ความกรุณาอยากทำเพื่อช่วยคน จัดเป็นกิเลสตัณหาหรือไม่

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย อาม, 28 กรกฎาคม 2007.

  1. อาม

    อาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +314
    ผมมีเรื่องใคร่ขอถามว่า
    ความเมตตา เป็นกิเลสไหมครับ
    ความเมตตา เป็นตัณหาหรือไม่ครับ
    ความกรุณา เป็นกิเลสหรือไม่ครับ
    ความกรุณา เป็นตัณหาหรือไม่ครับ
    ความอยากให้ตัวเอง หรือสัตว์อื่นพ้นทุกข์หรือมีความสุข เป็นกิเลสไหมครับ
    ความอยากให้ตัวเอง หรือสัตว์อื่นพ้นทุกข์หรือมีความสุข เป็นตัณหาไหมครับ
    ความอยากจะกลับมาเวียนว่ายตายเกิดเพื่อช่วยคนอื่นในสังสารวัฎ เป็นกิเลสไหม เป็นตัณหาไหมครับ
    ความอยากเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อหยั่งรู้ภาวะทั้งปวงของสรรพสิ่ง และป้องกันความทุกข์ไม่ให้เกิดกับตัวเองและผู้อื่นอีก เป็นกิเลสไหม เป็นตัณหาไหมครับ
     
  2. อาม

    อาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +314
    และอีกเรื่อง "ความอยากรู้" "ความต้องการจะรู้" จัดเป็นกิเลสตัณหาหรือไม่ครับ
     
  3. อาม

    อาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +314
    สงสัยเหลือเกินว่า จะมีทางเป็นไปได้ไหม ที่เราจะกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกเพื่อช่วยโลก ไปทุกภพทุกชาติ โดยที่ตัวเราไม่ต้องทุกข์ทรมานมากมายขนาดนี้
     
  4. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    เมตตาเป็นมรรคไม่ประกอบด้วยกิเลส

    เมตตาเป็นมรรค คือ ตัวละ(ไม่ใช่โลภะ)
    เมตตาประกอบด้วยสติ จึงไม่ร่วมกับบาป
    เมตตาจะแผ่ออกได้แสดงว่าขณะนั้นได้ปฐมญาณเป็นอย่างน้อยเพราะมิเช่นนั้นจะไปเกิดพรหมโลกไม่ได้และเมตตาจะแผ่ออกได้ก็ต่อเมื่อผู้นั้นได้ปฐมฌาณ-ทุติยะฌาณ เมตตาที่ว่านี้คือแผ่จิตที่ประกอบด้วยเมตตาไม่ไช่บทสวดสัพเพสัตตาฯ
    เมตตาถ้าแผ่ได้หลวงปู่ดู่ "ว่าเปรียบกับสร้างโบถ์ทั้งหลัง"เพราะเมตตามีอานิสงค์สูงกว่าสังฆทานและวิหารทานแม้แผ่ชั่วลัดนิ้วมือ
    เจริญพร
    พระ12
     
  5. lotte

    lotte เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +4,545
    ผมมีเรื่องใคร่ขอถามว่า
    ความเมตตา เป็นกิเลสไหมครับ
    ความเมตตา เป็นตัณหาหรือไม่ครับ
    ความกรุณา เป็นกิเลสหรือไม่ครับ
    ความกรุณา เป็นตัณหาหรือไม่ครับ
    ความอยากให้ตัวเอง หรือสัตว์อื่นพ้นทุกข์หรือมีความสุข เป็นกิเลสไหมครับ
    ความอยากให้ตัวเอง หรือสัตว์อื่นพ้นทุกข์หรือมีความสุข เป็นตัณหาไหมครับ
    ความอยากจะกลับมาเวียนว่ายตายเกิดเพื่อช่วยคนอื่นในสังสารวัฎ เป็นกิเลสไหม เป็นตัณหาไหมครับ
    ความอยากเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อหยั่งรู้ภาวะทั้งปวงของสรรพสิ่ง และป้องกันความทุกข์ไม่ให้เกิดกับตัวเองและผู้อื่นอีก เป็นกิเลสไหม เป็นตัณหาไหมครับ

    สรุปครับ ระดับอรหันต์ขึ้นทำทุกอย่างสักแต่เป็นอาการกริยาครับไม่มีเจตนาหวังผลคิดอะไรที่อยากไม่อยากอะไร เขาเรียกว่าเป็นกริยา คือไม่ถึงกับเป็นเจตนา คือเรียกว่าจิตรู้เท่าทันอารมณ์ช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์ คืออารมณ์อรหันต์คือละโลภโกรธหลงหมดแล้วละอารมณ์ทุกอย่างเช่นสงบ อุเบกขา อาการละกิเลส บุญ ความดี ไม่ใช่อารมณ์ของเราได้ คือละสมมติธรรมทั้งหมดที่เขาสมมติเช่น ท่านบรรลุอรหันต์แต่ท่านกลับบอกว่าตนเองภาวนาอะไรก็ไม่ได้อะไร พระโสดาก็ไม่เคยหวังอยากจะได้ อะไร ท่านเลยกลายเป็นละสมมติธรรมได้ เลยกลายเป็นอรหันต์คือละสมมติว่าไม่ใช่ตน ละอัตตาได้คือจิตรวมใจ ใจมันนิ่ง เฉย จิตคือรู้ รู้รวมใจคือ รู้ธรรมะแล้วปล่อยวางไม่ยึดติดความคิดว่าตนเองบรรลุอะไร เลยกลายเป็นอรหันต์คือใจอยู่แต่กับความปรารถนาดีอยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ไม่เพ่งโทษด่าใคร มีแต่เมตตาสั่งสอนคนชั่วให้พ้นทุกข์เลยกลายเป็นอรหันต์ของแท้เพราะพิจารณาแต่ตนเองนึกถึงแต่ความตายทุกขณะจิตแล้วก็พิจารณาสติปัฐฐานสี่ จนคิดละกิเลสได้หมดแล้วปล่อยวางอารมณ์ที่ตนเองละกิเลสได้หมดว่าไม่ใช่ของเรา เขาเรียกว่าพระอรหันต์ของจริงครับ
     
  6. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    เมตตากรุณาอาจจะไม่ใช่กิเลสตัว ราคะกับโทสะ แต่ อาจจะเป็นกิเลสตัว โลภะกับโมหะ ครับ คือยังมีความอยากช่วยคนหรืออยากได้บุญและมีความหลงในภพอยู่ครับ (แต่ก็นับว่าเป็นกิเลสที่ดี)
     
  7. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    เป็นไปไม่ได้ เพราะมันเป็นความจริงของการได้เกิดมาเป็นคน น้องจ๋า การเกิดเป็นคน ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าใช้กี่ภพชาติยังไม่รู้จักหมด มันหาใช้สุขที่จริงนะคะ ดูตัวอย่างตอนนี้สิคะ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ตามข่าวต่างๆ


    การที่เราต้องการนิยามมากๆ ตีความมากๆ แต่ไม่ลงมือทำนะคะ เราก็จะยังคงสงสัยไปเรื่อยๆ

    น้องลองคิดดีสิคะ ถ้าคิดว่ามันเป็นกิเลส น้องจะเลิกคิดดี ทำดี ไปเลยใหมจ๊ะ เรียกว่าความปารถนาดีกว่านะ
     
  8. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,998
    ค่าพลัง:
    +5,064
    พระที่หนึ่ง คือ ธรรมชาติ ทั้งหลายทั้งปวง ไม่มีดี-ชั่ว สรรพสิ่งล้วนเป็นธรรมชาติทั้งสิ้น<O:p</O:p
    พระที่สอง คือ จิต (พระในใจ) คือ พึ่งจิตตนเดิมแท้ที่มีทุกคน คือ พระจิต หรือ จิต คือ พุทธะ<O:p</O:p
    พระที่สาม คือ พุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ธรรมชาติทั้งปวง แล้วสร้างศาสนาพุทธไว้เพื่อสอนมวลมนุษย์<O:p</O:p
    พระที่สี่ คือ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ แล้วตรัสแสดงธรรมชาติไว้บางส่วนตามควร<O:p</O:p
    พระที่ห้า คือ พระอรหันต์ สาวกผู้บรรลุธรรมสูงสุดในพระพุทธศาสนา โปรดสัตว์สืบทอดพระศาสนา<O:p</O:p
    พระที่หก คือ พระโพธิสัตว์ คือ บุคคลผู้โปรดสัตว์แต่ไม่ปรารถนาเป็นสาวก แต่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า<O:p</O:p
    พระที่เจ็ด คือ พระสงฆ์ มนุษย์ปุถุชนผู้บวชตามประเพณี ห่มเหลือง ตามพระธรรมวินัย จัดเป็นสมมุติสงฆ์<O:p</O:p
    พระที่แปด คือ พระในบ้าน คือ พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเลี้ยงดูเรามา มีความรักความเมตตา จึงจัดได้ว่าเป็น “พระในบ้าน”<O:p</O:p
    พระที่เก้า คือ พระอาจารย์ ผู้ให้ความเมตตาสั่งสอนอบรมให้เราเป็นคนดีมีความรู้ ไม่ใช่พนักงานสอนหนังสือ<O:p</O:p
    พระที่สิบ คือ พระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ไม่อาจมองเห็นได้ตามปกติ ที่คอยให้ความช่วยเหลือมนุษย์ เช่น พระพรหม <O:p</O:p
    พระที่สิบเอ็ด คือ พระเจ้าแผ่นดิน ผู้ดูแลทุกข์สุข ห่วงไยราษฎร ปกบ้านครองเมือง คุ้มกันภัยให้เราทั้งหลาย <O:p</O:p

    ส่วนพระที่สิบสอง นั้นเป็นไฉน ขอไม่แปลงสาร ให้ท่านตอบเองละกัน<O:p</O:p


    ฝากทิ้งท้ายไว้ว่าเวลากราบพระ ได้กราบครบ ๑๒ องค์แล้วหรือยัง?...
     
  9. lotte

    lotte เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +4,545
    ไม่รัก ไม่ชัง ไม่หลง ไม่มีอคต ไม่อยาก อย่านึกอยากอะไรที่เป็นกิเลสภวตัณหา อภิวตัณหา ไม่หลงความคิดตนเองนะคนโพสกระทู้ความคิด แค่คิดเสียว่าสักแต่คิดปรารถนาช่วยคนอย่างเดียวอยู่ในจิตทุกขณะ เป็นกริยาสักเป็นอาการกริยา ไม่ถึงเป็นเจตนา ไม่เป็นกรรมดี และกรรมชั่วอะไรทั้งนั้น ละดี ละชั่ว ละสมมติ คือเป็นอรหันต์ แต่ไม่ใช่หมายความว่าไม่ทำความดีอะไร ก็ทำความดีทุกวัน พิจารณาความตายทุกวินาที แล้วก็เพ่งละกิเลสตนเองทุกวัน
     
  10. lotte

    lotte เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +4,545
    พิมพ์ผิด ไม่มีอคติ ไม่ยึดติดสมมติความคิดที่น้องเจ้าของกระทู้คิดว่าว่ามีตัวตน ว่าเป็นความคิด เป็นอารมณ์ของตนเอง สักแต่เป็นอาการกริยาของจิต เขาเรียกว่าละรู้(ละตัวรู้อารมณ์ละกิเลสหมด)ว่าไม่ใช่อารมณ์เรา คือละสมมติในธรรมหมด เรียกว่าอรหันต์
     
  11. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    839
    ค่าพลัง:
    +1,524
    เป็นกรรมขาว เราต้องอาศัยกรรมขาว เพื่อไปสู่ ไร้ขาว ไร้ดำ
    เมื่อหมดกิเลสแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย
    เราจะกระทำสิ่งต่างๆ อย่าง ไร้ใจ ไร้เจตนาและอัตตา
     

แชร์หน้านี้

Loading...