คำทำนายภัยพิบัติที่แม่นยำ และการปกป้องภัยพิบัติ ของพระมหาโพธิสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาล

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย ลุงมหา, 15 กันยายน 2011.

  1. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    พิจารนา ให้ดีๆนะครับ จะดูผู้อื่น ต้องดูตัวเองก่อนเสมอ

    ขออนุญาตครับ

    จากข้อคิดข้อเขียนของคุณนั้น ขอพิจารนาให้คร่าวๆก่อน

    คุณบอกว่า คุณอยากสนทนาธรรม แล้ว หัวข้อที่ผมเขียนเป็นหัวข้ออะไร อยู่ห้องไหน

    คนปฏิบัติธรรมนั้นเขาจะผ่าน สมถะก่อน แล้วไปผ่าน สติ-สมาธิ ในระดับที่รู้ตัว
    พิจารนา ใคร่ครวญ ไตร่ตรอง กุศลกรรมบทสิบอยู่ตลอดเวลา
    แล้วผ่านการไตร่ตรอง มงคลสามสิบแปด มากน้อยตามภูมิรู้ภูมิธรรมของตน

    จุดที่ผมไม่อยากจะสนทนาธรรมกับคุณก็เพราะว่า

    คุณขาดความนอบน้อมถ่อมตน
    คุณอ้างพระไตรปิฎกอยู่ตลอดเวลา
    คุณยกชื่อผมไปเอ่ยอ้างในกระทู้อื่นๆ

    ศิษย์สายธรรมยุตินั้น เขาจะเชื่อคำสอนของท่านอาจารย์ปู่ทวด หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ท่านสอนท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัณโน ว่า

    ๑. กิเลสอยู่ที่ใจ ไม่ต้องไปตามหาที่ไหน
    ๒. ท่านมหา เรียนรู้อะไรมาลืมให้หมดเลยนะ
    ๓. อยากรู้อะไรให้ปฏิบัติเอา

    หรือจะเอาอีกข้อคือ ท่านอาจารย์ปู่ท่านเพิ่มเติมให้อีกว่า

    ๔. ธรรมใดๆ ล้วนเป็นสิ่งโกหก หลอกลวงทั้งสิ้น ถ้าธรรมนั้นๆไม่ได้รู้ด้วยการปฏิบัติ

    หัวข้อที่ ๔ นี้ ท่านเน้นเป็นพิเศษ ก็เพราะว่า ธรรมของพระพุทธองค์นั้น
    ทั้งละเอียด ละออ ทั้งกว้าง ทั้งลึก การจะยกเอาส่วนใดส่วนหนึ่งออกมาอ้างนั้นทำไม่ได้

    เพราะผู้ยกออกมาต้องมีความรู้จากการปฏิบัติสูงพอ ที่เข้าใจครอบคลุมทั้งหมด

    ที่ผมเขียนมาหลายตอนก่อนหน้านี้ คุณยังไม่เข้าใจอะไรเลย

    คุณต้องหาครูบาอาจารย์เก่งๆ ที่น่าเชื่อถือได้ เอาเอง

    ขออนุโมทนา

    ลุงมหา

     
  2. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ผมศึกษาอยู่ท่านหนึ่งนะครับ หลวงปู่สาวกโลกอุดร ธัมมปาโล ตอนนี้ผมก็ปฏิบัติอยู่ครับ จริงอย่างท่านบอก เราต้องทำให้ได้ก่อนถึงจะบอกคนอื่นได้ ผมจะปฏิบัติให้ได้ ให้มีสภาวะธรรมรองรับแล้วจึงชี้แนะคนอื่นต่อ ขอบคุณที่ให้คำแนะนำครับผม ผมถือว่าลุงมหาเป็นผู้ชี้นำขุมทรัพย์ให้
     
  3. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    แล้วคุณจะเข้าใจได้อย่างไร?

    ขออนุญาตครับ

    จากที่ผมเล่าคราวก่อน
    ผมเดินทางเยอะมากๆ ผมมีครูบาอาจารย์เยอะมากๆ
    แต่ว่าผมเริ่มจากไม่รู้อะไรเลย
    ครูบาอาจารย์ผมท่านสอนแค่ว่า

    "ให้ปฏิบัติสมาธิภาวนา"
    "หายใจเข้า ภาวนาว่า พุทธ"
    "หายใจออก ภาวนาว่า โธ"

    ท่านสอนแค่นี้จริงๆ ผมก็เรียนรามฯไป ภาวนาไป
    ผ่านไป ๖ ปีไม่ได้ไปถามใครเลย
    ผมใช้เวลาแค่ ๖ ปี เริ่มปฏิบัติ ไปจนถึง การมีสติอยู่ตลอดเวลาที่ยังตื่นอยู่
    ในเวลา ๖ ปี นี้ ภาวนาอย่างเดียว
    รู้อะไร เห็นอะไร ปล่อยทิ้งหมด

    หลังจากมีสติตลอดเวลาแล้ว ผมถึงได้ ออกถามครูบาอาจารย์ว่า จะไปไหนต่อ
    ถามหลายๆอาจารย์ ก็ได้หลายๆความเห็น

    ผมเห็นคุณแล้ว ที่เที่ยวแบกคำภีร์ใบลานเต็มหัว
    แล้วคุณจะปฏิบัติไปได้อย่างไร

    เคยได้ยินที่ครูบาอาจารย์ท่านว่า
    "ผ้าขาว จึงจะวาดภาพออกมาได้ง่าย ออกมาได้สวย"
    "ถ้าผ้าสี หรือผ้าที่เคยวาดภาพไว้แล้ว ต้องเอาสีขาวทาทับก่อน"
    "ก่อนปฏิบัติ รู้อะไรให้ลืมให้หมด อยากรู้อะไรให้ภาวนาเอา"

    แล้วคุณยังไปศึกษาแนวทางที่ครูบาอาจารย์ท่านละขันธ์แล้ว
    ติดขัดจะไปถามใคร ศืษย์รุ่นหลังจะเก่งเหมือแนครูบาอาจารย์หรือไม่

    ก็หลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่โลกเทพอุดร ท่านยังตอบคำถามหลวงปู่ขาวว่า

    "คณะของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มีการสอน การปฏิบัติ ใกล้เคียงกับพระพุทธองค์มากที่สุด"

    แถมท่านยังมีสถานีวิทยุเสียงธรรม อีก ร้อยกว่าสถานีทั่วประเทศ เปิดวิทยุฟังที่ไหนก็ได้

    คำสอนของหลวงตามหาบัว ครอบคลุมเกือบจะทั้งหมด ออกอากาศ ๒๔ ช.ม

    ถ้าคุณยังเพ่นพ่านอยูในเว็บอย่างนี้
    ถ้าคุณยังเที่ยวแบกคำภีร์ใบลานอยู่อย่างนี้

    อนาคตทางธรรมคงไปได้แค่ "ปฏิบัติยาก รู้ยาก"
    ตามเหตุปัจจัยนั่นล่ะครับ

    ขออนุโมทนา

    ลุงมหา

     
  4. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ขออนุญาตครับ
    ขออธิบายนิดหนึ่งนะครับ ผมไม่ได้ติดใบลานนะครับ เพราะผมไม่เคยได้อ่านได้ศึกษาเลยด้วยย้ำ เห็นในเว็ปนี้มีพุทธพุจน์เลยเข้าไปดู พบว่ามีข้อความที่น่าจะเป็นประโยชน์เลยเอามาลง
    ผมศึกษาด้วยตนเอง ไม่มีครูบาอาจารย์เลยไม่ติดเรื่องครูบาอาจารย์ แต่ผมก็ได้อ่านหลักธรรมการปฏิบัติมาจากหลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว ที่ท่านว่าปฎิบัติใกล้เคียงกันมาแล้ว
    ผมก็สงสัยนิดหนึ่งว่าท่านทำมาถึงหกปี แต่ความคืบหน้าแค่มีสติรู้แค่นั่นหรือผมเสียดายเวลาจริงๆ
    ท่านบอกว่าท่านมีสติระลึกรู้อยู่กับกาย ผมมีความคิดเห็นว่า การดับสตินั่นจึงจะถูก ดับทั้งตัวสติและตัวกิเลส ปัญญาทางโลกีย์ ดับความคิดทั้งอารมณ์ แล้วปลายห้วงของสัญญาเวทยิตนิโรธ ก็จะเกิดเป็นเป็นปัญญาทางโลกุตระ ทรงอารมณ์ไว้อย่างน้อย หนึ่งชั่วโมง ถ้าท่านปฏิบัติได้ตามนี้ค่อยมาสนทนากัน
    แต่ถ้าท่านยังยึดมั่นถือมั่น ผมก็คงจะไม่มีอะไรจะพูด เรื่องมานะ เก้าประการ กับ เรื่องของทิฏฐิ นั่นทำให้ไปถึงมรรคผลนิพพานได้อยาก
    เพราะตอนนี้ผมเน้นถึงเรื่องการพ้นทุกข์ อะไรที่นอกจากนี้พระพุทธเจ้าของเราก็ไม่ได้ทรงเน้นเท่ากับเรื่องปฏิบัติให้ถึงความพ้นทุกข์
    อย่าหาว่าผมสอนท่านเลยนะครับ เพราะผมไม่กล้าสอนใครหรอก ตอนนี้ผมก็กำลังปฏิบัติอยู่ จะถึงช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับผมเองแล้วกัน ผมก็คงจะพูดแค่นี้
    เพราะตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน และ ธรรมะ
    เเต่ถ้าท่านยังคิดว่าความเห็นของท่านถูกต้องที่สุดแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดขึ้นอยู่กับบุญบารมีของท่านแล้วกัน
     
  5. Candle_Flame

    Candle_Flame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +240
    สวัสดีครับคุณลุงมหา
    ผมจะเดินทางไปที่พระใหญ่ชัยภูมิประมาณวันที่ 17 พ.ค. ครับ(ยังไม่รู้เส้นทางเลยครับ แต่ดูจากแผนที่ใน Google บ้างแล้ว) ผมจะไปร่วมบุญถวายปัจจัยที่นั่นได้หรือเปล่าครับ ผมจะเดินทางจากระยองไปที่วังน้ำเขียวก่อนและจะขึ้นไปที่พระใหญ่ชัยภูมิ และขึ้นไปเพชรบูรณ์ต่อครับ<O:p</O:p
    ส่วนเรื่องการปฏิบัติผมเองก็ยังไม่มีครูบาอาจารย์สอนโดยตรง แต่ก็ยึดแนวทางจากการอ่านหนังสืออานาปานสติของหลวงพ่อพุทธทาสครับ ขอให้คุณลุงมหาเมตตาชี้แนะผมด้วยครับ <O:p</O:p
    ขอบคุณครับ
    Candle_Flame
     
  6. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ถามหลายเรื่อง ก็ขอตอบหลายเรื่องครับ

    ขออนุญาตครับ

    ผมก็ได้ส่ง อีเมล์และเบอร์โทรไปให้ ก็ไม่เห็นคุณติดต่อมา

    ไม่เป็นไรหรอกครับ ตามสะดวกก็แล้วกัน

    การจะร่วมทำบุญกับพระใหญ่ กับท่าน อ.ทิพากร นั้น ไม่ใช่ง่ายๆนะครับ
    ถ้าคุณไม่มีความตั้งใจจริงจังพอ ก็จะเป็นไปได้ยากมากๆ

    คุณต้องอุทิศเวลาอย่างพอเพียง ญาติธรรมใหม่ๆ แม้ไปถึงงานแล้ว
    ก็เกิดอาการกระวนกระวาน ห่วงหน้า พะวงหลัง
    จะไปโน่นต่อบ้าง จะไปนี่ต่อบ้าง บ้านอยู่ไกลต้องรีบกลับบ้าง
    สาระพัด จนอดทนรอไม่ได้ ก็หนีไปเสีย กลางคัน

    วิธีที่ง่ายที่สุด คือ ดูตารางเปิดบุญ ว่า ท่าน อ.ทิพากร
    ท่านจะไปเปิดบุญที่ไหน เมื่อไร ก็เลือกเอาที่ใกล้ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    โทรถาม เจ้าภาพ ตามเบอร์โทรที่ให้ไว้ แล้วเผื่อเวลาการเดินทางให้พอเพียง

    อย่างนี้จึงจะพอเป็นไปได้ ถ้าคุณคิดแค่ว่า ถ้าว่างก็จะไป
    ถ้าประจวบเหมาะก็จะไป คงจะยากน่าดู โอกาสพบเจอ แทบจะไม่มี

    เพราะท่าน อ.ทิพากร ท่านมีภาระกิจ หมายกำหนดการต่างๆมาก
    ในสองสามปีที่ผ่านมานี้ ท่านนั่งอยู่บนรถยนต์ มากกว่าทำอย่างอื่นทั้งหมด

    แล้วการเดินทางด้วยรถยนต์ในบ้านเรา กะเวลาลำบากมากๆ

    ก็พิจารนาเอานะครับ สละเวลาให้เต็มที่ เลือกพบเลือกเจอท่าน ใกล้บ้านคุณมากที่สุด

    เรื่องการปฏิบัติ การอ่านหนังสืออานาปานสติของหลวงพ่อพุทธทาสนั้น

    ผมไม่แนะนำครับ เพราะท่านพาปฏิบัติแบบ ไม่มีคำภาวนา
    ที่แม้แต่องค์หลวงปู่มหาบัว ถ้าใช้วิธีนี้ ท่านก็บอกว่า
    "เอาตัวไม่รอด เหมือนตกนรกทั้งเป็น"
    ที่ท่านว่าอย่างนี้ก็เพราะว่าท่านเจอด้วยตนเอง

    ปฏิบัติเท่าไรๆ จิตก็ไม่รวม ร้อนรุ่มเหมือนไฟสุม
    สุดท้ายต้องมาปฏิบัติแบบมีองค์ภาวนา จึงเอาตัวรอดมาได้

    อยู่ระยอง ก็ลองฟังสถานีวิทยุเสียธรรมนะครับ

    96.25 วัดธรรมสถิตย์ หลังเขายายดา
    103.25 บางละมุง พัทยา

    ปฏิบัติแบบไหนก็ดีหมดละ่ครับ
    ถ้าจะไห้แนะนำ ก็แบบ ธรรมยุติ ดีที่สุด ถูกผิด ช้าเร็วหาคนสอนได้ง่าย
    ฟังสถานีวิทยุเสียงธรรมเอาเองก็ได้

    ขออย่างเดียว อย่าอยากได้ฤทธิ์ได้เดช เดี๋ยวกู่ไม่กลับ
    อยู่อนุบาลแท้ๆ เข้าใจว่าตัวเอง จบปริญญาเอกก็มี

    ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
    ขอขอบพระคุณครับ
    ลุงมหา


     
  7. XP

    XP Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +54
    ด้วยความเคารพ ไม่ได้ลบหลู่ แต่สงสัยครับ ผมไปเห็นข้อความจากลิ้งค์ด้านล่าง เค้าบอกว่า หลวงปู่สิมเคยทำนายไว้ (ลงไปดูที่ผมทำสีแดงไว้นะครับ)
    แล้วตกลง ที่บอกว่าอาจารย์ทิพากรก็เคยเป็นช้างป่าลิไลยกะ นี่คือยังไงครับ

    *********************
    http://www.gmwebsite.com/Webboard/Topic.asp?TopicID=Topic-100517222249767

    ในหลวงจักได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ในอนาคตกาล

    จากการที่ได้หาโอกาสศึกษาและมีวาสนาได้กราบไหว้ใกล้ชิดพระอัจฉริยเถราจารย์ผู้ทรงคุณธรรมเบื้องสูงจำนวนมาก ตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ได้รับการบอกกล่าวถึงเรื่องอันพิเศษๆเป็นอันมาก ที่นอกเหนือจากสามัญมนุษย์ทั่วไป ซึ่งไร้ซึ่งญาณปรีชาจะพึงทราบชัดให้ถูกถ้วนตามความเป็นจริงได้เป็นอันเอนกปริยาย ดังที่ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมะและความรู้รอบตัวต่างๆเป็นธรรมวิทยาทานมาโดยลำดับ ความย่อมเป็นที่แจ้งใจอยู่โดยทั่วไปแล้วนั้น

    บัดนี้ เป็นกาลอันสมควรแล้ว ที่จะได้นำเอาเรื่องราวที่บรรดาพระอริยคณาจารย์ทั้งหลาย ที่ได้เคยกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาแสดง เพื่อน้อมถวายความจงรักภักดีแด่พระมหาธรรมราชา ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐแห่งประชาชาติไทยพระองค์นั้น และเพื่อยังความเป็นสวัสดิมงคลอันยิ่งให้บังเกิดขึ้นแก่แผ่นดินและมหาชนทั้งหลายสืบไปตราบชั่วจิรัฏฐิติกาล...
    "ในหลวงพระองค์นี้ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์นะ..!!!!"
    พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต(ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ)วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร
    สำหรับปฐมเหตุที่ทำให้ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯกล่าวความเช่นนี้ ก็เกิดมาจากการที่ท่านได้กล่าวเตือนญาติโยมบางรายที่ไปนมัสการว่า
    "การที่คุณเอาธนบัตรที่มีรูปในหลวงไปใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงนั้น ไม่ดีเลย เพราะในหลวงท่านเป็นพระโพธิสัตว์ การเอาพระรูปของท่านไปไว้ในที่ต่ำอย่างนั้น ย่อมบังเกิดโทษเป็นอันมาก ทีหลังอย่าพากันทำ..!!?!"
    และความเป็น"พระโพธิสัตว์"ของในหลวงนั้น ก็เป็นถึงระดับ"นิยตโพธิสัตว์"ผู้เที่ยงแท้ต่อพระโพธิญาณในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นอย่างแท้จริงด้วย

    สมจริงดังที่หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่ ได้กล่าวรับรองไว้ด้วยองค์เองทีเดียวว่า
    "ครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนามเคยเป็นช้างนาฬาคิริง ส่วนในหลวงองค์ปัจจุบันเป็นช้างป่าเลไลยก์นะ..!!!!!"

    ภควา อันว่าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแห่งเรา ตรัสพระสัทธรรมเทศนาว่า เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระนามว่า พระติสสะสัพพัญญูพุทธเจ้า เสด็จล่วงลับดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานสิ้นกาลช้านานแล้ว ฯ

    ในลำดับนั้น อันว่าช้างปาลิไลยหัตถีตัวนี้ก็เป็นพระบรมโพธิสัตว์สร้างพระบารมีมาเป็นอันมาก จักได้ตรัสเป็นสมเด็จพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระสุมงคล ในอนาคตกาลพระสุมงคลทศพลญาณเจ้านั้น มีพระองค์สูงได้ ๖๐ ศอก พระชนมายุมีประมาณแสนปีเป็นกำหนด ไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ประดับด้วยพระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่าง ดังสีทองเป็นอันงามประดุจกลางวัน แล้วจะบังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง ห้อยย้อยไปด้วยสิ่งของเครื่องประดับ มีประการต่างๆ ด้วยพระพุทธานุภาพ ฝูงมนุษย์ทั้งหลายในพระศาสนาของพระสุมงคล มิได้กระทำซึ่งกสิกรรม วาณิชกรรม ได้อาศัยซึ่งต้นกัลปพฤกษ์นั้น ประพฤติเลี้ยงชีวิตแห่งอาตมา มนุษย์ทั้งหลายมีความผาสุกสบาย ขวนขวายแต่การเล่นเต้นรำแต่งตัวอยู่เป็นนิจ เสมอเหมือนเทพบุตร เทพธิดา ซึ่งได้ทิพยสมบัติในสวรรค์เทวโลกฯ สมเด็จพระสุมงคลทศพลญาณเจ้า ก่อสร้างพระบารมีมาทั้ง ๑๐ ประการ จึงสำเร็จแก่พระพุทธสมบัติเห็นปานดังนี้ ฯ อันว่ากองพระบารมีครั้งหนึ่ง พระองค์กระทำมาแต่ยังเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่นั้น ปรากฏเป็นปรมัตถบารมีอันยิ่งยอดอย่างเอกอุดมทาน ฯ
    เพราะด้วยเหตุที่ท่านเจ้าคุณพระญาณสิทธาจารย์(สิม พุทฺธาจาโร)ซึ่งเป็นพระขีณาสวสงฆ์ผู้ทรงญาณวิสัยอันลึกล้ำ สามารถแทงตลอดในการทุกสิ่งอัน และได้แจ้งในใจในพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในอนาคตวงศ์ภายภาคหน้าเป็นอย่างดีที่สุด หลวงปู่สิมจึงได้ถวายความจงรักภักดีในพระองค์ท่านอย่างยิ่ง แม้ตราบเท่าวาระสุดท้ายแห่งชีวิตท่านอย่างน่าซาบซึ้งประทับใจที่สุด ไม่มีใดจะเทียมทันได้ ซึ่งการทั้งปวง อาจเข้าไปชมได้ในหัวข้อ"จงรักภักดีด้วยชีวิต"
    "พระองค์มัวแต่เป็นห่วงคนอื่น แต่ไม่ทรงห่วงพระองค์เองบ้างเลย.."
    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่
    ครั้งหนึ่ง มีผู้พูดถึง"ผู้ยิ่งใหญ่"ระดับประเทศบางท่านให้หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี พระมหาโพธิสัตว์ใหญ่ที่หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน นครราชสีมากล่าวรับรองไว้ด้วยองค์เองว่า"เป็นหนึ่งในสิบแห่งอนาคตพุทธวงศ์เบื้องหน้า"ฟัง สังเกตว่า ดูหลวงพ่ออุตตมะท่าน"เฉย"มากๆ ก่อนที่จะปรารภออกมาอย่างราบเรียบที่สุด เหมือนมิได้ไยดีใดๆว่า
    "เขาไม่ได้ทำประโยชน์อะไรมากเหมือนกับในหลวงหรอก..!!!!!"
     
  8. XP

    XP Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +54
    ด้วยความเคารพ ไม่ได้ลบหลู่ แต่สงสัยครับ ผมไปเห็นข้อความจากลิ้งค์ด้านล่าง เค้าบอกว่า หลวงปู่สิมเคยทำนายไว้ (ลงไปดูที่ผมทำสีแดงไว้นะครับ)
    แล้วตกลง ที่บอกว่าอาจารย์ทิพากรก็เคยเป็นช้างป่าลิไลยกะ นี่คือยังไงครับ
    พอดีไปถามไว้อีกกระทู้แต่เห็นกระทู้เก่าแล้วเลยมาลงถามดูครับ

    ***************************************
    http://www.gmwebsite.com/Webboard/To...00517222249767

    ในหลวงจักได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ในอนาคตกาล

    จากการที่ได้หาโอกาสศึกษาและมีวาสนาได้กราบไหว้ใกล้ชิดพระอัจฉริยเถราจารย์ผู้ทรงคุณธรรมเบื้องสูงจำนวนมาก ตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ได้รับการบอกกล่าวถึงเรื่องอันพิเศษๆเป็นอันมาก ที่นอกเหนือจากสามัญมนุษย์ทั่วไป ซึ่งไร้ซึ่งญาณปรีชาจะพึงทราบชัดให้ถูกถ้วนตามความเป็นจริงได้เป็นอันเอนกปริยาย ดังที่ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมะและความรู้รอบตัวต่างๆเป็นธรรมวิทยาทานมาโดยลำดับ ความย่อมเป็นที่แจ้งใจอยู่โดยทั่วไปแล้วนั้น

    บัดนี้ เป็นกาลอันสมควรแล้ว ที่จะได้นำเอาเรื่องราวที่บรรดาพระอริยคณาจารย์ทั้งหลาย ที่ได้เคยกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาแสดง เพื่อน้อมถวายความจงรักภักดีแด่พระมหาธรรมราชา ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐแห่งประชาชาติไทยพระองค์นั้น และเพื่อยังความเป็นสวัสดิมงคลอันยิ่งให้บังเกิดขึ้นแก่แผ่นดินและมหาชนทั้งหลายสืบไปตราบชั่วจิรัฏฐิติกาล...
    "ในหลวงพระองค์นี้ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์นะ..!!!!"
    พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต(ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ)วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร
    สำหรับปฐมเหตุที่ทำให้ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯกล่าวความเช่นนี้ ก็เกิดมาจากการที่ท่านได้กล่าวเตือนญาติโยมบางรายที่ไปนมัสการว่า
    "การที่คุณเอาธนบัตรที่มีรูปในหลวงไปใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงนั้น ไม่ดีเลย เพราะในหลวงท่านเป็นพระโพธิสัตว์ การเอาพระรูปของท่านไปไว้ในที่ต่ำอย่างนั้น ย่อมบังเกิดโทษเป็นอันมาก ทีหลังอย่าพากันทำ..!!?!"
    และความเป็น"พระโพธิสัตว์"ของในหลวงนั้น ก็เป็นถึงระดับ"นิยตโพธิสัตว์"ผู้เที่ยงแท้ต่อพระโพธิญาณในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นอย่างแท้จริงด้วย

    สมจริงดังที่หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่ ได้กล่าวรับรองไว้ด้วยองค์เองทีเดียวว่า
    "ครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนามเคยเป็นช้างนาฬาคิริง ส่วนในหลวงองค์ปัจจุบันเป็นช้างป่าเลไลยก์นะ..!!!!!"

    ภควา อันว่าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแห่งเรา ตรัสพระสัทธรรมเทศนาว่า เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระนามว่า พระติสสะสัพพัญญูพุทธเจ้า เสด็จล่วงลับดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานสิ้นกาลช้านานแล้ว ฯ

    ในลำดับนั้น อันว่าช้างปาลิไลยหัตถีตัวนี้ก็เป็นพระบรมโพธิสัตว์สร้างพระบารมีมาเป็นอันมาก จักได้ตรัสเป็นสมเด็จพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระสุมงคล ในอนาคตกาลพระสุมงคลทศพลญาณเจ้านั้น มีพระองค์สูงได้ ๖๐ ศอก พระชนมายุมีประมาณแสนปีเป็นกำหนด ไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ประดับด้วยพระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่าง ดังสีทองเป็นอันงามประดุจกลางวัน แล้วจะบังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง ห้อยย้อยไปด้วยสิ่งของเครื่องประดับ มีประการต่างๆ ด้วยพระพุทธานุภาพ ฝูงมนุษย์ทั้งหลายในพระศาสนาของพระสุมงคล มิได้กระทำซึ่งกสิกรรม วาณิชกรรม ได้อาศัยซึ่งต้นกัลปพฤกษ์นั้น ประพฤติเลี้ยงชีวิตแห่งอาตมา มนุษย์ทั้งหลายมีความผาสุกสบาย ขวนขวายแต่การเล่นเต้นรำแต่งตัวอยู่เป็นนิจ เสมอเหมือนเทพบุตร เทพธิดา ซึ่งได้ทิพยสมบัติในสวรรค์เทวโลกฯ สมเด็จพระสุมงคลทศพลญาณเจ้า ก่อสร้างพระบารมีมาทั้ง ๑๐ ประการ จึงสำเร็จแก่พระพุทธสมบัติเห็นปานดังนี้ ฯ อันว่ากองพระบารมีครั้งหนึ่ง พระองค์กระทำมาแต่ยังเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่นั้น ปรากฏเป็นปรมัตถบารมีอันยิ่งยอดอย่างเอกอุดมทาน ฯ
    เพราะด้วยเหตุที่ท่านเจ้าคุณพระญาณสิทธาจารย์(สิม พุทฺธาจาโร)ซึ่งเป็นพระขีณาสวสงฆ์ผู้ทรงญาณวิสัยอันลึกล้ำ สามารถแทงตลอดในการทุกสิ่งอัน และได้แจ้งในใจในพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในอนาคตวงศ์ภายภาคหน้าเป็นอย่างดีที่สุด หลวงปู่สิมจึงได้ถวายความจงรักภักดีในพระองค์ท่านอย่างยิ่ง แม้ตราบเท่าวาระสุดท้ายแห่งชีวิตท่านอย่างน่าซาบซึ้งประทับใจที่สุด ไม่มีใดจะเทียมทันได้ ซึ่งการทั้งปวง อาจเข้าไปชมได้ในหัวข้อ"จงรักภักดีด้วยชีวิต"
    "พระองค์มัวแต่เป็นห่วงคนอื่น แต่ไม่ทรงห่วงพระองค์เองบ้างเลย.."
    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่
    ครั้งหนึ่ง มีผู้พูดถึง"ผู้ยิ่งใหญ่"ระดับประเทศบางท่านให้หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี พระมหาโพธิสัตว์ใหญ่ที่หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน นครราชสีมากล่าวรับรองไว้ด้วยองค์เองว่า"เป็นหนึ่งในสิบแห่งอนาคตพุทธวงศ์เบื้องหน้า"ฟัง สังเกตว่า ดูหลวงพ่ออุตตมะท่าน"เฉย"มากๆ ก่อนที่จะปรารภออกมาอย่างราบเรียบที่สุด เหมือนมิได้ไยดีใดๆว่า
    "เขาไม่ได้ทำประโยชน์อะไรมากเหมือนกับในหลวงหรอก..!!!!!"
     
  9. ทองกร

    ทองกร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +0
    ^^

    ญาณหรือฤทธิ์ต่างๆ ท่านก็มีแล้ว ขาดก็แต่อาสวักขยญาณ
    อาจจะไม่ถึงกับทศพลญาณซะทีเดียวแต่ก็เกือบๆ
    ถึงท่านจะละกิเลสได้ไม่เท่าพระอริยเจ้า
    แต่ระยะเวลารวมถึงความยากในการสร้างบารมีนั้นเทียบกันไม่ได้จริงๆ

    หากเปรียบข้าวสุกเป็นพระนิพพานแล้วนั้น
    พระโพธิสัตว์เทียบได้กับชาวนาที่หุงข้าวให้สาวกภูมิกิน
    แต่ท่านเริ่มตั้งแต่ถางหญ้า เตรียมดิน ปลูกและเกี่ยวข้าว สีแล้วหุงให้กิน
    สาวกภูมิมีหน้าที่กินข้าวสวยพร้อมเสิร์ฟเท่านั้น
    แต่พุทธภูมิกลับต้องทิ้งข้าวนั้นกินไม่ได้ กลับไปเตรียมดินปลูกข้าวใหม่
    ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะบารมีเต็ม หิวเหลือเกินแต่กินไม่ได้ทั้งที่รู้วิธีทำดีที่สุด
    แต่เพราะสงสารเมตตาสัตว์โลก
    นี่คือความยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์ โดยเฉพาะองค์ที่บารมีเต็ม

    หากไม่มีเทวดามาช่วยสืบต่อพระศาสนาแล้ว อยู่ไม่ครบ 5000 ปีแน่นอน
    ตอนนี้ก็ได้เทวดา รวมถึงเทวดาในร่างมนุษย์มาช่วยสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ
    สถาบันศาสนาก็เสื่อมไปบ้างแล้ว ที่เหลือดีอยู่อาจจะพลังไม่พอต้านภัยพิบัติ
    เพราะตอนนี้มารเป็นใหญ่เหลือเกิน คนดีที่ไม่กลัวอะไรอาจไปนิพพานก่อน
    แต่คนหมู่มากที่ไม่รู้เหนือใต้จำเป็นต้องมีคนใจดีมาช่วยสงเคราะห์
    อาจจะเป็นการทำบุญสร้างกุศลก่อนก็ยังดี อะไรที่ดีก็ทำไปให้หมด
    แต่ความจริงการสร้างพระใหญ่ก็เป็นปัจจัยให้ถึงพระนิพพานได้เป็นอย่างดี
    มหาสาวกทั้งหลายท่านก็เคยช่วยพระพุทธเจ้าสมัยเป็นพระโพธิสัตว์สร้างบารมีทั้งนั้น

    อย่าได้ดูหมิ่นพระโพธิสัตว์เลย เพราะการจะเป็นครูต้องไปทุกที่ ไม่ว่าจะเดรัจฉานหรือนรก ไม่งั้นจะพาคนหมู่มากไปนิพพานได้อย่างไร
     

แชร์หน้านี้

Loading...