ดาบสองคม

ขอบคุณทุกคำชี้แนะ

 

ความรู้จริง รู้แจ้ง อยู่กับ จขกท. ผู้ตั้งคำถามนั้นแล..

ทำจิตใจให้สงบ ระงับ คำตอบจะมีมาเอง..

คำตอบที่ผุดมาจากจิตหนึ่ง นั้นละ เป็น "รู้" จริงแท้..

 

เรื่องทางพุทธศาสนา เป็นศาสตร์ที่นักวิทยาศาสตร์ ก็ ยัง พิสูจน์ไม่ได้..

พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอกของโลก เป็น "โลกวิทู"

เรื่องทางจิต ยากจะพิสูจน์ได้..

 

ผมกะเคยเห็นแต่สว่าง
เหมือนมีงานวัดเลย
ไม่เห็นดวง
อีกซักปีสองปี
ที่วัดกะได้พระบรมสารีริกธาตุ
สมเด๊จญาณประทานมาให้ที่วัด

 

ตอนเป็นเด็กกะเคยอ่านหนังชีวิตซะบอกกะดูก
299ชิ้น
แต่พระพุทธเจ้าบอกมี300ชิ้น
หลังๆหนังสือกาควิภาคเพิ่งเปลี่ยนเป็น300ชิ้น
เมื่อไม่ถึง30ปีนี้เอง

 

วิทยาศาสตร์หาคำตอบได้แน่ครับ แค่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ยังก้าวไปไม่ถึงความรู้ในทางจิตวิญญาณ

เหมือนเรื่องกรรมง่ะ
กรรมเป็นเรื่องของเหตุและผลล้วน ๆ แค่ถูกเอามาพูดในแง่ของความลึกลับ เพราะหาสาเหตุ หรือเหตุผลที่สมเหตุสมผลไม่ได้แค่นั้นเอง

หมายเหตุ

ผมเองก็ใช่ว่าจะเข้าใจเรื่องกรรมหรอก
พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า การคิดมากเรื่องกรรม นั้นจะทำให้บ้าได้ (มีเชื่อแห่งความบ้า)

แต่ผมพอจะรู้แล้วว่า ที่คนเราสอนเรื่องกรรม คือให้กลัวผลของมัน
ให้คนทำดี

ไอ้ผมนี่ตอนเด็ก ๆ กลัวกรรมจนบ้าไปเลย
โตมา ถึงได้เข้าใจว่า เราจะทำอะไรเราก็ทำไปเถอะ อะไรแย่ ๆ มันจะเกิดขึ้นกะเรา ให้เรายอมรับมันให้ได้ก็พอ

ทำดีไม่ได้วิบากดีเสมอไป แต่ที่แน่ ๆ ผลของการทำดี รออยู่แน่นอน
ทำชั่วไม่ได้วิบากชั่วเสมอไป แต่ที่แน่ ๆ ผลของการทำชั่วรออยู่แน่นอน

ทั้งนี้ทั้งนั้น วิบากกรรม ก็เกิดจาก การที่มีสิ่งใด ๆ จำได้ว่าเราทำอะไรไว้ แล้ว สิ่ง ๆ นั้น มีปฏิกิริยาอย่างไรกับสิ่งที่เราทำลงไปแล้ว แล้วสิ่ง ๆ จะตอบสนองเราโดยตรง หรือ ไปกระทบอย่างอื่นต่อไปเรื่อย ๆ เป็นปฎิกิริยาลูกโซ่แล้วส่งผลกลับมาเป็นกรรมสนองเราทีหลังมันก็ไม่แปลก สิ่งอื่นที่มากระทบเรา จะเป็นเหตุให้เราทำกรรมอื่นต่อไปมันก็ไม่แปลก ..... ความซับซ้อนของกรรม อธิบายชั้นเดียว ก็ถูก อธิบาย หลาย ๆ ชั้นก็ถูก

ดังนั้น อย่าไปคิดเรื่องกรรมให้เยอะ

 

ผมว่าแยู่เครืองมือนะครับ
เวลาชีวิตเราไม่พอจะผลิตเครื่องมือ