ความลึกลับของจิตวิญญาณ ในมิติพลังงาน

มนุษย์โลกยุคพลังงานเก่า รู้จักแต่ร่างกายกับจิตใจที่เร้นอยู่ภายในอันเป็นศาสตร์สองมิติ โดยละทิ้งเรื่องจิตวิญญาณกันไปเสียสิ้น ทั้ง ๆ ที่จิตวิญญาณนั่นแหละอันเป็นแหล่งพลังอำนาจของมนุษย์ทุกคน

จิตวิญญาณ เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวมนุษย์แค่ปลายจมูกเองกันเองนะคะ แต่กลับมองไม่เห็น ทั้ง ๆ ที่จิตวิญญาณผูกพันกับความเป็นมนุษย์ไปจนตาย และยังเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์ในมิติโลกกับจักรวาลทั้งระบบอีกด้วย

เรายอมรับกันแต่เพียงว่าทุกชีวิตต้องมีจิตวิญญาณ แต่กลับไม่รู้เรื่องว่าสิ่งนั้นคืออะไร สำคัญอย่างไร ประหลาดกันไหมค่ะ

การค้นหาสัจธรรม ถึงแม้เป็นนามธรรมไม่มีตัวตนให้เห็น แต่สิ่งนั้นก็สามารถแสดงปรากฎการณ์ใดให้เห็นได้ หรือว่า สิ่งนั้นตัวเราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น มันจึงกลายเป็นเรื่องที่ลึกลับที่น่ารู้ไปในที่สุด

และ ข้อมูลที่นำมาให้พิจารณานี้ เป็นการศึกษาการสื่อข้อมูล ของจิตจักรวาล นะคะ

แล้วจะมาไขปริศนาตัวสุดท้าย เพื่อนำไปไปสู่กระทู้ ของ jityim ด้วยค่ะ

http://palungjit.org/threads/%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81.532251/

http://palungjit.org/threads/กึ่งพุ...ขความลับจักรวาล-ไขขปริศนาแห่งธรรมจักร.565537/


http://palungjit.org/threads/มหันตภัยชำระโลกล้างระบบสู่ความสมดุลครั้งที่-4-แน่หรือ.566226/

มหันตภัยกำลังมาเยือน เปลี่ยนแปลงโลกได้ต้องเปลี่ยนที่จิตสำนึกเท่านั้น

 

มหันตภัยกำลังมาเยือน เปลี่ยนแปลงโลกได้ต้องเปลี่ยนที่จิตสำนึกเท่านั้น[/QUOTE]


ใช่ๆ อันนี้เห็นด้วย ต้องเปลี่ยนจิตนึกของไอ้คนที่มันคิดมาทำลายล้างเท่านั้น
ให้มันเลิกคิดทำลายล้างเสีย คนอะไรเห็นชีวิตมนุษย์เป็นผักปลา เอะอะก็ฆ่า เอะอะก็ทำลายล้าง เอะอะก็ทำลายโลก
ต้องเอาไปเปลี่ยนจิตสำนึก เข้าโรงเรียนดัดสันดานซะใหม่ ต่อไปจะได้ไม่คิด
ทำลายโลกอีก

 

มนุษย์ที่รัก แม้มนุษย์พร้อมแล้วนับแต่บัดนี้ที่จะเปลี่นแปลงจิตสำนึกตนเอง
ขณะที่ภัยร้ายกำลังคืบคลานเข้ามาหา ความกลัวตายอย่างมีสติเท่านั้น
เมื่อมีภัยเกิดขึ้นใกล้ตัว จึงจะช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้
ความดีงามจากการกระทำด้วยจิตสำนึกแท้จริงของตนเท่านั้น
จึงจะช่วยให้มนุษย์เองพ้นจากเคราะห์ภัยอันเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น
ให้ก้าวไปสู่การเป็นมนุษย์ยุคพลังงานใหม่ที่จะมาถึงบนแผ่นดินนี้

 

ทำไมจิตสำนึกของจิตจักรวาลจึงมีแต่การทำลายล้าง ทำลายโลก
หรือเห็นโลกเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด
จึงมีแต่คำพูดที่ขู่แกมบังคับให้เชื่อฟัง สิ่งที่ควรเปลี่ยนก็คือจิตสำนึกของจิตจักรวาลเองต่างหาก

 

ใช่ๆ อันนี้เห็นด้วย ต้องเปลี่ยนจิตนึกของไอ้คนที่มันคิดมาทำลายล้างเท่านั้น
ให้มันเลิกคิดทำลายล้างเสีย คนอะไรเห็นชีวิตมนุษย์เป็นผักปลา เอะอะก็ฆ่า เอะอะก็ทำลายล้าง เอะอะก็ทำลายโลก
ต้องเอาไปเปลี่ยนจิตสำนึก เข้าโรงเรียนดัดสันดานซะใหม่ ต่อไปจะได้ไม่คิด
ทำลายโลกอีก [/QUOTE]

ขอบคุณค่ะ การเปลี่ยนจิตสำนึก ก็คือ การเปลี่ยนสันดานนิสัยตนเองไปในตัวพร้อมด้วยนะคะ

ท่านคิดว่า จิตสำนึก ในทางพุทธศาสนา กล่าวไว้ หมายถึงอะไรค่ะ

 

ก่อนอื่นเลย ต้องเปลี่ยนจิตสำนึกของจิตจักรวาลให้ได้ก่อน จะได้ไม่มาคิดวางแผนทำลายล้างโลกอีก

 

ก็ถ้าจิตมนุษย์ตกต่ำฆ่ากันเหมือนผักเหมือนปลา พ่อฆ่าข่มขืนลูกตัวเอง แม่ฆ่าลูกตัวเอง ลูกฆ่าพ่อแม่ มนุษย์ไร้มนุษยธรรม ใช้อำนาจเพื่ออำนาจ เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติกันไม่บันยะบันยังไม่มีไว้หลงเหลือให้ลูกหลาน อากาศวิปริตแปรปรวนนอกจากจิตใจของมนุษย์แล้ว ก็ยังเป็นการกระทำของมนุษย์อีกค่ะ ที่เห็นแก่ตนเองและพวกพ้องใช้ทรัพยกรธรรมชาติมาบำเรอความสุขสบายของตนเอง สนองกิเลสตัณหาตนเอง จนลืมไปว่า ธรรมชาติคือสิ่งที่ให้ชีวิตเราอยู่ได้ เมื่อเป็นอย่างนี้โลกเสียสมดุลไปมากจากน้ำมือของมนุษย์ ไหนจะเกิดสงครามใหญ่อีกหรือไม่ แล้วผู้บริสุทธิ์จะเป็นอย่างไร หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังนิ่งดูดาย โลกนี้จะเป็นอย่างไรนะคะ หากว่าเป็นแค่โลกอย่างเดียวคงไม่เท่าไร เพราะโลกเป็นของมนุษย์เอง เมื่อมนุษย์ไม่รักดีอยากทำลายบ้านของตนเองก็ช่างปะไร แต่นี่มันเกี่ยวพันกันทั้งจักรวาลแล้วจะว่าสิ่งศักดิ์มาทำลายได้อย่างไรค่ะ

ก็ในเมื่อตัวมนุษย์เองแหละที่เป็นผู้ทำลายตัวเอง

 

เท่าที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นหรือไม่เคยได้ยิน จอมมารหรือซาตานตนไหนออกมาประกาศว่าจะทำลายล้างโลก
เห็นแต่พวกที่อ้างว่าเป็นพระเจ้าบ้าง เป็นพระผู้สร้างบ้าง ที่ชอบออกมาประกาศว่าจะทำลายล้างโลก

 

โบราณว่าไว้ ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น ถ้ามนุษย์เป็นสิ่งชั่วร้าย ย่อมเป็นเพราะ
สิ่งที่สร้างเขาขึ้นมานั่นเอง ก็เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายด้วย ไม่งั้นจะเอาต้นแบบมาจากไหน
ฉะนั้น ก่อนที่คิดจะทำลายมนุษย์ จะไม่คิดหันไปพิจารณาตนเองดูก่อนหรือ ?

 

แล้วสิ่งที่ต้องการลงในกระทู้นี้ จริง ๆ แล้ว ตามหัวข้อที่ตั่้งค่ะ

เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม ของศาสนาพุทธเราอย่างไร

เพื่อนำจิตวิญญาณไปสู่การรู้แจ้ง ...เพื่อหลุดพ้น

มีแต่คนว่า jityim บารมีไม่ถึง ยิ่งช่วยยิ่งทำให้ยุ่งยาก

แต่สิ่งที่ ตนเองปราถนาดี คือ ความรู้ใหม่เสริมเพิ่มเติมเข้าไป

ว่าทำไม จิตสำนึก จึงทำให้ จึงนำพาให้ วิญญาณ บริสุทธิ์ นำพา จิตหลุดพ้นได้ค่ะ

 

ก็ในเมื่อเมื่อจิตเดิมแท้มนุษย์ประภัสสร บริสุทธิ์อยู่แล้ว

ก็จิตใจมนุษย์ หรือ จิตหยาบเองนั่นล่ะคะที่หลงมิติโลกว่าเป็นตัวตนจริง ๆ แล้วสร้างตัวตนมารองรับ แล้วยึดถือมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตนจริง ๆ จนเกิดกิเลสสั่งสมไว้มากมาย

มนุษย์นั่นแหละค่ะเป็นผู้สร้างกรรมเอง

 

ซาตานคงไม่ได้ประกาศล้างทำลายโลกหรอกค่ะ

แต่ซานตาน จะชักชวนให้คนหลงผิดและคิดล้างทำลายโลกไปในตัว

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีความรักให้จิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ ที่ต้องตกเป็นทาสของซาตานที่หวังยึดครองโลก

สิ่งศักดิ์ที่เป็นพลังธรรมะอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริงต่างล่ะค่ะ ที่จะมาล้างระบบอันชั่วร้ายของผู้ที่จะทำลายโลก

สิ่งศักดิสิทธิ์ไม่ได้ทำลายโลกค่ะ พลังแห่งแห่งธรรมชาติอันด้านบวกอย่างแท้จริงต่างหากที่จะมาปกป้องโลก ด้วยการชำระบบเสียใหม่ เพื่อคืนสู่ความสมดุลที่เสียไป

ยังไม่เคยเห็นว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนจะมาทำลายโลกเลยนะคะ

เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ก็คือ พลังแห่งธรรมะ พลังแห่งธรรมชาติที่แท้จริง

ไม่มีใครมีอำนาจเหนือพลังแห่งธรรมชาติได้ค่ะ

ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้ เมื่อสิ่งใดขาดความสมดุลไป ย่อมที่มีอำนาจเพื่อยกระดับตนเองให้เพิ่มขึ้นได้เสมอ เพื่อรักษาระบบของตนเอาไว้ให้ได้ค่ะ

นี้คือความรักที่ช่วยมนุษย์โลกอย่างแท้จริง

 

มนุษย์สามารถหลีกเลี่ยงอาการสติแตก เพราะถูกระเบิดจิตสำนึกได้ ด้วยการสร้างสติทางวิญญาณของตนให้เร็วที่่สุดนับแต่บัดนี้ โดยแก้ไขจิตสำนึกบกพร่องของตนจากการคิดผิดเพราะคิดแบบจิตมนุษย์กันอยู่ จาการหลงผิดอันเกิดจากความงมงายในบางสิ่งโดยไม่ใช้สติปัญญา

จงรีบเร่งหันมาพัฒนาสติเพื่อเป็นนายอารมณ์ของตนเอง สร้างสมาธิเพื่อเข้าถึงสติปัญญาที่แท้จริงของตน และใช้สมาธิรับฟังข่าวสารจากจิตจักรวาลโดยไม่ต้องพูดบ้าง

การทำดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยการปลดปล่อยพลังงานความรักเมตตาปราถนาดีให้แก่กันและกัน และมอบให้แก่โลกอย่างจริงจัง และตั้งใจกันใจให้จงได้

หยุดการทำผิด
เลิกการคิดชั่ว
ไม่ทำตัวเป็นอุปสรรคของมนุษย์คนอื่น ๆ
หยิบยื่นความรักความปราถนาดีให้แก่กัน
มุ่งมั่นกำจัดกรรมเก่า
เข้าถึงการรู้แจ้งให้จงได้
เข้าใจกฎเกณฑ์ทางกายภาพของจักรวาล
ปิดกั้นความงมงายด้วยปัญญา
ค้นหาพลังอำนาจตนเองให้พบ
มีจุดจบอยู่ที่การหลุดพ้น
กระทำตนเป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่น
ยิ้มชื่นได้เมื่อภัยมา

คุณสมบัตินี้ใครเข้าถึงมันได้โอกาสสติแตกไม่มี

 

FF3 ครับ ถ้าใครเล่นเสพเนื้อเรื่องจะรู้ว่า มืดไปก็ไม่ดี สว่างไปก็ไม่ได้
มันต้องมีสมดุลมากระจุกบนโลกมนุษย์นี่แหละ มิน่าเป็นภาคที่แปลกแตกต่างจากภาคอื่นจริงๆ

 

คนชั่วก็จะทำลายโลกเพราะความชั่วของตน
คนดีก็คิดจะทำลายโลกเพราะหาว่าคนอื่นชั่ว
สุดท้ายแล้วมันก็พวกทำลายโลกด้วยกันทั้งนั้น

 

เหมือนรู้ใจ ท่านจิตยิ้มพูดถึงจิต เลยอยากเห็นความต่างระหว่าง จิต สติ สัมปชัญญะ ขอบคุณคราบ จิตคุยกับสติและสัมปชัญญะได้หรือไม่

 

ท่าน Zipp ค่ะ jityim ขอออกตัวก่อนนะคะว่า สาเหตุที่ตั้งกระทู้นี้มาเพื่อต้องการเติมเต็มความรู้ทางพระพุทธศาสนาที่เราได้รู้กันมาบ้างแล้ว ที่หลาย ๆ ท่านสงสัยกันว่า จิต ใจ ตัวเดียวกันหรือไม่ และจิตวิญญาณเที่ยงหรือไม่เที่ยง หรือ ได้สังสัยอะไรในหลาย ๆ อย่าง เกี่ยวสิ่งเหล่านี้บางทีก็ยังลึกลับสำหรับใครบางคนอยู่นะคะ

ด้วยความที่ตัวเองต้องการรู้ให้ถ่องแท้ ว่าจริงหรือไม่ที่ จิตจักรวาล สื่อไว้ได้แยกความแตกต่างชัดของ จิตวิญญาณ จิต ใจ ว่าสิ่งนั้นคืออะไร และมีหน้าที่แตกต่างกันอย่างไร เราสามารถหาคำตอบจากความชัดเจนได้เพื่อนำไปเทียบกับคำสอนพระพุทธเจ้าได้เลยค่ะ

จิตจักรวาลคืออะไร ถ้าใครได้ติดตามอ่านโพสจิตยิ้มมาตลอดก็จะพอทราบได้ว่า คือ ธรรมชาติที่แท้จริง ในยุคพลังงานใหม่นี้เราเรียกว่า พลังงานแก่นแท้อนัตตานะคะ เป็นผู้รู้เห็นทุกสรรพสิ่งในจักรวาลนี้

จะยังไม่ตอบท่าน Zipp นะคะ แต่อยากให้ท่านเข้ามาติดตามอ่านก่อนค่ะ ด้วยสติปัญญาของท่านเองท่านจะโยงและเข้าใจได้เองค่ะ ถ้าหากข้อมูลของจิตจักรวาลนั้นตัวของ jityim มีความสามารถที่จะนำมาลงไว้ได้อย่างเพียงพอและครบถ้วน

แต่ jityim จะนำเรื่องที่ท่านได้ถามมาเพื่อที่จะนำคำถามนี้ไปหาคำตอบขั้นสุดท้าย พระพุทธองค์ตรัสไว้เกี่ยวพระนิพพานสูตรที่2 ว่า....

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฐานะที่บุคคลเห็นได้ยากชื่อนิพพาน ไม่มีตัณหา นิพพานนั้นเป็นธรรมจริงแท้ ไม่เห็นได้โดยง่ายเลย ตัณหาอันบุคคลแทงตลอดแล้ว กิเลสเครื่องกังวลย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้รู้ ผู้เห็นอยู่ ฯ

คำว่า "ตัณหาอันบุคคลแทงตลอดแล้ว กิเลสเครื่องกังวล ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้รู้ผู้เห็นอยู่"

ซึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับ จิต สติ สัมปชัญญะ เพราะว่า จิตเป็นผู้หลุดพ้นนะคะ

ลักษณะสัมปชัญญะระดับสูงสุด

ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็ นผู้มีสัมปชัญญะ เป็ นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ (อาการที่ ) เวทนา เกิดขึ้นก็แจ่มแจ้ง (วิทิตา) แก่
ภิกษุ, (อาการที่) เวทนาเข้าไปตั้งอยู่ก็แจ่มแจ้ง, (อาการที่) เวทนาดับลงก็แจ่มแจ้ง.
(อาการที่) วิตก เกิดขึ้นก็แจ่มแจ้งแก่ภิกษุ, (อาการที่) วิตกเข้าไปตั้งอยู่ก็
แจ่มแจ้ง, (อาการที่) วิตกดับลงก็แจ่มแจ้ง
(อาการที่) สัญญา เกิดขึ้นก็แจ่มแจ้งแก่ภิกษุ, (อาการที่)สัญญาเข้าไปตั้งอยู่
ก็แจ่มแจ้ง, (อาการที่) สัญญาดับลงก็แจ่มแจ้ง
ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล ชื่อว่าภิกษุเป็นผู้มีสัมปชัญญะ.
- มหาวาร.สํ. ๑๙/๒๔๒/๘๐๔.

ลักษณะเด่นของสัมปชัญญะ ก็คือ

-เกิดขึ้นก็แจ่มแจ้ง
-เข้าไปตั้งอยู่ก็แจ่มแจ้ง
-ดับลงก็แจ่มแจ้ง

ไขปริศนาแห่งธรรมจักร จะบอกเรื่องนี้ไว้ชัดเจนค่ะ

ติดตามกระทู้นี้ไปก่อนนะคะว่าแต่ละอย่างนั้น แยกกันไว้ชัดเจนอย่างไรนะคะ

แต่จริงแล้ว วัตถุประสงค์หลักนั้นคือ จิตสำนึก คืออะไร เพราะว่าแยกออกได้ จะได้เป็นประโยชน์แก่คนยุคนี้ค่ะ

 

แต่ถ้าเป็นคำตอบของ jityim ยิ้มเอง จะตอบว่าสิ่งนั้นคือ ตนเตือนตนเองได้ค่ะ

ด้วยการระลึกรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดอารมณ์ต่าง ๆ ที่เราระลึกรู้ได้ตลอดเวลาที่เราอยู่กับกายใจ เราจะรู้ได้ว่าทุก ความคิด คำพูด การกระทำ อารมณ์ ความรู้สึกที่เรารู้สึกได้ รับรู้ได้ และแสดงออกไป แล้วเหมาะสมหรือไม่เพียงไร

จิตเตือนจิต จิตเตือนตนเองได้ค่ะ

คิดผิด ทำผิด พูดผิด รู้แล้วว่าไม่ดีก็ คิดใหม่ พูดใหม่ ทำใหม่ แก้ไขตนเองเสียใหม่ก็ได้ค่ะ ถ้าเรารู้ และไม่หลงผิดว่า สิ่งที่เราทำนั้นถูกต้องแล้ว

จิตคุยกับสติสัมปชัญญะได้หรือไม่ ก็คือ การที่จิตเห็นจิต หรือ การที่จิตเตือนจิต หรือ การเตือนตนเอง สำหรับประสบการณ์ของตัวเองนะคะ

แต่สุดท้ายแล้วใช่หรือไม่ เรามาหาข้อสรุปร่วมกันก็ได้นะคะ

 

Thank you

 

ถ้าอยากรู้เรื่องจิตวิญญาณต้องหันมาสนใจใฝ่รู้ในด้าน คุณสมบัติของแสง ให้มากยิ่งขึ้น

เพราะในความเป็นรูปธรรมของจิตวิญญาณนั้นเป็นความมหัศจรรย์ที่เกิดจากอนุภาคเล็กละเอียดของคลื่นแสงระดับความถี่ที่ตามนุษย์มองไม่เห็น สูงยิ่งกว่าคลื่นความถี่ระดับรังสีแกมม่าที่มนุษย์รู้จักซึ่งมันสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วยิ่งกว่าอนุภาคของแสงที่มนุษย์รู้จักเสียอีก

จิตวิญญาณ คือ แก่นแท้ของความเป็นมนุษย์ที่แฝงอยู่ในร่างกายของเรา ตำแหน่งที่ตั้งที่ชัดเจนของจิตวิญญาณ คือ ที่สมอง โดยมีหน้าที่รับรู้ทุกสรรพสิ่งที่แวดล้อมตัวเราผ่านช่องทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 เช่นตา หู จมูก ลิ้น และ กายสัมผัส ซึ่งเกี่ยวกับการได้เห็น การได้ยินเสียง การได้กลิ่น การรับรส และการรู้สึกทางกาย

จิตวิญญาณเป็นนามธรรมสำหรับมิติโลกเป็นเรื่องของอนุภาคคลื่นแสงกลุ่มหนึ่งซึ่งมีมวลระดับปรมาณูที่เล็กละเอียดที่ตามองไม่เห็น เป็นคุณสมบัติของแสงที่มีความถี่ย่านความสูงในระดับรังสีแกมม่าขึ้นไป

ทางวิทยาศาสตร์ยอมรับว่า สิ่งที่แฝงไว้ในรูปธรรมใด ๆ ก็คือ อนุภาคของมวลและพลังงานระดับจักรวาลเหนือมิติโลก สิ่งที่อยู่ภายในทุกรูปธรรม ก็คือ คลื่นอนุภาคเล็กระเอียดระดับปรมาณู เล็กยิ่งกว่าอนุภาคโฟตอนของคลื่นแสงที่มนุษย์รู้จักกัน

ในร่างกายของเรามีสิ่งที่เร้นอยู่ภายในคือ ส่วนที่เรียกว่า จิตใจ จิตสำนึก และ จิตวิญญาณ ซึ่งก็คือ ต้นกำเนิดพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กอย่างหนึ่งที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้ภายใน โดยมวลของมันก็คือ เป็นอนุภาคคลื่นแสงกลุ่มหนึ่งที่ลดเลี้ยวเกี่ยวพันพันอย่างลงตัว และมีคลื่นพลังงานที่มีอนุภาคเล็กยิ่งกว่าถูกห่อหุ้มเอาไว้ภายในเช่นกัน

นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่า กระบวนการบิ๊กแบง โดยเริ่มต้นจากการคลี่ขยายการระเบิดตรงจุดศูนย์กลางออกไปโดยรอบ จากพลังงานเริ่มต้นไปสู่มวลสารของสสารที่มีมวลมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดเมื่อมันขยายออกไปจนถึงที่สุด สสารที่อยู่รอบนอกก็จะม้วนตัวกลับเข้าสู่จุดศูนย์กลาง จนกลายเป็นพลังงานอีกครั้งเป็นปรากฎกาณ์หนึ่งของจักรวาล

ไม่เว้นแม้แต่การเกิดการตายของสังขารมนุษย์ หรือ แม้แต่สรรพสิ่งใดในจักรวาลนี้

กระบวนการที่เปลี่ยนแปลงยิ่งของจักรวาล คือ กระบวนการคลี่ขยายและกระบวนการม้วนกลับสู่จุดศูนย์กลางของพลังงานสู่ความเป็นมวลสาร และจากมวลสารกลับสู่พลังงานเป็นหลัก มนุษย์เองก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการดังกล่าว โดยเริ่มต้นจากความเป็นกลุ่มพลังงานกลุ่มหนึ่ง แล้วคลี่ขยายออกมาเป็นกายหยาบแล้วม้วนห่อพลังงานเอาไว้ภายใน เมื่อร่างกายวิวัฒนาการหรือเจริญเติบโตเต็มที่ ระบบชีววิทยาจะเริ่มเสื่อมโทรมลงสู่วัยชรา การคลี่ขยายเป็นอันสิ้นสุดแล้วเริ่มเกิดการะบวนการม้วนกลับเมื่อตอนสังขารดับ คงจะเหลือเพียงกลุ่มพลังงานที่เคยเร้นรูปธรรมเอาไว้ภายในดังเดิมเหมือนตอนเริ่มกระบวนการแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ทุกประการ การเกิดดับของมนุษย์จึงอยู่ในกระบวนการสำคัญนี้ เป็นกระบวนการสำคัญอย่างหนึ่งอันเป็นกฏเกณฑ์ของจักรวาล เทหวัตถุต่าง ๆ ก็ต้องมีวันดับเมื่อการคลี่ขยายสิ้่นสุดลง แล้วม้วนตัวกลับเข้าจุดศูนย์กลางกลายเป็นหนึ่งเดียว เพื่อพร้อมต่อการคลี่ขยายใหม่อีกต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งนักวิยาศาสตร์เรียกว่า "บิ๊กแบง"