ความฝันของยาย

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย santosos, 19 เมษายน 2014.

  1. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,166
    ค่าพลัง:
    +3,212
    ~><~*ความฝันของยาย

    ~><~*ฝันเด็กชายญาณ หายไปอย่างไร้ร่องรอย ออกตามหา ได้พบคลุกคลีตีโมงอยู่ในกอขมิ้น

    *ยายจึงบุกเข้าดูกอขมิ้น ตรงกลางกอเห็นร่างเด็กญาณนอนเกลือกกลิ้งอยู่อย่างร่าเริง ทั้งเนื้อตัว

    *และเสื้อผ้าเหลืองอร่ามไปด้วย คล้ายทองคำ ยายเอื้อมมือไปจะอุ้มหลาน ก็พลันตื่นขึ้น

    ~><*นี่เป็นสัญญลักษณ์ อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงเด็กชายญาณ จะกลายเป็น *อัจฉริยะบุคคล จะ

    กลายเป็น *อริยะสงฆ์ จะกลับกลายเป็นผู้สำเร็จ * อภิญญา*หรือ * โลกียะอภิญญา* และ

    *โลกุตรอภิญญา* อันเป็นจุดหมายปลายทางแห่ง*พระพุทธศาสนา*.

    ~<>~*จากความฝันจึงคุยกันสองตายายว่า ทางเดินของเด็กควรเดินทางสงบ สันติ และความหลุดพ้น

    มากกว่าทางอื่นๆ เวลาที่อยุ่กับตายายก็สนใจในพระสงฆ์ว่าเป็นอย่างไร บวชเพื่ออะไร ซึ่งสิ่งเหล่า

    นี้ เด็กอายุ ๕ ขวบ ไม่น่าจะเกิดความสนใจเลย แต่เด็กกลับฝักใฝ่ และถามอยู่เป็นเนืองนิตย์

    จึงเห็นต้องกันสองตายายว่าเด็กควรอยู่วัด

    ดังนั้นจึงได้ทำการอุปสมบท เป็นสามเณรเมื่ออายุได้ ๙ ขวบ ทีวัดโพธิชัย ใกล้ละแวกบ้านที่อยู่

    * = ขณะบวชแตกต่างกับสมาเณรอื่น มีความขยันหมั่นเพียรศึกษาปริยัติธรรม และมีความเคร่งครัด

    =ในพระธรรมวินัยมาก มีปัญญาแตกฉาน มีความทรงจำอันมหัศจรรย์ เรียนรู้ธรรมะได้รวดเร็ว
     
  2. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,166
    ค่าพลัง:
    +3,212
    หลวงปู่ตื้อท่านเก่งทั้งฤทธิ์อภิญญาและเก่งทางสอนคน ในบรรดาศิษย์ของหลวงปู่มั่น พระที่มีฤทธิ์มากคือหลวงปู่ตื้อและพ่อท่านลี วัดอโศการามสมัยที่หลวงปู่มั่นอยู่เชียงใหม่ หลวงปู่ตื้อก็อยู่ในสำนักเดียวกับท่าน อาจอยู่ป่าหรือที่ไหนสักแห่ง ขณะนั้นพระ ๔-๕ รูปกำลังย้อมจีวร กำลังต้มแก่นขนุนจนน้ำเดือดพล่าน หลวงปู่ตื้ออยู่ที่นั่นด้วย มีพระรูปหนึ่งถามว่าเขาว่าท่านตื้อมีฤทธิ์อย่างไร หลวงปู่ตื้อได้ฟังดั้งนั้นจึงล้วงมือลงไปในหม้อที่เดือดพล่าน แต่มือท่านไม่เป็นอะไร อีกคราวหนึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวพระภิกษุนั้นผิงไฟแก้หนาวกันอยู่ เพราะทางเชียงใหม่โดยเฉพาะตอนบนยอดดอยนั้น จะหนาวขนาดไหนคงไม่ต้องบรรยาย ขณะนั้นหลวางปู่ตื้อและเพื่อนกำลังเหลาซี่กลด มีหลายท่านเห็นหลวางปู่ตื้อยื่นแข้งใส่เข้าไปในเปลวไฟ ไฟไหม้ขนหน้าแข้งสั้น เหตุเพราะขนหน้าแข้งท่านยาวรุงรังเกินไปท่านรำคาญ จะโกนก็เสียเวลาเลยเผาไฟทั้งแข้ง แต่แข้งท่านไม่เป็นอะไร เรียกว่าท่านสามารถบังคับได้ว่าให้ไฟไหม้ส่วนไหน เรื่องนี้หลวงปู่บาลบอกว่าได้ยินหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่แหวนและหลวงปู่เทสก์ เป็นผู้เล่าเพราะท่านเหล่านั้นเป็นสหธรรมิกรุ่นเดียวกัน คือเป็นศิษย์ผู้ใหญ่ของหลวงปู่มั่นอยู่เชียงใหม่ หลวงปู่ตื้อ แต่แรกท่านบวชในฝ่ายมหานิกาย เป็นศิษย์พระอาจารย์คาน หรืออุปัชฌาย์คานวัดโพธิ์ชัย อำเภอท่าอุเทน
    ความเก่งของท่านพ่อลีท่านพ่อลีคงมีเรื่องเล่าลือทางความเก่งของท่านมากมายแต่เล่าเท่าที่ได้ยินจากหลวงปู่บาล ท่านว่าครั้งหนึ่ง พ่อท่านลีไปธุดงค์ในป่ากับพระภิกษุสามเณรหลายรูป สถานที่แห่งนั้นแห้งแล้งมาก พระเณรจึงช่วยกันแสวงหาแหล่งน้ำจนเหนื่อยอ่อน จนที่สุดท่านพ่อลีบอกว่ารอสักครู่ แล้วท่านหายเข้าไปในโขดหินที่มีพุ่มไม้บังอยู่ สักครู่ท่านก็เรียกพระเณรเข้าไปปรากฏว่าน้ำไหลออกมาในจุดที่ท่านเข้าไปมากมาย จึงพากันดื่มกินและอาบเสียจนเป็นที่พึงพอใจของทุกองค์
    คนเก่งคุยกันก่อนที่ท่านพ่อลีจะมรณภาพเพียงวันเดียว พระเณรที่อยู่กับหลวงปู่ตื้อที่วัดหลวงปู่ตื้อ แม่แตง เชียงใหม่ ได้ยินท่านนั่งคุยกับใครอยู่ แต่มองไม่เห็นใครท่านนั่งคุยอยู่คนเดียว หลังจากเลิกคุยแล้วท่านเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่าคุยกับท่านอาจารย์ลี วัดอโศการาม เขาบอกว่าวันพรุ่งนี้เขาจะตายแล้ว เขาจึงบอกลา ปรากฏว่าวันต่อมาท่านพ่อลีก็มรณภาพจริง จึงเป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ว่าท่านรู้จริงเห็นจริง
     
  3. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,166
    ค่าพลัง:
    +3,212
    ?ขรัวตาเชย?

    ?ขรัวตาเชย? โดยปกติท่านไม่ค่อยพูดกับใคร ทั้งยังชอบทำอะไรแผลง ๆ จนคนหลายคนเรียกท่านว่า ?ขรัวตาเชยบ้า? หรือ ?พระบ้า? ท่านนุ่งจีวรเก่า ๆ สกปรก ๆ เดินไปไหน หมาเห่ากันเกรียวกราว แล้วก็เดินตามท่านเป็นฝูง ๆ ท่านชอบเก็บเศษกระดาษหรือหนังสือพิมพ์เก่า ๆ ขาด ๆ ตามข้างถนน ที่จำวัดของท่านอยู่ในกุดังเก็บโลงศพ และมักจะบ่นว่า ?แหม ไอ้พวกนี้หวงโลงจัง ตายไปแล้วก็ยังหวงอีก? ส่วนมากท่านจะใช้เวลาบำเพ็ญเพียรวิปัสสนาธุระ บางคราวก็เงียบอยู่เป็นวัน ๆ เลย พออกมาเวลาไหนก็หาข้าวฉัน แม่ครัวที่นั่นไม่ค่อยชอบท่าน และมักจะแกล้งท่านอยู่เสมอ ก็บอกว่าหมดแล้ว เหลือแต่ข้าวแมวที่คลุกไว้ในจาน จะกินก็เอาซี ท่านก็ไม่ว่าอะไร เอาข้าวแมวไปล้างน้ำแล้วก็เอามาฉัน บางทีท่านก็จะนั่งกับดินอยู่กลางไร่กลางนาที่ไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมา ฝนตกแดดร้อนจ้าเพียงไร ท่านก็นั่งเฉยอยู่อย่างนั้น ชาวบ้านที่มองไปแต่ไกลก็จะเห็นว่า ท่านนั่งอยู่กลางแดดกลางฝน ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปใกล้ เพราะกลัวพระบ้า วันหนึ่งเด็กเลี้ยงควายวิ่งเล่น เห็นพระก็วิ่งเข้าไปใกล้ เห็นว่าตรงที่ท่านนั่งนั้น แดดร่มเป็นวงกลมเหมือนตัวท่านนั่งอยู่ในร่มเงาของกลด เมื่อถึงคราวฝนตก เด็ก ๆ ก็พากันออกไปดูอีกก็เห็นว่า ฝนที่ตกลงมานั้น เว้นตรงรอบตัวท่านเป็นวงรอบตัวท่าน ไม่เปียก จากนั้นเด็ก ๆ ก็เอามาพูดคุยกันจนผู้ใหญ่ได้ยินก็พากันไปดู ก็เห็นจริงตามที่เด็กพูด ก็พากันเข้าไปขอหวยกันใหญ่ ท่านชอบให้หวยด้วยคำปริศนาหยาบ บางทีก็ด่าเอาหยาบ ๆ คาย ๆ จนคนกลัว ไม่ค่อยไปขอหวยท่าน
    ท่านชอบทำอะไรแผลง ๆ เช่นมีอยู่คราวหนึ่ง ท่านปีนขึ้นไปบนต้นตาลจนถึงยอดแล้ว ก็เอาใบตาลเสียบเข้ากับแขนทั้งสองข้างเป็นปีก กระพือแขนทั้งสองข้าง ตะโกนว่า ?กูจะเหาะแล้วโว้ย ๆ ? แล้วก็กระโดดลงมาจากต้นตาล ลงมาถึงพื้นก็เดินต่อไปอย่างหน้าตาเฉย และมีอยู่อีกคราวหนึ่ง ท่านกำลังตกปลาอยู่ พอได้ปลาก็เอาขึ้นมาทุบหัว แล้วก็ขอดเกล็ด ปลาก็ดิ้นกระแด่ว ๆ เลือดสาดไปหมด เสร็จแล้วก็หั่นลงหม้อแกง ต้มสุกแล้วก็ตักกิน บอกว่า ?อร่อย ๆ? แต่พอเข้าไปเปิดหม้อดู เห็นมีแต่ใบไม้ลอยอยู่เต็มไปหมด
    นอกจากนี้ หลวงตาเชยยังชอบดูงิ้ว ดูละคร แต่วิธีการดูของท่านแปลกพิสดาร ไม่เหมือนใคร ไม่ว่างิ้ว ไม่ว่าละครที่ไหนท่านสามารถยกมาดูได้หมด ท่านยืนพิงเจดีย์หัวเราะอยู่คนเดียว ปรากฏว่าท่านยกละครทั้งโรงมาไว้ที่เจดีย์ ฉายให้เห็นเป็นภาพ เหมือนอย่างเราดูหนัง
    ครั้งหนึ่งมีชาวบ้านถือขวานมาตัดไม้อยู่ข้างกุฏิ มาโดนพลาด ฟันเอาขาของตัวเองเข้าจนเกือบขาด จึงร้องขึ้นว่า ?ขรัวตา ขรัวตา ช่วยด้วย? หลวงตาเชยมาถึงก็ยกขาข้างที่ถูกฟันขึ้น แล้วถามว่าตรงหรือยัง พอชายผู้นั้นร้องว่าตรงแล้ว ท่านก็เป่าชานหมากไปยังขาตรงที่ถูกฟัน ปรากฏว่าขาของชายผู้นั้นหายเป็นปกติ เมื่อลุกขึ้นได้ ก็ก้มลงกราบท่านแล้วถือขวานเดินไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    วันหลวงตาเชยมรณภาพ ก่อนที่ท่านจะสิ้น ที่รอบ ๆ กุฏิของท่านมีเสียงสัตว์ป่าเจี๊ยวจ๊าวไปหมด เหมือนจะส่งเสียงบอกกันว่าท่านจะจากไปแล้ว ตอนที่ท่านสิ้นใจ ตอนนั้นเงียบกริบ ไม่มีเสียงอะไรทั้งสิ้น ท่านสิ้นใจในท่านั่งสมาธิแล้วก็หมดลมหายใจไปเอง ในวันเผา ก็แปลกอยู่อย่างหนึ่งว่า พระจากที่ไหน ๆ ทั่วเมืองชลฯ ต่างก็มาร่วมกันเผาศพของหลวงตาเชยจากนั้นปรากฏว่ากระดูกของท่านที่เผาออกมา เป็นพระธาตุหมด มีอยู่ชิ้นหนึ่ง เป็นเนื้อสามกษัตริย์ คือมีสามส่วน เป็นเงิน ทอง และนาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...