คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ (อาจ) ไม่ได้หมายถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2554

สวัสดีครับคุณเมย์และทุกท่าน

ผมสมาชิกใหม่ เพิ่งสมัครวันนี้ สาเหตุที่สมัครเพราะสนใจเรื่องคําทํานายของ ดช ปลาบู่ ติดตามหารายละเอียดเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ โดยมี link จาก YouTube ของท่าน MahasuraSinghanat ให้มาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครั้งแรกก็อ่านอย่างเดียวได้ 4 หน้า ความเห็นแต่ละท่านหลายมุมมอง กว้างดี ได้ทั้งความรู้หลากหลาย แต่ที่อ่านแล้วต้องหัวเราะออกมาก็ตอนอ่านที่คุณ May เขียนตอบ สมาชิก 2 ท่าน มีคําว่า รกโลก กรรมของสัตว์ และ เบื้อก ทําให้ผมต้องหัวเราะ เพราะคิดไม่ถึงว่าคุณ May จะตอบโต้ด้วยประโยคแบบนี้ คือผมไม่ได้สะใจ แต่เข้าใจทั้ง 2 ฝ่ายที่เขียนตอบโต้กัน ไม่ได้ว่าท่านใดถูกหรือผิดนะครับ
มาเข้าประเด็น เรื่องคําทํานายของ ดช ปลาบู่ ถ้าคุณลุงทองใบเล่าเรื่องมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ( ซึ่งน่าเป็นเรื่องจริง เพราะมีหลักฐาน พยานบุคคลที่บ้านอยู่ใกล้คุณลุงทองใบ บอกว่าคุณลุงพูดเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อ ) โดยส่วนตัวผมเชื่อครับ ว่า ดช ปลาบู่ คือ พระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตตรัย จริง ที่เชื่อไม่ใช่เพราะฟังต่อๆกันมา แต่เชื่อด้วยเหตุผล ทางวิทยาศาสตร์ ทางดาราศาสตร์ ทางพุทธศาสตร์

ท่านที่ไม่เชื่อ ท่านลองฟัง วิดิโอ จาก YouTube ตามรอยพระศรีอริยเมตตรัย อีกหลายๆรอบ แล้วท่านลองตอบคําถามต่างๆที่ ดช ปลาบู่ ถามพ่อทองใบ ว่าคําถามเหล่านี้ ท่านที่ไม่เชื่อท่านตอบได้หรือไม่ เช่น บาปคืออะไร บุญคืออะไร พระอขิตะคือใคร เทวดากินอาหารทางไหน โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ ใช้เวลานานเท่าไร ทําไมแนะไม่ให้ขุดแม่นําเจ้าพระยาลึกเกินไป ทําไมต้องใช้เหล็กรางรถไฟไปดามเขื่อนไว้ และอีกมากมายหลายคําถาม รวมทั้งเรื่องเหล็กไหล ที่ ดช ปลาบู่ บอกพ่อว่า เส้นผมของ ดช ปลาบู่ตัดเหล็กไหลได้
ถ้าท่านที่ไม่เชื่อ ลองตอบคําถาม ดช ปลาบู่ได้ถูกต้องหมดทุกข้อหรือไม่ หรือจะเอาแบบสั้นๆแค่ข้อเดียว ทําไมเส้นผมของ ดช ปลาบู่ตัดเหล็กไหลได้ ถ้าท่านตอบไม่ได้ ผมขอแนะนําให้ท่านอ่านอย่างเดียว หรือจะเขียนตอบก็เขียนแค่ว่า ไม่เชื่อ เพราะอะไร แต่อย่าได้ใช้คําปรามาส ประชดประชัน หรือด่าด้วยคําหยาบคาย เพราะผลเสียหรือบาปจะเกิดขึ้นกับตัวท่านเอง จะมากหรือน้อยแล้วแต่การปรามาสของท่าน

คราวนี้มาดูเรื่องคํานาย หัวใจของคําทํานายอยู่ที่ " ยามสอง คืนปีใหม่ แผ่นดินไหว คนไทยเมา ในปีที่ 38 หลัง ดช ปลาบู่เสียชีวิต " ดช ปลาบู่เสียชีวิตในเดือน 10 กค 2517 ถ้าจะนับตามนั้น 38 ปี ก็คือปี 2555 หลังเดือน กค 2555 ไปจนถึง มิย 2556 ก็ยังอยู่ในเวลาของ 38 ปี หลัง ดช ปลาบู่เสียชีวิต ดังนั้น ข่วงเวลาตามคําทํานาย ในความเห็นของผมเอง

1) ไม่ใข่ 31 ธค 2554 แน่นอน เพราะยามสอง หรือสองยาม ยังไงก็ไม่เกินเที่ยงคืน ดังนั้น 31 ธค 54 ยังอยู่ในช่วงเวลาแค่ 37 ปี เท่านั้น ไม่เข้ากับคําทํานาย ข้อนี้ตัดทิ้งได้เลย
2) 13 เมษ 55 สงกรานต์หรือปีใหม่ไทย มีโอกาสมากขึ้น เพราะเข้าได้กับคําทํานาย แต่มีข้อแย้งคือ ยังไม่ใช่ 38 ปี หลัง ดช ปลาบู่เสียชีวิต ยังอยู่ในช่วง 37 ปี ข้อนี้ ผมให้โอกาสเกิดได้ แต่ไม่เต็ม 100
3) 31 ธค 2555-1 มค 56 ข้อนี้ผมให้โอกาสมากสุดพอๆกับข้อ 4) เพราะเข้าได้กับหัวใจคําทํานายทั้งหมด และอยู่ใน 38 ปี ด้วย
4) 13-14 เมษ 56 ข้อนี้ผมให้โอกาสมากสุดพอๆกับข้อ 3) เพราะยังอยู่ในเวลา 38 ปี ถึงแม้จะเข้ามาในปี 2556
สรุป เวลาที่น่าจะเกิดตามคําทํานาย ในความเห็นของผมเองมี 2 ช่วงที่มีโอกาสมากสุดคือ
31 ธค 2555-1-2 มค 56 หรือ 13-14 เมษ 56 และรองมาคือ 13-14 เมษ 55

มีคนจํานวนมากบอกว่าคําทํานายนี้เป็น ไสยศาสตร์ ซึ่งความจริงไม่ใช่ และไม่ใช่ดาราศาสตร์ ด้วย โดยส่วนตัวผมขอบอกว่าเป็นพุทธศาสตร์ เป็นการเห็นภาพในอนาคตโดยใช้ ญาน ที่เรียกว่า ทิพยจักษุญาน หรือตาทิตย์ จะมีในคนที่ทําสมาธิต่อเนื่องได้ ฌาน 4 และ ตามมาด้วย ญานด้านต่างๆ มีผู้ที่มีทิพยจักษุญานมากมายในโลกปัจจุบัน แต่ ณ เวลานี้ผมอยากบอกว่า ผู้ที่มีทิพยจักษุ ที่เห็นภาพในอนาคตได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง รองจากพระพุทธเจ้า น่าจะเป็นพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตตรัย ชัดเจนจนสามารถบอกเวลา และวันได้ ผู้ที่ได้ทิพยจักษุขั้นต้นๆ จะเห็นภาพอนาคตได้แค่ภาพลางๆไม่ชัด

ท่านที่ชอบอ้างกาลามสูตรที่พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้เชื่ออะไรง่ายๆ เช่นถ้าท่านไม่เชื่อ นรก สวรรค์ มีจริง แต่ท่านก็ไม่ทําอะไรเพื่อพิสูจน์ แบบนี้ก็ไม่เรียกว่าเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า ถ้าท่านเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้าจริง ท่านต้องเข้าไปศึกษาค้นคว้า แล้วปฎิบัติ การค้นคว้าก็ค้นคว้าจากพระไตรปิฎก การปฎิบัติ ก็คือทําสมาธิ ถ้าท่านทําได้จริง จนได้ฌาน 4 หรือได้ ญาน ด้วย คราวนี้ท่านก็มีความรอบรู้มากขึ้น แล้วค่อยมาตัดสินใจว่า เรื่องที่ท่านไม่เชื่อนั้น สมควรไม่เชื่อต่อไป หรือเปลี่ยนมาเป็นเชื่อดีกว่า

ท่านที่ไม่เคยสัมผ้สกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ท่านย่อมไม่เชื่อว่ามีสิ่งนั้นๆอยู่ เช่น วิญญาน เทวดา การระลึกชาติ การเห็นอนาคต ส่วนตัวผมเอง ไม่ได้มีญานวิเศษอะไร และไม่สามารถแสดงฤทธิ์อะไรได้ แต่อยากจะบอกว่าผมเคยสัมผัสสิ่งเหนือธรรมชาติหลายครั้ง เช่นประมาณ 10 ปีก่อน ผมนั่งสนทนาฟังธรรมจากพระอริยสงฆ์ท่านหนึ่ง ท่านพูดกับผม 3 ประโยค / 2 ประโยคแรก เสียงที่ท่านพูดผมได้ยินทางหู แต่ประโยคที่ 3 ผมได้ยินทางสมอง คือเสียงไม่ต้องผ่านหู ได้ยินเสียงเข้ามาสมองด้านหน้าผากเสียงไพเราะขัดเจน ได้ยินแบบนี้เพียงครั้งเดียว ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่เกิดขึ้นจริง

ท่านที่ไม่เชื่อเรื่องนี้ ถ้าอยากจะมีปัญญาหรือมีความรู้ว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด ท่านต้องทําสมาธิ โดยมีศีล 5 ให้ครบก่อนก็จะยิ่งทําสมาธิได้ง่ายขึ้น

ส่วนการเลื่อนเวลาของการเกิดภัยธรรมชาติรุนแรง จะเกิดได้ 3 ทางใหญ่ๆ ( ในความเห็นผมเอง )คือ
1) ผู้ทํานายมีทิพยจักษุ ยังมีญานนี้ไม่สูงสุดยอด มีการพลาดเรื่องเวลา และความรุนแรง หรือ
2) ผู้ตีความคําทํานาย ตีความผิดพลาด หรือ
3) กรรม ข้อนี้สําคัญมากๆ ถ้าคนในประเทศใด หรือกลุ่มใด ที่อยู่ในความดี เช่นรักษาศีล 5 และหรือทําสมาธิ มีจํานวนมากขึ้นๆๆ เช่นมีคนรักษาศีล 5 หรือทําสมาธิเกิน 50% จะส่งผลให้เกิดกรรมดีมากมายมหาศาล จนสามารถเลื่อนเวลาของการเกิดภัยรุนแรงนั้นได้ในประเทศนั้นหรือกลุ่มคนนั้นๆ หรือเวลาไม่เลื่อนแต่คนกลุ่มนั้นๆจะได้รับความเสียหายน้อย

พระพุทธเจ้ากล่าวแก่พระอานนท์เมื่อตอนพระองค์ปลงอายุสังขารว่า แผ่นดินไหวเกิดได้จากเหตุ 8 ประการ
1) ลมกําเริบ
2) ผู้มีฤทธิ์บันดาล
3) พระโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเสด็จจากสววรค์ขั้นดุสิตลงสู่พระครรภ์พระมารดา
4) พระพุทธเจ้าประสูติ
5) พระพุทธเจ้าตรัสรู้
6) พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา
7) พระพุทธเจ้าปลงอายุสังขาร
8) พระพุทธเจ้าปรินิพพาน

การจะเกิดแผ่นดินไหวตามคําทํานายน่าจะเป็นจากข้อ 1) ลมกําเริบ หรือ ธรรมชาติของโลก

ท่านที่อ้างกาลามสูตรที่พระพุทธเจ้าสอนว่าไม่ให้เขื่ออะไรง่ายๆ นั้นถูกต้องแล้ว แต่ท่านโปรดอย่าลืมปัจฉิมโอวาสของพระพุทธเจ้า ที่ว่า " จงดํารงตนให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท "

ท่านจะเชื่อคําทํานายหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าดํารงชีวิตไม่ประมาท คือตั้งตนอยู่ในศีล 5 มีธรรม มีสมาธิ ชีวิตท่านย่อมปลอดภัย ไม่เพียงจากภัยรุนแรงตามคําทํานาย แต่จะปลอดภัยจากเหตุต่างๆที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้นและระยะยาว และอาจเลื่อนการเกืดภัยพิบัติให้ออกไปนานๆจนไม่เกิดก็ได้ ถ้ามีคนอยู่ในศีล สมาธิมากๆๆพอ

ก่อนจบขออนุโมทนาในความตั้งใจดีมีความเมตตาของ ดช ปลาบู่ คุณลุงทองใบ ท่านสีหนาท คุณ may และทุกท่านที่ช่วยกันแจ้งข่าวเพื่อรักษาชีวิตของเพื่อนมนุษย์ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ

และขออโหสิกรรม ถ้าบทความผมทําให้ท่านใดโกรธ ไม่พึงพอใจ และผมอโหสิกรรมให้กับทุกท่านที่อ่านบทความผมแล้วกล่าวตําหนิ ไม่พอใจ

ขอให้ทุกท่านมีความสุข ปลอดภัย และเจริญในศีล ในธรรมครับ

พอล


( ปกติผมจะเขียนบทความทางธรรม แทรกในทางโลก www.gold2gold.com )

 

กดlike ให้เลยเจ้าค่ะท่าน อ้างอิงข้อมูลได้ดีพอสมควร so gooddd

 

ขอแสดงความคิดเห็นด้วยนะ
ถ้าคำทำนายของ ปลาบู่ เป็นจริง เห็นว่าเขื่อนจังหวัดตากน่าจะพังในคืนปีใหม่ของวันที่ 1 มกราคม 2556 เวลา 22.00 - 24.00 น.:boo:
เหตุผลประกอบ
1. ปลาบู่ บอกว่าอีก 38 ปี เขื่อนจังหวัดตากจะพัง บอกไว้เมื่อวันที่ 23-25 มิ.ย.2517 นับครบ 38 ปี ในวันที่ 24 มิ.ย.255 - 23 มิ.ย.2556
2. เขื่อนจะยังไม่พัง ในวันที่ 1 ม.ค.2555 เพราะยังไม่ถึง 38 ปี ตามคำทำนาย
3. เขื่อนจะยังไม่พัง ในวันที่ 13-15 เม.ย. 2555 เพราะยังไม่ถึง 38 ปี ตามคำทำนาย เป็นวันสงกรานต์ ปีใหม่ของไทยเราได้เปลี่ยนมาเป็นวันที่ 1 ม.ค. ของทุกปี มานานแล้ว (นับแต่สมัยของจอมพล ป. ถ้าจำไม่ผิด)
4. เขื่อนจะยังไม่พัง ในวันที่ 31 ธ.ค.2555 เวลา 22.00 -24.00 น. เพราะเป็นคืนของวันสิ้นปีไม่ไช่เป็นใหม่ และคนไทยมีการสวดมนต์ข้ามคืนกัน มิใช่วันที่คนไทยเมาตามคำทำนาย
5. ปลาบู่ บอกว่าอีก 38 ปี เขื่อนจะพัง ไม่ได้บอกว่าจะพังในปีใหม่ 2555 แต่ขณะนี้ยังเป็นปีที่ 37 นับแต่วันที่พูด
6. วันที่ 1 ม.ค.2556 เวลา 22.00-24.00 น. ซึ่งเป็นวันคืนขึ้นปีใหม่ คนไทยไม่ได้สวดมนต์กัน ส่วนใหญ่กำลังเมา ตั้งอยู่ในความประมาท ทำผิดศีลธรรมกันมาก เทวดาเหม็นกลิ่นสุราย่อมไม่มาปกปักษ์รักษาดังเช่นเคย จึงถือเป็นวันอันตรายที่สุด และหากคำทำนายของปลาบู่นี้เป็นความจริง เหตุการณ์เขื่อนจังหวัดตากจะพังจึงน่าจะเกิดในวันนี้ หากเขื่อนยังไม่พัง คำทำนายของปลาบู่ก็เป็นเพียงข่าวลือไม่มีอะไรที่จะน่าเชื่ออีกต่อไป

 

เขื่อนจะพังเพราะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่และรุนแรง ถ้าไม่มีแผ่นดินไหวรุนแรงเขื่อนก็ไม่แตก ใช่ไหม?

เขื่อนไม่ได้พังเองเฉยๆ หรือเพราะเก็บน้ำเยอะเกินไปใช่หรือเปล่า?

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เครื่องอัดเทปของเด็กชายปลาบู่ / ต่อพงษ์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>8 มกราคม 2555 </TD><TD vAlign=middle align=left>



<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=center><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=center>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center>โซนี่ CF 480 S ตัวท็อปฮิต</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center>JVC 550 รุ่นนี้ก็ฮิตครับ แต่มาทีหลังโซนี่อีกที</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center>โตชิบา 2800 อีกยี่ห้อที่ทำออกมาขายด้วยสนนราคาที่ถูกกว่า และเสียงยังไม่แจ่มเท่า</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center>ซันโย อีกยี่ห้อที่ราคาถูกดี แต่หน้าตาไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=middle width=165 align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4></TD><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ ซึ่ง นายทองใบ คำสี ผู้เป็นบิดาได้เอามาบอกไว้และกลายเป็นคำทำนายที่แพร่หลายมากที่สุดในช่วงนี้ โดยเฉพาะช่วงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

เพราะ เขาเล่นไปพูดถึงเรื่องที่ว่าเขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตากจะแตก แต่พอผ่านพ้นวันไปแล้วก็ยังไม่มีเหตุการณ์ใดๆให้พ้องกับคำทำนายนั้นเลย

แต่คำทำนายนี้ยังใช้ได้ไปอีก 2 เทศกาล นายทองใบบอกว่าไม่รู้ว่าปีใหม่ไหนจะเป็นปีใหม่ฝรั่ง ปีใหม่จีน หรือ ปีใหม่ไทย

ที่พูดถึงตรงนี้ขึ้นมา ไม่ใช่เพราะจะมาซ้ำเติมสิ่งที่นายทองใบเอามาบอกแล้วมันพลาดนะครับ เพราะผมเข้าใจว่าแกก้ไม่ได้จะเอาคำทำนายที่ว่ามาหากินอะไร

นอกจากจะสร้างสำนักปฏิบัติธรรม อีกทั้งถ้ามองเรื่องของการก่อสร้างอะไรต่อมิอะไรโดยรัฐบาลไทยแล้วโอกาสที่เมกกะโปรเจคท์เหล่านั้มันจะพังก็มีเพราะคอรัปชั่นมันเยอะเหลือเกิน

เพียงแต่เมื่อมานั่งดูอย่างละเอียดก็พบว่ามันมีความคลาดเคลื่อนบางอย่างในเรื่องมิติของเวลา อีกทั้ง Story ที่ขาดตรรกะบางอย่าง ซึ่งทุกอย่างได้อ้างอิงจากบันทึกของพ่อของเขาเอง

อย่างเรื่องที่ขาดตรรกะนั้น ผมมาอ่านเอาตอนที่เขาพูดเรื่องที่คล้ายๆ จะบอกว่า ปลาบู่นั้นมีตาทิพย์เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า ไล่มาตั้งแต่

แกเห็นว่ารถไฟลอยฟ้าในเมืองไทย หรือ รถไฟใต้ดินในเมืองไทย ซึ่งพ่อปลาบู่แกบอกไว้ว่าในปีนั้นยังไม่มีรถไฟฟ้าใต้ดินหรือรถไฟลอยฟ้าอย่างใดอย่างหนึ่ง

อันนี้ไล่กลับมาดูจากคำนิยามที่ปลาบู่บอกพ่อเขาว่า เขาเป็นปู่ของปู่ทวดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีตาทิพย์ มีหูทิพย์ หมดทั้งตัวเป็นไพฑูยร์ ตอนพระพุทธเจ้ามีชีวิตยังบอกว่า เขาจะได้เป็นพระศรีอาริยเมตไตร…

พูดง่ายๆ เกิดอะไรขึ้นเขารู้หมด ทั้งเหตุการณ์ในอดีต และเหตุการณ์ในอนาคต รวมไปถึงเรื่องราวต่างๆในโลก เพราะ สิ่งที่เขาบอกออกมาแล้วพ่อจดบันทึกไว้นั้น มันไม่ได้กำหนดขอบเขตอยู่ที่ประเทศไทยเท่านั้น แต่อธิบายเป็นฉากๆ ได้เลย

แต่ถ้ารู้ถึงขนาดนี้ ปลาบู่ตาทิพย์ผู้หยั่งรู้เหตุการณ์ทั่วโลกต้องทราบว่า รถไฟใต้ดิน และรถไฟลอยฟ้านั้นในต่างประเทศเขาทำกันมานานแล้วก่อนปี 2517 เสียอีก

อย่างที่อังกฤษนั้นใช้มาตั้งแต่ปีพศ. 2406 โน่นแน่ะ ก่อนปลาบู่เกิดเกือบร้อยปีทีเดียว ไม่นับในยุโรปอื่นๆและอเมริกานะครับที่ก็เก่าแก่ไม่แพ้กัน

เรื่องแบบนี้ปลาบู่น่าจะเล่าให้พ่อของเขาฟังเสียเลยว่าเมืองนอกมีมานานแล้ว และอีกหลายปีถัดมาเราก็จะมีเหมือนกัน คือ ไม่ต้องมาถามว่า

“ รถไฟลอยฟ้ามันเหาะได้มั้ยพ่อ”

“รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้มั้ยพ่อ” อีกแล้ว

แต่เรื่องที่ผมว่ามันคลาดเคลื่อนจั๋งๆเลยก็คือ เรื่องราวบรรยากาศในช่วงเวลาที่ปลาบู่จะตาย เพราะ เมื่อครั้งที่เด็กชายปลาบู่ซึ่งตายตอนอายุได้ 5 ขวบ 8 เดือน 15 วัน ซึ่งตรงกับปี พศ 2517 หรือปี คศ 1974

อันเป็นปีที่เยอรมันตะวันตกได้แชมป์โลกฟุตบอลในบ้านของเขาเอง จากคำบอกเล่าของนายทองใบบอกว่าเด็กชายปลาบู่ให้พ่อไปซื้อเทปมาอัดเสียงของเขาไว้เพื่อบันทึกเป็นหลักฐาน

แต่นายทองใบบอกว่าไม่เชื่อว่าลูกจะตายอย่างที่พุดก็เลยไม่ได้ไปซื้อเทปแต่อย่างไร แต่อาศัยแค่การจดที่ปลาบู่เล่าให้ฟัง…

ความคลาดเคลื่อนจุดนี้เริ่มต้นตรงเรื่องของการไปซื้อเทปมาบันทึก เพราะ ช่วงที่เครื่องบันทึกเทปคาสเซตต์พอจะหาซื้อกันได้ในเมืองไทยด้วยราคาที่ไม่แพงนัก “ไม่ใช่” ช่วงเวลาของปี 2517 อย่างแน่นอนครับ!!

เพราะปีที่เริ่มจะแพร่หลายก็คือ ปี 2519-2520 โดยที่วิทยุเทปคาสเซ็ตต์กระเป๋าหิ้วเสียงโมโนที่ในยุคนั้นจริงๆ ก็มีหลายยี่ห้อทั้ง ซันโย เจวีซี เนชั่นแนล (พานาโซนิก)

แต่ที่ยอมรับว่าคุณภาพเจ๋ง และมีของหนีภาษีเอามาขายกันและแพร่หลายกันอยู่ในปี 2520 ก็ต้องยี่ห้อ โซนี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่น CF 480 S ซึ่งตามประวัติศาสตร์ของการขึ้นไลน์ผลิต โซนี่ คอปเปอเรชั่น บอกเอาไว้ว่า มันเริ่มต้นเมื่อปี คศ 1976 หรือปี พศ 2519 ครับ

แต่กว่าจะเข้ามาสู่เมืองไทย โดยทหารเรือหิ้วมาขายหรือโดยของหนีภาษีก็ในปี 2520 อย่างของที่บ้านผมที่ซื้อมาก็อยู่ในเดือนพฤศจิกายน 2520 เช่นกัน

ของที่บ้านผมนั้นเมื่อซื้อมา เขาจะมีเทปเปล่าแถมมาให้ด้วย 1 ม้วนยี่ห้อ Basf ซึ่งก็คอยเอาไว้อัดรายการวิทยุโปรด แต่จำได้ว่าตอนนั้นที่ได้เครื่องมา จำนวนของเทปคาสเซ็ตที่เป็นงานเพลงก็ไม่ได้เยอะอะไร

แผนกเครื่องเสียงและแผ่นเสียงของเซนทรัลเทรดดิ้งหรือเซนทรัล วังบูรพานั้นจำหน่ายหนักไปทางแผ่นเสียงลองเพลย์ครับ เพราะเสียงที่ออกจากแผ่นนั้นไพเราะกว่ามาจากเทปเยอะ

แถมเครื่องเล่นแผ่นตอนนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบ All In One คือมีเครื่องเล่นแผ่นอยู่ด้านบน ส่วนด้านหน้าเป็นเครื่องเล่นวิทยุ เรียกว่าอยากฟังแผ่นก็ฟังได้ อยากฟังวิทยุก็ฟังได้

ขณะที่เทปคาสเซ็ตต์เริ่มเข้ามาเป็นที่แพร่หลายแทนที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงในเมืองไทยกันจริงๆ ก็ราวๆ ปี พศ.2518 – 2519 ช่วงเวลาที่หนังดังของเปี๊ยก โปสเตอร์

อย่างวัยอลวน รักอุตลุต นำพาบทเพลงของชัยรัตน์ และสุภาพร เทียบเทียมขึ้นมาฮิตด้วยเพลง น่ารัก ชู้วับชู้วับ ฯลฯ ตามมาด้วยปี 2520

ซึ่งเทปคาสเซ็ตต์ก็แพร่หลายมากขึ้นจากงานโฟล์คซองคำเมืองของ จรัล มโนเพ็ชร และเทปคาสเซ็ตต์มาติดรถดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองจริงๆ ก็มาจากอัลบั้มลูกทุ่งดิสโก้ของแกรนด์เอ๊กซ์ที่ออกมาในปี 2522

ในช่วงเวลานี้เองที่เพลงใต้ดินของนักศึกษาที่เข้าป่าไปตั้งแต่ปี 2519 ก็เริ่มมีมาวางขายกันเงียบๆ เทปเพลงฝรั่งของพีค็อกกับโฟร์แทร็กก็เริ่มกันในช่วงเวลาใกล้ๆ เคียงกันนี้

หลังจากนั้นไม่นานก็เป็นช่วงเวลาทองของเทปคาสเซ็ตต์ และแผ่นลองเพลย์ทั้งหลายก็หายไปจากตลาดกลายเป็นของคลาสสิกในเวลาต่อมา

เพราะเหตุการณ์ของเรื่องเครื่องเล่นเทปในบ้านเรามันเป็นอย่างนี้แล้ว ผมก็เลยไม่ชัวร์ว่าที่ปลาบู่บอกให้พ่อไปซื้อเทปมาอัดนั้น แกจะซื้อเทปรีลมาอัดหรือย่างไร

คือถ้าอย่างงั้นมันก็แพงสุดๆ ไปเลย ซึ่งดูจากฐานะแล้วไม่น่าเป็นไปได้ อีกอย่างที่เกิดขึ้นจริงในช่วงนั้นก็คือ ถามว่าแล้วตอนนั้นมีการอัดเทปเก็บไว้ได้จริงหรือ

คำตอบก็คือมี แต่เป็นลักษณะของการไปจ้างบริษัทเขาอัดมากกว่า โดยเราไปเลือกเพลงที่อยากได้ เขาก็จะอัดต่อจากแผ่นเสียงมาอีกทีหนึ่ง

ข้อสรุปของผมคือ ถ้าปลาบู่จะให้พ่อหิ้วเครื่องมาอัดคำทำนายของแกกันนั้น ปลาบู่ต้องตายช้ากว่าเวลาที่พ่อว่าไว้อีกซัก 4 ปีครับ !!

ความคลาดเคลือนนี้ จึงนำไปสู่ความน่าสงสัยในเรื่องที่เขาบอกว่า ปลาบู่แกทายถูกหมดเรื่องเครื่องบินชนตึกเวิล์ดเทรดในปี 2544 เรื่องที่จะมีซึนามิเมืองไทย ในปี 2547 เรื่องที่จะมีแผ่นดินไหวใหญ่ในปี 2552 ฯลฯ

คือถ้าปีและเหตุการณ์ใหญ่ๆ มันแม่นยำขนาดนั้น ทำไมช่วงเวลาที่อ้างอิงเรื่องเทปเหล่านี้ถึงได้คลาดเคลื่อนไปได้

จริงๆ ผมก็อดจะคิดเหมือนกันไม่ได้ว่า เด็กชายปลาบู่แกมีตัวจริงในโลกหรือเปล่าหรือมันเป็นแค่จินตนาการที่คุณพ่อเขาสร้างขึ้นเพื่อรองรับบางอย่างที่อยู่ในใจของเขา

ส่วนข้อมูลต่างๆ นั้นก็เกิดมาจากการรับรู้ข่าวสารในช่วงหลังๆ นี่เอง

ก็เหมือนเรื่อง Beautiful Mind ที่รัสเซล โครว แสดงจนตัวหนังได้ออสการ์นั่นแหล่ะครับ

ที่จอห์น แนช นักคณิตศาสตร์ผู้เสนอทฤษฏีการค้าใหม่ ให้แก่เศรษฐศาสตร์ของโลก ก็หลอนกับเรื่องตัวเลขและพูดคุยกับบุคคลในห้วงคิด ของเขาอยู่ตลอดเวลา

แต่สุดท้ายแล้ว บุคคลที่ว่า ก็ไม่มีตัวตนแต่อย่างไร

ความจริงเรื่องของเด็กชายปลาบู่นี้ จะน่าเชือถือกว่านี้มากถ้าคุณพ่อของเขาไม่เลือกวิธีที่จะทุบเปรี้ยงและฟังธงเป๊ะๆ ว่าจะเกิดเหตุการณ์เมื่อไหร่

คือถ้าเขาใช้วิธีแบบนอสตราดามั่ว หรือนอสตราดามุส ที่ใช้การทายไปเรื่อยๆ แบบกำกวม

เหมือนหมอดู ที่ให้ผู้ที่ตั้งใจจะเชื่ออยู่แล้ว เอาไปตีความเข้าข้างเอาเอง มันอาจจะให้ผลต่อสังคม มากกว่าที่เป็นอยู่

อย่างเรื่องเขื่อนแตกนั้น ถ้าบอกเพียงแค่จะมีมวลน้ำมหาศาลออกมาจากเขื่อนอย่างที่ไม่คาดหมาย จนทำให้เกิดน้ำท่วมบริเวณที่ใต้เขื่อนอย่างมากมาย

จากนั้นก็ไล่จังหวัดที่เกิดน้ำท่วมมา พร้อมบรรยายถึงสภาพความเสียหาย สภาพที่คนเมืองต้องอพยพหนีน้ำกันจ้าละหวั่น

แค่นี้เอง เครดิตของปลาบู่ ก็จะพุ่งจู๊ดเป็นจรวดกันทีเดียว คงไม่ต้องมาโดนแจ้งความให้ดำเนินคดีแบบนี้เป็นแน่

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขอแย้ง...คุณต่อพงษ์...สักเล็กๆน้อยๆ...นะครับ

คุณต่อพงษ์...อ้างอิงบริษัท SONY...ซึ่ง SONY เริ่มขาย Walk-man และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง...ในปี 1979 (2522)

สาเหตุ...เนื่องจาก Patent ของ Andreas Pavel ได้ถูกยกเลิก (ปี 1977 ) SONY จึงสามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้...โดยไม่ขัดกับสิทธิบัตรของ Andreas Pavel

แต่เทปคาสเซ็ทนั้นถูกคิดค้นตั้งแต่ปี 2505 และ Philips จำหน่ายเครื่องบันทึกเสียง...ในปี 1968 (2511)

คุณพ่อของเด็กชายปลาบู่...นั้น...ไม่ใช่ชาวนาชาวสวนธรรมดา...แต่เป็นแรงงานในประเทศซาอุดิอารเบีย (เกรดดิน)

ดังนั้น..ปี 2517 ซึ่งเป็นปีที่ถูกอ้างอิงนั้น...เทปคาสเซ็ท...มีจำหน่ายแล้วทั่วโลก (แต่ยังไม่เป็นที่นิยมในประเทศไทย...เท่านั้นเอง)

และที่คุณลุงไม่ซื้อเทปคาสเซ็ท...หรือ...หาซื้อเทปคาสเซ็ทไม่ได้...เพราะมันยังไม่เป็นที่นิยม....ครับ


เทปคาสเซ็ท จำฉันได้ไหม? http://trueguru.truelife.com/blogs/entry/30933
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr valign="middle"><td align="center">
</td><td align="center"> Share8 </td><td align="center">

</td></tr></tbody></table> Categories : Tags : เทป , ประวัติ , คาสเซ็ท
By trueguru, 2011-05-09 19:17:16, 0 comments , แสดงไปแล้ว 562 ครั้ง

คาดว่า เด็กๆสมัยนี้คงไม่คุ้นเคยกับเทปคาสเซ็ทกันแล้ว อาจจะเห็นกันแว่บๆในหนังเรื่อง Suckseed แต่ Little Einstein ขอยกมือบอกว่า ยังทันรุ่นเทปคาสเซ็ทอยู่นะคะ จำได้ว่า ถ้าเทปม้วนไหนชอบมากเป็นพิเศษ ก็จะกรอเทปกันจนเทปยืดเทปยานกันไปข้างหนึ่งเลยค่ะ วันนี้ Little Einstein เลยอยากชวนเพื่อนๆมารำลึกความหลังถึงเทปคาสเซ็ทอันสุดแสนจะคลาสสิ คค่ะ



เทป คาสเซ็ท หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แผ่นคาสเซ็ทแบบพกพา (Compact Cassette) เป็นเทคโนโลยีสำคัญในการบันทึกเสียงช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ตั้งแต่เทปคาสเซ็ทเริ่มแพร่หลายในช่วงต้นยุค 60 มันก็ถูกใช้งานในหลายวัตถุประสงค์ด้วยกัน แต่ที่จะเห็นได้บ่อยที่สุดก็คงจะ เป็นในวงการเพลงนี่ล่ะค่ะ

เทคโนโลยีของเทปคาสเซ็ท
เทป คาสเซ็ทเป็นตลับพลาสติกที่บรรจุเส้นเทปซึ่งเป็นแผ่นแม่เหล็กขนาด 3.81 มิลลิเมตร โดยเส้นเทปดังกล่าวจะพันอยู่กับแกนสองแกนด้วยกัน เส้นเทปจะหมุนด้วยความเร็ว 4.76 เซ็นติเมตร/วินาที หัวเทปในเครื่องเล่นเทปจะสัมผัสกับเส้นเทปส่วนที่โผล่พ้นออกมาจากแผ่นเทป โดยจะอ่านสัญญาณระบบอนาล็อกจากพื้นผิวแม่เหล็กที่เคลือบอยู่บนเส้นเทป

เมื่อเทปคาสเซ็ทถูกแนะนำสู่ท้องตลาด
บริษัท ฟิลิปส์ (Philips) เป็นผู้แนะนำเทปคาสเซ็ทสู่ท้องตลาด ช่วง ค.ศ. 1963-1964 (2506-2507) ฟิลิปส์ดันให้เทปคาสเซ็ทเป็นตัวบันทึกเสียงสำหรับลูกค้าในอเมริกาและ ยุโรป แต่ในตอนแรก การทำการตลาดของเทปคาสเซ็ทจะเน้นไปที่การใช้บันทึกเสียง ส่วนตัวมากกว่าแต่เนื่องการจากพัฒนาของคุณภาพเสียงทำให้ผู้ผลิตเชื่อว่า เทป คาสเซ็ทจะกลายเป็นตัวแทนของแผ่นเสียงแบบไวนิลได้

ใน ค.ศ. 1971 มีการใช้ โครเมียม ไดออกไซด์ บนพื้นผิวของเส้นเทป ซึ่งส่งผลให้คุณภาพของเทปคาสเซ็ทดียิ่งขึ้น และทำให้มันกลายเป็นสิ่งจำเป็นต่ออุตสาหกรรมเพลงในที่สุด

ยุคทองของเทปคาสเซ็ท
ช่วง ยุค 80 โซนี่เริ่มทำการตลาดของเครื่องเล่นเทปแบบพกพาได้อย่าง Walkman ไปทั่วโลก และนี่เองที่นำไปสู่ความดังเป็นพลุแตกของเทปคาสเซ็ท ในที่สุด เทปคาสเซ็ทก็ลามไปยังรถยนต์ส่วนบุคคล และกลายเป็นของประจำบ้าน และแล้วแผ่นเสียงแบบไวนิลก็หายไปจากร้านค้า

การใช้งานด้านอื่นๆของคาสเซ็ท เทป
นอก จากใช้บันทึกเสียงแล้ว เทปคาสเซ็ทยังถูกใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆอีก ด้วย เนื่องจากเทปคาสเซ็ทสามารถถูกอัดทับซ้ำได้หลายครั้ง มันจึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับเครื่องตอบรับของโทรศัพท์ นอกจากนี้ แผ่นคาสเซ็ทยังสามารถเปิดวนได้ต่อเนื่อง ทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือในฝันสำหรับการโฆษณา เช่น การเปิดเพลงวนไปวนมาในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นแรกๆก็ใช้เทป คาสเซ็ท เป็นตัวเก็บข้อมูล บริษัทอย่าง แอปเปิ้ล (Apple) และ ฮิวเล็ต แพคการ์ด (Hewlett Packard) ก็ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีไดรฟ์สำหรับคาสเซ็ท เทป ติดตั้งอยู่ภายใน

เริ่มเสื่อมมนต์ขลัง
เทปคาส เซ็ทยังคงมีความนิยมอยู่จนกระทั่งถึงยุคดิจิตอล ในช่วงยุค 90 คอมพิวเตอร์เริ่มมีฮาร์ดไดรฟ์ ซีดี-รอม ไดรฟ์ และฟลอปปีดิสก์ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลในเทปคาสเซ็ทอีกต่อไป

แผ่นคอมแพค ดิสก์ (Compact Disc: CD) ที่เริ่มผลิตใน ค.ศ. 1982 มีราคาไม่แพงนักเมื่อเทียบกับเทปคาสเซ็ท แต่ในแง่ของประสิทธิภาพแล้ว ดูเหมือนว่าแผ่นซีดีจะเหนือกว่าอยู่หลายด้าน ทั้งความจุข้อมูลที่มากกว่าและความสามารถในการรักษาคุณภาพเสียง ทำให้ผู้ใช้ยุคนี้พร้อมที่จะอ้าแขนรับแผ่นซีดี และในขณะเดียวกันก็ปล่อยให้เทปคาสเซ็ท กลายเป็นเทคโนโลยีรุ่นเก่าที่เสื่อมถอยตามกาลเวลา


เรียบเรียงข้อมูลจาก
http://www.ehow.com/about_5071119_history-cassette-tape.html#ixzz1LrCE3AgY










A TDK D-C60 cassette, a common speech-quality tape with a 60-minute playing time, in a housing similar to that of the original Compact Cassette specification ,

Philips trademark name Compact Cassette. 1962-1964 (2505-2507)







Philips EL3302 Cassette Recorder 1968

Compact Cassette - Wikipedia, the free encyclopedia

เครื่องบันทึกเสียงรุ่นนี้...เป็นของ Philips' ออกจำหน่ายในปี 1968 (2511)...บางทีแจ้งว่าปี 1963 (2506)

Philips - Wikipedia, the free encyclopedia

ในปี 2519 เครื่อง APPLE II ได้นำเทปเทปคาสเซ็ทมาใช้ในการบันทึกข้อมูล (Single Board / ET-Board ก็ใช้เทคนิคเดียวกันกับ APPLE II ในการบันทึกข้อมูลลงเทปเทปคาสเซ็ท )




Philips PM85 Pocket Memo Tape Recorder 1967 (2510)

Dusty Tape Recorders & Players



.

 

ขอบพระคุณที่ท่านช่วยค้นคว้าข้อมูลเรื่อง เทปคาสเซ็ท ครับ

 

เพิ่งจะได้ฟังธรรมะ มาเมื่อเร็วๆนี้ มีบางตอนกล่าวถึงเขื่อนภูมิพลว่า ไม่เห็นว่าแตก จนไปถึงร้อยกว่าปี จนเขื่อนหมดอายุใช้งาน จึงระเบิด สร้างใหม่

 

คุณ Karan

ก่อนที่จะไปไกลถึงขั้นวิเคราะห์ว่าผู้คนตีความคำพูดของปลาบู่ผิดหรือเปล่า

ผมว่า พิสูจน์ให้ได้ก่อนเหอะว่าทั้งหมดนั้นมาจากปากเด็กชายปลาบู่จริงๆ

หากกระดุมมันผิดตั้งแต่เม็ดแรก ที่เหลือมันก็ผิดหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้น่าเชื่อถือแล้วครับ

คุณ Karan กระโดดข้ามไป โดยสมมุตเอาเองว่าเด็กชายปลาบู่พูดเรื่องดังกล่าวจริง

ทั้งๆ ที่เป็นกระดุมเม็ดที่สำคัญที่สุด

แต่คุณ Karan ไม่มีการพิสูจน์การมีตัวตน และการพูดของเด็กชายปลาบู่เลย

ข้ามไปบอกว่า ไม่โืทษลุงทองใบที่แกไม่ได้อัดเทปไว้ เพราะเป็นใครก็คงไม่เชื่อ

ซึ่งการที่คุณ Karan พูดดังกล่าว เสมือนกับยืนยันว่ามีการพูดทำนายจริง จากเด็กชายปลาบู่

ทำให้ผู้ที่เข้ามาอ่านเขาสรุปขึ้นในใจว่ามีการทำนายจริง

เป็น False Logic ครับ

 

"โดยส่วนตัวผมเชื่อครับ ว่า ดช ปลาบู่ คือ พระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตตรัย จริง ที่เชื่อไม่ใช่เพราะฟังต่อๆกันมา แต่เชื่อด้วยเหตุผล ทางวิทยาศาสตร์ ทางดาราศาสตร์ ทางพุทธศาสตร์" สรุปว่ายังบ้ากันไม่เลิก ยังไงๆก็ต้องลุ้นให้มันเกิดขึ้นให้ได้ใช่ไหม ถามหน่อยเถอะ ถ้าเชื่อว่า ปลาบู่เป็นพระศรีย์จริงๆ แล้วเวลานี้พ่อปลาบู่ออกจากคุกหรือยังนี่ เฮ้อ!เป็นถึงพระผู้โปรดสัตว์โปรดโลก พ่อตัวเองยังไมีปัญญาช่วยไม่ได้เลย แล้วจะช่วยสัตว์ช่วยโลกได้หรือนี่ แล้วกาลามสูตรที่พระพุทธเจ้าสอนว่าไม่ให้เขื่ออะไรง่ายๆ ท่านหมายถึงเวลาให้เชื่อในความสมเหตุสมผล ถ้าแปลง่ยๆเลย เวลาจะเชื่ออะไร ให้ตรึกตรองให้ถี่ถ้วนก่อน แล้วปัจฉิมโอวาสของพระพุทธเจ้า ที่ว่า " จงดํารงตนให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท " มันคนละเรื่องกันนะ ตัวอย่าง คนกับหมาเป็นสัตว์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนกับหมาจะเหมือนกันนะครับ เฮ้อ!ยิ่งอ่านยิ่งคิดตูยิ่งกลุ้ม!กุ้มจายไม่ โลกหนอทำไมถึงมีคนเพี้ยนเช่นนี้หนอ

 

มีท่านที่เป็นบุุคลที่ 3 คือ...คุณยายกาญจนา...ที่ได้ยินเรื่องคำทำนายนี้...มากว่า 30 ปี...และหลังจากเด็กชายปลาบู่ตาย...1 ปี...จึงได้รู้จักกับคุณลุง

ไม่รวมถึงชาวบ้านที่ว่า...คุณลุงแกบ้า (ทองใบบ้า)...มานานแล้ว

อันนี้น่าจะยืนยัน...เรื่องราวนี้...มีมากว่า 30 ปีได้ (ไม่ใช่เพิ่งจะสร้างเรื่องขึ้น)

ปล.ไม่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงใดๆ...เรื่องคำทำนาย...นะครับ


ลองค้นรูป ด.ช.ปลาบู่





พิศวง คำทำนายดช.ปลาบู่

19-12-2554 | 18:01 l ชมทั้งหมด 79135


[ คลิปรายการ] http://ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=376&d=169438



ทีมเจาะประเด็น ได้ลงพื้นที่ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเด็กชาย "ปลาบู่" โดยเป้าหมายแรก คือการไปสืบเสาะหาความจริงกับนักเขียนนวนิยายชื่อดัง เขียนเรื่อง ผู้กองยอดรัก และผู้ใหญ่ลีกับนางมา นั่นก็คือคุณกาญจนา นาคนันทน์ ซึ่งถูกอ้างว่า รู้เรื่องราวของดช.ปลาบู่ รู้จักกับพ่อของเด็ก ปัจจุบันคุณกาญจนาอายุกว่า 91 ปี คุณยายกาญจนา เล่าให้ฟังว่า คำทำนายของ"เด็กชายปลาบู่" เป็นที่ร่ำลือของชาวบ้านที่นี่ มานาน 30 กว่าปีแล้ว และตนเคยรับรู้เรื่องนี้มานานแล้วเช่นกัน กระทั่งมารู้จักกับนายทองใบ คำสี พ่อของปลาบู่ หลังจากปลาบู่เสียชีวิตได้ 1 ปี ในการประชุมกลุ่มเกษตรกรที่อำเภอโป่งน้ำร้อน โดยนายทองใบ เล่าว่า ก่อน"ปลาบู่"จะเสียชีวิต ได้เล่าเรื่องการระลึกชาติ ว่าเคยเกิดเป็นอดีตพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์ และยังทำนายเรื่องภัยพิบัติของประเทศไทยให้ฟัง จึงอยากมาปรึกษา เพื่อ จะได้นำเรื่องราวไปเผยแพร่ตามที่ปลาบู่สั่งเสียไว้

นายทองใบ คำสี ได้จดจำคำบอกเล่าของลูกชายไว้ โดยคุณยายกาญจนา ยอมรับว่า น่าทึ่งระคนแปลกใจ เพราะหลายเรื่องเป็นความรู้ด้านประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหง กรุงศรีอยุธยา และ กรุงรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพ ที่ปลาบู่ เด็กชายวัย 6 ขวบ บอกไว้เมื่อ 37 ปีที่แล้วว่า"เจ้าพระยาตอนหนึ่งจะโค้งเหมือนกระเพาะหมู หรือคนสมัยโบราณเรียกว่า คอคอดลูกน้ำเต้า หรือเกือกม้า ตรงนี้ให้ทำเขื่อน เปิด-ปิด เวลาน้ำขึ้น-น้ำลง ซึ่งภายหลังก็เกิดขึ้นแล้ว คือคลองลัดโพธิ์ โครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 นั่นเอง"

ตัวคุณยายกาญจนาเอง เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด และเชื่อว่าเด็กชาย"ปลาบู่" ระลึกชาติได้จริง เพราะบริเวณนี้ สมัยก่อนเป็นป่า ไม่มีเทคโนโลยี บ้านเรือนก็ปลูกห่างกัน ไม่มีโอกาสที่นายทองใบ ซึ่งจบประถมสี่ จะรู้ข้อมูลมากมายก่อนมาเล่า แต่ก็อยากให้ทุกคนเลือกเชื่อเฉพาะที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะคำทำนายเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วม แนวทางป้องกัน รวมถึงแผ่นดินไหว เพื่อจะได้หาทางรับมือ พร้อมยืนยันว่า นายทองใบ ไม่ได้บ้า

ตลอด 37 ปีที่ผ่านมา คนที่ได้ฟังนายทองใบ คำสี เล่าสิ่งที่ลูกชาย"ปลาบู่" ระลึกชาติและคำทำนายเรื่องภัยพิบัติ คนส่วนใหญ่มองว่า ไม่น่าเป็นไปได้ จนตั้งฉายาว่า"ตาใบ-บ้า" ทีมข่าวเจาะประเด็น จึงตามไปจนพบกับนายทองใบ คำสี เพื่อพิสูจน์ความจริง รวมถึงสอบถามคำทำนายที่ฮือฮาเกี่ยวกับภัยพิบัติที่ต้องระวังในปี 2555

ทีมข่าวเจาะประเด็น ได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 234/2 หมู่ 1บ้านตามูล ต.ทรายขาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ซึ่งปากทางติดป้ายไว้ด้วยว่า"สวนศรีมหาโพธิ์" จนได้พบกับนายทองใบ คำสี หรือ ตาทองใบ อายุ 73 ปี ได้ออกมาต้อนรับ พร้อมกับพาทีมข่าวเดินทางไปยังสวนศรีมหาโพธิ์ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากตัวบ้าน เป็นบริเวณที่ตั้งของศาลา"สุทัศน์ เทพไพฑูรย์ ที่ตาใบบอกว่า เป็นชื่อของ"ปลาบู่"ลูกชาย ที่ตั้งให้ใหม่

ตาทองใบ เล่าว่า ตนเองมีลูกอยู่ 5 คน คนที่ 3 เป็นลูกชายคนเดียว ก็คือเด็กชายปลาบู่ เกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2511
ปลาบู่ เกิดมาก็เหมือนเด็กปกติทั่วไป รูปร่างหน้าตาน่ารัก เฉลียวฉลาด ตอนอายุประมาณ 3-4 ขวบ มีชาวต่างชาติมาขอเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ด้วย พอปลาบู่ไปคลุกคลีไม่นาน ก็สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เรื่องราวพิศวง เกิดขึ้นเมื่อราวเดือนมิถุนายน 2517 ปลาบู่มาบอกกับตาทองใบว่า จะตายภายใน 15 วัน ให้ไปซื้อเทปคาสเซ็ทมาอัดเสียงไว้ แต่ตาทองใบไม่ได้ทำตาม เพราะไม่คิดว่าลูกชายจะตายจริงๆระหว่างนั้นปลาบู่ ก็ได้เล่าเรื่องหลายเรื่องให้พ่อฟัง โดยเล่าว่าอดีตชาติ เคยเวียนว่ายตายเกิดเป็นพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ รู้เรื่องราวความเป็นไปของประเทศไทยดี และยังทำนายภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น ตั้งแต่ปี 2517 หลายเรื่องทั้งในและต่างประเทศเช่นระบุว่า อีก 27 ปี หรือปี 2544 จะมีเครื่องบินชนตึก ,อีก 30 ปี หรือ ปี 2547 จะเกิดคลื่นยักษ์มีคนตายจำนวนมาก อีก 35 ปี หรือ ปี 2552 จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในต่างประเทศ และยังนิมิตเห็นภัยพิบัติในกรุงเทพฯ คล้ายเหตุน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมารวมถึงทำนายภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในปี 2555

ปลาบู่ บอกให้ตาทองใบ เป็นสื่อ ไปบอกเล่าภัยพิบัติเหล่านี้ ให้คนไทยระวัง ซึ่งตาทองใบ ยอมรับ ในตอนแรกไม่เชื่อคิดว่าลูกพูดเพ้อเจ้อแต่หลังจากนั้นปลาบู่ก็เริ่มป่วย และเสียชีวิต ลงใน 15 วัน ตามที่บอกพ่อไว้ แพทย์ระบุภายหลังว่าเป็นเนื้องอกในสมอง เสียชีวิตวันที่ 10 กรกฎาคม 2517 ตาทองใบ จึงเริ่มเชื่อ และทำทุกอย่างตามที่ "ปลาบู่" สั่งไว้ก่อนตาย โดยเล่าคำทำนายเรื่องภัยพิบัติ แนวทางป้องกัน โดยทำมานานกว่า 37 ปีและนี่คือหลักฐานกระดาษที่เขียนด้วยลายมือของตาทองใบ เมื่อวันที่ 5 พ.ย.1992 หรือ 19 ปีมาแล้ว ที่มีการวาดภาพคอคอดน้ำเต้า หรือคลองลัดโพธิ์ ตามคำบอกเล่าของปลาบู่ รวมถึงการนำเหล็กรางรถไฟมาเสริมป้องกันเขื่อนให้แข็งแรงรับแรงแผ่นดินไหว ทุกวันนี้คำบอกเล่าของปลาบู่ ถูกเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว
ยอมรับว่ามีข้อมูลบางอย่างผิดเพี้ยนไป

ชาวบ้านในตำบลทรายขาว ต่างรู้เรื่องราวเกี่ยวกับภัยพิบัติจากคำบอกเล่าของ"เด็กชายปลาบู่" มานานกว่า 30 ปี ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าไม่มีใครเชื่อ เพราะคิดว่าตาทองใบเสียสติ เพราะเสียใจที่ลูกชายมาด่วนเสียชีวิต แต่เมื่อมีหลายเหตุการณ์ในอนาคตตรงกับคำทำนาย จึงเริ่มปักใจเชื่อ

ปลาบู่ได้สั่งเสียก่อนตาย ว่าเขาจะกลับมาเกิดอีกครั้ง เป็นเณรและออกมาธุดงค์ช่วยพ่อสร้างวัด"สุทัศน์เทพไพฑูรย์" ให้พ่อปลูกต้นโพธิ์ล้อมที่ดินแปลงหนึ่งไว้ซึ่งทุกวันนี้ ตาทองใบ คำสี ได้ทำทุกอย่างตามที่ลูกบอก และรอคอยการกลับมาเกิดใหม่ของเด็กชายปลาบู่"ลูกชาย" สำเร็จลุล่วงหรือไม่ อย่างไร ชมต่อในวันพรุ่งนี้

ดูคลิบรายการได้ที่

http://ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=376&d=169438


.

 

คุณ ZZ

1) คุณยายกาญจนาได้ยินมาจากปากพ่อปลาบู่นะครับ ไม่ใช่ได้ยินจากปากปลาบู่จริง

2) และคุณยายกาญจนาไม่ได้ระบุว่าเมื่อ 37 ปีที่แล้ว พ่อปลาบู่พูดเรื่องอะไรบ้าง พ่อปลาบู่แกอาจจะพูดแค่เรื่องปลาบู่ระลึกชาติได้และเคยเกิดเป็นคนโน้น คนนี้ ส่วนเรื่องภัยพิบัติต่างๆ แกอาจจะมาเล่าย้อนหลัง หลังจากเกิดเหตุการณ์ต่างๆ แล้ว และผู้คนจำสับสนกลายเป็นเรื่องเล่า 30 กว่าปี

คุณยายกาญจนาไม่ได้พิสูจน์การมีตัวตน หรือพิสูจน์ว่าเด็กชายปลาบู่เป็นผู้พูดเองหรือพ่อเป็นผู้พูด

 

ผมเอาข้อมูลที่ขัดแย้งกันอีกจุดมาให้ดู จากที่คุณ ZZ โพสมา

คุณยายกาญจนา รวมทั้งผู้คนอื่นๆ ที่เชื่อพ่อปลาบู่ คิดเอาเองว่าพ่อปลาบู่เป็นชาวบ้านจบ ป 4 ไม่มีความรู้อะไรที่จะแต่งเรื่องเหล่านั้นขึ้นมาเอง

ผมขอให้กลับไปฟังที่พ่อปลาบู่ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ฟังให้ดีๆ

จะจับได้ว่าแกเป็นคนที่มีความรู้ทางด้านช่าง และชอบแสดงความสามารถทางด้านช่างของแก

แต่แกพยายามทำเป็นพูดคำศัพท์ต่างๆ ไม่ถูก เช่น สึนามิ วิดีโอ ฯลฯ เพื่อให้เห็นว่าแกไม่มีความรู้อะไรทางด้านเทคโนโลยี หรือข่าวสารเลย แม้แต่คำพื้นๆ เช่น คำว่า วิดีโอ แกก็ยังพูดไม่ค่อยถูก

แต่แกกลับพูดคำอื่นๆ เช่น คำว่า ริกเตอร์ คำว่า ซีดี ได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามแต่อย่างใด เพราะแกโกหก การแสดงออกของแกมันจึงไม่ consistent กันครับ

 

ครับ...เรื่องได้ยินจากปาก...ด.ช.ปลาบู่คงมีแต่...คุณลุงคนเดียว (เพราะแกเฝ้าไข้ลูกชายคนเดียว)

ประเด็นนี้จึง...คุณ Leeporter กล่าวได้ถูกต้องแล้ว...ครับ

แต่...ที่จะชวนให้คิดต่อไปคือ...ลุงทองใบ...แกถูกชาวบ้าน (และแม้แต่คุณยายกาญจนา)...ว่า...ทองใบ-บ้า...มาถึง 37 ปี

อันนี้...ผมใช้เทียบเคียง...ว่า...แกไม่ใช่เพิ่งจะ...พูดเรื่องนี้....ครับ (แกอาจเสียใจเรื่องลูกชายตายอย่างที่ชาวบ้านว่ามาก็ได้ครับ)

ดังนั้น...ผมจึงสรุป...ในขั้นต้นว่า...เรื่องนี้มีมากว่า 30 ปี ( 37ปี , ไม่ใช่เพิ่งจะสร้างเรื่องขึ้นมา)....ครับ


ส่วนเรื่องข้อมูลขัดแย้ง

ผมขอให้คุณ Leeporter .... พิจารณา...พื้นที่กระเพาะหมู (คลองลัดโพธฺ์)...ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริ

37 ปีที่แล้ว...ยังไม่มีใครทราบเรื่อง...การสร้างคลองลัดโพธิ์...เพื่อระบายน้ำท่วม กทม.เลย...แม้แต่ลุงทองใบ

อันนี้น่าจะยืนยันได้ว่า...ถึงแม้คุณลุงจะไปมาระหว่างไทย-ซาอุดิอารเบีย...ก็ไม่มีคลองลัดโพธิ์...ให้อ้างอิงแน่....ครับ





.

 

ถูกต้องครับ ทำไมคนจึงเรียกแก่ว่าคนบ้ามากว่า 30ปี?

หากแกทำนายเหตุการณ์ถูกมาตลอด คนจะเรียกแกว่าคนบ้าหรือครับ? เขาต้องเรียกแกว่า เทวดา!

ที่คนเรียกแกว่าคนบ้าก็เพราะพ่อปลาบู่แกพูดแค่เรื่องปลาบู่ระลึกชาติได้และเคยเกิดเป็นคนโน้น คนนี้ เท่านั้น

ส่วนเรื่องภัยพิบัติต่างๆ แกมาเล่าย้อนหลัง หลังจากเกิดเหตุการณ์ต่างๆ แล้ว แต่ผู้คนจำสับสนกลายเป็นเรื่องเล่า 30 กว่าปีเอาเมื่อเร็วๆ นี้

แล้วมีใครยืนยันเรื่องว่าแกพูดเรื่องคลองลัดโพธ์มาตั้งแต่ 30 ปีกว่าได้ครับ
คุณยายกาญจนาก็ไม่สามารุหาหลักฐานยืนยันได้ว่าแกพูดเรื่องนี้มา 30 กว่าปีแล้ว

คุณ ZZ อ่านที่คุณยายกาญจนาพูดให้ดีสิครับ

แกพูดว่า

"แต่ก็อยากให้ทุกคนเลือกเชื่อเฉพาะที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะคำทำนายเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วม แนวทางป้องกัน รวมถึงแผ่นดินไหว เพื่อจะได้หาทางรับมือ พร้อมยืนยันว่า นายทองใบ ไม่ได้บ้า"

ทำไมแกจึงพูดให้เลือกเชื่อบางเรื่องเท่านั้น หากทุกอย่างป็นเรื่องจริง แกจะพูดอย่างนั้นทำไมครับ
ที่แกพูดอย่างนั้นได้ ก็เพราะแกเองก็ทราบดีว่าพ่อปลาบู่ไม่ได้พูดทุกเรื่องตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว และแกทราบดีว่าบางเรื่องเป็นเรื่องไม่จริง (โกหกนั่นแหล่ะ)

เรื่องทั้งหมด หากเราสรุปได้เพียงเรื่องเดียวที่ไม่จริง ทั้งหมดก็จะไม่จริงไปด้วย เพราะมันแสดงให้เห็นเจตนาอันไม่บริสุทธิของลุงทองใบครับ

 

ขอเป็นกำลังใจให้คุณKaran20อีกคนค่ะ

 

จะไปยากตรงไหนกันก็ไปถามพวกที่ได้มโนมยิทธิสิครับ ขนาดนรก สวรรค์ยังไปเป็นว่าเล่น อดีต อนาคต รู้หมด ไม่น่าจะยากน๊ะแค่เผยความจริงให้กระจ่างpig_ballet

 

ตกลงว่ายายกาญจนาหาว่าตา ทองใบ บ้าหรือไม่บ้ากันแน่ครับ
ลองดูตรงนี้น๊ะครับ

1.โพสของคุณ Leeporter

ยกตัวอย่างคำพูดยายกาญจนามา "แต่ก็อยากให้ทุกคนเลือกเชื่อเฉพาะที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะคำทำนายเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วม แนวทางป้องกัน รวมถึงแผ่นดินไหว เพื่อจะได้หาทางรับมือ พร้อมยืนยันว่า นายทองใบ ไม่ได้บ้า"

2.โพสของคุณZZ

ครับ...เรื่องได้ยินจากปาก...ด.ช.ปลาบู่คงมีแต่...คุณลุงคนเดียว (เพราะแกเฝ้าไข้ลูกชายคนเดียว)

ประเด็นนี้จึง...คุณ Leeporter กล่าวได้ถูกต้องแล้ว...ครับ

แต่...ที่จะชวนให้คิดต่อไปคือ...ลุงทองใบ...แกถูกชาวบ้าน (และแม้แต่คุณยายกาญจนา)...ว่า...ทองใบ-บ้า...มาถึง 37 ปี ตรงนี้เป็นคำพูดของยายกาญจนาด้วยใช่ไหม หรือ คุณ ZZ กล่าวขึ้นมาเอง เอาให้เคลีย ๆหน่อยนะครับ

บอกตรง ๆ งง สรุปว่ายายกาญจนาบ้าเองหรือเปล่า เอาให้เคลียนะครับ ขนาดพยานคนเดียวกันแท้ ๆ แต่คำให้การมันขัดแย้งกันเห็น ๆ WoW

 

ขออภัยครับ...ในคลิบรายการ...คุณยายแกไม่เชื่อ (ในตอนแรกครับ)

 

ผมอยากให้กลับไปฟัง (ไม่ใช่อ่าน) ที่พ่อปลาบู่เล่า

จะเห็นความพยายามในการแสดงให้เห็นว่าแกไม่มีความรู้ โดยการ "พยายาม" พูดคำเทคนิคบางคำหรือชื่อบุคคลทางประวัติศ่าตร์บางคนให้ผิดๆ ซึ่งสำหรับคนอย่างพ่อปลาบู่แล้ว มันยากกว่าพูดให้ถูกเสียอีก

ตามรอยพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ - YouTube

มันแสดงให้เห็นความพยายามโกหก

หากคุณบริสุทธิใจ และเรื่องทั้งหมดออกจากปากเด็กชายปลาบู่จริง มีเหตุผลใดที่คุณต้อง "พยายาม" ทำให้เหมือนกับไม่ใช่ออกจากปากคุณเอง โดยการจงใจพูดผิดพูดถูก?

ทั้งนี้ ผมยังไม่ขอวิเคราะห์สีหน้า ดวงตาของแกขณะพูดนะ เอาแค่วิธีการพูดของแกก็พอ

ผมยืนยันว่าแกพูดโกหก

ผู้ที่เชี่ยวชาญพฤติกรรมขณะโกหก สามารถบอกได้อย่างงายดายเลยว่าแกโกหกหรือไม่