คลื่นสมองและการฝึกจิตใจ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย rasa84000, 1 กันยายน 2014.

  1. rasa84000

    rasa84000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +263
    จากการศึกษาคลื่นสมองของคนเราใน<wbr>อดีต เคยเชื่อกันว่า คลื่นสมอง และ สารที่หลั่งจากสมอง นั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถ<wbr>บังคับ หรือ ควบคุมกระบวนการได้ แต่ปัจจุบันได้มีการทดลองและตรว<wbr>จวัดคลื่นสมองด้วยวิธีการทางวิท<wbr>ยาศาสตร์ พบว่ ามนุษย์สามารถควบคุมคลื่นสมอง และ สารที่หลั่งจากสมอง ได้หากมี การฝึกฝนทางจิต ให้ควบคุมสภาวะอารมณ์และจิตใจได<wbr>้ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่อง เหนือธรรมชาติ หรือ เร้นลับหาคำอธิบายไม่ได้ แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถฝึกฝนได้ ในขณะที่เราดำเนินชีวิตประจำวัน<wbr>ตามปรกติ

    พื้นฐานความเข้าใจ เรื่องคลื่นสมอง และ กลไกการทำงาน ที่เกี่ยวข้องกันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได<wbr>้เรียนรู้โลกภายในตัวเอง และมองเห็น ประโยชน์ของการจัดการกับ อารมณ์ ความรู้สึก และความคิดของเรา นับเป็นศิลปะในการดำรงชีวิตที่ท<wbr>ุกคน ทำได้ ท่านทราบหรือไม่ว่า ภาวะของคลื่นสมอง ที่เหมาะสมจะช่วยเปิดพื้นที่ การเรียนรู้ในสมองของเรา ส่งผลต่อความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งต่า<wbr>งๆ และรับข้อมูลปริมาณมากได้อย่างร<wbr>วดเร็ว ทำให้มนุษย์มีประสิทธิภาพสูงมาก<wbr>ในการทำกิจกรรมหรือ สร้างสรรค์ผลงาน จึงเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่งส<wbr>ำหรับแหล่งกำเนิดพลังงานชีวิตที<wbr>่ธรรมชาติให้มาในตัวตนของพวกเรา<wbr>ทุกคน

    ภาวะของคลื่นสมอง

    คลื่นสมอง เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งได้ม<wbr>าจากการส่ง สัญญาณเคมีทางชีวภาพในร่างกายมน<wbr>ุษย์ การวัดพลังงาน
    ไฟฟ้าบริเวณสมองด้วย เครื่องมือ Electroencephalogram (EEG) ทำให้นักวิจัยทาง ประสาทวิทยา และ นักวิทยาศาสตร์ ได้ค้นพบ ความจริงว่า การเลือกตอบสนองต่อปัจจัยภายนอก<wbr>มีผล โดยตรง ต่อสภาวะภายใน ที่เป็น คลื่นสมอง เราสามารถอ่านค่าผลของ
    การวัด และแบ่งคลื่นสมองของมนุษย์ตามระ<wbr>ดับความสั่นสะเทือน หรือความถี่ ได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้

    1. คลื่นเบต้า (Beta brainwave) มีความถี่ประมาณ 14-21 รอบต่อวินาที (Hz) เป็นช่วง คลื่นสมองที่เร็วที่สุด เกิดขึ้นใน ขณะที่สมองอยู่ใน ภาวะของการทำงาน และ ควบคุมจิตใต้สำนึก (Conscious Mind) ในขณะตื่นและรู้ตัว เช่น การนั่ง ยืน เดิน ทำงาน หรือกิจกรรมต่างๆ ในกรณีที่จิตมีความคิดมากมายหลา<wbr>ยอย่างจาก ภารกิจประจำวัน วุ่นวายใจ สับสน หรือฟุ้งซ่าน และสั่งการสมองอย่างไม่เป็นระเบ<wbr>ียบ ความถี่ของคลื่นช่วงนี้อาจสูงขึ<wbr>้นได้ถึง 40 Hz โดยเฉพาะคนในที่มีความเครียดมาก<wbr> อยู่ในภาวะเร่งรีบบีบคั้น ตื่นเต้นตกใจ อารมณ์ไม่ดี โกรธหรือดีใจมาก ๆ สมองจะมีการทำงานใน ช่วงคลื่นเบต้ามากเกินไป ในขณะที่หากไม่มีคลื่นเบต้าเกิด<wbr>ขึ้นเลย มนุษย์จะไม่สามารถเรียนรู้ หรือทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ ในโลกภายนอก

    ปรกติสมองคนเรา จะมีเส้นทางอัตโนมัติ ในการรับรู้ความรู้สึก ที่ทำให้สั่งการได้โดยไม่ต้องใช<wbr>้เวลาใน การใคร่ครวญมากนัก ความเป็นอัตโนมัตินี้ ส่วนใหญ่จะมีประโยชน์อยู่ในระดั<wbr>บหนึ่ง และเป็นเรื่องกลาง ๆ สำหรับชีวิต ช่วยย่นย่อ จดจำ เรื่องราวจำเจ ที่ต้องทำซ้ำ ๆ เป็นประจำให้ดำเนินไปได้ บางส่วนเป็นไป เพื่อประโยชน์ต่อการรอดพ้น จากอันตรายในสถานการณ์คับขัน เช่น การดึงมือออกทันที เมื่อบังเอิญไปสัมผัสของร้อนจัด<wbr> แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ “อารมณ์ของมนุษย์” ก็มีเส้นทางอัตโนมัติเช่นเดียวก<wbr>ัน

    แต่คนส่วนใหญ่ มักจะไม่ได้ควบคุม และปล่อยให้ความเป็นอัตโนมัตินี<wbr>้ทำงานมากเกินไป จากความเคยชินในการป้อนข้อมูลซ้<wbr>ำ ๆ ของเราเอง โดยมากเป็นความอัตโนมัติ ในทางลบที่มีมากเกินไป ทำให้ข้อมูลเหล่านี้ ถูกส่งผ่านเข้าไปสู่ การทำงานของ ส่วนรับความรู้สึกในสมอง ที่เรียกว่า ’อะมิกดาลา’ (Amygdala) ซึ่งเป็น สมองชั้นกลาง ใกล้กับ ก้านสมอง และ มีความสามารถใน การเก็บข้อมูล ด้านอารมณ์จำนวนมาก ๆ ไว้ ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่า เราใส่ข้อมูลด้าน ”บวก”หรือ”ลบ” มากน้อยแค่ไหน ก็จะทำให้ สมองจดจำ และ ตอบสนองในทิศทางนั้น

    หากเราปล่อยให้ความอัตโนมัตินี้<wbr> ทำงานตามลำพัง โดยไม่ฝึก กำหนดรู้ ก็จะทำให้เรา ติดกับดักของอารมณ์ ที่ไม่ดี อยู่ตลอดเวลา สมองของเราจะทำงานอยู่แต่ใน เฉพาะช่วงคลื่นเบต้า ซึ่งในโหมดนี้ถือว่า เป็นโหมดปกป้อง มีทั้งเบต้าอ่อน และแก่ แก่หมายถึงความถี่สูง มีผลให้ความคิดถดถอยจากสภาวะปกต<wbr>ิ และทำงานอยู่ในฐานความกลัว มีลักษณะต้านทาน ความเปลี่ยนแปลง บางคนจะหยุด และปิดการเรียนรู้ เพราะเกิดความเครียด สภาวะนี้สมองจะหลั่งฮอร์โมนด้าน<wbr>ลบ ออกมามากเกินไป นำไปสู่ ปฏิกิริยาเคมีที่ทำร้ายส่วนอื่น<wbr> ๆ ของร่างกายเป็นลูกโซ่ต่อไปเรื่อ<wbr>ยๆ เช่น อะดรีนาลีน คอร์ติซอล เป็นต้น

    Resource : สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิท<wbr>ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
     
  2. rasa84000

    rasa84000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +263
    การฝึกอานาปานสติสมาธิ มีสติรู้ลมหายใจ อย่างต่อเนื่องทุกวัน ทำให้จิตใจและสมองดีขึ้น มีสติ สมาธิ จิตตั้งมั่น และเจริญปัญญาได้ต่อไป
     
  3. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,578
    :cool:อยากให้นักจิตวิเคราะห์ร่วมกับวิศวกรช่วยกันคิดเครื่องมือทางการช่วยฝึกการพัฒนาการทางสมอง เพื่อใช้ในการฝึกฝนและทักษะในการใช้พลังของจิตและสมอง เพื่อสร้างสรรค์ และรักษาผู้ป่วยทางจิต และพัฒนาสมองของนร.ให้มีคุณธรรม จริยธรรม และอื่นๆในทางสร้างสรรค์ มากกว่าที่จะพัฒนาเกมส์หรือเทคโนฯต่างๆที่นำไปสู่สาระพัดปัญหาในสังคม ตามที่มีข่าวบ่อยๆในนสพ. ดีไหมครับอิอิ...:cool:(k)({)
     
  4. ariyaidea

    ariyaidea Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +42
    ถ้าได้ดูหนังเรื่อง Lucy ที่ว่าด้วยการใช้สมองเกิน10% ในทางความคิดและการเข้าถึงได้ด้วยตัวเอง แม้ปัจจุบันทางการวัดบอกว่าสมองมีการใช้งาน100% แต่นั่นเป็นทางการวัดพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ที่ทางความคิดและการเข้าถึงด้วยตัวเองทางโลกยังพิสูจน์ไม่ได้ มากสุดมีการขยายขีดความสามารถการเข้าถึงด้วยการสะกดจิตและเข้าสมาธิในแต่ละระดับ แต่หลังจากออกจากสมาธิหรือออกจากการสะกดจิตทุกอย่างก็กลับมาเป็น10%โดยประมาณเหมือนเดิม

    ในทางพุทธ หากค้นข้อมูลมีการทำได้มานานแล้ว ในความเห็นผมวิธีขยายขอบเขตขีดความสามารถสมอง ทางพุทธทำได้ด้วยการทำสมถะ เจริญสมาธิ และเจริญวิปัสสนา หลุดออกจากกรอบตัวกูของกู หลุดออกจากความเป็นอัตตาตัวตน

    สองสิ่งนี้(สมถะ - วิปัสสนา)เป็นปัจจัตตัง พิสูจน์ให้เห็นจริงได้ด้วยตัวเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กันยายน 2014
  5. rasa84000

    rasa84000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +263
    ขอบคุณทุกท่านค่ะ ฝึกสมถะวิปัสสนา เช่นอานาปานสติสมาธิ มีผลดีต่อสมองและจิตใจมากค่ะ (มาจากประสบการณ์ของตัวเอง)
     
  6. visut_p

    visut_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,763
    พอดีเลย ผมเป็นโรคลมชักหนะครับ ตอนนี้กำลังวางแผนผ่าตัดเลยเพิ่งไปทำ Video EEG มา ก็เลยเอาผลมาให้ดูเป็นวิทยาทานเลยแล้วกัน

    1. คลื่นสมองตอนพูดคุย ดู TV
    2. คลื่นสมองตอนนอน
    3. คลื่นสมองตอนหลับลึก
    4. คลื่นสมองตอนชัก
    5. คลื่นสมองตอนนั่งสมาธิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    เป็นลมชัก ... ผ่าตัดทำไม

    สาเหตุคือ ระบบการจัดส่งพลังงาน ไม่ปกติ ไม่ดี ไม่สมบูรณ์

    แล้วเกี่ยวอะไร กับ กายหยาบ ที่ต้องไปผ่าตัด

    จะช่วยได้หรือ .....???

    ...มิติภาคพลังงาน ควบคุมการเกิด การดำรง ของภาคการหยาบ

    แก้ไม่ตรงจุด ก็ไม่หาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2014
  8. visut_p

    visut_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,763
    รักษามาเกือบทุกศาสตร์แล้วครับ ร่วม10ปี ยังไงก็ไม่หาย หมอบอกว่าสาเหตุเกิดจากระบบไฟฟ้าใสสมองช็อต เราก็เอาบริเวณที่ผิดปกติมันออกไปซะ จบ
     
  9. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    นั่นล่ะคือการแก้ไขปัญหาของหมอ ปัจจุบัน คือ หนีปัญหา

    เพราะว่า ศาสตร์ (วิทยาการ) ไม่สามารถเข้าถึง จึงไม่สามารถอธิบาย

    เหตุที่เกิดขึ้น จาก มิติ อื่น ๆ ... เชื่อมัน ก็คือ การทำร้าย ตัวเอง

    ระบบจัดส่งพลังงานไม่ดี ก็ต้องซ่อม ระบบในมิติ นั้น ๆ

    ผ่าตัดแล้ว สามารถ การันตี ระบบนำส่งพลังงาน ไปยังส่งอื่นๆ ยังคง สมบูรณ์

    หรือเปล่า .....

    ยกตัวอย่าง บางคนที่มาจากภาคอดีต ที่ยังเป็นยุคมนุษย์ กายพลังงาน แต่เนื่องจาก

    ทำให้กายพลังงานตนเองเสียหาย จนกระทั่งมา เกิดเป็นมนุษย์ชมภู สภาพจึงทำให้

    ส่วนของกายหยาบ จึงไม่สมบูรณ์ ภาคการนำส่งพลังงานจึงไม่สมบูรณ์

    การจะแก้ไขได้ต้องไปแก้ไข ในภาคส่วนหรือมิติของพลังงาน ดังนี้

    คนที่มีประวัติแบบนี้ แสดงว่า เคยเกิดเป็นมนุษย์ภาคพลังงาน หรือ

    ที่เรียกกันว่า มาจาก มนตด (หรือ ยุคของกายพลังงาน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2014
  10. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    คนบางคน ยินยอมที่จะทำร้ายตัวเอง เพื่อให้ตนเอง มีชีวิตที่ดีขึ้น
    เพื่อความสวย ความงาม เพื่ออวด ตนเอง

    จะมีความจำเป็น หรือ ไม่มีความจำเป็น สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ เป็นการทำร้าย
    สิ่งที่ ธรรมชาติสร้าง มาทั้งนั้น

    บทลงโทษจากธรรมชาติไม่มีให้ เพราะธรรมชาติมีแต่ให้
    แต่ จะมีสิ่งแปลกปลอม อื่น แทรกแซง เข้าไป

    มนุษย์ จึงตั้ง กฏ ขึ้นมาเองเหมาว่า เป็นกฎแห่งกรรม

    ใครคือผู้ แทรกแซง ..... มันเหล่านั้นคือ ยักษ์ มาร

    มันคอยหา มันคอยทำลาย ให้มนุษย์ ผิดในศีล

    การทำร้าย ตนเอง แม้ว่าจะจำเป็น แต่นั้นคือ สัญญาณ
    อันตราย ของการเปิดช่องให้ ยักษ์ มาร เข้า แทรก

    การไม่ยอมรับตนเอง หรือ ยอมรับสิ่งที่เป็น ก็ เป็น สัญญา
    ของเหล่า มาร จองหาโอกาส ให้บุคคลเหล่านั้น ได้ทำร้าย
    ตัวเอง

    อยากจะรักษา ก็ ขอธรรมชาติ
    อยากจะรักษา ก็ ขอผู้สร้างมนุษย์
    อยากจะรักษา ก็ ขอดีๆ

    ขอดีๆ คือ ขออย่างไร

    ขอด้วยความอหังการ ว่า ผู้..... เหล่านั้นจะต้องทำให้
    แบบนั้น จะไม่ได้

    คิดว่าผู้เหล่านั้น มีเมตตาต้อง ให้ ตามที่ฉันขอ

    ขอกี่ชาติ ก็ ไม่ได้
    -------------------------------------------------------------
    คนบางคน ไปรักษา หมอ ไม่ว่าจะกี่หมอ บางหมอ คิดค่ารักษา 99 บาท
    หลงดีใจ กูจ่าย ไม่เยอะ
    หมอเขาคงมี เมตตา
    เอา ๆ

    แต่อย่าลืม ว่า ของฟรีไม่มีในโลก หรือ มิติ ใดๆ

    คิดว่า หมอคนนั้น ต้องเป็นคนมีเมตตา แน่ๆ ผู้คนจึงล้นหลาม
    คิดว่า หมอคนนั้น เป็นผู้มีบุญ บารมี

    จ่ายเพียงแค่ 99 บาท ฉัน ก็ ได้รักษาเหมือนได้ฟรี
    เหมือน แมลงเม่า จึงหลงไหล ในแสงสี

    เพราะคนเหล่านั้น ใจแมลง หรือ เรียกว่า ใจเล็ก
    ใจอ่อนแอ อยากได้อะไรมา แบบฟรี ๆ ง่าย ๆ
    และรู้สึกกระหยิ่ม ยิ้มชอบ ได้มาแบบง่ายๆ

    นั้นคือ ใจที่เปิดกว้าง รอรับ การแทรกแซง แล้วล่ะ ....
    คือ คนโง่ ที่ชอบแสวงหา ของฟรี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2014
  11. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    การทำร้ายตนเอง จะจำเป็น หรือ ไม่จำเป็น แต่นั้นคือ ผิดในศีล
    แม่คน ที่คลอดลูก โดยการผ่าตัด นั้นคือการทำร้ายตัวเอง
    แต่แม่คนคือผู้ให้ชีวิต นั้นคือความดีของแม่

    ความดีที่ได้กำเนิดบุตรที่ยอมเสียสละตนเอง
    โดยทำร้ายตนเอง เฉือดเฉือน เนื้อและร่างการของตน
    ให้ผู้อื่น ความดีอันนี้ ทำให้ ศีลของแม่ ยังคงรักษา แม่ตนนั้น

    แต่มนุษย์รายอื่น ๆ มันเฉือดเฉือนเนื้อของตนเอง เพื่อตนเอง
    มันไม่มีความดี อะไรเลย คนเหล่านี้ ตกอยู่ในอำนาจของ มาร
    และอมนุษย์ คอยกัดกิน สิ่งดีงาม ในตัวมนุษย์

    แล้ว ท่านล่ะ ทำเพื่อใคร ทำเพือผู้อื่น ในสิ่งที่่เป็นความดี
    เพื่อชดเชย ศีลที่ขาด จากการ ทำร้ายตนเอง หรือเปล่า

    ----------------------------------------------
    การทำร้ายตัวเอง ผู้เป็นแม่คน จะต้องจ่าย เท่าใดจึงพอ

    ต้องจ่ายด้วยความดี เทียบเท่าการให้ชีวิต คน

    คนที่ไปรักษา โรคแล้วหาย จ่ายแค่ 99 บาท

    เพื่อไปรักษา สิ่งไม่ดีของตนเอง เพื่อรักษา โรคของตนเอง

    ทั้งๆ ที่ความดี หรือ ศีลของตนเอง ไม่มี เลย

    รักษาอย่างไร มันก็จะกลับคืน หรือ เรียกว่า มีตัวแทรกแซงรายใหม่

    กลับคืนเข้ามา ....อาการจะเหมือนเดิม

    เพราะ ความดี ในตัวบุคคลนั้น ไม่ได้สร้าง ไว้

    เทียบเท่า ผู้เป็นแม่ คน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2014
  12. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ไปรักษา กับหมอ คนนั้นทำไมจึงหายล่ะ

    ...แล้วคิดว่า โลก ใบนี้สมัยก่อน ใครครอบครองล่ะ...

    มีแต่ยักษ์ มาร และ บริวาร ของยักษ์ มาร

    -----------------------------
    ตัวเองก็มียักษ์และมาร ครอบครอง
    หมด รักษา ก็มียักษ์และ มารครอบครอง

    มันทำวิธีอะไรจึงทำให้หายได้

    มันต้องแลก อะไรบ้างอย่าง ???

    (กายหยาบจ่าย 99 บาท หลงดีใจ แล้ว)

    โรคที่เกิดขึ้นมัน เป็นโรคจากมิติกายหยาบ หรือ

    ใช่หรือ ถูกต้องแล้วหรือ ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2014
  13. rasa84000

    rasa84000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +263
    เป็นกำลังใจให้นะคะ การทำสมาธิน่าจะมีผลดีต่อการรักษาโรคลมชักด้วยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...