คาถาของท่านปู่พระอินทร์ช่วยในการทำข้อสอบ

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 24 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    ถาม : หนูสวดคาถาพระอินทร์ "สหัสสะเนตโตฯ" ค่ะ จะสวดก่อนอ่านหนังสือ อ่านเสร็จก็จะสวดอีก ๑ จบ คืนนั้นนอนหลับแล้วหนูรู้สึกว่ามีคนมาบอกในฝันค่ะ เหมือนเราเข้าไปนั่งทำข้อสอบในห้องสอบเลย แล้วเป็นข้อสอบแบบสอบฟังค่ะ ภาษาอังกฤษ พูดๆ มาหมดเลย แล้วเราก็ทำในฝัน เป็นข้อสอบเดิมย้ำๆ ๒ รอบ พอตื่นมาจำไม่ได้เลยค่ะ แสดงว่า.. ?

    ตอบ : จริงๆ แล้ว ตัวคาถาท่านปู่พระอินทร์เป็นทิพจักขุญาณอย่างหนึ่ง ถ้าได้ทิพจักขุญาณก็สามารถจะล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้

    อีกอย่างหนึ่งถ้าหากเราทำคาถานี้คล่องตัวจริงๆ ท่านบอกว่า เวลารับกระดาษคำถามมาแล้วให้คว่ำลง ตั้งใจขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดาทั้งหมด มีท่านปู่พระอินทร์เป็นที่สุด ขอให้ทำข้อสอบนี้ได้ถูกต้องและก็ถูกใจกรรมการผู้ตรวจข้อสอบด้วย แล้วตั้งใจว่านะโม ๓ จบ แล้วก็ว่าคาถานี้ ๓ จบ แล้วพลิกขึ้นมาอ่านคำถามดู ถ้ายังทำได้ไม่หมดก็คว่ำลง ว่าคาถาอีก ๗ จบ คราวนี้รู้สึกอยากตอบอย่างไรก็ให้ทำไปเลย

    อาตมาเคยทดลองมาแล้วได้ผลดีมาก ขนาดตอบตรงทุกตัวอักษรเลย ข้อสอบของพระจะไม่มีตัวเลือกให้เลือก มีแต่จงอธิบายความ ๓ หน้ากระดาษ ๕ หน้ากระดาษ ก็แย่เหมือนกัน..ใช่ไหม ? แต่ทีนี้ของอาตมาแย่หนักกว่านั้นอีก คือตอบตรงทุกตัวอักษรเลย ถ้าเขาจับว่าอาตมาลอกข้อสอบนี่ตายแน่..! เถียงเขาไม่ออก คุณไม่ได้ลอกทำไมเขียนตรงได้เยอะขนาดนั้น

    ความรู้สึกบอกชัดๆ เลยว่ามีพลังงานวิ่งลงมาเข้าตรงกระหม่อม แล้วกระจายไปทั่วตัว โดยเฉพาะมือ จะสั่นแบบบังคับไม่อยู่ ต้องใจเย็นๆ ถ้าเขียนไม่สวยเดี๋ยวเขาไม่อ่านแล้วจะแย่

    ความรู้สึกเป็นอย่างไรให้ว่าไปตามนั้น ข้อสอบไม่มียากเลย บางคนที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงถามหลวงพ่อว่า "เด็กไม่อ่านหนังสือแล้วไปทำข้อสอบในลักษณะนั้น เด็กจะไม่โง่หรือ ?"
    หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านตอบว่า "ไม่ว่าข้อสอบออกอะไรเด็กก็ทำได้ แล้วอย่างนั้นเด็กโง่ไหมล่ะ ?"

    เหลือเชื่อเหมือนกันนะ แต่ถ้าหากว่าเราได้อ่านสักหน่อยหนึ่ง จะเป็นการดีมากกว่า คาถานี้ลองมาด้วยตัวเอง ได้ผลเกิน ๑๐๐%

    ถาม : แล้วตอนอ่านหนังสือความจำจะดีด้วยไหมคะ ?

    ตอบ : ความจำจะดีด้วย ถ้าหากว่าเวลาที่เราจะสอบ ถ้าเราว่าคาถาว่าอะไร ถ้าจิตของเรานิ่งจริง ๆ ความรู้สึกจะย้อนกลับไปถึงตำราที่เราอ่าน ย้อนทวนได้ทั้งหมด เหมือนเรากางตำราลอกเลย ค่อยๆ ทำไป ซ้อมเอาไว้ทุกวัน


    ถาม : นั่งอยู่เฉยๆ ไม่อ่านได้ไหมคะ แต่ท่องคาถา ?

    ตอบ : ให้อ่านไว้สักหน่อยเผื่อเหนียวไว้ จริงๆ แล้วที่อาตมาใช้คาถาทำข้อสอบเพราะปีนั้นป่วยหนัก พอป่วยหนักก็ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ แล้ววิชาของพระหนังสือตั้งสูงขนาดนี้ออกข้อเดียว ...(หัวเราะ)... คุณอ่านอาจจะไม่ออก แต่ถ้าคุณไม่อ่านจะออกแน่ๆ..! ก็เลยต้องเล่นคาถาช่วย


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2747



    .
     
  2. sakchai_tha

    sakchai_tha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +244
    ยืนยันอีกเสียง จากประสบการณ์ และในการทำงานใช้แก้ไขปัญหาในงานได้
     
  3. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    ก่อนอื่นขอบอกก่อนค่ะว่าไม่ได้ลบหลู่แค่อยากแชร์ประสบกาณ์
    หลายเททอมก่อนท่องคาถานี้อ่ะค่ะทั้งก่อนสอบ และก่อนอ่านหนังสือสอบ
    ไหว้ก้อแล้วบนบานก้อแล้ว(ปู่พระอินทร์ ท่านย่า ฯลฯ) ปรากฎว่าสอบตกทุกวิชา

    จนเทอมที่เพิ่งผ่านมาบนบานกะตัวเองนี่แหละ ตั้งข้อแม้ว่า
    หากสอบไม่ผ่านเทอมนี่จะเลิกเรียน เลิกทำงาน เลิกปฎิบัติธรรม เลิกให้หมดทุกอย่าง
    แล้วอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรแล้ว ตอนนั้นอารมณ์จริงจังสุดๆ
    ประมาณเอาจริงแล้วนะ สอบไม่ผ่านคราวนี้เลิกหมดแน่ๆ

    จนเทอมนี้ผลสอบผ่านทุกวิชา ตอนแรกดูทางเน็ตนึกว่าสอบไม่ผ่าน
    ก้อเออ ช่างมัน เดี๋ยวค่อยลาออก ทำใจแล้ว เพราะละแล้วจะเลิกแล้ว
    พอตกตอนค่ำเปิดซองผลสอบทางไปรณีย์มันไม่มีหนังสือหนาที่ชี้แจงเรื่องสอบซ่อม
    ก้อแอะใจ เลยดูผลสอบใหม่ปรากฎว่าสอบผ่านทุกวิชา แหะๆๆๆ

    เป็นงี้บ่อยๆเวลาต้องการผ่านอะไรสักอย่าง ... เหนื่อยใจนิ

    ปล.แต่จริงๆนะ เวลาท่องคาถานี้แล้วอ่านหนังสือปู่พระอินทร์
    จะมายืนคุมเวลาอ่าน คอยเตือนให้อ่านหนังสือ
    เราคงอ่านน้อยไปเองอ่ะแบบไม่ผ่านเกณฑ์ที่ท่านจะช่วย
    แต่ก้อดีเหมือนกันได้ทดสอบกำลังใจตัวเอง ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2011
  4. megan23

    megan23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2010
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +193
    รบกวนบอกคาุถาที่ถูกต้องให้หน่อยได้ไหมค่ะ

    โมทนาเจ้าค่ะ:d:d
     
  5. sridoi

    sridoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5,489
    ค่าพลัง:
    +19,352
    สะหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพพะจักขุง วิโสทายิ


    ผมเคยเล่าประสบการณ์คาถาท่านปู่พระอินทร์ไว้ที่กระทู้หนึ่ง
    เดี๋ยวหาพบแล้วจะนำมาโพสต์ไว้ที่นี่ครับ
     
  6. เจตนา

    เจตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2007
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +464
    กราบอนุโมทนาสาธุครับผม...เดือน 7 วันที่ 3 ผมจะเข้าสอบภาษาญี่ปุ่นพอดีเรยครับ
    ขอน้อมนำคาถามาใช้นะครับผม สาธุ...
     
  7. bcbig_beam

    bcbig_beam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,821
    ค่าพลัง:
    +3,247
    ขอกราบโมทนาในธรรมทานด้วยครับ
    สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  8. sridoi

    sridoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5,489
    ค่าพลัง:
    +19,352

    หาเจอจนได้ ออกตัวไว้ก่อนนะครับว่า ให้เอาเฉพาะส่วนที่ดีไปใช้ สิ่งใดที่เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีขอให้ข้ามไป

    ".....

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นประมาณช่วงปี 2536 - 2546 ผมเรียนจบ ปวส. จากพาณิชย์แห่งหนึ่งในกรุงเทพนี่แหละ พอจบก็หางานทำตามสมัยนิยมและภาคเอกชนขณะนั้นยังรับเด็กจบ ปวช. ปวส. เข้าทำงานอยู่ พอเข้าทำงานปุ๊บ ก็คิดอย่างเดียวเลยว่า คนจบปริญญาตรีหรือปวส. พอเริ่มงานมันก็ต้องมาหัดงานใหม่เหมือนกัน ความฉลาด (เล็กน้อย) และขยันตั้งใจของเราจะพาเราก้าวหน้าได้โดยไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญา ว่าแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้ใครดูแคลนได้ว่าคิดโง่ ๆ จึงลงเรียนรามคำแหงไว้เพราะหน่วยกิตถูก ไม่ต้องเข้าเรียน อ่านหนังสืออ่านชีทเองถึงเวลาก็ไปสอบ

    เทอมแรกลง 8 ตัว มีเวลาอ่านหนังสือบ้างส่วนใหญ่ไม่ได้อ่านแม้แต่ชีทสรุปไม่ว่าจะของ อ.xx พี่oo ที่นิยมวางขายกันเกลื่อนหน้าราม สุดท้ายผ่าน 5 ตัว

    เทอมสองลง 8 ตัวอีก คราวนี้สนุกสนานเริงโลกในการทำงานมากขึ้น ผ่านแค่ 2 ตัว

    ซัมเมอร์ลงอีกกี่ตัวจำไม่ได้ "ตกหมด"

    เทอมต่อมาลงไม่กี่ตัว ไม่ได้ไปสอบ

    เส้นกราฟการศึกษาผมดิ่งลงค่อนข้างชันในระยะเวลาอันรวดเร็ว + ขยันทำโอที สนุกสนานกับเพื่อน สังคมทำงาน และ ... (คงเดาได้) ผมทิ้งความคิดเรื่องเรียนไปหมดเป็นเวลา 2 ปี จนหัวหน้าบอกว่า ยังงัย ๆ บริษัทก็พิจารณาใบปริญญาเป็นคุณสมบัติหลักข้อหนึ่งในการโปรโมทขอให้ "เรียนเถอะ"

    ผมจึงได้สติขึ้นมาและตัดสินใจลงเรียนมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่ง ด้วยเมื่อเทียบโอนหน่วยกิตจากวุฒิ ปวส. แล้ว ก็ลงเรียนอีกเพียงแค่ 5 เทอม (สองปีรวมซัมเมอร์) แถมมีเพียงแค่เทอมละ 3 วิชา ใจก็นึกว่า เอาวะ แค่ 3 วิชาถ้าไม่มีเวลาอ่านก็เกินไปแล้วล่ะ ด้วยหน่วยกิตที่แพงกว่า จำนวนวิชาที่น้อยกว่า มีหนังสือและแบบฝึกหัดส่งมาให้พร้อมครบ จึงเป็นแรงผลักดันให้มีกำลังใจคว้าปริญญาตรีให้ได้

    เมื่อได้รับหนังสือเรียนที่มหาวิทยาลัยส่งมาทางไปรษณีย์ เป็นกล่องใหญ่ข้างในมีหนังสือ 3 เล่ม ไอ้เราก็คิดว่า หมู ๆ เล่มละวิชา ถึงจะหนาไปนิดแต่ก็ดีกว่าราม ตั้ง 8 วิชาต่อเทอม พอดึงหนังสือออกจากกล่อง โอ้แม่เจ้า นี่มันวิชาเดียวนี่หว่า มีหนังสือเล่ม 1 เล่ม 2 และแบบฝึกหัด ถ้าใครทันเห็นสมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองสมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วจะจินตนาการถูก หนังสือสามเล่มนี้รวมกันเท่ากับ yellow pages 1 เล่มเลย ตอนนั้นเชื่อเลยครับกับคำเล่าลือที่ว่า "หนังสือ มหาวิทยาลัยแห่งนี้หนาอย่างกะ yellow pages" มันเป็นความจริง

    อ่ะ ไหน ๆ ก็จ่ายตังค์แล้วสู้กันซักตั้ง หนังสือเทอมละ 9 เล่ม เรามีเวลาอ่านประมาณ 3 เดือน ก็วางแผนการอ่านว่าวันละกี่หน้า แล้วลุย
    อ่านวันแรก หลับตั้งแต่หน้าที่ 4 - 5
    อ่านวันที่สอง ตื่นคาหน้าแรก หนังสือพองเป็นดวง (สงสัยผมจะเหงื่อออก เพราะที่บ้านไม่มีแอร์)
    วันที่สามเป็นต้นไปไม่ได้เปิดอีกเลย อ่านแต่หนังสือวัดท่าซุง มันส์กว่าเยอะ อ่านได้วันละยี่สิบสามสิบหน้าถึงจะง่วง

    พอถึงช่วงใกล้สอบ ผมก็ขอลาพักร้อน 5 วันก่อนสอบเพื่ออ่านหนังสือ มันเป็นโค้งสุดท้ายแล้วจริง ๆ ไฟรนก้นสุด ๆ ยังงัยมันต้องคั้นศักยภาพในตัวเองออกมาได้น่า ตอนนั้นผมนึกอย่างนี้จริง ๆ พอถึงวันที่ลาไว้ ก็ตั้งใจเตรียมตัวอย่างดี เอาหนังสือมาวางแผนการอ่านแล้วเริ่มอ่าน แน่นอนครับอ่านหนังสือวัดท่าซุงมาเยอะต้องเคยผ่านตา "คาถาพระอินทร์" บ้าง จำได้ทุกพยางค์และวิธีใช้ ก็ไหว้พระบูชาคาถาก่อนอ่านหนังสือ แล้วเริ่มอ่าน
    หน้าที่ 1ผ่านไป หน้าที่ 2 ตามมา หน้าที่ 3 เมื่อยตา หน้าที่ 4 หลับตา หน้าที่ 5 ลืมตา หน้าที่ 6 เป็นต้นไปเป็นดวงอีกแล้ว แม่ผมเห็นว่าผมหลับก็ไม่ได้ปลุกด้วยเห็นว่าโต ๆ แล้วดูแลตัวเองได้ แม่แค่ทำกับข้าวกับทำงานบ้านก็สนุกเกินพอ 555 พอตื่นขึ้นมาครั้นจะฝืนอ่านต่อก็คงจะได้ไม่กี่หน้า ว่าแล้วก็ทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉงหน่อยดีกว่า ออกขี่จักรยานไปตลาดซื้อขนมซื้อลูกชิ้นเลี้ยงหมาแถวบ้านดีกว่า ตัดสินใจได้ก็ออกลั้ลลา (สมัยนั้นยังไม่มีคำนี้หรอก แต่เห็นว่ายุคนี้นิยมพูดกันและสื่อความหมายได้ตรงความรู้สึกดี) กลับมาบ้านอีกทีก็ 5 โมงเย็น หัวค่ำไม่ต้องพูดถึง อ่านหนังสือวัดท่าซุงต่อ วันแรกผ่านไปด้วยวิริยะบารมีต้นแบบอ๊อนอ่อน

    วันที่ 2 - 5 หนังม้วนเดียวกับวันแรกเลยครับ ผมไม่ได้สำเหนียกเลยแม้แต่น้อยว่าจะเอาอะไรไปสอบ จนวันสอบมาถึง ก็ไปสอบทั้ง ๆ ที่ไม่มีภูมิรู้อะไรเพิ่มเติมในหัวเลย มีก็แต่ความรู้ระดับ ปวส. ที่เลือนลางลงไปมากแล้วเท่านั้น วิชาแรกที่สอบพอเข้าไปนั่งห้องสอบ ได้รับโจทย์พร้อมกระดาษคำตอบแล้ว ผมจำต้องใช้วิชชาขั้นสุดท้ายที่เรียนรู้มา คือ ลอกคนอื่น 5555.........................................................ผมล้อเล่น 555 ถ้าลอกก็จบอนาคตกันพอดี บวกกับคงไม่มีใครยอมให้ลอก ในห้องสอบเราจะทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ ชำเลืองมองคนอื่น ให้คนอื่นชำเลืองมอง ใช้เครื่องมือสื่อสาร หรือส่งเสียงรบกวนคนอื่น ผมจึงเริ่มทำตามเคล็ดวิธีการใช้คาถาพระอินทร์ทันที โดยเริ่มจากคว่ำกระดาษคำถามคำตอบแล้วรวมใจให้สงบทำสมาธิซักครู่รู้ลมหายใจจนสงบดีแล้ว อาราธนาบารมีพระ คุณครูบาอาจารย์ทั้งหลายมีหลวงพ่อพระราชพรหมยานเป็นที่สุด บารมีพรหมเทวดาทุกองค์รวมถึงพระภูมิที่ดูแลบริเวณสนามสอบด้วย ขอบารมีท่านปู่พระอินทร์ ขอให้ลูกทำข้อสอบได้ถูก สอบผ่านไม่ตกด้วยเถิด แล้วนึกน้อมภาพพระพุทธรูป 1 องค์มาประทับอยู่บนศีรษะ แล้วภาวนาคาถาพระอินทร์ 7 จบ

    หงายข้อสอบขึ้นมาข้อไหนทำได้ทำ ข้อไหนไม่ได้จะใช้วิธีสุ่ม โดยผมจะวาดวงกลมเล็ก ๆ ในกระดาษทดแล้วแบ่งเป็น 5 ส่วนแทน ช้อยส์ 5 ข้อ แล้วใช้วิธีหลับตาภาวนาพุทโธจนสบายใจจึงขอบารมีสมเด็จท่านเลือกคำตอบให้แล้วจิ้มลงในวงกลมเหมือนปาเป้า ลงช่องไหนก็ตอบข้อนั้น ผมทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนเสร็จก็ส่ง เทอมแรกผมสอบผ่านด้วยพระคาถาพระอินทร์ทั้งหมด 3 วิชา ผมซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จ ครูบาอาจารย์ พรหมเทพและท่านปู่พระอินทร์มาก ๆ ที่โปรดให้ผมพ้นวิกฤตทางการศึกษามาได้ 1 เทอม เทอมที่ 2 ผมจะไม่ประมาทอีกแล้ว

    ทุกท่านเชื่อไม๊ครับ เทอม 2 เอย ซัมเมอร์เอย เทอม 3 ก็ดี เทอม 4 ก็แล้ว ผมเป็นเหมือนเทอมหนึ่งเป๊ะเลยครับ อ่านเป็นหลับ ขยับเป็นกินกับเที่ยว แล้วใช้คาถาพระอินทร์ในการสอบทุกวิชา โดยที่บางเทอมผมไม่ได้เปิดหนังสืออ่านเลยแม้แต่หน้าเดียว และเป็นวิชาที่ผมไม่เคยเรียนมาก่อนในสมัย ปวส. ด้วย (มีอยู่ 1 วิชาที่ผมได้ "H" คือคะแนนระดับเกียรติยม ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไรผมจำไม่ได้แล้ว) แม้กระทั้งวิชาที่ผมเห็นแล้วระลึกชาติได้ทันทีว่าเคยเกิดเป็นควายมาหลายชาติ "สถิติ" หรือที่เรียกกันเท่ห์ ๆ ว่า "Stat" ผมเคยเรียนตอน ปวส. งงฉิบ (ขออภัยที่ใช้คำนี้ แต่มันตรงความรู้สึกที่สุดแล้ว) ผ่านมาได้เพราะลอกกันทั้งห้อง 555 (ถ้าอาจารย์มาอ่านเจอจะดีใจไม๊เนี่ย) ตอนเรียนรามก็ทำข้อสอบไม่ได้ตั้งแต่ข้อแรก มั่วร้อยเปอร์เซ็นต์ ผลสอบคือ ตก วิชานี้เป็นวิชาที่ผมรู้สึก"กลัว" จริง ๆ เพราะไม่มีหลักอะไรให้ผมจับได้เลยแม้แต่น้อย แถมต้องท่องสูตรสารพัด โอ๊ย วุ่นวายไปหมด ไอ้เพื่อน ๆ ที่มันเรียนกันได้เรียนกันเข้าใจนี่ ผมนับถือเลย สมัย ปวส. ผมมีเพื่อนคนนึงตัวผอม ๆ เล็ก ๆ เรียนไม่เก่งซักวิชา ตกบ้างคาบเส้นบ้าง ดันเก่ง stat ใคร ๆ ก็ต้องให้มันติว ไอ้เพื่อนคนนี้ทุกวันนี้ไม่รู้ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าไปทำงานอยู่นาซ่ารึเปล่า

    กลับมาที่สอบ stat ดีกว่าครับ วิชานี้ผมเข้าสอบด้วยความสบายใจเต็มร้อยเพราะผมมาพร้อมท่านปู่พระอินทร์ เหมือนเดิมเลย อ่านไม่รู้เรื่องตั้งแต่โจทย์ข้อแรก ผมเลยไม่อ่านโจทย์ทุกข้อ ดูแต่กระดาษคำตอบและวงกลมในกระดาษทด สุดท้ายผมก็ผ่านตามที่มั่นใจไว้

    มันดูเหมือนราบเรียบง่ายดายสบายบรื๋อยังงัยไม่รู้ใช่ไม๊ครับ ชีวิตจริงของผมไม่ค่อยราบเรียบเหมือนแก้มก้นเด็กทารกหรอกครับ ผมสอบตกวิชานึง แม้จะใช้คาถาพระอินทร์แล้ว นั่นคือ "การจัดการการตลาด" เกิดอะไรขึ้นกับผม หรือว่าที่ผ่านมาผมฟลุ๊คมาตลอดคราวนี้ไม่ฟลุ๊คเลยตก วิชานี้ทันทีที่ออกจากห้องสอบผมรู้สึกเลยว่าวางอารมณ์ได้ไม่เต็มร้อยแฮะ แล้วผลสอบออกมาก็ตกจริง ๆ พอหลังเทอมสี่ ผมก็ลงสอบซ่อมตอนซัมเมอร์ เรื่องหนังสือไม่ได้อ่านอีกนั่นแหละ (ประมาทสุด ๆ เยาวชนที่กำลังศึกษาอยู่อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ) คราวนี้ผมวางกำลังใจดี ๆ ตั้งแต่บ้าน ขี่จักรยานไปสนามสอบ (ผมอยู่กรุงเทพครับไม่ได้อยู่บ้านนอกต่างจังหวัด 555 แต่ทางมหาวิทยาลัย เค้าให้เราเลือกสนามสอบใกล้ ๆ บ้านได้ ซึ่งสนามสอบที่ผมเลือกนั้น อยู่ห่างจากบ้านผมไปแค่กิโลเดียว ผมก็เลยขี่จักรยานไปสอบ) ถึงหน้าห้องสอบก่อนเวลาเล็กน้อยก็นั่งรวมใจให้สงบ เข้าห้องสอบวางอารมณ์ใจทำตามขั้นตอนอย่างเต็มที่แล้วออกจากห้องสอบมาพร้อมความมั่นใจว่า วันนี้วางอารมณ์ใจได้ถูกต้องดี ผลสอบซ่อมคือ ผ่าน ครับ

    ปริญญาตรีใบนี้ผมได้มาด้วยพระคาถาพระอินทร์ 100% เพราะ
    1. ผมได้อ่านหนังสือและแบบฝึกหัดไม่ถึง 5%
    2. ไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนหนังสือทั้งหมด ไม่เคยถูกเปิดอ่านเลย บางวิชาไม่ได้แกะห่อด้วยซ้ำ

    อะไรที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในการใช้คาถาพระอินทร์ (เป็นความเข้าใจและประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ ถูกผิดผมไม่รู้ผมรู้แต่ว่าสำหรับผมแล้ว "ถูก")
    1. ก่อนใช้คาถาหรือขอบารมีพระซักระยะหนึ่งอาจจะ 3 หรือ 5 วัน รักษาศีลหรือกรรมบถสิบ ระงับนิวรณ์ ให้ดีที่สุด จะได้มีทุนความดีก่อนขอบารมีพระ
    2. การทำใจให้เป็นสมาธิปลอดจากนิวรณ์ 100% ตั้งแต่อาราธนา ภาวนาพระคาถา ไม่ให้มีแม้แต่ความอยากสอบผ่าน ความตื่นเต้น
    3. ทำใจให้สงบตลอดเวลาที่ทำข้อสอบ ไม่เครียด ฟุ้งซ่าน
    4. สำคัญที่สุด ที่ผมย้ำทุกครั้งที่ถ่ายทอดคาถานี้ให้ใคร คือ "จงเชื่อมั่นหมดหัวใจว่าคาถานี้ช่วยให้สอบผ่านได้โดยไม่ต้องสงสัยหาเหตุผล" ตัวอย่างคนที่ไม่เชื่อหมดหัวใจ มีให้ผมเห็นอยู่เรื่อย ๆ

    ความเชื่อส่วนตัวของผมจากประสบการณ์การใช้คาถานี้คือ
    1. หากผลสอบนั้นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใดในภายหลัง พระ พรหม เทวดา ท่านจะช่วยเหมือนใบปริญญาใบนี้ ผมได้มาก็เป็นเพียงช่วยให้ผมไม่น้อยหน้าคนอื่น ไม่เสียเปรียบผู้อื่นในการก้าวหน้าในอาชีพการงาน (ไม่ได้ทำให้ผมได้เปรียบใคร) และผมไม่สามารถเอาวุฒินี้ไปใช้คดโกงใครได้
    2. หากผลสอบนั้นจะสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นในภายหลังได้ เราต้องช่วยตัวเองมากที่สุด เช่น เมื่อผมมาทำงานในอาชีพปัจจุบัน ผมต้องสอบใบอนุญาตซึ่งหากไม่มีความรู้ความเข้าใจจริง ๆ แล้วอาจจะทำให้ลูกค้าเสียหายได้ ดังนั้นหากผมไม่มีความรู้ ไม่อ่านหนังสือให้เต็มที่แล้วใช้คาถาพระอินทร์ พระท่านก็คงไม่โปรด เรื่องนี้ประสบกับตัวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง หลังจากนั้นผมมุด้วยตัวเองมาตลอดโดยมีพระคาถานี้ช่วยเสริมทุกครั้ง


    ทั้งหมดที่เล่ามาต้องการให้เห็นตัวอย่าง "ผล" ของคาถาพระอินทร์ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานได้มอบให้ลูกหลานไว้ใช้ ว่าสำเร็จได้จริงมีผลจริง โดยท่านไม่ต้องเข้าใจเหตุผลกลไกการทำงานเบื้องหลัง ขอเพียงแค่ทุกท่านมีศรัทธาความเชื่ออย่างสนิทใจไม่มีความลังเลสงสัยซึ่งเป็นนิวรณ์ตัวร้ายทำให้เกือบทุกอย่างไม่มีผล ไม่ว่าจะคาถา เครื่องรางของขลัง

    ผมไม่ได้อยากเป็นเยี่ยงอย่างให้น้อง ๆ หรือท่านอื่นที่ยังต้องสอบ ปฏิบัติตัวอย่างผม เพราะท่านอาจจะเสียใจได้ ผมเข้าใจว่าที่ผมทำตัวเยี่ยงนั้นแล้วพระท่านโปรดให้อย่างนี้ เป็นเพราะผมวางอารมณ์ใจขณะใช้คาถาได้อย่างถูกต้องและเจตนาของผมไม่ได้เบียดเบียนผู้ใด ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่ใครในภายหลัง...เอวังกิ่ม :)........"


    ผมได้พยายามไม่เปิดเผยชื่อมหาวิทยาลัยแต่หากมีเผลอกล่าวออกไป ก็ขอได้โปรดเข้าใจเจตนาของผมด้วยว่า ต้องการเพียงเผยแพร่ประสบการณ์การใช้คาถาเท่านั้นครับ
     
  9. Scorpius

    Scorpius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +647
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

    หากจะสวดก่อนก่อนอ่านหนังสือ ควรตั้งอารมณ์แบบใดครับ ?

    เคยทราบว่า เริ่มที่ สวด นะโม ก่อน แล้วท่องคาถาอีก ๓ จบ ถูกต้องหรือไม่ครับ ?
     
  10. sunee999

    sunee999 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +6
    อยากใช้คาถาท่านพระปู่อินทร์

    ดิฉันจะเข้าสอบวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นี้แล้วค่ะ ข้อสอบยากมากๆ แต่ฉันต้อง ทำได้ๆๆ
    ฉันพร้อมแล้ว การสอบครั้งนี้จะผ่านไปด้วยดี มั่นใจๆ ทุกอย่างต้องสำเร็จค่ะ มีท่านพระปู่อินทร์เป็นกำลังใจให้มากมายเหลือเกิน ผ่านแน่นอนค่ะ
     
  11. ญานทิพย์

    ญานทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +404
    พระคาถานี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า..คาถาเปิดเนตร ครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...