ความหมายและความสำคัญของการกินอาหารเจ

ในห้อง 'เมนูอาหารและวิธีการทำอาหาร' ตั้งกระทู้โดย paang, 26 ตุลาคม 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    คำว่า "เจ" ในภาษาจีนมีความหมาย

    ทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานว่า "อุโบสถ" ส่วนคำว่า "กินเจ" ตามความหมายที่แท้จริงคือการรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน ดังเช่นที่ชาวพุทธในประเทศไทยถือ "อุโบสถศีล" ของชาวพุทธฝ่ายมหายานไม่กินเนื้อสัตว์ จึงนิยมเรียก "การไม่กินเนื้อสัตว์" ไปรวมกับคำ "กินเจ" ซึ่งเป็นการถือศีลไปด้วย ในปัจจุบันผู้ที่รับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียก "กินเจ" ฉะนั้นความหมายก็คือ "คนกินเจ" มิใช่เพียงแต่ไม่กินเนื้อสัตว์แต่คนกินเจยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์สะอาด งดงามทั้งกาย วาจา และใจ เป็นการถือศีลบำเพ็ญธรรมไปด้วย เช่นนี้แล้วจึงจะเรียกว่า "กินเจที่แท้จริง" ดังนั้น คำคล้องจองที่เราได้ยินอยู่เสมอคือ "ถือศีลกินเจ" นับว่ามีความหมายสมบูรณ์ครบถ้วนอยู่ในตัวเอง

    <TABLE height=360 width="64%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    <TABLE height=38 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=453 border=0><TBODY><TR><TD>
    ภาพจากหน่วยงานผลิตภาพถ่ายและไมโครฟอร์ม
    สำนักเทคโนโลยีการศึกษา
    มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ตามร้านขาย "อาหารเจ" เราจะพบเห็นตัวอักษรเป็นภาษาจีน คำนี้อ่านว่า "ไจ" ซึ่งก็คือ เจ นั่นเอง แปลว่า "ไม่มีของคาว"
    เขียนด้วยสีแดงบนพื้นสีเหลืองเสมอ ในช่วงเทศกาลกินเจเดือน 9 จะเห็นตัวอักษรนี้เขียนบนธงสีเหลืองปักอยู่ตามแผงขายอาหารเจ
    มองเห็นเป็นที่สะดุดตาแก่คนทั่วไป ชาวจีนถือว่าสีแดงเป็นสีแห่งสิริมงคลแต่สีเหลืองเป็นสีของผู้ทรงศีล ตัวอักษรนี้ย่อมเป็นเครื่อง
    หมายเตือนสติให้ระลึกไว้เสมอว่า "การกินเจงดเว้นเนื้อสัตว์ของคาวคือ การปฏิบัติธรรม รักษาศีลธรรมของความเป็นมนุษย์เป็นการ
    เจริญมหาเมตตากรุณาธรรมโดยแท้ อันจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และก่อให้เกิดสันติสุขแก่ทุกชีวิตบนโลก

    ตามหลักพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน อธิบายว่า

    การกินเจนั้นมีความสำคัญยิ่ง เพราะถือว่าเป็นการประกอบพิธีกรรม เพื่อสักการะ บูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ด้วยกัน หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า ดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 อันมีพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดาวพระอังคาร ดาวพระพุธ ดาวพระพฤหัสบดี ดาวพระศุกร์ ดาวพระเสาร์ ดาวพระราหู ดาวพระเกตุในพิธีกรรมสักการะบูชาพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์นี้ สาธุชนในพระพุทธศาสนา ต่างสละเวลาและกิจทางโลกมาบำเพ็ญศีล ตั้งปณิธานกินเจ บริโภคแต่อาหารผลไม้ งดเว้นอาหารเนื้อสด ของคาว ด้วยการสมาทาน รักษาศีล 3 ข้อ กล่าวคือ

    1. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์ มาบำรุงชีวิตตน
    2. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์ มาเพิ่มเลือดตน
    3. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์ มาเพิ่มเนื้อตน

    และเพื่อชำระล้างมลทินออกจากร่างกาย วาจา และใจ ผู้ที่กินเจต่างสวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากจุดด่างพร้อย
    พากันเดินทางสู่วัดวาอาราม พร้อมด้วยดอกไม้ ธูปเทียนไปนมัสการ น้อมบูชาแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้าทั้ง
    7 พระองค์ อีกทั้งพระมหาโพธิสัตว์ 2 พระองค์พร้อมจัดหาเครื่องกระดาษ ทำเป็นรูปทรงเสื้อผ้า หมวก รองเท้ากระดาษเงินกระดาษ
    ทองต่าง ๆ ไปน้อมถวายเป็นเครื่องสักการะเป็นกุศลสมาทาน

    <TABLE height=49 width="83%" bgColor=#ffff99 border=0><TBODY><TR><TD> จุดประสงค์หลักของผู้กินเจ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประการดังนี้</TD></TR></TBODY></TABLE>

    1. กินเพื่อสุขภาพ
    อาหารเจเป็นอาหารประเภทชีวิต เอกินติดต่อกันช่วงเวลาหนึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล
    สามารถขับพิษของเสียต่าง ๆ ออกจากร่างกายได้ ปรับระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหารให้มีเสถียรภาพ ทั้งนี้ผู้ทานเจจะต้อง
    ทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่และดื่มน้ำให้เพียงพอ

    2. กินด้วยจิตเมตตา
    เนื่องจากอาหารที่เราทานอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้มีจิตเมตตา มีคุณธรรมและมีจิต
    สำนึกอันดีงาม เห็นอกเห็นใจผู้อื่นย่อมไม่อาจทานเลือดเนื้อของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งมีเลือดเนื้อ จิตใจ และที่สำคัญมีความรักตัวกลัวตาย
    เช่นเดียวกับคนเรา

    3. กินเพื่อเว้นกรรม
    ผู้ที่เข้าใจย่อมตระหนักว่าการกินซึ่งอาศัยการฆ่า เพื่อเอาเลือดเนื้อของผู้อื่นมาเป็นของเรา เป็นการสร้างกรรมเกี่ยวกับ
    การฆ่าโดยตรง แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ฆ่าเองก็ตาม การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างฆ่า
    "อาหารเจ" เป็นอาหารที่ปรุงขึ้นจากพืชผักธรรมชาติล้วน ๆ ไม่มีเนื้อสัตว์ปะปนและที่สำคัญต้องไม่ปรุงด้วยผักฉุนทั้ง 5 ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุ้ยฉ่าย ใบยาสูบ ซึ่งบรรพชนในแต่ละครัวเรือนของคนกินเจได้ถ่ายทอดของการกินเจที่ถูกต้อง และศิลปะในการปรุงไว้ให้แก่ลูกหลานของตนสืบต่อเนื่องกันมาโดยไม่ขาดสาย
    คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าอาหารเจเป็นอาหารที่มีรสจืดชืดไม่อร่อย ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดมาก อาจเป็นเพราะคนส่วน
    ใหญ่ไม่มีโอกาสที่จะลิ้มรสอาหารเจที่แท้จริงก็ได้ จริง ๆ แล้วอาหารเจมีรสชาดที่อร่อยกลมกล่อมต่างไปจากอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารเจไม่มีกลิ่นเหม็นคาวใด ๆ เลย อาหารเจบางอย่างคนทั่วไปที่กินแต่อาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์จะไม่มีโอกาส
    รู้จักหรือได้รับประทานเลยในชีวิต เพราะว่าอาหารเหล่านั้นทำขึ้นเฉพาะในบรรดากลุ่มคนที่กินเจเท่านั้น บางท่านอาจจะเคยคิดหรือ
    เคยได้ยินมาบ้างว่า กินแต่อาหารเจจะทำให้เป็นโรคขาดอาหาร แต่ข้อมูลทางการแพทย์กลับยืนยันว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น

    คนที่กินอาหารเนื้อหรือคนที่กินเจก็มีสิทธิ์เป็นโรคขาดอาหารได้เท่ากัน สาเหตุสำคัญของโรคขาดอาหารในคนทั้ง 2 กลุ่ม ก็คือการกินอาหารที่ไม่ถูกหลัก บริโภคอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ซึ่งได้แก่ คาร์โบไฮเดรต แป้งและน้ำตาล โปรตีน ไขมัน วิตามิน และเกลือ
    แร่ เป็นเหตุให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ไม่ครบถ้วนตามที่ตนชอบ โดยไม่คำนึงถึงคุณประโยชน์ที่จะได้จากการกินอาหารนั้น ๆ
    คนกินเจรู้จักวิธีดัดแปลงแปรรูปธัญพืชในธรรมชาติให้ได้มาซึ่งโปรตีน เราจะพบเห็นผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากเมล็ดถั่วเหลือง
    มากมายหลายชนิด เช่น น้ำนมถั่วเหลือง (น้ำเต้าหู้) เต้าหู้ขาว เต้าหู้เหลือง เต้าเจี๊ยว น้ำมันถั่วเหลือง ซีอิ้ว ฟองเต้าหู้ ฯลฯ ผลิตภัณฑ์
    เหล่านี้ล้วนเป็นแหล่งโปรตีนอันอุดมและมีคุณค่าสูงยิ่ง

    <TABLE height=360 width="64%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    <TABLE height=38 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=453 border=0><TBODY><TR><TD>
    ภาพจากหน่วยงานผลิตภาพถ่ายและไมโครฟอร์ม
    สำนักเทคโนโลยีการศึกษา
    มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ประจักษ์พยานสำคัญที่บ่งชี้ให้เห็นถึงความล้ำค่าของอาหารเจก็คือ บรรดาครอบครัวของผู้ที่กินเจตั้งแต่บรรพบุรุษสืบต่อมาหลายชั่วคน ก็ยังคงมีให้เราพบเห็นอยู่จนทุกวันนี้ จากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่งต่อเนื่องกัน หลักเกณฑ์ที่ถูกต้องดีงามและทรงคุณค่าก็ยังอยู่ในอมตะไม่เปลี่ยนแปลง ทุก ๆ คน ทุก ๆ ครอบครัวที่บริโภคแต่อาหารเจล้วนมีพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงปราศจากโรคร้ายแรงเบียดเบียน และสามารถปฏิบัติภาระกิจการงานได้เป็นอย่างดี แม้แต่ทารกที่เกิดจากมารดาซึ่งกินเจอย่างถูกหลัก ก็ไม่พบว่าขาดสารอาหารแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเด็ก ๆ ทุกคนล้วนมีร่างกายแข็งแรงสุขภาพอนามัยดีไม่เป็นโรคติดต่อใด ๆ ได้ง่าย มีภูมิต้านทานสูง จิตใจเบิกบานร่าเริงสดใส เฉลียวฉลาด ปฏิภาณไหวพริบ สติปัญญาดี

    เพราะฉะนั้นคนเราถึงจะมีฐานะดี ร่ำรวยมหาศาล แต่หากไม่รู้จักรับประทานอาหารให้ถูกต้องครบถ้วน ก็เป็นโรคขาดสารอาหารได้พอ ๆ กับคนยากจนอดอยากที่ไม่มีจะกิน ไม่ว่าท่านจะกินเนื้อหรือกินเจ หากกินไม่ถูกต้องก็มีสิทธิ์เป็นโรคขาดสารอาหารได้เท่ากัน พึงตระหนักไว้อยู่เสมอว่า "ทรัพย์สินเงินทอง ซื้อสุขภาพไม่ได้ สุขภาพที่ดีขึ้นอยู่กับการรู้จักปฏิบัติตัวของท่านเอง"

    <TABLE height=49 width="83%" bgColor=#ffff99 border=0><TBODY><TR><TD> หลักการกินอาหารเจและลักษณะของอาหารเจ</TD></TR></TBODY></TABLE>

    สำหรับการกินอาหารเจที่ถูกต้องนั้น จะต้องรู้หลักปฏิบัติและรู้ถึงลักษณะของอาหารเจด้วยนั่นคือต้องละเว้นเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ นอกจากนี้ผู้ถือศีลกินเจยังต้องปฏิบัติตนต่อไป

    1. งดพืชผัก 5 ชนิด - กระเทียม (หัวกระเทียม, ต้นกระเทียม) - หัวหอม (ต้นหอม, ใบหอม, หอมแดง, หอมหัวใหญ่)
    - หลักเกียว (มีลักษณะคล้ายหัวกระเทียมแต่เล็กกว่า) - ยาสูบ (บุหรี่ ยาเส้น ของเสพติดมึนเมา)

    2. กินถั่วและพืชผักผลไม้ให้ครบ 5 สี ตามสีของธาตุทั้ง 5 ดังนี้ - สีแดง ธาตุไฟ ให้คุณต่อหัวใจ มีถั่วแดง, มะเขือเทศ, พริกสุก,แครอท, มะละกอ, ส้ม, แตงโม นอกจากนี้ธัญพืชประภทข้าวโอ๊ต ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลส่วนเกินเพื่อลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ) - สีดำ ธาตุน้ำให้คุณต่อไต มีถั่วดำ, เผือก, มะเขือม่วง, เห็ดหูหนู, ลูกหว้า, องุ่น) - สีเหลือง ธาตดิน ให้คุณต่อม้าม มีถั่วเหลือง,ฟักทอง, ข้าวโพด, พริกเหลือง, มะม่วง, กล้วย, ทุเรียน) - สีขาว ธาตุโลหะ มีคุณต่อปอด มีลูกเดือย, ผักกาดขาว, กระหล่ำดอก,มะพร้าว, น้อยหน่า) - สีเขียว ธาตุไม้ ให้คุณต่อตับ มีถั่วเขียว, คะน้า, ถั่วฝักยาว, ผักบุ้ง, ฝรั่ง, ชมพู่, มะเฟือง)

    3. กินงาทุกมื้อซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย คนที่กินเจควรจะนำงามาปรุงผสมในอาหารเสมอ เพราะงานมีกรดไขมัน
    ที่จำเป็น

    4. หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด

    5. หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง
    การปรุงอาหารเจนั้นจะต้องไม่มีเนื้อสัตว์ หรือมีส่วนประกอบอื่นที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ทุก
    ประเภทเข้ามาเกี่ยวข้องและยังมีข้อห้ามที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง คือการปรุงอาหารเจนั้นจะต้องไม่มีผักฉุน 5 ประเภท นั่นคือ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุ้ยฉ่าย และใบยาสูบ

    <TABLE height=49 width="62%" bgColor=#ffff99 border=0><TBODY><TR><TD> ประโยชน์ที่ได้รับจาการกินอาหารเจ</TD></TR></TBODY></TABLE>

    สำหรับผู้ที่กินอาหารเจเป็นประจำนั้น จะได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม นั่นคือคุณค่าของอาหารเจจะส่งผลให้ผู้กิน
    ได้รับประโยชน์ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ประโยชน์ทางด้านร่างกายนั้น สรุปได้ดังนี้
    1. ร่างกายขับถ่ายของเสียออกหมด ทำให้ไม่สารพิษตกค้างอยู่ภายใน สารอาหารที่มีคุณค่าในพืช ผักสด ผลไม้ช่วยทำให้
    การขับถ่ายและการย่อยเป็นปกติ
    2. เมื่อทานเป็นประจำ โลหิตถูกฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อย ๆ เซลล์ของร่างกายเสื่อมช้าลงทำให้อายุยืน ผิวพรรณผ่องใสนัยต์
    ตาแจ่มใส ไม่พร่ามัว ร่างกายแข็งแรง รู้สึกเบาสบาย ไม่อึดอัด สุขภาพดี
    3. อวัยวะหลักภายในและอวัยวะประกอบทั้ง 5 แข็งแรง ทำงานได้เป็นปกติสมบูรณ์มีสมรรถภาพสูง (อวัยวะหลักภายในทั้ง
    5 ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด อวัยวะประกอบทั้ง 5 ได้แก่ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี)
    4. ร่างกายต้านทานต่อสารพิษได้สูงกว่าคนปกติธรรมดา สารพิษได้แก่ สารเคมี ยากำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง สาร DDT
    ฯลฯ ก๊าซพิษ ที่เกิดจากการเผาไหม้ในอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล ฯลฯ สารอาหารในพืชผัก ช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ทนต่อการทำลาย
    จากรังสีต่าง ๆ เช่น กัมมันตภาพรังสี ที่เกิดจากการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ ในสงคราม)
    5. เมื่อกินเป็นประจำมักไม่เป็นโรครุนแรงเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดตีบ ไขมันอุดตัน
    ในเส้นเลือด โรคไต ไขข้ออักเสบ โรคเกาต์ โรคเบาหวานโรคที่เกี่ยวกับระบบขับถ่าย ระบบย่อยอาหาร และระบบทางเดินอาหาร
    เช่น โรคริดสีดวงทวาร มะเร็งในกระเพาะ และลำไส้ โรคกระเพราะอาหารไม่ย่อย นอกจากจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านร่างกาย
    อาหารเจยังส่งผลที่ดีต่อสภาพจิตใจด้วย
    1. ทำให้จิตใจสงบ เยือกเย็น สุขุม บังเกิดเมตตาจิตอย่างเต็มเปี่ยม อารมณ์ไม่ฉุนเฉียวไม่โกรธง่าย
    2. ไม่มุ่งร้ายอาฆาตพยาบาท
    3. มีสติมั่นคงไม่หวั่นต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ
    4. มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต
    5. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงต่างสรรเสริญยินดี อวยพรให้ไม่มีช่องทางที่วิญญาณต่ำทุกประเภทเข้าแอบแฝงหรือทำอันตรายใด ๆ
    ได้

    การกินเจนั้นเป็นความเชื่อและความศรัทธาของมนุษย์แต่ละคนว่าควรจะต้องปฏิบัติตนอย่างไรในการดำรงชีวิตการกินอยู่และผลของการปฏิบัติจะส่งผลดีต่อตนเองอย่างไร แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเชื่อและศรัทธาเหมือนกันหมด จะเชื่ออะไร เชื่ออย่างไร และปฏิบัติอย่างไรขึ้นอยู่กัวิจารณญาณของเรา ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือความเชื่อ ความศรัทธาและการปฏิบัติต่าง ๆ จะต้องไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนทั้งต่อตนองและต่อผู้อื่นด้วย

    ที่มา http://www.stou.ac.th/Thai/Offices/Oce/Knowledge/2-48/page1-2-48.html
     
  2. K.J.NaKa

    K.J.NaKa สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +2
    เป็นบทความที่ดีมากค่ะ

    การกินเจเป็นประเพณีที่ดีงาม
     
  3. หนูคนชล

    หนูคนชล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +122
    ชอบบทความค่ะ กำลังหาอ่านพอดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...