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน นอกจากนี้ที่ปากทางเข้ายังมีข้อบัญญัติและข้อเขียนคำเตือนต่างๆ ไว้ เช่น ก่อนเข้าวัดให้ปิดโทรศัพท์มือถือ
    เมื่อเข้าไปด้านใน ภายในศาลาหลังเก่าที่สร้างขึ้นในยุคของหลวงตามหาบัวยังเด่นสง่าด้วยเสาต้นใหญ่ มีการปรับปรุงปิดประตูทุกรอบด้านของศาลาทั้งชั้นบนและชั้นล่าง แต่ในศาลานั้นไม่มีพระพุทธรูปเหมือนกับวัดและสำนักสงฆ์ทั่วไป เพราะสำนักสงฆ์แห่งนี้มีการรณรงค์ผู้คนไม่เคารพและกราบไหว้พระพุทธรูป
    สภาพสำนักสงฆ์แห่งนี้หลังจากมีการนำเสนอข่าวออกไป พระเกษมจะเข้าไปอาศัยอยู่ที่พักส่วนตัว หากมีญาติโยมมาพบ จะต้องผ่านคนดูแลคือ ฤาษี หรือนายสำลี นันธญาติ เป็นผู้ประสานงานสอบถามวัตถุประสงค์ หากมีเหตุอันสมควรก็จะไปแจ้งหลวงพ่อเกษม เพื่อขออนุญาตเข้าพบอีกครั้ง หากหลวงพ่อเกษมไม่อนุญาตก็ไม่ได้เข้าพบ
    ด้านความรู้สึกของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงสำนักสงฆ์ นายกันตร์ธร เทียมแก้ว ชาวบ้านห้วยยางทอง อยู่บ้านเลขที่ 102 ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ติดตามข่าวเรื่องหลวงปู่เกษม มาพอสมควร ถึงการแสดงออก ส่วนตัวเห็นด้วยกับคำสอนของหลวงปู่ เพราะสอนตามพระไตรปิฎก สอนให้เรียนรู้เข้าใจคำสอนด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังเห็นว่าการแสดงกิริยาตามที่ปรากฏในคลิปวิดีโอนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เห็นว่าผิดกฎของสงฆ์แต่อย่างใด
    แหล่งข่าวในหมู่บ้านใกล้วัดรายหนึ่งกล่าวว่า คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกไปนั้น ชาวบ้านหลายคนรู้สึกไม่สบายใจต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และเห็นว่าเป็นเรื่องซ้ำซาก เพราะครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่หลวงปู่เกษมมีข่าวออกไปในลักษณะนี้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นชาวบ้านก็ไม่กล้าเข้าไปก้าวก่าย ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยว เพราะหากประพฤติไม่เหมาะสม สังคมหรือคนภายนอกก็จะเป็นผู้สะท้อนเอง ส่วนตัวเลิกทำบุญที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ เพราะไม่ศรัทธา
    สำหรับสำนักสงฆ์ป่าสามแยกนั้น เดิมใช้ชื่อว่าสำนักสงฆ์ห้วยผึ้ง ต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อวัดป่าสามแยก เพราะมีหมู่บ้านชื่อว่าสามแยกตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัด จึงเรียกสำนักสงฆ์ตามชื่อหมู่บ้าน
    พระเกษม เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ในคดีที่ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.น้ำหนาว ระบุว่าเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2551 พระเกษมได้นำแผ่นป้ายข้อความว่า "ทองเหลืองหล่อนี้ ไม่ใช่พระพุทธเจ้าแน่ ไม่ต้องกราบมัน" ไปติดไว้ที่ฐานองค์พระพุทธชินราชจำลอง ซึ่งประดิษฐานอยู่บนศาลาในบริเวณที่พักสงฆ์ป่าสามแยก และเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2551 พระเกษม ใช้เท้าเหยียบฐานพระพุทธรูปจำลอง และใช้มือตบบริเวณพระพักตร์ของพระพุทธรูป อันนับเป็นการดูหมิ่นศาสนา
    คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นยกฟ้องเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2553 โดยเชื่อว่าพระเกษมไม่มีเจตนากระทำแก่วัตถุอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาอันเป็นการเหยียดหยามศาสนา ต่อมาวันที่ 19 เมษายน 2553 อัยการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ยื่นอุทธรณ์คดีดังกล่าว
    ทั้งนี้ จากการนำสืบในชั้นศาล พระเกษมให้การว่า ได้ศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎกที่เผยแพร่ในประเทศไทยทั้ง 5 ฉบับโดยละเอียด พระไตรปิฎกทั้ง 5 ฉบับ ไม่มีฉบับใดบัญญัติว่าพระพุทธรูปเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า และระบุว่าในพระไตรปิฎกบัญญัติให้พระธรรมวินัยเท่านั้นที่เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า
    สำหรับคำสอนของพระเกษมนั้น มีการเผยแพร่ทางเว็บไซต์ www.samyaek.com ซึ่งจะมีถ่ายทอดสดเรียกว่า สามแยก LIVE จากสำนักสงฆ์ป่าสามแยก ในบางวันด้วย นอกจากนี้คำสอนที่เผยแพร่ในเว็บไซต์เช่น พระพุทธรูปไม่ใช่วัตถุในพระพุทธศาสนา รู้เรื่องพระพุทธรูปตามความเป็นจริง แก้ข้อกล่าวหาสังคมด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งคำสอนต่างๆ จะยกเอาพระไตรปิฎกมาอธิบายประกอบด้วย

    �ӹѡ��оط�����ŧ�Һ������� ���Ѵ�֡ : �Ҫ�ҡ��� : ���Ƿ�����
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  8. รัตนจิตร

    รัตนจิตร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +30
    สุดที่จะบรรยาย...:'(pig_cryy
     
  9. roentgen

    roentgen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +67
    ผลกรรมของการย่ำยี ทำลายพระพุทธรูปก็คงให้ผลแล้วสินะ
    ของสร้างด้วยแรงศรัทธา ด้วยหยาดเหงื่อ แรงงาน ของผู้ที่สร้าง หรือซื้อถวาย
    เมื่อทำลายสิ่งที่มีมาด้วยแรงศรัทธา ความตั้งใจแบบนั้น
    แถมไม่ให้เคารพ กราบไหว้ ก็นั่นแหล่ะ ผลของการกระทำ (ผลของกรรม)
    ก็จะได้รับความไม่เคารพ ความไม่เลื่อมใส ความเสื่อมศรัทธา
    และจักถึงความฉิบหาย พินาศ ดังเช่นที่ทำกับพระพุทธรูปที่มีมาด้วยแรงศรัทธา
    กรรมใดใครก่อไว้ ผู้นั้นย่อมรับผลเอง ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น

    ไม่ได้กล่าวเพื่อให้งมงาย ไร้สาระ แต่แรงศรัทธาที่มีมากับวัตถุนั้นมีอยู่จริง
    ไม่ได้บอกให้เชื่อ ให้ไปพิจารณากันเอาเอง
    ใครจักเชื่อ หรือไม่เชื่อ ไม่ได้บังคับ
    ไม่เหมือนวัดบางวัดที่บังคับให้เชื่อกันอย่างเดียวโดยไม่มี "เหตุ-ผล" มารองรับ
     
  10. panudat

    panudat สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +4
    หากจิตได้รับการฝึกฝน จะไม่แสดงออกแบบนี้ เด็ดขาด
    จิตเป็น นามธรรม
    อายตนะทั้ง 5 เป็นรูปธรรม คอยทำตามจิตสั่ง

    หากจิต สำรวม อายตนะ ทั้ง 5 หู ตา จมูก ลิ้น กาย จะสำรวมตาม

    หากพระที่มีความเป็นอริยะ ท่านจะไม่โกรธ แม้คนด่า หรือตำหนิ ท่านก็จะ ว่างเฉย
    เพราะท่าน อุเบก ผัสสะ ที่สัมผัสได้ ทางหู



    เราก็ควรทำหน้าของพุทธมามกะ ที่ดีคือ ทำนุบำรุงศาสนา การที่เราเห็นอะไร ที่ไม่เหมาะไม่ควร เราก็ต้องป้อง เพื่อทำนุบำรุง ศาสนา ไม่ใช้แค่ สงบในกาย คนอื่นช่างหัวมัน ก็ไม่ได้
     
  11. โซโฟน

    โซโฟน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +556
    สุดๆไปเลย ด่าพ่อล่อแม่ด้วย .....แน่อนจริงๆ ถ้าจะให้ดีน่าจะเตะเสาโชว์นะ...
     
  12. 123

    123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    214
    ค่าพลัง:
    +864
    สุดยอดครับ ชอบมากๆ ขอเป็นกำลังใจให้ท่านพระอาจารย์ครับ.
     
  13. กามนิต

    กามนิต สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +3
    คุณสันทรายคะ เข้าใจเจตนารมณ์ ของคุณนะคะ นั่นพระท่านปฏิบัติ ไม่ได้ อวดศักดา ท่าน มีปฏิปทา ของท่านเพื่อที่จะประหารกิเลส เรื่องคนด่าว่ามันห้ามไม่ได้หรอกค่ะ

    การกระทำที่เราเห็นในวีดีโอ มันไม่ได้บ่งบอกว่าท่าน เพียรจะประหารกิเลส แต่ท่านกับส่งเสริมกิเลสของตัวท่านเองมากกว่า น่าสงสาร แม่ชี ที่เดิน ตักอาหารตามหลังท่านนะคะ สงบเสงี่ยมเรียบร้อย ถึงจะถือแค่ศีล8 แต่พระท่านมีศีล 227 ข้อ แสดงอาการอย่างนี้ ผิดข้อใหน ท่านผู้รู้ช่วยชี้แจงด้วยค่ะ<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218




    สาธุ สาธุ สาธุ





    ถ้าพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่จะทรงพิจารณาอย่างไรกับสาวกของพระองค์ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้


    ครูบาอาจารย์ที่ท่านไม่ติดในสมมติ เช่น หลวงพ่อโอภาสี (เผาแก้วแหวนเงินทอง คือมีคนนำไปถวายท่าน ท่านโมทนาให้พรเสร็จก็เอาไปเผาไฟ เพราะท่านถือว่าเป็นของๆ ท่านแล้ว ท่านจะทำอย่างไรก็ได้) หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา (นุ่งขาวห่มขาว ห้อยกระพรวนใหญ่ๆ ประพฤติตนแปลกๆ) หลวงปู่สรวงแห่งบ้านละลม (ห่มเหลืองบ้างห่มขาวบ้าง ไม่อยู่วัด อยู่ตามป่าตามทุ่งนา) ฯลฯ ท่านก็ยังเคารพในพระพุทธรูปและการทำบุญของสาธุชน


    หรือแม้องค์หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ทองรัตน์ หลวงปู่เจี๊ยะ ฯลฯ ซึ่งเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายพ่อแม่ครูจารย์ใหญ่ (หลวงปู่มั่น ภูิริทัตโต) ที่มีวัตรปฏิปทาส่วนตัวค่อนข้างโลดโผนโจนทะยาน ไม่สุภาพเรียบร้อยเท่าใดนัก ก็ยังไม่แหกคอกปานนี้ ยังมีความเคารพในพระพุทธรูปเต็มร้อย เคารพในการทำบุญของสาธุชนเต็มร้อย ซึ่งท่านก็รู้ ไม่ใช่ไม่รู้ ว่าเป็นเพียงสมมติ เป็นเพียงสิ่งภายนอก



    การสอนธรรมตามแนวทางแห่งพระพุทธองค์นั้น มีหลายระดับหลายประเภท ในพระไตรปิฎกเองก็มีตัวอย่างมากมาย ทั้งพระสูตร (ซึ่งเหมาะสำหรับชาวบ้านหรือผู้ที่มีสัทธาจริต) พระวินัย (ซึ่งเหมาะสำหรับพระสงฆ์เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่แหกคอก สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย) และพระอภิธรรม (ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีพุทธิจริตหรือมีปัญญามาก)


    พระพุทธศาสนาก็เปรียบเสมือนต้นไม้ ที่ต้องมีทั้งเปลือกและแก่น ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปย่อมไม่ได้ ถ้ามีแต่โลกุตรธรรมล้วนๆ ชนผู้มีบารมีน้อยปัญญาบารมียังไม่แก่กล้าก็ย่อมเข้าถึงได้ยาก จึงต้องค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ ปฏิบัติไป พระพุทธองค์จึงทรงแสดงให้เห็นถึงลำดับชั้นของสุคติภูมิ ตั้งแต่ มนุษย์ 1 สวรรค์ 6 รูปพรหม 16 อรูปพรหม 4 และยังแบ่งพระอรหันต์ออกไปอีก 4 ประเภท คือ สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ และ จตุปฏิสัมภิทัปปัตโต


    แม้แต่ความเป็นพระโสดาบัน ยังแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ เอกพีชี โกลังโกละ และ สัตตักขัตตุปรมะ


    เมื่อพระธรรมยังมีลำดับชั้นแล้ว ไฉนจะเอาแต่ยอดอันสูงอันเป็นปรมัตถธรรมล้วนๆ มาสอนกับปุถุชนเล่า แม้ตัวผู้สอนขั้นสูงเองก็ย่อมผ่านความโง่มาก่อนทั้งนั้น ไม่ได้ฉลาดทั้งทางโลกและทางธรรมมาตั้งแต่เกิดไม่ จะเอาแต่อัตตาตัวตนของตัวเองมาสอนผู้อื่นว่าสิ่งนั้นถูกสิ่งนี้ผิดแบบคิดเอาเองหาได้ไม่ เป็นการไม่สมควรเลย และเป็นการไม่เคารพพระรัตนตรัยด้วย ไม่เคารพพระธรรมด้วย


    จริงอยู่ที่วิมุติย่อมสูงกว่าประเสริฐกว่าสมมติ แต่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ (ที่แท้จริง) ย่อมให้ความเคารพในสมมตินั้นๆ ตามสมควร จึงมีพุทธประเพณีและอริยประเพณีสืบกันมาจนถึงกาลปัจจุบัน และปรับเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัยตามความเหมาะสมนั้นแล เช่น การสงเคราะห์โลกขององค์หลวงตามหาบัว การจัดพิมพ์หนังสือธรรมะ (สมัยพุทธกาลไม่มี) การใช้ไฟฟ้าในวัด (สมัยพุทธกาลไม่มี) การมีพระพุทธรูปพระเครื่อง (สมัยพุทธกาลไม่มี) การใช้คหปติจีวร (สมัยพุทธกาลนิยมใช้ผ้าบังสุกุลจีวร) การใส่ซองหรือถวายปัจจัย (สมัยพุทธกาลถ้ามีผู้ถวายปัจจัยก็ให้ไวยาวัจกรรับแทน โดยให้ภิกษุยินดีในของที่จะได้อันควรแก่สมณบริโภค ซึ่งถ้าไม่ใช่ญาติไม่ใช่ปวารณาจะเอ่ยปากขอไม่ได้ แม้รับปัจจัยมาแล้วก็ต้องรีบสละ (สละ คือ นำไปใช้ให้เหมาะสม ไม่ใช่นำไปทิ้ง) มิฉะนั้นจะต้องอาบัตินิสสัคคียปาจิตตีย์ สมัยนี้ถ้าไม่มีไวยาวัจกรก็ฝากธนาคาร ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามพระที่บวชนานๆ ตามวัดต่างๆ ดูได้ว่า พระคุณเจ้าเก็บเงินไว้อย่างไร) และอีกมากมายในสมัยนี้ที่สมัยพุทธกาลไม่มี แม้กระทั่งเรื่องของการแบ่งเป็นนิกายต่างๆ ของพระพุทธศาสนาในสมัยปัจจุบัน ก็ยังต้องเปิดใจให้กว้างเข้าไว้ เพราะย่อมเป็นไปตามพื้นฐานความเชื่อในแต่ละประเทศในแต่ละท้องถิ่นในแต่ละยุคแต่ละสมัยนั่นเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องปรกติ เพราะขึ้นชื่อว่า "คน" ย่อมแตกต่างกันด้วยเหตุต่างๆ กันนั่นเอง


    ซึ่งพุทธประเพณีและอริยประเพณีนั้น ดูได้ในพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นสมัยพุทธกาล ย่อมมีความงดงามและบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นอย่างยิ่ง แต่คนในสมัยนี้จะเพ้อฝันเอามาใช้ในสมัยปัจจุบันหาควรไม่ ย่อมได้ชื่อว่า ไม่รู้จักหลักสัปปุริสธรรมทั้ง 7 ประการ คือ รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักกาล รู้จักชุมชน และ รู้จักบุคคล สรุปคือ รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ไม่ใช่ตะพึดตะพือตามใจฉันประเภทดันทุรัง อย่างนั้นเขาเรียกว่า อัตตาสูง แม้จะอ้างพระธรรมวินัย แต่ก็ตึงเกินไป ไม่ใช่ทางสายกลาง และหากจะเคร่งก็เคร่งไปคนเดียว ไม่มีใครว่าอะไร ไม่ต้องโอ้อวดแล้วมาเบ่งมาทับถมคนอื่นว่าโง่กว่าตน ไม่เคร่งเท่าตน คิดๆ ดูแล้ว ก็ไม่ต่างจากพระเทวทัตในสมัยพุทธกาล ซึ่งใครจะนับถือก็นับถือไป ผมไม่ได้ว่าอะไรและไม่ได้ห้ามด้วย ตามสบายเลย แต่ผมขอไปนับถือครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ ที่มีอยู่อีกมากมายให้กราบไหว้ทำบุญฟังธรรมตามประสาคนโง่ๆ แบบส่วนตัวของผมต่อไปอย่างนี้แล



    ปล. ขอบอกว่า เห็นกิริยาอาการของท่านในทีวีแล้ว ถ้าท่านเป็นพระอรหันต์จริง ผมถือว่าท่านเสียสละมากที่สอนแบบจัดหนักจัดเต็ม แต่ถ้าท่านไม่ใช่ ผมก็ได้แต่ขำในอาการที่ท่านได้แสดงออกมาแบบระบายโทสะ (ซึ่งผมก็ขำจริงๆ นั่นแหละ) และผมเองก็รู้อยู่เต็มอกว่า พระอรหันต์นั้นท่านไม่มีมารยาสาไถย มีแต่ตรงไปตรงมา ชัดเจนและลุ่มลึก บางองค์อาจมีจริตวาสนาที่โลดโผนไปบ้าง แต่ขอเรียนว่า ครั้งนี้ (และทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา) ผมรับไม่ได้จริงๆ กิริยาของท่านไม่ผ่านสายตาผมหรอก ยิ่งคำสอนของท่าน ยิ่งไม่ผ่าน ต่อให้เป็นพระอรหันต์ที่มีอภิญญาสูงแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่มีองค์ไหนที่จะบังอาจไปลบหลู่องค์พระพุทธปฏิมากร ขนาดท่านอาจารย์พุทธทาสที่ไม่เคยสนใจและไม่เคยส่งเสริมในเรื่องของวัตถุมงคลเลยก็ยังไม่เคยที่จะลบหลู่องค์พระพุทธรูปเลย แม้ท่านจะกล่าวว่า กราบพระพุทธถูกอิฐถูกปูน กราบพระธรรมถูกใบลาน กราบพระสงฆ์ถูกลูกหลานชาวบ้าน แต่คำสอนนี้ก็เป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้ว คือ ไม่บอกก็รู้


    หรือไปดูตามวัดป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่นแท้ๆ ในทุกๆ วัดได้เลย ซึ่งบางวัดจะมีหรือไม่มีพระพุทธรูปก็ตาม แต่ก็ไม่มีการปรามาสจาบจ้วงล่วงเกินต่อองค์พระพุทธรูปเด็ดขาด ไปดูวัดหนองป่าพงขององค์หลวงพ่อชา วัดป่าบ้านตาดขององค์หลวงตามหาบัว วัดบรรพตคีรี (วัดภูจ้อก้อ) ขององค์หลวงปู่หล้า (ที่ท่านเคยไปอยู่ด้วย) หรือ วัดบูรพารามขององค์หลวงปู่ดูลย์ก็ได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงพระแก้วมรกต หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อพระพุทธชินราช หลวงพ่อพระใส ฯลฯ เลย


    ที่ผ่านมา ผมเห็นแต่ครูบาอาจารย์ที่ทรงอภิญญาจะเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปเป็นอันมาก พระพุทธรูปบางองค์มีเทวดารักษามาก บางองค์ก็มีเทวดารักษาน้อย (แต่ก็ศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์) บางองค์ก็มีพระบรมสารีริกธาตุสถิตอยู่ภายในมากบ้างน้อยบ้าง และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของสาธุชนได้เป็นอย่างดี ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าพระพุทธรูปแต่ละองค์นั้นทำมาจากอะไร และย่อมไม่ใช่องค์จริงของพระพุทธเจ้าแน่นอน และหากกล่าวโดยปรมัตถ์แล้ว ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นจึงเห็นเราตถาคต (พระพุทธเจ้าที่แท้จริง) นั่นเอง นี้เป็นพุทธภาษิต แต่การสอนนั้นก็ย่อมเป็นไปตามลำดับชั้นตามความเหมาะสมตามภูมิจิตและภูมิธรรมของเวไนยสัตว์ทั้งหลายนั่นเอง หาใช่จะสอนตามอำเภอใจของตัวเองเอาตัวเองเป็นหลัก หาได้ไม่


    ส่วนตัวผมจะไม่เรียกร้องหรือฟ้องร้องล่ารายชื่ออะไรหรอกครับ เพราะเท่าที่เห็นก็แค่อาบัติเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่ ปาราชิก 4 สังฆาทิเสส 13 ท่านปลงอาบัติของท่านเองได้ แต่ผมดูแล้ว ท่านคงไม่ปลงหรอก ไม่รู้จะปลงยังไง และต่อไปจะได้รู้ว่า บางครั้งแค่เรื่องโลกวัชชะ (โลกติเตียน) นิดๆ หน่อยๆ (ในความคิดของท่าน) จะก่อให้เกิดผลอะไรตามมา (แต่ท่านก็คงไม่สนใจหรอก...)



    เอวัง... พุทโธ ธัมโม สังโฆ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2011
  15. ped2011

    ped2011 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,037
    ค่าพลัง:
    +1,096
    แล้วถ้าหากจะมองมุมกลับกัน แบบว่าอารมณ์โกรธนี้มันไม่ดีเลย มันทำให้หลายๆสิ่งอย่างพังมานักต่อนักแล้ว และเป็นกิริยาที่ไม่น่าดูน่ามอง

    บางทีท่านอาจกำลังสอนเราอยู่ก็ได้นะ หรือหากท่านไม่ได้แกล้งสอน ก็เอาคลิปนี้มาเตือนใจเราว่าเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยรื่นรมณ์สายตา
     
  16. เมธาสิทธ์

    เมธาสิทธ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +78
    สาธุ ไม่ว่าท่านจะสอนหรือหากท่านไม่ได้แกล้งสอน ก็ชอบตรงนี้ตรงที่ว่าเอามาเตือนใจว่าความโกรธนี้เป็นสิ่งไม่ดีไม่ค่อยรื่นรมณ์สายตา:cool: กระผมเห็นแล้วว่าการแสดงกิริยาไม่ดีนั้นมันทำให้คนอื่นมองเราในทางที่แย่มากเพียงใดครับ


    "เหล้าไม่ดี บุหรี่ไม่ดี อาตมารู้หมด แต่ก็ยังอดมันไม่ได้"
     
  17. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
    พระอรหันต์กับคนบ้า ห่างกันแค่วาเดียว



    นึกถึงประวัติของ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย ที่กลางวัน ท่านจะถือกระบองอันใหญ่ๆ นุ่งผ้าอาบผืนเดียวเดินรอบวัด คุยกับหมาคุยกับแมว แต่พอตกกลางคืน นุ่งห่มเรียบร้อย และสอนพระกรรมฐานให้หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อย่างลึกซึ้ง




    กับ หลวงปู่เชย วัดราษฎร์บำรุง จ.ชลบุรี อาจารย์ของเซียนสู พรหมเชยธีระ (เซียนสูเป็นอาจารย์ของทมยันตี -นักเขียนชื่อดัง) ที่กินข้าวกับหมา และไม่ชอบอยู่วัด ชอบเดินออกไปตามป่าตามเขาตามทุ่งนา แต่นั่งกลางแดดไม่โดนแดด นั่งกลางฝนไม่โดนฝน (เหมือนมีร่มมาบังอยู่ตลอดเวลา) บางครั้งกระโดดจากต้นตาลแล้วตะโกนว่า กูจะเหาะแล้วโว้ยๆ แล้วก็กระโดดลงมา แต่ไม่เป็นไร


    ครั้งหนึ่งท่านสั่งให้เซียนสูเอาข้าวสุกมาเยอะๆ พอเซียนสูเอามาก็สั่งให้เทลงบนแผ่นไม้ใหญ่ๆ แล้วท่านก็ผิวปากดังๆ ปรากฏว่า มีหนูวิ่งออกมาจากป่าเป็นฝูง แล้วท่านก็สั่งหนูว่าให้ต่อแถวกันกิน หนูก็ทำตามที่ท่านสั่ง คือ ต่อแถวกันกินอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย


    ท่านชอบสูบบุหรี่มวนโตๆ (ยาฉุน-ยาเส้น) นุ่งห่มไม่เรียบร้อย แค่พาดๆ ผ้าจีวรก็เก่าๆ ขาดๆ บางครั้งก็นั่งสมาธิอยู่ในกระท่อมที่เซียนสูสร้างถวายนาน 7 วันโดยไม่ออกมาจากกระท่อมเลย


    ก่อนที่ท่านจะมรณภาพละสังขาร ท่านบอกเซียนสูล่วงหน้า 3 วัน โดยชู 3 นิ้ว เซียนสูรีบไปหาผ้าไตรจีวรอย่างดีมาถวาย ท่านรับมาห่มชั่วครู่แล้วก็ส่งคืน บอกให้นำไปถวายพระรูปอื่น ว่าแล้วท่านก็ละสังขารในท่านั่งสมาธิ


    พอเผาเสร็จ กระดูกท่านเป็นพระธาตุ มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่เป็นสามกษัตริย์ (เงิน นาก ทอง)



    กรรมฐานที่ท่านสอนเซียนสู คือ อานาปานสติ อย่างเดียว




    ของจริง นิ่งเป็นใบ้ ยังไม่พอ ต้องไม่โอ้อวด ไม่ยกตนข่มท่าน และไม่ทำร้ายทำลายจิตใจชาวพุทธด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2011
  18. หงษ์หนุ่ม

    หงษ์หนุ่ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +141
    พระท่านนี้โดนมารเขัาแทรก (เผาทุบทำลายพระพุทธรูป) หลงตัวเองสุดกู่ครับ ศาสนาพุทธเสื่อมเพราะคนประเภทนี้แหละครับต้องรีบกำจัดโดยเร็ว พวกผีบุญกลับชาติมาเกิดครับ
     
  19. ใต้ร่มสุวีโร

    ใต้ร่มสุวีโร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +2
    ดูไม่จบน่ะ มันแรง..เกินไปการที่จะสอนคนนั้นมีหลากหลายวีธี แต่กลับเลือกวิธีนี้ สอนแบบอื่นไม่ดังเอาแบบนี้ละวะ ดัง..ดี อ้าวไหนบอกไม่อยากดัง แล้วทำให้ชาวโลกดูทำไมกัน การกระทำแบบนี้อย่าอ้างนั่นอ้างนี่เลย ลองเอาเจตนาของตัวเองมาอ้างซิว่า ต้องการอะไร ไม่มีใครรู้ใจคุณ เท่ากับตัวของคุณเอง ทำตัวไม่เหมาะกับสมณเลย
     
  20. krasin

    krasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +2,821
    บางอย่างที่ท่านแนะนำอันไหนดีผมก็รับเอาไว้ แต่กริยาท่านแบบนี้ผมรับไม่ได้ การที่พระสงฆ์ต้องสำรวม โกนหัวห่มผ้าเหลือง ก็เหมือนแยกจากความเป็นฆราวาสโดยชัดเจน ท่านก็ควรจะสำรวมให้สมกับเป็นพระห่มผ้าเหลือง ทั้งกริยากายวาจาใจ ไม่ใช่เอานิสัยกุ๊ยข้างถนนมาใช้ แบบนี้ต่อไปก็คงไม่ต้องโกนหัวห่มผ้าเหลืองกันแล้วมั้ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...