คำถามเกี่ยวกับการฝึกมโนมยิทธิในระดับที่สูงขึ้น

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 2 มีนาคม 2016.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    ถาม : ผมนั่งสมาธิรู้สึกแค่ฌาน ๑, ๒, ๓ หลังจากนั้นตัวก็ลอยไปตามที่ต่างๆ ที่ไม่ใช่สภาพแวดล้อมจริง บางครั้งเจอบางคนมาชวนคุยในเรื่องต่างๆ พอเราสนใจก็กลับมามีความรู้สึกที่ร่างกายเดิม อยากถามว่าตอนที่ลอยออกไปเป็นฌานอะไรครับ ?

    ตอบ : เรื่องของสมาธิ โดยเฉพาะในส่วนของทิพจักขุญาณ หรือในส่วนของมโนมยิทธิ ถ้าเราเห็นได้จะเป็นส่วนของอุปจารสมาธิ ถ้าไปยังสถานที่ต่างๆ ได้จะเป็นกำลังของฌาน ๔

    ถาม : ตอนที่ลอยออกไปแล้ว ให้ภาวนาต่อ รู้ลมหายใจ หรือคิดเรื่องเฉพาะหน้า ไม่สนใจเรื่องการภาวนาหรือลมหายใจ ?

    ตอบ : ถ้าเรากลับมาดูลมหายใจและการภาวนา เท่ากับดึงจิตกลับมาสู่สภาพที่ต่ำกว่า ถ้าดึงกำลังใจมาที่ต่ำกว่าก็ไม่สามารถไปไหนได้ เพราะความรู้สึกทั้งหมดจะกลับมาที่กายเดิม ดังนั้น..ไม่ควรสนใจลมหายใจเข้าออกหรือเรื่องของร่างกาย ปล่อยให้เป็นไปตามเหตุการณ์เฉพาะหน้าตอนนั้น

    ถาม : ทำไมตอนที่ออกไปแล้วถึงไม่ใช่สภาพแวดล้อมจริง ?

    ตอบ : คุณรู้อย่างไรว่าไม่ใช่สภาพแวดล้อมจริง เนื่องจากว่าเราไปในเขตของความเป็นทิพย์ สภาพแวดล้อมนั้นเป็นสภาพแวดล้อมที่เป็นทิพย์ จะว่าไปแล้วคือสภาพแวดล้อมที่แท้จริง ที่เราเจอทุกวันนี้ของปลอมล้วนๆ แต่สภาพแวดล้อมที่เป็นทิพย์จริงเฉพาะระดับนั้น มีสภาพที่จริงกว่านั้น ละเอียดกว่านั้นอีก ค่อยๆ ทำไป

    ถาม : เราควรสนใจคนที่มาชวนคุยหรือเปล่า ?

    ตอบ : ถ้าหากว่าไม่มีจุดมุ่งหมายที่แท้จริงอยู่ที่หนึ่งที่ใด เขาชวนคุยก็คุยด้วย มีโอกาสก็ถามหวยมาแบ่งกันบ้าง..!

    ถาม : ทำอย่างไรถึงจะอยู่ในสภาพที่กายในออกไปได้นานๆ ?

    ตอบ : ต้องซักซ้อมเรื่องของกำลังสมาธิให้สูงขึ้น และมีความคล่องตัวมากขึ้น ถ้ากำลังสมาธิของเราไม่เพียงพอ ออกไปได้ระยะหนึ่งกำลังตก ก็จะกลับคืนสู่ร่างกายตามเดิม หรือว่าเกิดอะไรที่น่าสนใจขึ้นเกี่ยวกับร่างกาย สภาพจิตจะกลับสู่ร่างกายเอง ก็ไม่สามารถไปต่อได้ ในส่วนที่กำลังตกนั้น ในเมื่อสมาธิของเรากำลังไม่พอ ให้สังเกตว่าความชัดเจนจะหมดไปก่อน หลังจากนั้นพอจิตดึงกลับสู่ร่างกาย ความชัดเจนจะไม่มี จะหายไปเลย

    ถาม : ตอนที่ออกไปทำไมไปสวรรค์หรือพระนิพพานไม่ได้ หรือเพราะหาไม่เจอ ?

    ตอบ : อันนี้เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุที่ ๑ ที่สำคัญที่สุด คือไม่ได้พิจารณาตัดร่างกาย ถ้าเราพิจารณาจนเห็นชัดว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราอย่างแท้จริง สภาพจิตไม่เกาะไม่ห่วงในร่างกาย ก็สามารถที่จะออกไปได้โดยง่าย แล้วจะรู้เห็นได้ละเอียดยิ่งๆ ขึ้น

    ข้อที่ ๒ คือ เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ก่อนว่าจะไปที่ไหน นั่งสมาธิจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ให้ตั้งใจว่าเราจะไปที่ไหน แล้วภาวนาต่อไป เมื่อสภาพจิตหลุดออกไป จะตรงไปยังสถานที่ที่เราต้องการ การที่เราออกไปแล้วไปไหนไม่ถูก บางคนออกไปแล้วมืดมาก เปะปะไปหน้าไปหลัง ไปซ้ายไปขวา ไปไม่ถูกแล้วย้อนก็กลับร่างกายตัวเอง ให้รู้ว่าเป็นเพราะเราขาดการพิจารณาวิปัสสนาญาณ ถ้าพิจารณาตัดร่างกายได้ละเอียดเท่าไร ก็สามารถรู้เห็นสิ่งต่างๆ ได้ละเอียดเท่านั้น ก็แปลว่านอกจากไม่ได้ตัดร่างกายแล้ว เรายังไม่ได้ตั้งเป้าไว้ด้วยว่าออกไปแล้วจะไปไหน ก็เลยหาสวรรค์หาพระนิพพานไม่เจอ

    ถาม : คนที่เข้ามาชวนคุยเป็นใครครับ ?

    ตอบ : ตรงนี้ความจริงไม่ต้องถาม ในสภาพความเป็นทิพย์ ทันทีที่อยู่ต่อหน้าเขา สภาพจิตจะรายงานว่าเขาเป็นใคร ถ้าไม่มั่นใจให้ถามเขาด้วยตัวเราเอง ในเขตอื่นเขาไม่มีการโกหกกัน

    ถาม : ถ้าทำสมาธิจนกายในออกไปได้แล้ว ต้องทำอย่างไรถึงจะก้าวหน้าในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป ?

    ตอบ : เป็นคำตอบที่ได้ตอบไปแล้วคือ หมั่นพิจารณาในวิปัสสนาญาณต่างๆ เอาไว้ ให้รู้เห็นอย่างชัดเจนว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่มีอะไรที่ควรแก่การยึดถือมั่นหมาย เราออกไปในลักษณะนั้นจะเห็นชัดมาก เพราะเหมือนกับการถอดเสื้อ หรือเหมือนกับเราขับรถแล้วออกจากรถไป จะเห็นว่าเสื้อไม่ใช่ตัวเรา รถยนต์ไม่ใช่ของเราอย่างชัดเจน ในเมื่อร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ร่างกายของคนอื่นก็ไม่ใช่ของเรา

    ถ้าเห็นกว้างออกไป เออ...ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่ใช่ของเราเลย ไม่มีอะไรควรค่าแก่การยึดถือมั่นหมายทั้งหมด ควรจะพิจารณาบ่อยๆ ทุกวันๆ วันละหลายๆ รอบ ยิ่งพิจารณาละเอียดมากขึ้นเท่าไร ความก้าวหน้าในการปฏิบัติจะยิ่งมีมากเท่านั้น


    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๗
    โดย พระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สฺธมฺมปญฺโญ),ดร.


    .
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...