ความรู้แห่งปัญญา+บทเรียนแห่งแสงสว่าง :=: บันทึกลับของนักเรียนโรงเรียนจิตวิญญาณโบราณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย MASTERCLASS, 27 เมษายน 2012.

  1. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    ข่าวดีมาแจ้งกันครับ !!!

    ใครเป็นแฟนพันธ์แท้ของพี่อวตารบอยตั้งใจฟังกันให้ดีนะครับ !!!
    ใครต้องการเรียนรู้วิธีการสร้างสรรค์
    (จากโรงเรียนจิตวิญาณโบราณลึกลับ ยุคแอตแลนติส)ที่ให้ได้ผลลัพธ์ทันใจ
    และประสบความสำเร็จแบบ 100% ก็ต้องตั้งใจฟังกันให้ดีด้วยครับ !!!
    (กำลังพิมพ์ในคอมเม้นต์... ยาวมาก... รออ่านกันนะครับ:)

    พี่อวตารบอยที่เป็นครูผมกำลังกลับมาประเทศไทยอีกครั้งหนึ่งครับ
    นานๆมาทีไม่ได้มาบ่อยและไม่ค่อยสนใจโลกมนุษย์มากนัก
    หลังจากสำเร็จวิชาระดับสูงจากโรงเรียนจิตวิญญาณโบราณ
    หลังจากหายไปเรียนและปฏิบัติการทำสมาธิระดับสูงกับพระรามที่ประเทศออสเตรเลีย
    สำหรับคนที่ไม่รู้จักพี่อวตารบอย ผมขอแนะนำตัวพี่เค้าหน่อยหนึ่ง
    พี่อวตารบอยเป็นคนไทยไปเติบโตที่ออสเตรเลีย
    สำหรับผมเป็นคนไทยเหมือนกันแต่ไปเรียนที่ออสเตรเลีย ไม่ได้ไปอยู่ถาวรเหมือนพี่เค้า
    พี่อวตารได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับ "ความลับของโรงเรียนจิตวิญญาณโบราณ" ไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว
    บางคนได้เคยอ่าน และบางคนคงไม่ได้เคยอ่านกัน
    (ใครอยากอ่าน "ความลับของโรงเรียนจิตวิญญาณโบราณ"ผมจัดส่งE_BOOK ให้ฟรี ส่งข้อความมาแล้วผมจะจัดการให้ภายในสัปดาห์นี้ ตอนนี้กำลังเรียบเรียงอยู่ครับ )

    กำลังเขียนข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม รออ่านกันนะครับ:)

    (สำหรับสมาชิกกลุ่มส่วนตัว IMMORTAL THAILAND
    ได้ส่งอีเมลย์แจ้งเป็นการส่วนตัวไปแล้ว รายละเอียดต่างๆอยู่ในอีเมลย์ของท่าน)


    ก็อปปี้มาจากแฟสบุ๊ค Master Class
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ตุลาคม 2012
  2. Pichart

    Pichart สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +21
    มากันแล้วหรือครับ กลุ่มแสงสว่างจากโรงเรียนโบราณ รอด้วยความใจจดใจจ่อ อยากบอกว่าผมได้สำเร็จการสร้างสรรค์แล้ว หลังจากฝึกมาสามปีกว่าๆ ช่วยมาต่อความรู้สุดยอดเพิ่มเรื่อยๆระดับสูงๆๆนะครับ ความรู้แห่งปัญญา บทเรียนแห่งแสงสว่าง ไม่ว่านานแค่ไหน ก็ยังคงอยู่เป็นอมตะ ความจริงก็คือความจริง ผ่านมาได้ 5 ปีแล้วนะ หนังสือเล่นนั้นนะ ยังเป็นหนังสือคลาสสิคสุดฮิตสำหรับผมเสมอมา
    ตอนแรกอ่านไปไม่ค่อยเชื่อและไม่เข้าใจเท่าไหร่ ผมได้ถูกโลกสังคมและศาสนาล้างสมองผมมานาน พอมาอ่านหนังสือของ อวตารบอย ผมปฎิเสธแบบดังลั่นเลย ความรู้แตกต่างจากศาสนาที่ถูกสอนกันมา แต่เวลาผ่านมา หลายปี ความรู้ ความเชื่อของผมเริ่มเปิดใจและเชื่อแล้วครับกับประสบการณืที่เกิดในชีวิตจริงๆ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความรู้ดีๆๆๆในอนาคต กระทู้ดีๆๆยังคงอยู่ในใจตลอดไป
     
  3. Pichart

    Pichart สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +21
    ศาสนาพุทธสอนว่า ไม่มีพระเจ้า ไม่มีการสร้าง ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ มีการเกิดแก่เจ็บตาย และชีวิตเป็นทุกข์ ที่แท้มนุษย์ถูกหลอกให้วังวนแห่งความทุกข์กันมานาน และความไม่รู้กันมานาน เลยชีวิตมีแต่เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้ว เคยอ่านโลกใต้ดินกัน เห็นเขามีชีวิตอมตะสุขสบาย แล้วทำไม มนุษย์บนโลกทำไม่ได้นะ มันต้องมีอะไรที่ปิดบังไว้แน่ๆเลย

    หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือท้าทาย ศาสนา และความเชื่อเก่าๆมาก แต่การเขียนแบบรูปแบบสนุกๆๆและเข้าใจง่าย ใครไม่เคยอ่าน ผมแนะนำเลย ผมเองไม่ได้อ่านมานานแล้ว อยากอ่านอีก ชีวิตผ่านมาหลายปีเริ่มจะเข้าใจแล้ว

    ผมขออ่านหนังสือเล่นนั้นอีกรอบนะ ช่วยส่งให้ผมด้วย
     
  4. Vking

    Vking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,555
    พูดเข้าท่าเนาะ :)
     
  5. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    รู้กันหรือปล่าวว่า พี่อวตารบอย ปลอมตัวและสละเวลามาถ่ายทอดความรู้สุดยอดแห่งจักรวาลเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
    ถูกโดนด่า ท้าทายและมีปัญหามากมายที่ผ่านมาหลายปี
    ผมเคยส่งอีเมลย์พูดคุยส่วนตัว ผมเลยเข้าใจว่า มีจิตวิญญาณตอนนั้นน้อยมากที่จะเข้าใจและเชื่อ
    บางคนก็เก็บไว้เพื่ออ่านเล่น แต่พี่อวตารบอยมาแบบแปลก เพื่อไม่ให้ผู้อ่านแตกตื่นและได้ใช้วิธีการอธิบายแบบสนุกๆๆแอปแฝงด้วยความรู้ และ สะกิดใจจิตวิญยาณให้ตื่นขึ้นมาแบบเนียนๆๆ และ ความรู้ต่างๆที่ได้ให้ไว้ ได้ถูกวางแผนไว้เป็นระบบ

    ความรู้ต่างๆได้เชื่อมโยงต่อกันหมด เพื่อวางรากฐานเบสิค และ เพื่อความรู้แอดวานซ์ในอนาคต
    แต่แผนที่ตั้งเอาไว้ล้มเหลว มีผู้เข้าใจน้อยมาก 5 ปีที่แล้วทุกๆคนมีคำถามและสงสัยว่าเรื่องจริงหรือเนี้ยะ
    แสงสว่างเป็นอย่างไร ???
    โลกใต้ดินเป็นอย่างไร ???
    ผู้แปลทุกๆคนรวมทั้งคุณชยุตก็ไม่กล้าแปลกันเพราะ
    ไม่มีใครเชื่อว่าโลกมนุษย์ใต้ดินมีจริงๆ

    ผู้้แปลทุกๆคนในช่วงนั้นเข้าไม่ถึงกันเลยสักคน
    และตอนนี้หากใครได้อ่านกระทู้ของคุณชยุตก็จะเห็นได้ว่า
    ความรู้ต่างๆที่พี่อวตารเป็นเรื่องจริงและสัมพันธ์กันหมด พี่อวตารบอยเป็นคนจุดประกายคุณชยุตเกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณและการสร้างและแสงสว่างและโลกใต้ดินและโลกมิติ 5

    คุณชยุตและผู้แปลสมัยนั้นเป็นผู้ตามล่าหาความจริงยังเข้าไม่ถึง และไม่เชื่อและไม่จริงจังกับเนื้อหาที่แปล ส่วนพี่อวตารบอยมีพลังงานอีกระดับหนึ่ง ต้องการเป็นผู้สร้างความจริงไม่ใช่ผู้ตามล่า ต้องการนำความรู้และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันกันจริงๆ ผู้แปลทุกๆๆๆคนวิ่งหนีกันหมด นักแปลแห่งแสงสว่างและพี่อวตารบอย จูนพลังงานความต้องการไม่ได้ เลยแยกทางกัน

    พี่อวตารได้นักเรียนจำนวนหนึ่งที่สนใจและแอบเรียนกันลับๆๆส่วนตัว ส่วนคุณชยุตและผู้แปลอื่ๆก็หาความรู้ที่อื่นๆๆๆ แบบก้าวกระโดด โดยต่อยอดจากความรู้ของพี่อวตารบอย แต่ที่น่าเสียดาย คุณชยุตและผู้แปลอื่นๆได้เลือกเส้นทางเป็นผู้รับใช้มหาเทพและมนุษย์ต่างดาว และเข้าร่วมกับมนุษย์ต่างดาว

    แต่พี่อวตารบอยไม่สนใจ เรื่องนั้น สนใจอย่างเดียวคือการเป็นพระเจ้าและพระผู้สร้างในตนเองเท่านั้น ตามหลักที่พี่อวตารบอยได้ร่ำเรียนมา การรู้ความรู้อื่นๆๆไม่จำเป็น ตามที่พี่อวตารบอยได้เล่าไว้ มีเพียงอย่างเดียวคือเราๆต้องเข้าถึงพระเจ้าในตนให้ได้และ สร้างชีวิตจากพลังจิต เมื่อเราทำได้แล้ว พวกเราก็สามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด และเป็นพระเจ้ากำหนดชะตาชีวิตเราเอง
    โดยไม่ต้องพึ่งหรือพระเจ้าภายนอก มหาเทพหรือสิ่งภายนอก

    หากไม่เช่นนั้นแล้วพวกเราก็้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้ยังวนเวียนกันไม่รู้จบไม่รูสิ้นไม่ว่ามีความรู้อื่นๆมากมายเพียงใดก็ไม่สำคัญและช่วยหยุดการเวียนว่ายตายเกิดไม่ได้ พี่อวตารบอย ต้องการประยุกต์ความรู้และประสบการณ์จริงเพื่อในการรู้แจ้งเห็นจริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎีเท่านั้น

    ใครมีโอกาสได้อ่าน หนังสือ ความลับของโรงเรียนโบราณ
    ลองอ่านแบบตั้งใจและลองเชื่อ 100% ห้ามสงสัยดู
    แล้วพลังงานคุณจะตื่นอย่างไม่รูตัว
    จงเป็นหนึ่งกับเนื้อเรื่องอ่านแล้วประสบการณ์แปลกๆๆจะเกิดขึ้น
    นี้เป็นกลยุทธในการปลุกตื่นรู้ของผู้รู้แจ้ง
    แต่มีน้อยคนอ่านแล้วไม่ยอมรับอย่างหมดหัวใจแต่หากใครทำได้
    พระเจ้าในตนจะถูกปลุกตื่นแบบอัศจรรย์เลย
    ผมอ่านมา5ปีแล้ว มาอ่านอีกเริ่มเข้าใจมากกว่าเดิม
    เวลาผ่านไป ความเข้าใจเริ่มเปิดออกมา มันแปลกดีนะครับ

    สมัยนั้นผมอ่านไปขนลุกไปหมดเลย พลังงานสูงเข้มข้นมาก
    พี่อวตารบอยมาถ่ายทอดความรู้สุดยอดมาก ส่วนคุณชยุตก็แปลเก่งแบบสุดฤทธิ์สุดเดชกัน
    แต่เสียดายสมัยนั้นคุณชยุตเข้าไม่ถึงและไม่เชื่อ
    แบบ ร้อยเปอร์เซ็นต์ เลย หาคนอื่นๆๆมาช่วยแปล
    เนื้อหาเลยเริ่ม เข้มข้นน้อยลง
    จักรวาลแห่งกฎการดึงดูด พาคุณชยุตและพี่อวตารบอย ได้สุดยอดเลยสมัยนั้น
    แบบ รู้แจ้งกันสุดๆๆที่ได้ปกปิด แต่ไม่วายก็มีมาร ต่างๆมาขัดไว้ ซึ่งเป็นเรื่องปรกติ
    ผมไม่โทษใคร แต่ทุกๆคนก็เล่นบทบาทกันแบบสุดฤทธิ์

    ผมอ่านไปขนลุกพลังงานสูงมากช่วงนั้น เหมือนโลกทั้งโลกอยู่ในฝ่ามือผม
    โอ้ย เล่าไปแล้วยังคิดถึง มันส์มาก เลย แต่จักรวาลการดึงดูดก็ผลักทุกอย่างออกจากกันอีกครั้ง

    เคยไหมตอนมีเซ็กส์ พลังงานแห่งความสุขและซี้ดดดดดดดยาวนาน
    นั้นแหละ ความรู้สึกแบบนั้น ความลับที่ได้ปิดบังมายาวนานได้ถูกเปิดเผย
    ส่วนคนแปลก็แปลเก่งให้คนธรรมดาอ่านแล้วเข้าใจและมีอารมร่วม อืมมม ยังคิดถึงเสมอนะ
    สนุกมากๆช่วงนั้น ขอบคุณทุกๆคนที่มีบทเล่น ผมก็เป็นบทเล่น แบบแอบอ่าน 555+++
     
  6. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    มีหลายคน สอบถามและต้องการเข้าร่วมกลุ่ม " IMMORTAL THAILAND " กับพวกเรา
    ผมขอตอบว่าตอนนี้คงตอบไม่ได้ เพราะหัวหน้ากลุ่มไม่อยู่
    รอจนกว่าหัวหน้ากลุ่มกลับมาและตัดสินใจกันอีกที
    (กลุ่มเราเป็นกลุ่มส่วนตัวเล็กๆ ง่ายๆไม่เป็นทางการ
    มีความคิดและสนใจในเรื่องเดียวกันคือจิตวิญญาณ พลังจิตและการสร้าง)

    พวกเราเป็นกลุ่มเล็กๆมีพันธะสัญญาอย่างเข้มงวดกับพี่อวตารบอย
    จริงๆแล้วไม่ได้เป็นความลับอะไร
    เพียงแต่กลุ่มของเรายังเหมือนเด็กๆเดินเตาะแตะ
    และป้องกันความคิดของสังคมโลกที่แตกต่างและไม่เห็นด้วยเข้าแทรกแซง
    พวกเรามีพันธะสัญญากันว่า
    จะเลือกทางเดินแห่งจิตวิญญาณโดยเป็นมาสเตอร์แห่งอมตะ (IMMORTAL MASTER)
    สโลแกนของกลุ่มพวกเราคือ " ไม่จน ไม่เจ็บ ไม่แก่ ไม่ตาย ... ตลอดกาลและตลอดไป"
    ( WEALTHY : HEALTHY : YOUHTHFUL : IMMORTAL for EVER and EVER)

    หากกลุ่มของพวกเราทำไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร
    โลกที่เราเห็นกันอยู่มีคนเกิด แก่ เจ็บและตาย เห็นกันทุกวันและธรรมดาเสียแล้ว
    อย่างน้อยๆพวกเราก็ได้ทดลองรับความรู้ใหม่ๆและฝึกฝนปฎิบัติ
    หากสำเร็จพวกเราก็ได้สมใจหวัง หากไม่สำเร็จอย่างน้อยๆพวกเราก็ได้ฝึกปฎิบัติแล้ว
    หากพวกเราไม่เปิดรับความรู้ใหม่ๆและฝึกปฎิบัติ
    พวกเรารู้อยู่เต็มอกว่าพวกเราก็ต้องแก่ เจ็บและตายเหมือนเพื่อนมนุษย์หลายๆคนที่เห็นกันอยู่ทุกๆวัน

    พวกเราคือกลุ่มพลังจิตเล็กๆที่เคยแอบอ่านบทความของพี่อวตารบอยเมื่อ 4- 5 ปีที่แล้ว
    พวกเราเคยรู้มาบ้างแล้วเกี่ยวกับจิตวิญญาณและพลังจิต
    แต่บทความของพี่อวตารอธิบายได้ลงลึกและละเอียดมากจนถึงความว่างเปล่า
    จุดกำเนิดของทุกๆสิ่ง และการสร้างจากความไม่มีอะไรเลยของเอกภพ
    เนื้อหานี้พวกเราหาไม่ได้จากที่อื่นๆ
    หนังสือพวกพลังจิตทั้งของไทยและของนอกในร้านหนังสือทั่วๆไปส่วนใหญ่จะเป็นแบบพื้นๆ
    ทำให้พวกเราเริ่มปะติดปะต่อความรู้เก่าๆที่พวกเรารู้กันมากับความรู้ของพี่อวตารบอย
    เข้ากันได้ และ เข้าใจละเอียดลึกซึ้ง กว่าเดิมมาก

    อีกหลายปีพวกเราสนใจและตื่นเต้นกันมากได้มาอ่านเรื่องโลกใต้ดิน และ แอตแลนติส
    พอมาอ่านอีกทีพี่อวตารบอกว่าครูที่สอนคือ
    พระรามที่เป็น มาสเตอร์อมตะ มีอายุ 35,000 กว่าปี
    เกิดที่ลูมีเรียในยุคแอตแลนติส
    พวกเราตื่นเต้น และเริ่มเข้าใจแล้วว่าพี่อวตารบอยเอาความรู้ของพวก แอตแลนติส มาเผยแพร่นี้เอง
    พวกเราได้ติดต่อและเรียนรู้กับพี่เขาก่อนที่จะมาประเทศไทยนานแล้ว

    หลังจากที่พี่อวตารบอยไม่ประสบความสำเร็จและผิดหวัง
    ในการตั้งกลุ่มกับพวกพี่ชยุตและพี่แปลๆทั้งหลายในอดีต
    แต่กลุ่มของพวกเราเชื่อและเห็นว่าความรู้นี้สุดยอดมากๆ
    พวกเราได้เข้าร่วมกันเพื่อจุดประสงค์และความต้องการเดียวกัน
    เมื่อสามปีที่ผ่านมาพวกเราได้เจอกันและพวกเราตั้งกลุ่มเล็กๆเป็นกลุ่มทดลองของพวกเรา
    โดยใช้ความรู้ของโรงเรียนจิตวิญญาณโบราณเป็นหลัก ในการใช้ชีวิตและฝึกฝนปฎิบัติ
    " ไม่จน ไม่เจ็บ ไม่แก่ ไม่ตาย ... ตลอดกาลและตลอดไป"

    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)
     
  7. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    1 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    โรงเรียนจิตวิญญาณโบราณ ทำไมลึกลับจังเลย ช่วยอธิบายหน่อย
    อวตารบอย :
    โรงเรียนจิตวิญญาณโบราณ เป็นโรงเรียนแห่งการรู้แจ้ง มีมานานแล้วก่อนผมเกิดมาเสียอีกครับ (หัวเราะ)
    ตั้งขึ้นโดยคุรุแห่งจิตวิญญาณ ชื่อ พระราม ที่เรารู้จักกันในศาสนาฮินดู
    (แต่พระรามตัวจริงไม่ได้เป็นอย่างเช่นที่ศาสนาฮินดูได้กำหนดเอาไว้นะ เดี่ยวค่อยมาเล่าเรื่องนี้อีกทีหนึ่ง)

    พระรามเกิดในยุคแอตแลนติส ที่ ลูเมอร์เลีย
    ตอนยุคนั้นมีสองทวีปคือแอตแลนติสและลูเมอร์เลีย
    ลูเมอร์เลียเป็นทวีปที่ประชากรสนใจทางด้านจิตวิญญาณแต่ล้าหลังทางด้านเทคโนโลยี
    ส่วนแอตแลนติสนั้นตรงกันข้ามกันเลย
    แอตแลนติสเน้นการพัฒนาทางเทคโนโลยีมากกว่าทางด้านจิตวิญญาณ
    เทคโนโลยีสมัยแอตแลนติสมีความก้าวหน้ากว่าโลกยุคที่พวกเราอยู่ขณะนี้มาก
    นักวิทยาศาสตร์สมัยนั้นได้ค้นพบวิธีการเปลี่ยนวัตถุเป็นแสงสว่าง โลกยุคเรานี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น

    เรื่องราวสั้นๆ ของพระราม (ที่แตกต่างจากพระรามที่เราเคยรู้ในศาสนาฮินดู)
    เป็นนักรบสมัยนั้นและฆ่าคนและศรัตรูมาเยอะ
    ในช่วงบั้นปลายชีวิตพระรามได้พ่ายแพ้แก่ศรัตรูโดนหักหลังและถูกแทงบาดเจ็บ
    ทำให้มีเวลานั่งคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับชีวิต จิตวิญญาณ และพระเจ้า
    (ท่านไม่ได้ตั้งใจจะทำสมาธิหรือต้องการออกบวชหรือค้นหาความจริงเกี่ยวกับโลก
    แต่เป็นเพราะอาการบาดเจ็บสาหัสเลยทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งเฉยๆ)
    ในขณะที่รักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ (ทำอย่างอื่นไม่ได้)
    ได้แต่นั่งสังเกตุดูสิ่งต่างๆรอบตัวปีแล้วปีเล่า
    นั่งดูธรรมชาติและสุดท้ายนั่งดูความคิดตัวของท่านเอง เป็นเวลากว่า 7 ปี จนสุดท้ายท่านได้รู้แจ้งเกี่ยวกับพระเจ้าจากการนั่งนิ่งๆอยู่กับธรรมชาติมานาน

    ท่านได้เห็นคนแก่และคนตายมาเยอะ
    และมาฉุกคิดได้ว่าทำไมธรรมชาติถึงยังอยู่และไม่ตายนะ แปลกมาก
    ทำไมดวงอาทิตย์ไม่เห็นตายเลย ???
    ทำไมอากาศไม่เห็นตายเลย ???
    แต่ผู้คนปีแล้วปีเล่าตายกันไปทุกๆๆปี ยกเว้นธรรมชาติ
    ท่านได้สังเกตุเห็นอากาศและชอบอยากเป็นอากาศ
    ท่านจดจ่อกับอากาศ ท่านก็ได้เป็นอากาศ (เกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจ)
    ร่างกายลอยตัวสูงขึ้น ท่านตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยกลัว
    ร่างกายก็ตกกลับมาบนพื้นดิน
    ทีนี้ท่านก็อยากเป็นอากาศอีก
    ยิ่งท่านอยากมากเท่าไหร่ ท่านก็ไม่ได้เป็นอากาศเหมือนครั้งแรก

    หลายวันผ่านไปท่านเลิกอยากเป็นอากาศ
    เอาใจเข้าหาตัวเองและส่งความรักแก่ธรรมชาติรอบๆตัว
    ใจเริ่มสงบนิ่งๆ แล้วท่านจดจ่อกับอากาศอีก ทีนี้ท่านได้ลอยไปในอากาศอีก
    จากเหตุการณ์และบทเรียนได้สอนท่านเกี่ยวกับความคิด และการจดจ่อ
    ยิ่งอยากมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่ได้เท่านั้น (โดยไม่มีครูหรือใครสอนเลย )
    นอกจากนั่งสังเกตุการณ์ และเรียนรู้กับธรรมชาติ และนั่งๆเฉยมาเป็นเวลานาน
    ในที่สุดท่านก็เข้าใจแล้วว่าพระเจ้าอยู่ในตัวท่านเอง
    และทุกๆสิ่งรอบตัวก็เป็นพระเจ้าด้วยเหมือนกัน

    ท่านไม่อยากตายเหมือนคนทั่วไป ท่านมีความคิดที่แปลกกว่าคนอื่นๆ
    ท่านอยากมีชีวิตตลอดกาลและตลอดไปอย่างดวงอาทิตย์
    ท่านไม่เคยเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิญญาณ
    ทุกๆอย่างเกิดจากที่ท่านเป็นนักรบที่ป่าเถื่อนมีความคิดไม่เหมือนชาวบ้าน
    ท่านเป็นนักรบและฆ่าผู้คนและท่านต้องการฆ่าดวงอาทิตย์
    แต่ท่านทำไม่ได้ ท่านเลยอยากเป็นเหมือนดวงอาทิตย์
    คือไม่มีใครฆ่าได้และมีชีวิตอยู่ตลอดไปเหมือนดวงอาทิตย์

    เมื่อท่านคิดเช่นนั้นท่านก็เป็นเช่นนั้น ร่างกายเปลี่ยนจากความหนาแน่นและหยาบ
    เพิ่มความถี่และพลังงานสูงขึ้นเรื่อยๆเป็นร่างแสงสว่าง
    ท่านสังเกตุว่ามีออร่าเปล่งประกายจากร่างท่าน รู้สึกโปร่งสบายไม่หนักเหมือนร่างมนุษย์
    แล้วท่านได้ตระหนักรู้แล้วว่าท่านได้ยกระดับจิตวิญญาณขึ้นสวรรค์แล้ว (ASCENSION)
    และร่างกายตามท่านมาด้วย

    ท่านคือมนุษย์คนแรกที่ได้พาร่างกายขึ้นสู่มิติที่สูงกว่าและไม่ตาย
    และไปใช้ชีวิตในจักรวาลอื่น และกลับมาเยี่ยมโลกมนุษย์ เป็นครั้งคราว
    เป็นเวลานานกว่า 30,000 ปีจนถึงบัดนี้

    สมัยนั้นท่านไม่ได้แต่งงานและมีเมียหรือมีเซ็กส์เลย
    เพระายุคนั้นท่านเป็นนักรบป่าเถื่อน ท่านโกรธพวกมนุษย์และฆ่าผู้คน
    ไม่มีเวลามามีความสัมพันธ์กับหญิงใดเลย
    แตกต่างจากศาสนาฮินดูที่วาดภาพท่านในรูปแบบเหมือนนิยายที่ไม่เป็นจริง
    ท่านไม่ใช่เทพที่ต้องมาเคารพบูชาสักการะ
    ท่านคือพระเจ้าและท่านปฎิบัติตัวกับคนอื่นเป็นพระเจ้าเหมือนกัน
    ไม่มีพิธีรีตองใดๆๆทั้งสิ้น นอกจากคำสวดมนต์ก่อนเริ่มการสอนเท่านั้น
    ใครมาสักการะบูชาท่านแตะกลับหมด เพราะพระเจ้าอยู่ในตัวมนุษย์อยู่แล้ว
    ท่านไม่เคยเห็นด้วยเลยที่ศาสนาฮินดูแต่งเรื่องท่านให้ดูแบบแปลกๆพิสดาร
    และไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการแบ่งชนชั้นวรรณะที่ศาสนายุคปัจจุบันทำกัน
    รวมทั้งการบูชาสักการะสิ่งนอกกาย
    ท่านต้องการอย่างเดียวให้มนุษย์กลับหาพระเจ้าของตัวเองภายใน
    และเมื่อหาเจอทุกคนก็มีสภาวะเป็นพระเจ้าเหมือนท่านเอง

    ใครมีปัญหาอะไรท่านไม่ฟังเพราะท่านไม่เล่นบทบาท ช่วยโลกมนุษย์ เพราะท่านสอนว่าทุกๆคนคือพระเจ้าอยู่แล้วและท่านสอนให้หาพระเจ้าในตนแก้ปัญหาชีวิตเอง ท่านไม่ต้องการเป็นพี่เลี้ยงมาฟังความทุกข์ยากต่างๆจากมนุษย์

    ใครต้องการมาเป็นทาสรับใช้ท่าน ท่านแตะกลับหมด (หัวเราะ)
    ท่านต้องการมนุษย์ที่พร้อมแล้วที่จะเรียนรู้หาพระเจ้าในตนเอง สร้างชีวิตเอง แก้ปัญหาเอง
    โดยไม่ต้องพึ่งเทพเจ้า หรือ พระเจ้าข้างนอกตน
    ท่านส่งจิตวิญญาณมาสอน แต่ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบมนุษย์
    เพราะท่านไปอยู่และเล่นอีกจักรวาลหนึ่ง กลับมายังโลกเพื่อสอนมนุษย์ที่พร้อมแล้วเท่านั้น

    นี้คือเหตุผลหนึ่งที่โรงเรียนจิตวิญญาณโบราณแตกต่างจากโรงเรียนอื่น
    เพราะคณุผู้สอนไม่ใช่มนุษญ์ มุมมองต่างๆๆไม่ใช่แบบมนุษย์
    ที่คนไทยวาดหวังจากคุรุแห่งจิตวิญญาณ คนไทยส่วนใหญ่คิดว่าครูผู้สอนผู้รู้แจ้งแล้วต้องรักและเห็นใจ
    และรับฟังปัญหามนุษย์ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย
    เพราะ ผู้รู้แจ้งแล้วจะมีมุมมองแบบจิตวิญญาณและแบบพระเจ้า
    ทำให้โรงเรียนนี้ มีคนสามารถเข้าเรียนน้อย และประสิทธิภาพสูง
    โรงเรียนนี้ตั้งกันมานานแล้วตั้งแต่ยุค อียิปต์ โรมัน อยู่จนถึงยุคปัจจุบันถึงตอนนี้

    มีหลายคนที่มีชื่อเสียงและเคยเข้าเรียน
    เช่น ลีโอนาดด ดาวินซี่ เชคส์เปียร์ นโปเลียน อเล็กซานเดอร์ มหาราช และยุคปัจจุบัน บิล เกตุ
    ก็ได้ความรู้จากโรงเรียนโบราณ ในการสร้างคอมและอินเตอร์เน็ต
    จึงไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าทำไมพวกเขาเก่งสุดยอดกันจริงๆ

    ความรู้เรื่อง พลังจิตและจิตใต้สำนึก ก็มาจากโรงเรียนนี้ด้วยเช่นกัน
    รุ่นแล้ว รุ่นเล่า ผู้แต่งหลายคนของเมืองนอก
    จากอดีตและปัจจุบันเขียนเรื่องจิตใต้สำนึกก็เอามาจากโรงเรียนนี้
    และนักบุญ นักบวช ต่างๆ ก็สืบทอดความรู้ต่างๆ กันมาตั้งแต่โบราณก็มาจากที่นี้
    ความคิดเกี่ยวกับการเป็นอมตะก็มาจากที่นี้
    มนุษย์โลกใต้ดิน และ ชาวแอตแลนติส และลูเมอร์เลีย ก็มาจากที่นี้
    และเป็นโรงเรียนที่รัฐบาลและ นักบวชศาสนาต่างๆต้องการทำลายมากที่สุด
    เพราะเป็นโรงเรียนที่เก็บความลับสุดยอดของจักรวาล นับตั้งแต่ ความว่างเปล่า
    และการสร้างจักรวาลและโลก
    โรงเรียนนี้ในอดีตเลยลึกลับ ซ่อนตัวที่เงียบๆและห่างไกลจากผู้คน

    ความรู้ที่พวกเรารู้กันแล้วแต่พวกเราลืม เมื่อพวกเรามาเล่นกันเป็นมนุษย์
    นอกเสียจากพวกเราสามารถนั่งสมาธิเป็นเวลานานๆและสำเร็จ
    แต่ยุคปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันสูงมีน้อยมากที่พวกเราจะมีเวลาทำกันได้ (หัวเราะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 ตุลาคม 2012
  8. Vking

    Vking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,555
    นี้คือเหตุผลหนึ่งที่โรงเรียนจิตวิญญาณโบราณแตกต่างจากโรงเรียนอื่น
    เพราะคณุผู้สอนไม่ใช่มนุษญ์ มุมมองต่างๆๆไม่ใช่แบบมนุษย์
    ที่คนไทยวาดหวังจากคุรุแห่งจิตวิญญาณ คนไทยส่วนใหญ่คิดว่าครูผู้สอนผู้รู้แจ้งแล้วต้องรักและเห็นใจและรับฟังปัญหามนุษย์
    แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย


    น่าสนใจมาก มาก
    ขอบคุณค่ะที่นำมาเล่าให้ฟัง

    ตั้งแต่เกิดมา ก็เคยรู้สึกทั่วๆ ไปว่า... เราช่างอยู่ห่างไกลจากพระพุทะธเหลือเกิน
    แท้จริงแล้ว ... พระพุทธองค์ ไม่เคยหายไปไหนเลย... จริง ๆ ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2012
  9. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    2 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    พวกมนุษย์โลกใต้ดิน และ แอตแลนติสก็มีความสัมพันธ์กับโรงเรียนนี้ด้วยสิครับ
    [COLOR="Red"[COLOR="Red"]]อวตารบอย :[/COLOR] [/COLOR]
    อืม!!!! จะให้ตอบอย่างไรดีล่ะ ???
    พระรามเกิดในยุคแอตแลนติส แต่เกิดก่อนที่แอตแลนติสล่มสลายนะ
    ใครเคยอ่านเรื่องโลกใต้ดินในเวปพลังจิตก่อนมี่ผมลบทิ้งกันบ้าง (หัวเราะ)
    ผมสรุปย่อๆให้ฟังว่า ก่อนที่เกิดการล่มสลายอาณาจักรแอตแลนติส
    ประชากรบางส่วนที่เคร่งเรื่องจิตวิญญาณจากทวีปเลอร์เมอร์เรีย
    หรือ มู ที่เรียกกันสั้นๆ
    รู้ล่วงหน้ากันแล้วว่าจะมีการล่มสลายเลยมีการเตรียมตัว
    และอพยพไปยังโลกใต้ดิน
    แต่ในโลกใต้ดินก็มีมนุษย์เผ่าพันธ์อื่นอาศัยอยู่ก่อนด้วยแล้วนะ
    บางคนก็อพยพไปยัง อียิปต์
    นำความรู้ทางจิตวิญญาณและสร้างอาณาจักรใหม่ๆที่นั้นกัน
    รวมทั้งปีรามิด รู้จัก ธ็อด THOHT กันไหม
    ที่เป็นพระเจ้าอมตะในสมัยนั้น
    ใช่แล้วนี้คือความรู้ที่สืบทอดกันมาอันยาวนาน

    ที่จริงยังมีโรงเรียนโบราณอื่นๆอีกนะ ที่ไม่ใช่โรงเรียนสอนโดยพระราม
    แต่ของพระรามมีชื่อเสียงที่สุดและบ้าที่สุด (หัวเราะ)
    ใครรู้จัก เซนต์เจอร์แมน ST GERMAIN กันบ้างครับ ???ท่านนี้เคยเกิดเป็นพ่อของพระเยซู
    เคยเกิดเป็นคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ที่เป็นลุงแซมผู้บุกเบิกประเทศอเมริกา
    และเคยเกิดเป็น พ่อมดแห่งเมอร์ลิน WIZARD OF MERLIN ในอดีต และ
    ชาติสุดท้ายเป็น เซ็นต์ เจอร์แมน

    คุรุจิตวิญญาณผู้เลื่อนระดับแล้วท่านนี้ก็เป็นอมตะ
    และใช้ชีวิตและปลอมตัวเล่นอยู่แถบทวีปยุโรป
    ฝรั่งเศส (หากจำไม่ผิด) มีชีวิตอยู่ยืนยาว จนต้องแกล้งตายปลอมตัวเป็นคนอื่นบ่อยๆ
    เพราะท่านมีชีวิตยังหนุ่มตลอดกาล ส่วนคนอื่นๆแก่แล้วตายกันไปปีแล้วปีเล่า ท่านนี้คือคุรุแห่งจิตวิญญาณท่านหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากท่าน ก่อนที่จะมาเรียนกับพระราม

    สมาชิก:
    โรงเรียนโบราณสอนเรื่องพระเจ้า แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนเรื่องพวกนี้
    อวตารบอย :
    ใครบอกพวกคุณ??? ไปเอาความรู้มาจากไหนกันอีกล่ะ???
    มาผมจะบอกสุดยอดความลับให้
    จริงๆแล้วไม่ใช่ความลับอะไรเลย แต่พอพูดถึงความลับ
    จิตใจอารมณ์มนุษย์เริ่มตื่นเต้นขึ้นใช่ไหมครับ (หัวเราะ)
    (เงียบไป...5 นาที)
    ใครเคยอ่านหนังสือ
    "สนทนากับพระเจ้า" CONVERSATION WITH GOD กันบ้าง
    ทั้ง เล่ม 1 2 3 นั้นแหละครับ
    คนที่ นีลส์ผู้แต่งได้สนทนาด้วยจริงๆแล้วคือ "พระพุทธเจ้า"
    (ที่พวกคุณเคารพรักกันอย่างสุดซึ้งนั้นแหละครับ)
    นีลส์คนแต่งเองก็ไม่รู้หรอกว่ากำลังพูดคุยอยู่กับใคร
    แต่จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าเป็นผู้ดลใจและเป็นผู้สนทนากับ นีลส์
    ผู้แต่งหนังสือเล่นนั้นเอง
    เห็นไหมว่า คุรุแห่งจิตวิญญาณต้องปลอมตัวและอยู่หลังฉาก
    เพื่อยกระดับจิตวิญญาณในวิธีแตกต่างกัน

    ไม่เช่นนั้นแล้วมนุษย์ก็จะปฎิเสธคำสอนต่างๆ
    เพราะหลักคำสอนได้ถูกบิดเบือนไปเยอะ
    และถึงเวลาที่คุรุแห่งจิตวิญญาณหาทางแก้ไขกลับคืนมา
    คำสอนของพระเยซูก็เหมือนกันได้ถูกบิดเบือน
    พระเยซูก็ดลบันดาลใจให้ฝรั่งเขียนหนังสือในรูปแบบต่างๆกันมากมาย
    มากกว่าของพระพุทธเจ้าเสียอีก
    คำสอนของพระเยซูถูกบิดเบือนไปเยอะเลยนะ (หัวเราะ)

    สมาชิก:
    ทำไมพระพุทธเจ้าไม่เลือกคนไทยล่ะครับ ???
    อวตารบอย :
    จะให้เลือกได้ไงกันครับ ?

    คนไทยเคร่งศาสนาก็จับตัวแล้วหาว่าวิปลิตหรือบ้าเพี้ยนไปสิครับ (หัวเราะ)
    ลองไปอ่านดูว่า
    หนังสือเล่มนั้นเขียนเกี่ยวกับพระเจ้าว่าอย่างไรกันบ้าง แล้ว มาบอกผมนะ
    ผมแนะนำเลยหนังสือเล่มนั้น (สนทนากับพระเจ้า)ดีมาก
    แต่ยังเป็นขั้นพื้นฐาน ของโรงเรียนโบราณลึกและเข้มข้นกว่าหลายเท่า
    อ๋อ ผมเคยอ่านสองสามบท หนังสือของโนวา อนาลัย ก็ใช้ได้เลยนะ ลองหาอ่านดู
    [/COLOR]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 ตุลาคม 2012
  10. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    3 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    พี่อวตารบอยนับถือศาสนาฮินดูหรือครับ
    อวตารบอย :
    โน โน โน ไม่ใช่เลยครับ ผมเกิดมาในครอบครับพุทธ และ เติบโตในโรงเรียนฝรั่งคริสต์
    ผมคลุกคลีกับคริสต์มากกว่าพุทธ แต่ผมไม่ได้จริงจังกับศาสนาเท่าไหร่
    ผมชอบไปโบสต์ร้องเพลงคริสต์มาส กลับมาบ้าน แม่พาไปวัด
    ผมชอบและไม่ชอบบางอย่างของคริสต์และพุทธ
    แต่ตอนเด็กๆไม่ซีเรียสเรื่องพวกนี้เลย

    โรงเรียนโบราณก็ไม่ใช่ศาสนานะ เป็นโรงเรียนจิตวิญญาณล้วนๆก่อนมีการเกิดศาสนา
    พูดถึงศาสนา นั้นเป็นมุมมองของมนุษย์ว่าต้องมีศาสนา
    หากไม่มีศาสนามนุษย์ทั่วไปมองแบบแปลกๆ เพราะพวกเขาหลงกับโลกมนุษย์และวัตถุจนลืมตัว

    พระเจ้าจริงๆแล้วไม่มีศาสนา พระเจ้าที่ผมพูดถึงนี้ผมหมายถึง
    จิตสำนึกอันบริสุทธิ์ หรือต้นกำเนิดของทุกสิ่ง หรือ
    ที่พวกนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เรียกว่า พ้อย ซีโร่ POINT ZERO นะ
    พระเจ้าที่ผมพูดไม่ได้หมายถึง คนแก่ๆๆ มีหนวดมีเครา
    แล้วมานั่งตัดสินพิพากษามนุษย์ นั้นไม่ใช่พระเจ้าที่ผมหมายถึงนะ
    นั้นเป็นจินตนาการของมนุษย์หลอกเด็ก ให้เด็กๆกลัวเล่นกัน (หัวเราะ)

    ที่จริงแล้วทุกๆศาสนามีข้อดีข้อด้อยนะ
    เช่นศาสนาฮินดู พระรามไม่ได้ตั้งศาสานา
    แต่มนุษย์เป็นผู้ตั้งขึ้นมากันเอง
    และพระรามไม่เห็นด้วยกับการแบ่งชนชั้นวรรณะของศาสนาฮินดู
    นี้คือเหตุผลหนึ่งที่พระรามไม่เคยกลับไปอินเดีย หรือ เนปาล
    หากกลับไปพวกฮินดูที่วาดภาพเกี่ยวกับพระรามกับนางสีดา
    ต้องปฎิเสธพระองค์ แน่ๆเลย
    พระองค์ไม่หล่อเหมือนภาพวาดกันไว้ (หัวเราะ)
    เหมือนกันกับพระพุทธเจ้าไม่มาประเทศ
    ที่มีคนนับถือนับถือพุทธต้องไปหาคนอเมริกา

    พระนะมะบูนาบี ของศาสนาอิสลามก็ไม่เคยแบ่งหญิงชายหรือให้หญิงด้อยกว่าชาย
    หรือมีการฆ่าฟันกันเพื่ออัลเลาะห์นะ มีแต่มนุษย์ ทำกันเอง

    พระเยซูก็ไม่เคยสอนว่ามีพระเจ้านอกตัว
    ท่านสอนเกี่ยวกับพระเจ้าในตัว
    จริงๆแล้วพระเยซูมาจากจักรวาลอื่นไม่ได้วิวัฒนาการจากโลกมนุษย์
    อาจเรียกได้ว่าท่านเป็นจิตวิญญาณแห่งจักรวาล
    เพื่อมาสอนความจริงเกี่ยวกับจิตวิญญาณระดับจักรวาล
    แต่มนุษย์สมัยนั้นไม่เข้าใจ
    คนมีอำนาจเลยฆ่าท่าน
    ส่วนใหญ่ ผู้รู้แจ้งทุกคนถูกฆ่าทิ้งหมด
    หรือ ถูกวางยาพิษ บนโลกใบนี้ เศร้านะ !!!

    ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่มีปัญหาน้อยที่สุด
    เปรียบเทียบกับศาสนาอื่นๆ
    แต่ว่า ขาดการสอนเรื่องการสร้างสรรค์และเรื่องพระเจ้า

    ผมอยากบอกพวกคุณที่นั่งฟังกันที่นี้
    เปิดใจฟังกัน
    พวกคุณรู้ไหมว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ตายหายไปไหน
    ท่านเป็นพระเจ้าผู้ดูแลโลกมนุษย์นี้อยู่
    หลังจากพวกเรารู้แจ้งเห็นจริงกันแล้ว
    ยังมีการวิวัฒนาการต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนะ
    เพราะจักรวาลเกิดขึ้นมาเพื่อต้องการรู้จักตัวมันเอง
    ต้องการหาประสบการร์ตัวมันเอง
    ต้องการเรียนรู้ตัวมันเอง
    ผ่าน ทุกๆๆๆจิตวิญญาณที่ได้สร้างมา
    พระพุทธเจ้า และ พระศรีอาริย์เป็นหัวหน้าใหญ่
    ในการพาโลกมนุษย์สู่โลกมิติที่ 5 อยู่นะ
    ไม่รู้พวกคุณจะเชื่อหรือไม่สุดแล้วแต่
     
  11. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    4 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    หลังจากการรู้แจ้งแล้วเป็นไงครับ ???
    อวตารบอย :
    หลังจากพวกเรารู้แจ้งกันหมดแล้ว
    พวกเราก็ล่นบทบาทอื่นๆๆกันอีก
    บางคนอยากเข้าร่วมกลุ่มของพระพุทธเจ้า
    หรือเป็นพระเจ้าในดวงดาวอื่นๆ หรือ
    ชอบเป็นหน่วยล่าตระเวนเข้าร่วมกับ กลุ่มแอชต้า
    ส่วนของพระราม ก็พาจิตวิญญาณที่รู้แจ้งแล้วไปสร้างอีกจักรวาล

    ตอนนี้ก็มีการสร้างจักวาลอื่นๆอีก
    ผมบอกพวกคุณแล้วไงว่า ไม่มีที่สิ้นสุด
    แต่หากพวกคุณ และ มนุษย์ไม่ตื่นรู้ยังนอนหลับกันอยู่
    ก็ต้องหมุนเวียน เวียนว่ายตายเกิด ไม่เบื่อกันบ้างหรือไงครับ
    ไม่อยากไปเที่ยวโลกอื่นๆกันบ้างเลยหรือ
    มันมีกฎแห่งจักรวาลตายตัวว่า คิดสิ่งใดได้สิ่งนั้น
    หากพวกเราคิดว่ามีแต่โลกใบนี้เท่านั้น
    พลังงานแห่งการดึงดูดก็พาพวกเรากลับมายังโลกรอบแล้ว รอบเล่า ไม่มีที่สิ้นสุด
    แต่อย่าลืมนะ ว่ายังมีโลกอื่นๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน

    มีอยู่ทางเดียวคือต้องกลับเข้าไปหาพระเจ้าในตัวให้เจอ
    พวกยานบินยูเอฟโอ พวกมนุษย์ต่างดาวก็ไม่สำคัญ
    หากพวกคุณเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าภายในของคุณได้เมื่อไหร่
    พวกคุณสามารถสร้างเนรมิต จานบินยูเอฟโอ กี่ล้านเครื่องแล้วแต่สมใจอยาก
    ( หัวเราะ )เพราะพระเจ้าที่อยู่ภายในพวกเราและพระเจ้าที่อยู่ภายในพวกมนุษย์ต่างดาว
    คือองค์เดียวกัน
    พลังอำนาจ ความรู้เหมือนกัน ทำไมพวกเราต้องไปเห่อ จานบินภายนอกกันนะ

    พวกเทพเจ้าภายนอกก็ไม่ต้องไปพึ่ง ทำไมไม่ไปหา หัวหน้าใหญ่แห่งจักวาล ( หัวเราะ )
    ทำไมไปให้ความสนใจกับลูกน้องผู้นำสาสน์ สิ่งอื่นภายนอกกัน
    หัวหน้าใหญ่แห่งจักรวาลก็อยู่ในตัวผมและพวกคุณกันอยู่แล้ว ( หัวเราะ )

    ความแตกต่างระหว่างมนุษย์ และ มนุษย์ต่างดาวที่พัฒนาแล้ว
    คือพวกมนุษย์ต่างดาวตระหนักรู้ว่าพระเจ้า
    จะเรียกว่าอะไรก็ตามแต่อยู่ภายใน
    พวกเขาสามารถสร้างสิ่งต่างๆมาจากภายใน เช่น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์
    พวกเขาสามารถส่องและดูมาดาวดวงไหนก็ได้ หรือ บนโลก
    คอมพิวเตอร์ของพวกเขายิ่งใหญ่มากกว่าของมนุษย์หลายเท่า
    คอมพิวเตอร์ของพวกเรายุคนี้นับว่ายังล้าหลังเป็นเต่าล้านปีสำหรับพวกเขา
    แต่สิ่งที่เหมือนกัน พระเจ้าที่พวกเขานำความรู้มาสร้างสิ่งต่างๆ
    ก็เป็นพระเจ้าองค์เดียวกันกับที่ ทำให้หัวใจพวกคุณทำงาน
    และให้พวกคุณมีชีวิตและสามารถฟังผมพูดในตอนนี้

    นั้นแหละความรู้มหาศาลมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ภายในพวกเรา
    แต่พวกเราหลงลืมเอาใจออกนอก
    ขุมทรัพย์ทองคำของจักรวาลอยู่ภายใน หาใช่ภายนอกเลย
    จริงๆนะ คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม
    มันก็ยังอยู่ในตัวคุณ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน มิตินี้หรือมิติไหนๆ ตลอดกาลและตอลดไป (สาธุ)
     
  12. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    5 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    ทำไมผู้ตรัสรู้แล้ว รู้แจ้งแล้ว พวกมาสเตอร์ คุรุแห่งจิตวิญญาณไม่มาพบปะผู้คนภายนอกกันครับ
    อวตารบอย :
    (หัวเราะ) เป็นคำถามสุดอิตและมากที่สุดในโรงเรียนโบราณ และนี้คือคำตอบจากครูผมเองเลย
    ลองนับดูว่ามีผู้ตรัสรู้กี่รายบนโลกมนุษย์ที่มาสอนแนะนำ โดนทำร้าย ถูกฆ่าตายไปกี่รายแล้ว
    พวกมนุษย์ที่ไม่ตื่นรู้มีพลังอำนาจมากนะ สามารถฆ่าร่างกายได้ แต่ว่าพวกเขาฆ่าดวงจิตวิญาณไม่ได้ (หัวเราะ)

    นั้นคือเหตุผลหนึ่ง เหตุผลอื่นคือบางองค์ก็มาถ่ายทอดแบบลับๆ บางองค์ก็ออกมาแต่ไม่มีชื่อเสียง
    พระผู้ตรัสรู้แล้วในอดีตที่พวกเรารู้จักกัน เช่น
    พระพุทธเจ้า พระเยซู พระกฤษณะ
    ท่านๆเหล่านี้ รู้แจ้งกันแล้วและได้บอกพวกเรามาหลายยุคหลายสมัย แต่พวกเราไม่เชื่อ หรือ ไม่ค่อยเข้าใจกัน
    บางครั้งพวกเราตีความหมายแล้วแต่ระดับสติปัญญาของพวกเรากันเอง

    อีกเหตุผลหนึ่งที่ท่านผู้ตรัสรู้กันแล้วไม่ค่อยพบปะมนุษย์ทั่วๆไปคือ
    พูดกันและจูนกันไม่รู้เรื่อง คนละมุมมอง ที่ผมพูดพอจะเข้าใจไหม ???
    ท่านเหล่านี้มองโลกทั้งโลกเป็นมายาไปเสียหมด
    แต่มนุษย์ทั่วไปมองเป็นโลกจริงจังและชอบปรับทุกข์
    เรียกร้องความรัก ความเห็นใจ ความสงสาร
    พวกคุณสังเกตูไหมว่าจักรวาล หรือว่าพระเจ้า ไม่เคยเมตตาช่วยคนที่ยากจนสักเท่าไหร่
    ปล่อยให้จนอยู่อย่างนั้น มากี่ยุคกี่สมัยกันแล้ว
    ส่วนคนรวย พระเจ้าจะเปิดโอกาสให้ร่ำรวยมหาศาลกันเลย
    เพื่อนๆที่รักที่ฟังผมอยู่ หาคำตอบมาตอบผมได้ไหมว่าทำไม ???
    พระเจ้าไม่ได้มองกันที่ภายนอกแต่มองกันที่ภายในที่ใจ นั้นคือคำตอบ !!!

    พระพุทธเจ้าของพวกคุณก็สอนกันแล้วไม่ใช่หรือครับว่า
    ทุกๆอย่างเกิดจากใจ
    ชีวิตของพวกเราสร้างมาจากความคิดของพวกเราเอง
    ทุกๆอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ มีใจเป็นพระประธาน

    อีกเหตุผลหนึ่ง หลังจากตรัสรู้แล้ว ยังมีการวิวัฒนาการกันอีกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    หากมีการสิ้นสุดแสดงว่าจักรวาลไม่ อินฟินิตี้
    หากจักรวาล นี้อินฟินิตี้ก็แสดงว่าไม่มีที่สิ้นสุด ถูกต้องไหมครับ ??? ( หัวเราะ)
     
  13. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    6 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    มีพระบางท่านสอนว่า ห้ามทำปาฎิหาริย์ แสดงอิทธิฤทธิ์ ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์
    อวตารบอย :
    งั้นผมขอตอบว่า อย่าเกิดเป็นดวงจิตวิญญาณกันอีกเลย นี้คือปาฎิหาริย์นะครับ
    การเกิดเป็นมนุษย์ นี้คือปาฎิหาริย์นะครับ
    การมีชีวิตอยู่ก็เป็นปาฎิหาริย์นะครับ
    การเดิน การพูด การกิน การทำงาน ที่เห็นทั่วๆไปก็เป็นปาฎิหาริย์นะครับ
    สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างจากการเดินทะลุกำแพง
    การเหาะเหินเดินอากาศ การล่องหนหายตัว การปรากฎตัวหลายที่ในเวลาเดียวกัน
    ทุกอย่างใช้จิตหมดไม่ใช่หรือครับ หากทุกอย่างใช้จิต ทุกอย่างก็เป็นปาฎิหาริย์ ใช่ไหมครับ ??? (หัวเราะ)
    ต่างกันตรงที่ว่าการเดิน การพูด การกิน พวกเราเชื่อมั่น ว่าพวกเราทำกันได้
    พวกเราถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าพวกเราทำมันได้และคนอื่นๆๆก็ทำได้ พวกเราเชื่อเช่นนั้นพวกเราก็ทำได้ ไงครับ
    ส่วนการ การเหาะเหินเดินอากาศ การล่องหนหายตัว การปรากฎตัวหลายที่ในเวลาเดียวกัน
    สังคมส่วนใหญ่ถูกสอนกันมาว่าไม่มีใครทำกันได้ คนส่วนใหญ่ก็ทำไม่ได้ เราเชื่อเช่นนั้น พวกเราก็ทำไม่ได้ จนกว่า พวกเราจะเชื่อว่าทำได้ ถูกไหมครับ ??? ไม่งงกันนะครับ ??? (หัวเราะ)

    คำตอบที่สอง
    การเดินทะลุกำแพง การเหาะเหินเดินอากาศ การล่องหนหายตัว การปรากฎตัวหลายที่ในเวลาเดียวกัน
    มันผิดนักหรือครับที่สามารถทำกันได้??? (หัวเราะ)
    ผมเคยได้ยินพระในทิเบตสมัยโบราณทำกันได้มากมาย
    ผมคิดว่าพระในไทยก็สามารถทำกันได้นะ ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เท่าไหร่นัก
    ลองคิดดูว่าศาสนาเดียวกันแต่คนละประเทศกันยังมีการแบ่งแยกความเชื่อกันอยู่เลย
    แล้วใครถูกใครผิด ??? และผมถามต่อไป ใครกันนะเป็นผู้ตั้งกฎนี้กันขึ้นมา ???

    คำตอบที่สาม
    ทางพ้นทุกข์คือนิพพาน ใช่ไหมครับ
    นิพพานที่คนไทยใช้กันอยู่เรียกว่า ความสุข ใช่ไหมครับ
    พวกเพื่อนๆรู้ไหม และเข้าใจไหม
    ว่าพวกเราสามารถเลือกที่จะนิพพานได้ทุกๆวันและทุกๆเวลา ตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะ
    เพื่อนๆสามารถนิพพานตอนอยู่ในคุกก็ได้
    นิพพานตอนมีสงครามก็ได้นะ
    นิพพานตอนมีทุกข์สาหัสก็ได้นะ
    นิพพานมันอยู่ที่ใจครับ มันอยู่ภายใน หาใช่ภายนอก หาใช่หลังจากตรัสรู้เรียบร้อยแล้ว
    ไม่ขึ้นอยู่กับอะไรทั้งสิ้น
    ขึ้นอยู่กับใจของพวกเราเองว่าต้องการนิพพาน
    ต้องการความสุขตอนไหน และ เวลาไหน
    พอจะเข้าใจกันไหมครับ
     
  14. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    7 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    ถามจริงนะครับการทำปาฎิหาริย์ เป็นเรื่องจริงหรือครับ
    อวตารบอย :
    ผมก็ขอถามจริงด้วยเหมือนกันครับ
    คุณหนึ่งสามารถคิดและจินตนาการ ถึงมันได้ไหมครับ
    หากได้มันก็เป็นเรื่องจริงสิครับ
    หากไม่จริงคุณหนึ่งก็นึกถึงมันไม่ได้ตั้งแต่ต้นแล้ว
    เพียงแต่มันยังไม่ออกมาเป็นประสบการณืแก่คุณหนึ่งโดยตรง
    กำลังรอให้คุณหนึ่งดึงมันออกมาครับ

    ทุกๆๆๆความคิดเป็นไปได้ครับ
    ทุกๆๆอย่างเกิดจากความคิด
    ทุกๆๆอย่างเกิดจากใจ สำเร็จได้ด้วยใจ
    ใครกันนะเคยพูดแก่พวกเรามานานแสนนาน
    หากรู้แล้ว สาธุกันเลยครับ
    ทุกๆๆความคิด สาธุ
    ทุกๆความคิด สาธุ
    ทุกๆความคิด สาธุ
    จำกันให้ขึ้นใจ ตลอดกาลและตลอดไป

    จริงๆแล้วทุกๆอย่างเป็นมายาครับ
    แต่ในโลกมายาก็มีแบบแผน มีวิทยาศาตร์แห่งจิตควบคุมอีกที
    หากไม่เข้าใจก็ขอให้เข้าใจกันตามนี้นะครับ (หัวเราะ)
     
  15. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    8 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    ผมอ่านหนังสือพวกจิตวิทยา พลังจิต เคล็ดลับแห่งความสำเร็จ ต่างๆ
    แต่พอได้มาอ่านของคุณอวตารบอย มันดูแปลกๆนะครับ
    แต่อ่านดูอีกทีรายละเอียดลึกลงมากเลย
    เวลาผ่านไปผมเริ่มเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง (หัวเราะ) แต่มีความรู้สึกว่าทำไมมันง่ายนิดเดียว
    ในการอ่านจาก ความลับแห่งโรงเรียนโบราณ
    ผมไม่รู้ว่าจะถามอะไรแล้วครับ ลืมคำถาม และงง ว่าต้องการถามอะไร (หัวเราะ)
    อวตารบอย :
    อืม งั้นผมหาคำถามให้เองเลยนะครับ (หัวเราะ)
    อืม ผมต้องทำหน้าที่หนัก เดาคำถามเอง และ
    ต้องตอบคำถามเองไปในตัวเลย (หัวเราะดังลั่น)

    หนังสือพวกจิตวิทยา พวกพลังจิต พวกเดอะซีเคล้ด ประสบความสำเร็จ ต่างๆ
    ในร้านขายหนังสือไทยทั่วไปที่ผมไปยืนอ่านดู เป็นความรู้พื้นๆครับ
    ไม่ลึก บางครั้งก็ซับว้อนมากมาย และไม่รวมถึงจิตวิญญาณ
    คือพูดง่ายๆเรียกว่า การสร้างสรรค์ในระดับ และ มุมมอง แบบมนุษย์
    ต้องใช้ความพยายามในการเชื่อ และหลอกตัวเอง อย่างหนักเพื่อให้ได้มาสิ่งที่ต้องการ
    แต่ก็เป้นไปได้ครับ สำหรับบางคน
    แต่ ของโรงเรียนโบราณ เป็นคนละแบบ
    คือเป็นแบบรู้แจ้งรู้ลึก ตั้งแต่เริ่มต้น
    จากความไม่มีอะไรเลย หรือ ความว่างเปล่า
    ว่ามีการสร้างสรรค์จักรวาลกันอย่างไร และ สร้างโลกกันอย่างไร และ
    สร้างตัวพวกเราเป็นอย่างไร และ ทำไมถึงได้สร้างพวกเรากันมา และ ทำไมเป็นเช่นนั้น

    เป็นวิชาที่พวกอียิปต์เอาไปใช้สร้างปิระมิดกันว่าเล่นไงครับ !! (หัวเราะ)

    มาผมบอกอีกทีว่า
    ทุกๆอย่างเกิดจากความไม่มีอะไรเลย เป็นเรื่องที่ง่ายๆมากๆๆ ความง่ายๆๆนี้แหละ เป็นอัจฉริยะของความว่างเปล่า
    เคยได้ยินกันไหมครับ ว่า ความเรียบง่ายเป็นบ่อเกิดแห่งความอัจฉริยะ
    มันง่ายจนไม่น่าเชื่อ มันง่ายจริงๆเลยครับ

    หากธรรมชาติของจักรวาลมันสลับซับซ้อนและยากมาก
    ผมรัประกันเลยครับว่า
    มีคนตรัสรู้กันแล้วหลายพันๆๆๆๆๆล้านๆๆๆๆคนกันแล้วครับ
    แต่เป็นเพราะธรรมชาติของจักรวาลมันง่ายมากๆๆๆ หรือ อาจเรียกว่า ง่ายจนเกินไป
    พวกเราเลยไม่เข้าใจและตรัสรู้ และ เวียนว่ายตายเกิดกันนับไม่ถ้วน
    เพราะ
    พวกเราเก่งกันแต่เรื่องยาก ส่วนเรื่องง่ายๆๆ
    พวกเราไม่ค่อยถนัด ไม่ค่อยเก่งกัน (หัวเราะแบบดังลั่นกันเลย)

    แล้วมีเคล็ดลับไม่ว่าทำอย่างไรให้ผมเข้าใจในเรื่องง่ายๆนี้ได้

    มีสิครับ !!!
    งั้นผมก็ไม่พูดเปรยๆเพื่อให้ถามตั้งแต่ต้นกันแล้ว
    เพียงแต่ว่าคุณจะยอมทำตามที่ผมจะบอกไหมครับ ???

    ทำครับ ตอบทันทีเลย (หัวเราะ)

    คำตอบคือ ยอมจำนน ภาาาอังกฤษ เรียกว่า SURRENDER
    ยอมหยุดคิด
    และยอมจำนนความคิด ความรู้สึก ร่างกาย และ จิตวิญญาณ
    หัวใจแก่พระเจ้าที่อยู่ภายในคุณ

    ปัญหาคือ อีโก้ที่เป็นมนุษย์ คิดว่าฉลาดรู้มากกว่าพระเจ้าที่สร้างพวกเรามา
    ปัญหาคืออีโก้ที่เป็นมนุษย์ ลืมไปว่าไม่ได้เป็นคนทำให้หายใจและมีชีวิตเอง
    ปัญหาคืออีโก้ของพวกเราที่เป็นเงา เก่งกว่า ฉลาดกว่า แสงสว่างที่สร้างพวกเรามา

    ทำไมเงาไม่ยอมจำนนต่อแสงล่ะครับ

    ทำไมต้องคิดมาก พูดงายๆทำไมไม่ว่านอนสอนง่ายกันเลย (หัวเราะ)
    มีพระผู้ตรัสรู้ให้ความรู้กันมากมาย
    ความหมายเดียวกัน จะให้ พูดอีกกี่แบบถึงจะเข้าใจแลัยอมจำนน

    ผมไม่ได้ให้พวกเรายอมจำนนแก่ สิ่งภายนอก
    แต่จำนน ถวายหัวใจ ร่าง จิตวิญญาณ ด้วยหัวจิตหัวใจที่มีอยู่ให้แก่
    ตัวตนที่สูงและยิ่งใหญ่กว่าในตัวพวกเราเอง
    เมื่อทำได้เช่นนี้แล้ว หนังสือพวกจิตวิทยาต่างๆไม่ต้องไปอ่านกันแล้ว
    เป็นพระเจ้ากันแล้ว ยังต้องไปอ่านหนังสือจิตวิทยาเรื่องการสร้างกันอยู่อีกหรือ
    นอกจากสร้างการอ่านกันขึ้นมา (หัวเราะ)

    คำตอบเดียว คือ ยอมจำนน ทำกันได้ไหมครับ ???
    นั้นคือคำถามที่จักรวาลรอกันมานานแสนนานแล้วครับ

    โรงเรียนโบราณแตกต่างคือเป้นการสร้างแบบพระเจ้า
    นั้นเองทำไมมันอาจคล้ายๆกับหนังสือจิตวิทยา
    แต่แตกต่างคนละมิติกัน
    ไม่ต้องอาศัยความเชื่อครับ
    ไม่ต้องอาศัย NLP
    แต่อาศัย "จิตรู้ตัวเดียว"
    หากยังไม่เข้าใจก็บอกตัวเราเองว่าเข้าใจ แล้วพวกคุณก็จะเข้าใจเองครับ อาเมน

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 ตุลาคม 2012
  16. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    9 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    1คุณอวตารบอย รู้จักหนังสือเดอะซีเคล็ด ของรอนดาไหม ค่ะ อ่านมาทุกเวอร์ชั่นก็ยังไม่สำเร็จสักที แต่ของเขาขายดีมากๆนะ
    2ความรู้คุณอวตารมาจากไหน
    อวตารบอย :
    ของผมก็ขายดี หัวเราะ
    รู้จักยิ่งกว่ารู้จักสิครับ ผมเติบโตที่นครเมลเบิร์น เมืองเดียวกันเลยกับผู้แต่งคนนั้น (หัวเราะ)
    ผมอยากถามว่ารู้จัก ไคลี่ มิน้อก KYLIE MINOQUE
    ที่เป็นนักร้องของออสเตรเลียไหมครับ
    นานมาแล้วผมอยู่ใกล้บ้านเธอก่อนที่เธอจะดังเป็นพลุแตก ก่อนที่ผมย้ายมาอยู่ซิดนี่ย์

    ผมได้หาหนังสือพวกพลังจิต จิตวิทยา จิตวิญญาณมาทุกๆห้องสมุด
    ร้านหนังสือ ของออสเตรเลียจนทั่วแล้วครับ
    ความรู้ต่างๆเป็นแค่พื้นๆๆๆ
    ความรู้จริงๆอยู่ในตัวเราเองครับ
    นักแต่งเดอะซีเคล็ด ไปอเมริกา ทำการตลาด
    หนังสือนั้นเลยดังเป็นพลุแตก
    แต่จริงๆแล้วมีหนังสือดีๆๆมากกว่านั้นมากมาย
    แต่ทำการตลาดไม่เป็นเลยไม่ดังพลุแตกครับ

    ความรู้ผมส่วนใหญ่มาจาก พวก ลูเมอร์เลีย
    พวกมนุษย์ใต้ดิน และ โรงเรียนจิตวิญญาณ และ ที่อื่นๆ (แต่ขอเก็บไว้เป็นความลับ)
     
  17. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    10 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    1 หากโลกเป็นมายา ทำไมยากจังเลยที่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ
    2 ทำอย่างไรให้มนุษย์ได้ในสิ่งที่ต้องการ ไม่ต้องแก่งแย่งกัน ต่อสู้กันเหมือนที่เห็นกันในสังคมไทยและโลกในตอนนี้
    อวตารบอย :
    หากคุณคิดว่ายาก มันก็ยาก หากคุณคิดว่ามันง่าย มันก็ง่าย
    คุณคือพระเจ้า คุณคิดเอง สร้างเอง เล่นเอง แสดงเอง
    คนๆเดียวทำเองหมดเลย พร้อมเสณ็จสรรพเลย (หัวเราะดังมากๆๆๆ)

    อืม เหมือนมีต้นไม้อยู่และมีลูกผลอยู่ต้นเดียว
    แต่มีคนต้องการอยู่ พันล้านๆคน แย่งกันตายเลยใช่ไหม
    ทุกๆคนแย่งกันเพื่อความอยู่รอด ตื่นเช้าไม่ต้องทำอะไร
    ต้องรีบไปหาผลไม้ลูกนั้นมาแย่งกินกัน

    จักรวาลไม่มีความตั้งใจสร้างชีวิตแบบนั้นเลย
    เป็นเพราะพวกเราเอง หลงลืมตัวเราเอง
    เมื่อเราลืมตัวเราเอง
    เราลืมจักรวาล
    เราหลงกับมายาที่เป็นเงา ว่าเป็นของจริง
    เราเลยแย่งกันแบบไม่ลืมหูลืมตา

    เมื่อไหร่ที่เรารู้จักตัวเราเอง และ เข้าใจจักรวาล
    พวกเราทุกๆๆคนสามารถได้ มี เป็น ในสิ่งที่พวกเราต้องการ
    โดยไม่ต้องแย่งชิงกัน
    ไม่ต้องคอร์รัปชั่น
    ไม่ต้องดัดไม้ทำลายป่าเพื่อให้ได้มา
    ไม่ต้องทำลายธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม

    เพราะเมื่อเราเข้าใจจักรวาล
    จักรวาลจัดให้ทุกๆๆๆคน ได้ในสิ่งที่ต้องการ
    หากมนุษย์บนโลกต้องการเป็นมหาเศรษฐ๊กันหมด
    จักรวาล บอกว่า "จิ้บจ๋อย ที่รัก จักรวาลจัดให้"
    โดยที่พวกเราไม่ต้องแย่งชิงกัน หรือ ทำลายสิ่งแวดล้อม

    พวกเราเคยเห็นไหมว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
    ความยากจนในเมืองไทย ไม่เคยได้ผล
    ไม่ว่าจะให้เงินทองกี่พันล้าน
    หาก คนนั้นมีแต่ความไม่พอ คิดแต่เรื่องขาดแคลน เงินจำนวนนั้นก็หายไปในพริบตา
    ปํญหามีวิธีเดียวคือแก้ที่จิตวิญญาณ ก้นลึกของหัวใจ
    ปัญหาไม่ใช่ภายนอกแต่เป็นภายใน

    เมื่อพวกเราตื่นรู้และเข้าใจว่าตัวพวกเราคือใคร
    จักรวาลทำงานอย่างไร
    เมื่อนั้น พวกเราต้องการอะไร
    จักรวาล จัดให้ อยากได้อะไร ได้ในทุกๆๆๆส่ง ทุกๆๆอย่าง
    เพราะทุกๆๆอย่างเป็นของพวกเราอยู่แล้วก่อนที่โลกจะถูกสร้างเสียอีก
    เพราะทุกๆๆอย่าง คือ เรา และ เรา คือ ทุกๆๆอย่าง สาธุ และ อาเมน
     
  18. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    11 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    มีวิธีไหนบ้าง ที่ผมสามารถเข้าถึง พระเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง
    อวตารบอย :
    มีหลายวิธีครับ
    แต่วิธีที่ผมเรียนมา คือรักตัวเราเองครับ
    ครับผมรักตัวเราเองก่อนทุกๆๆๆคนบนโลกนี้ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร
    ภาษามนุษย์อาจเรียกว่าเป็นการเห็นแก่ตัว ถูกต้องแล้วครับ !!!
    มันเป็นการเห็นแก่ตัวจริงๆในโลกมนุษย์
    แต่วิธีนี้แหละครับที่คุณจะเข้าถึงพระเจ้าภายในแบบตรง และรวดเร้ว

    ผู้ตรัสณู้ทั้งหลาย ทุกๆๆๆๆคน เห็นแก่ตัวกันหมดเลยครับ
    พระพุทธเจ้าเห็นแก่ตัวแบบสุดๆๆ หนี หน้าที่
    การเป็นลูก การเป็นสามี การเป็นพ่อ
    มาตามหาความจริงของชีวิต
    ท่านเห็นแก่ตัวสุดๆทิ้งให้คนอื่นๆๆๆรับผิดชอบ
    แล้วในที่สุดท่านก็ได้ในสิ่งที่ท่านต้องการ
    และท่านก็สามารถให้แก่โลกได้

    พระเยซูเห็นแก่ตัวสุดๆๆเหมือนกัน
    หนีพระแม่มาเรียมานั่งโต้เถียงกับผู้นำทางศาสนา
    ทำให้หัวใจผู้เป็นแม่ ต้องตามหาลูก แทบใจวาย
    แต่พระองค์ ทำตามใจ ตามพระเจ้าภายในต้องการ

    เมื่อเราเห็นแก่ตัวแบบสุดๆๆ แล้วพวกเราได้ในสิ่งที่ต้องการ
    วันหนึ่งจะถึงจุดอิ่มตัวและมีความสุ๘สุดๆๆ
    แล้วเมื่อนั้นพวกเราก็สามารถให้กลับแก่โลกและคนอื่นๆๆได้

    ลองคิดดูสิครับ หากคูณไม่ได้ในสิ่งที่คุณต้องการ
    คุณไม่เคยมีความสุขเลย แล้วคุณจะให้ความสุขแก่คนอื่นๆได้ยังไงกัน
    หากคุรให้แก่คนอื่น มันเป็นการแสเสร้ง หลอกลวงตัวคุณเอง และ คนอื่นๆ
    หากคุณไม่มีเงิน แล้วคุณจะให้แก่คนอื่นๆได้ยังไงกัน

    ออกมาจากความเชื่อผิดๆของสังคมโลก
    กลับมารักพระเจ้าในตัวเองแบบสุดๆๆ รักมากกว่าคนอื่น
    ไม่มีอะไรสำคัญมากกว่านั้นอีกแล้ว
    พระเจ้าในตนคือของจริง
    อย่างอื่นเป็นแค่มายา แล้วในที่สุด
    คุณก็สามารถให้ และ รัก คนอื่นๆๆอย่างหมด หัวใจ

    รัก ความดี ความชั่วของคุณ ยอมรับตัวคุณเอง อย่าตัดสินตัวคุณ
    เข้าใจตัวคุณเอง ไม่มีใครเข้าใจคุณได้นอกจากตัวเราเอง
    ความรัก เกิดจากตัวเราเอง
    ไม่มีใครรักเราและเข้าใจเราได้เท่าพระเจ้าในตัวเราเอง
    เมื่อเรารัก และ เข้าใจตัวเราเอง ถึงจุดอิ่มตัว
    ความรักจากภายในนั้นก็จะแผ่ขยายไปแก่คนอื่นๆๆ
    ถึงแม้คนอื่นๆๆจะชั่วเลวเพียงใด
    เราก็เข้าใจและรักเขา ไม่ตัดสินเขา
    เพราะเรา เคยชั่วเหมือนเขา เราเข้าใจและยอมรับตัวเราเอง
    เมื่อเรายอมรับ และรักและเข้าใจตัวเราเอง เราสามารถรัก และให้คนอื่นได้
    นั้นแหละครับ คือความรัก จากภายในสู่ภายนอก
    จงรักพระเจ้าที่อยู่ภายในด้วยหมดหัวใจ เจ้าจะเข้าถึงพระเจ้า หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของเจ้าเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 ตุลาคม 2012
  19. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    12 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    พระเจ้าอยู่ในตัวเรา เป็นอย่างไร ช่วยขยายความหน่อย ไม่ค่อยเก็ต
    และการเป็นพระเจ้าเป็นอย่างไร
    อวตารบอย :
    มีหลายรูปแบบในการอธิบาย
    ผมขอพูดว่า จิตวิญญาณ อันศักดิ์สิทธิ์ ที่กำลังทำให้หัวใจคุณเต้นและพลังชีวิตที่คุณมีอยู่ในตอนนี้ คือพระเจ้าที่อยู่ในตัวเราที่ผมหมายถึง
    พูดกันแบบนี้แล้ว เก็ตกันไหมครับ (หัวเราะ)
    เพราะเราลืมตัวเอง ไม่มีสติ

    คุณเป็นพระเจ้าอยู่แล้ว
    แต่ยังไม่ตระหนักรู้ว่าคุณคือพระเจ้า
    เมื่อคุณตระหนักรู้ว่าคุณคือพระเจ้า
    คุณก็จะรู้ว่าคุณคือพระเจ้า ทีนี้ เก็ต หรือ ไม่เก็ต ครับ (หัวเราะ)

    การอธิบายไม่สามารถทำให้คุณรู้แจ้งได้ครับ
    คุณต้องสอนตัวคุณเอง รู้เอง คนอื่นๆแค่แนะทางเท่านั้น

    หากคุณศรัทธาพระพุทธเจ้า จงเป็นให้เหมือนพระพุทธเจ้า แต่อย่าตาม
    หากคุณศรัทธา พระเยซู จงเป็นให้เหมือนพระเยซู แต่อย่าตาม

    เข้าใจไหม???

    เช่นพระพุทธเจ้าทำอะไรคุณก็ทำด้วย
    พระเยซูเข้าหาพระเจ้าภายใน คุณก็ทำอย่างนั้นด้วย
    ไม่ใช่ไปหาวัด หรือโบสต์ ภายนอกที่มนุษย์ทั่วๆไปเขาทำกัน
    โบสต์ หรือ วัด คือ ร่างกายของพวกเราเอง และ
    การเข้าให้ถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ พุทธะะ นั้นอยู่ภายใน ไม่ได้อยู่ ภายนอก

    พระรามไม่ได้เดินตามใคร
    พระกฤษณะไม่ได้เดินตามพระราม
    พระพุทธเจ้าไม่ได้เดินตามพระกฤษณะ
    พระเยซูไม่ได้เดินตามพระพุทธเจ้า
    พระแม่กวนอิมไม่ได้เดินตามพรัแม่มาเรีย
    ทุกๆๆองค์ เดินตามพระเจ้าภายในตนเอง

    จงเป็นพระเจ้าในรูปแบบของตัวคุณเอง
    ในแบบสไตลย์ของคุณเอง
    ไม่เช่นนั้นแล้ว
    จักรวาลสร้างจิตวิญญาณของพวกคุณมากันทำไม
    ทุกๆจิตวิญญาณมีความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

    ทุกๆจิตวิญญาณมาจากองค์เดียว แต่ก็มีความเหมือนในความแตกต่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 ตุลาคม 2012
  20. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    13 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    ใครเป้นตัวกำหนดชะตาชีวิตผมครับ มีพระเจ้าสูงสุด ในมิติอื่นๆไหมครับ
    อวตารบอย :
    มีพระเจ้าสูงสุดมากมายในมิติอื่นๆครับ
    แต่มีพระเจ้าองค์เดียวที่กำหนดชะตาชีวิต
    ให้เป็นโชคร้าย หรือ โชคดีได้ในชีวิตคุณ
    คือพระเจ้าคุณเอง

    คุณสร้างชีวิตด้วยความคิดคุณเองไงครับ แต่บางครั้งพวกเราไม่มีสติและไม่รู้ตัวว่า
    พวกเรากำลังคิดอะไรกันแต่ละวัน และไม่ควบคุมความคิด
    บางครั้งพวกเราก็ลืมตัวเองว่าคิดอะไร ตลอด 24 ชั่วโมง
    พอผลของความคิดที่ตามมา
    ไม่ว่าเป็นโชคดี หรือ โชคร้าย
    พวกเรา คิดว่ามาจากภายนอก คิดว่ามีพระเจ้าที่ไหนสักแห่งเป็นผู้ทำให้เราโชคดี
    หรือ ว่ารูปปั้นสักการะ นั้นทำให้เราโชคดี
    บางครั้งพวกเราก็โทษโชคร้ายแก่ ดวงดาวโน้น ดวงดาวนี้
    บางครั้งพวกเราคิดว่า เคร่องรางของขลังต่างๆเป็นตัวนำโชคต่างๆ นาๆ

    พวกเราเคยสังเกตุไหม
    สิ่งไหนที่พวกเราไม่ศรัทธา สิ่งนั้นก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับเรา
    แต่สิ่งไหนที่เราศรัทธาเต็มหมดหัวใจ สิ่งนั้นก็ศักดิ์สิทธิ์สำหรับเรา
    ตัวเราเอง เป็นคนกำหนนด ทุกๆๆอย่างจากความคิดเราเอง
    โชคร้าย หรือ โชคดี ไม่ใช่สิ่งภายนอกที่กำหนดชะตาชีวิตเรา
    แต่สิ่งภายในเราต่างหากล่ะ นั้นคือความคิดเรานั้นเอง
    ยิ่งความคิดของพวกเรา มีความสั่นสะเทิอนสูงมากเท่าไหร่
    โชคดีต่างๆวิ่งมาหาเรา
    ยิ่งเราคิดและมีอารมณ์ความสะเทือนต่ำเท่าไหร่
    สิ่งโชคร้ายก็มาหาเรา

    ลองฝึกสังเกตุความคิดเราเองสิครับ
    แล้วจะพบว่าพวกเราไม่ต้องไปพึ่งหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายนอกอันใดๆเลย
    ความคิดมีตัวตน และ ศักดิ์สิทธิ์เสมอครับ
    พระเจ้าในตัวคุณเองศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว โอมมมมมม
     

แชร์หน้านี้

Loading...