คำบูชา พระอุปคุต หรือ พระบัวเข็ม และประวัติ

ในห้อง 'รวมบทสวดมนต์และคาถา' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 17 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คำบูชา พระอุปคุต
    หรือ พระบัวเข็ม<O:p</O:p

    การตั้งบูชา นิยมการตั้งบูชาบนฐานรองรับ อยู่กลางภาชนะใส่น้ำ เป็นการจำลองคล้ายกับท่านจำพรรษาอยู่ในมหาสมุทร แล้วใช้ดอกมะลิลอยในน้ำบูชา และต้องตั้งต่ำกว่าพระพุทธ เนื่องจากเป็นพระอรหันต์ สาวกของพระพุทธเจ้า<O:p
    <O:p
    คำบูชาพระอุปคุต<O:p

    อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร สัมพุทเธนะ วิยากะโต มารัญจะ มาระพะลัญจะ โส อิทานิ มะหาเถโร นะมัสสิตะวา ปะติฎฐิโต อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง จะ มาหาเถรัง ยัง ยัง อุปัททะวัง ชาตัง วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ <O:p
    หรือ (แบบย่อ) อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร ยักขาเทวา นะระปูชิโต โสระโห ปัจจะ ยาทิมปิ มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ<O:p</O:p

    (เกิดโชคลาภและคุ้มกันภัยภิบัติอันตรายทั้งปวง)<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    คำบูชาพระมหาอุปคุต<O:p</O:p

    นโม ๓ จบ<O:p</O:p

    พระมหาอุปคุตโต พระมหาอุปคุตตัง จะมหาเถโร สัพเพชะนา พะหูชะนา อิถีชะนา มามังพุทธะจิตตัง จะมหาลาโภ พุทธะธัมโม จะมหาลาภัง พุทธะสังฆัง จะมหาสัจจัง สัพพะลาภัง ภะวันตุเม ฯ<O:p</O:p
    อุปคุตตะ จะมหาเถโร สัพพะเสน่หาปุพชิโต โสระโห อุปะคุตะ ปัจจะยา ธิมะหิ อุตตะโม โหติ สัพพะทุกขะ สัพพะภะยะ สัพพะโรคะ พุทธา ธัมมา สังฆา อานุภาเวนะ วินาสสันติ ฯ<O:p</O:p

    (นิยมสวดบูชาพระบัวเข็ม หรือ พระธาตุอุปคุต)<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    คำบูชาขอลาภพระอุปคุต<O:p</O:p

    มหาอุปคุตโต จะมหาลาโภ พุทโธลาภัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ราชาปุริโส อิถีโยมานัง นะโมโจรา เมตตาจิตตัง เอหิจิตติจิตตัง ปิยังมะมะ สะเทวะกัง สะพรหมมะกัง มะนุสสานัง สัพพะลาภัง ภะวันตุเม ฯ<O:p</O:p
    เอหิจิตติ จิตตังพันธะนัง อุปะคุตะ จะมหาเถโร พุทธะสาวะกะ อานุภาเวนะ มาระวิชะยะ นิระภะยะ เตชะปุญณะตา จะเทวะตานัมปิ มะนุสสานันปิ เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ อิมังกายะ พันธะนัง อะทิถามิ ปะอัยยิสสุตัง อุปัจสะอิ ฯ<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    วิธีสวดขอลาภ<O:p</O:p

    ให้จุดธูปเทียนบูชา พร้อมกับดอกไม้หอม เครื่องหอมน้ำหอมต่างๆ เทหยดใส่ในขันน้ำมนต์ ณ ที่บูชาพระในร้านค้าขาย หรืออาคารสำนักงาน แล้วอธิษฐานขอให้กลิ่นควันธูปเทียน ลมพัดไปทางไหน ของให้ดลใจผู้คนเข้ามาอุดหนุนตลอด ขอให้ดำเนินกิจการด้วยความราบรื่น มีความสำเร็จสมปรารถนาทุกประการ เมื่ออธิษฐานจุดธูปเทียนบูชาแล้ว ให้สวด นะโม ๓ จบ และสวดคำบูชาขอลาภพระอุปคุต จบ แล้วทำน้ำมนต์สวดด้วย คำบูชาขอลาภพระมหาอุปคุต อีก ๑ จบ เสร็จแล้ว เอาน้ำมนต์ประพรมร้านค้า และสินค้าในร้านค้า หรือทำธุรกิจ ก็ให้เอาน้ำมนต์ประพรมภายในสำนักงานและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำธุรกิจนั้นทั้งหมด<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คาถาพระมหาอุปคุตผูกมาร<O:p</O:p

    นโม ๓ จบ<O:p</O:p

    มหาอุปคุตโต มหาอุปคุตตัง กายะพันทะนัง อมยิสะ พุทธังทะเถโร ธัมมังทะเถโร สังฆังทะเถโร ปะอัยยะสุตัง อุปัจสะอิ อิมังกายะพันทะนัง อะทิถามิ ฯ<O:p</O:p
    (คาถาพระมหาอุปคุตผูกมาร มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์มาก เสกด้วยสายสิญจน์ทำเป็นมงคลสวมคอ หากปลุกเสกครบ ๑๐๘ ครั้งสามารถป้องกันภูตผีปีศาจทั้งปวง และป้องกันอุปัทวอันตรายต่างๆ ถ้าเสก ๓ - ๗ คาบ ผูกคอหรือคล้องคอคนถูกผีเจ้าเข้าสิง จะเจ็บปวดร้องครวญครางโหยหวยอย่างน่าเวทนา ถ้าจะให้ผีที่สิงอยู่ออกไป ให้ถอดหรือแก้ด้ายผูกคอออก แล้วเอาด้ายนี้ตีปัดตามตัวคนที่ถูกผีสิงอยู่ ผีจะอยู่ไม่ได้จะเผ่นออก และไม่กล้ากลับมารบกวนคนในบ้านอีก และยังมีการปลุกเสกในทางพิชิตโรคาพาธได้วิเศษนัก)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คำบูชาพระบัวเข็ม<O:p</O:p

    นโม ๓ จบ<O:p</O:p

    กิจจะมาคะอุปคุตโต อะมะหาเถโร สัมพุทเธวิยาคะโต มาระรัญจะ โสอิทานิ จะมะหาเถโร นะมัดปะสิทตะวาปะ ถิติโกอหัง วันทามิ พาเนวะอุปคุตตัง จะมะ หาเถรัง ยังยังอุปัทธะวังชาติ วิทังเสนติ อะเสสะโต นโมพุทธายะ<O:p</O:p
    พระบัวเข็มจะมะหาเถโร สัพพะลาภังภะวันตุเม อิติปิโสภะคะวา พุทโธชัยโย ธัมโมชัยโย สังโฆชัยโย เมตตา ฉิมพาลีจะมะหา เถโร สัพพะลาภัง ตะวันตุเม ฯ<O:p</O:p
    ชัยยะตัง ปัตถะพีตับภัง สามินโท โสราชาปูเชมิ ฯ<O:p</O:p

    <O:p</O:p


    หรือ<O:p</O:p

    จิตติจิตติ มิตติเอหิมะมะ อุปปะคุตโต จะมะหาเถโร นานาปาระมิ สัมมะปัณโน อิติปิโสภะคะวา มะอะอุเมตตา จะมะหาราชา สัพพะสะเนหา จะปูชิตา สัพพะทุกขัง มะหาลาภัง สัพพะโกพัง วินาสสันติ
    [b-wai] [b-wai] [b-wai]
     
  2. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ที่เราได้สิทธิ์ในการใช้คาถาของพระมหาอุปคุตถ์นั้นคล้ายๆกัน มีท่อนสำคัญๆ ในหลายๆบทข้างบนมารวมกัน เคยเห็นอานุภาพว่า ในโลกภายใน หากภาวนาแบบนั้นแล้วจะมีศีลธรรมพวกนึงจะมาจับหรือมัดสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่

    การใช้คาถาให้ขลังได้นั้น ควรได้จากภายใน จะมีอานุภาพสมบูรณ์มากกว่าที่ไปเจอคาถาทั่วไปแล้วเอามาท่อง เพราะมนต์หรือคาถาต่างๆนั้น อานุภาพ อยู่ที่โลกภายใน หากเราได้สิทธิ์ในการใช้จริง ไม่ว่าจะภาวนา อยู่โลกภายนอกหรือโลกภายใน จะมีสิ่งมาทำหน้าที่ เช่น บทสำคัญๆในยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก หากเราได้สิทธิ์ในการใช้ จะรู้ด้วยตัวเองว่าเป็นบทไหน บางทีใช้สั้นๆก็ได้แล้ว หรือ คาถาพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ หากจิตเราถึงและได้สิทธิ์ในการใช้ เมื่อภาวนา ท้าวจตุโลกบาล ท่านจะส่งลูกน้องของท่านมาดูแลทันที หากไม่ได้สิทธิ์ในการใช้ ก็ต้องระวัง เพราะคาถานี้เป็นคาถาปราบ หากใช้แล้วไม่มีอานุภาพ เดี๋ยวพวกที่เขาเดือดร้อนจากการใช้คาถาเหล่านั้น จะมาเล่นงานคืนแหละ

    คาถาที่ขลังจริงๆ มีพลังสูงๆนั้น ต้องปฏิบัติให้ถึงเจ้าแห่งคาถาคือ "พระเวทย์" แล้วเรียนกับท่าน ถึงตอนนั้น ภาษาที่ใช้จะไม่จำกัดแล้ว บางทีภาวนาออกมาฟังไม่เป็นภาษามนุษย์หรอก ส่วนมากมักเป็นภาษาเทพ ภาษาพรหม ซะมากกว่า บางทีพวกนาคเขาก้จะให้ใช้ภาอีกแบบนึง

    ปัจจุบันนี้เวลาสวดมนต์เราไม่ค่อยได้ใช้ภาษาบาลีมากนัก พอจิตเข้าถึงความสงบ ก็จะเปลี่ยนภาษาไปตามภพภูมิที่เขาต้องการฟังเสียงสวดมนต์นั้นๆ

    หรือเวลาแผ่เมตตาหรือโปรดสัตว์ ก็มักใช้ภาษาที่ไม่ใช่ภาษามนุษย์เพราะจะมีพลังมหาศาลและได้ผลดีกว่าภาษาทั่วๆไป เข้าใจว่ามีภาษากลางๆของโลกจิตวิญญาณด้วย แต่ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าภาษาอะไร อย่างเวลาพวกเทพบางจำพวก ขอให้เราแนะนำธรรมะบางข้อให้ พอบอกเป็นภาษาของเขาสักพักนึง แล้วก็ให้เขาพูดให้ฟังว่าเราพูดว่าอะไรบ้าง เขาก็พูดให้เราฟังได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ก็สงสัยว่าทำไมเขาจำได้เร็วจัง เขาบอกว่า เป็นการเรียนจาก "จิตสู่จิต" น่ะ ซึ่งก็น่าจะจริง เพราะจากประสบการณ์หากเราได้เรียนรู้คาถาจากโลกภายใน แม้จะยาวๆ ตื่นมาก็จะจำได้หมด ก็คงจะเป็นการเรียนแบบ จิตสู่จิต เช่นกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2005
  3. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,998
    ค่าพลัง:
    +5,064
    จริงๆ หาอะไรที่น้อมจิตให้มีพลังให้มากได้นั่นสิ่งสำคัญใช่ไหมครับ?
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. Jirang

    Jirang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,252
    ขอเพิ่มเติมข้อมูลครับ ได้จากหนังสือของพระใบฎีกาศาสน์ สาสโน เจ้าอาวาสวัดพระนอน อ. เมือง จ. แม่ฮ่องสอน ซึ่งท่านได้ค้นคว้าข้อมูลจากภาษาพม่า ไทยใหญ่ และภาษาไทยหลายฉบับครับ

    ท่านว่าคนส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดว่า
    1. พระอุปคุตเป็นผีเฝ้าน้ำ อยู่ในน้ำตลอด ต้องทำศาลให้อยู่ เช่นศาลเจ้าที่ตามที่ภาคเหนือเคยทำกัน
    2. พระอุปคุตเป็นอันเดียวกันกับพระบัวเข็ม

    วิธีการบูชาพระอุปคุตมีดังนี้ครับ
    1. น้ำเย็นวันละ 1 แก้ว ธูปหอม 3 ดอก
    2. ดอกมะลิหรือดอกบัวขาว หรือดอกอะไรก็ได้
    3. ถวายข้าว, กล้วย, ขนม ทุกเช้า หรือทุกวันพระ ห้ามถวายประเภทสิ่งมีชีวิต เช่นเนื้อ ปลา เป็นต้น (ให้ถวายมังสะวิรัติ)
    4. เวลาจัดงาน ให้จัดโต๊ะพิเศษ อันเชิญพระอุปคุตมาตั้งไว้ พร้อมบูชาเครื่องสักการะตลอดงาน อย่าให้ไฟดับ

    อานิสงส์การบูชาพระอุปคุต
    1. จะเป็นสิริมงคลชุ่มเย็นตลอด
    2. ป้องกันภัยพิบัติและแคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆและอุบัติเหตุทั้งหลาย
    3. เป็นผู้ชนะมารและศัตรูที่จะมาปองร้ายเราทั้ง 10 ทิศ
    4. เป็นผู้มีอำนาจวาสนาดี ไม่มีใครข่มเหงรังแก
    5. เป็นที่เคารพนับถือและเกรงกลัวของคนทั้งหลาย
    6. เป็นผู้กินไม่หมด มีโชคลาภอยู่ตลอดเหมือนพระอุปคุตล้วงบาตร

    [​IMG]

    คาถาบูชาพระอุปคุต

    สวด 3, 5, 7, 9 คาบ หรือครบตามอายุของผู้สวด สวดเวลาจะนอนหรือตื่นเช้าหรือเวลาเดินทางดีนักแล

    อุปคุตโตจะมหานาโมมาเรนะระปูชิโตชินะตังกัตวาจะ
    สัพพะอันตะราโย สัพพะอุปัททะโว สัพพะอะวะมังคะโล
    วินัสสันตุ อะเสสโต อุปคุตโต มะหิทธิโก จะอุปะคุตตะ
    มหาเถระคุณัง เอตัง สวัสดิลาภัง สุขังชะยัง ภะวันตุเม
    อะหังวันทามิ สัพพะทา
     
  6. ligore

    ligore เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +5,807
    ขอบคุณครับ
     
  7. kosabunyo

    kosabunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,045
    พึ่งจะได้มาครับ 3 องค์เลย มีเนื้อทองเหลือง 1 เนื้อตะกั่ว 2 ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2007
  8. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    พระมหาอุปคุต ท่านยังอยู่ครับ ท่านยังไม่เข้าพระนิพพาน ท่านอยู่ที่สะดือทะเล บริเวณนั้นมีปราสาท 3 ฤดู ครับ ผมเคยกำหนดจิตไปขอแก้วต่างๆจากท่านมาประดับองค์พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ หลวงพ่อพระมหาวีระ คณะ 5 วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ท่านแนะนำให้ขอแก้ว จาก พระมหาอุปคุต ครั้งแรกท่านนำจิตไป พอครั้งหลังๆ ก็ไปเอง

    มาในช่วงหลัง หากประกอบพิธีสำคัญๆ ก็จะอาราธนาบารมีของท่านมาคุ้มครองเสมอ
     
  9. ศรีศักดิ์วิชัย

    ศรีศักดิ์วิชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2008
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +336
    อยากทราบคาถาบูชา
    พระนางพิมพายโสธรา
    ครับ
     
  10. สวนะ

    สวนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +201
    ตักบาตรเที่ยงคืน วันเพ็ญพุธ 15 ค่ำ ถวายพระอุปคุต

    เมื่อท่าน จขกท. กล่าวถึงคำบุชา พระอุปคุต
    ทำให้ดิฉันระลึกถึงวันตักบาตรเที่ยงคืน ในวันเพ็ญ 15 ค่ำ ที่ตรงกับวันพุธ
    เพื่อเป็นการบูชาพระอุปคุต (ซึ่งกระทำสืบเนื่องมาจากประเทศพม่า) พระอุปคุตท่านมีอิทธิฤทธิ์มาก จำพรรษาในมหาสมุทร
    เคยช่วยยับยั้งพญามารไม่ให้ไปทำลายในพิธีสำคัญของในสมัยพุทธกาลโน่น..แต่ไม่ทราบในละเอียดค่ะ
    แม้แต่พญามารยังต่อต้านฤทธิ์ของพระอุปคุตไม่ได้เลยค่ะ
    ครอบครัวก็บูชาพระอุปคุตเช่นกัน จะวางไว้ในภาชนะที่มีนำล้อมรอบ
    เสมือนอยู่กลางมหาสมุทรเช่นนั้น

    ส่วนการตักบาตรเที่ยงคืน จะกระทำทุกปีของทางภาคเหนือค่ะ ..โดยเริ่มตักบาตรเที่ยงคืนไปจวบจนรุ่งสางวันใหม่
    ปีนี้ตรงกับวันอังคารที่ 17 มิถุนายนนี้ เริ่มเวลาเที่ยงคืนไปนะคะ

    ดิฉันมีโอกาสไปร่วมกับญาติเมื่อปีที่แล้ว.. ทำให้เราทราบว่า
    ประชาชนศรัทธาเลื่อมใสกันมา ..ริมฝั่งถนนจะมีผู้คนมารอใส่บาตรจำนวนมากมายเลยค่ะ..

    แต่คนถิ่นอื่นอาจสงสัยว่า การใส่บาตรเที่ยงคืนไป ไม่ถือว่าผิดพระวินัยสงฆ์หรือ..
    ดิฉันไม่ขอออกความเห็นใดๆ ค่ะ..
    รู้แต่ว่าเป็นประเพณีที่ทำสืบต่อมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว
    ศรัทธาในพระรัตนตรัย..ทำแล้วปีติกันทั่วหน้า..

    หากผู้รู้ท่านใดอธิบายถึงสาเหตุที่ต้องใส่บาตรเที่ยงคืน ได้ ก็ช่วยบอกกล่าว เพื่อเป็นธรรมทานด้วยค่ะ ..สาธุ ..สาธุ.. สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2008
  11. runcnx

    runcnx Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2008
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +47
    ตำนานการตักบาตรพระอุปคุตหรือตักบาตรเที่ยงคืน มีกล่าวไว้ว่า
    ในอดีตมีแม่ค้าจะไปตลาดเพื่อไปขายของ ระหว่างที่หาบของไปตลาด ก็ต้องตกใจ
    ที่เห็นพระมาบิณฑบาตรตั้งแต่เที่ยงคืน ตอนแรกก็ตกใจกลัวคิดว่าเป็นผีมาหลอก
    แต่เมื่อรวมสติได้ก็พิจารณาสมณรูปก็นิมนต์แล้วเอาของมาถวายใส่บาตร พระอมกับก้มกราบรับพรจากพระรูปนั้น ซึ่งท่านก็บอกว่าเป็นพระอุปคุต ผลกุศลครั้งนั้นพร้อมแรงอธิษฐาน แม่ค้าคนนั้นก็เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม มีเงินทองระดับเศรษฐีและมีสุขภาพที่ดีทั้งครอบครัว จนเป็นประเพณีการตักบาตรพระอุปคุตหรือตักบาตรเที่ยงคืนทางภาคเหนือมาจนถึงทุกวันนี้ ผมเองตอนอยู่ที่เชียงใหม่ก็ปฏิบัติมาหลายครั้งถ้าวันพระขึ้น 15 ค่ำ ตรงกับวันพุธ ปีนี้ตรงกับวันที่ 18 มิ.ย.51 จะใส่บาตรวันอังคารที่ 17 มิ.ย. ตอนเที่ยงคืน ใครมีโอกาสก็น่าจะทำดูครับเพราะเป็นกุศลที่นานๆ เราจะได้ตักบาตรพระอุปคุตตอนเที่ยงคืน สาตุ๊
     
  12. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    http://palungjit.org/showthread.php?p=1652017#post1652017
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นาคา [​IMG]
    http://palungjit.org/showthread.php?t=133746
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD width="100%">พุทธศาสนา </TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG] ตักบาตรเที่ยงคืนวันพุธขึ้น 15 ค่ำ (วันที่18 มิ.ย. 2551) </TD></TR></TBODY></TABLE>

    พระที่12<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1279060", true); </SCRIPT> ;

    [​IMG]

    ในวันเป็งปุ๊ดปีนี้ พุธที่ 18 มิถุนายน 2551. พุทธศาสนิกชน (ชาวเหนือ) ที่มีความศรัทธา จะเตรียมของสำหรับใส่บาตรตอนเที่ยงคืนที่พระมาบิณฑบาต ตามถนนสายต่างๆ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    ประเพณีนี้ มาจากความเชื่อที่ว่า
    วันขึ้น 15 ค่ำ ที่ตรงกับวันพุธ พระอุปคุตมหาเถระท่านจะมาโปรดสัตว์หลังจากออกนิโรธสมาบัติ อธิฐานอิทธิฤทธิ์แปลงเป็นสามเณรน้อยออกบิณฑบาตรในค่ำคืนวันเพ็ญ ผู้ได้ใส่บาตรกับพระอุปคุต (ที่แปลงมาเป็นเณร) คนนั้นจะร่ำรวย และเกิดสิ่งดีงามกับชีวิต เป็นประเพณีปรากฎในภาคเหนือตอนบนและในประเทศพม่า

    ลองจุดธูปปักกลางแจ้งถึงหลวงปู่ล่วงหน้า"ขอเมตตามาโปรดสักครั้ง" เที่ยงคืนวันพุธก็นำข้าวน้ำมานั่งรอหน้าบ้าน ไม่ว่าหลวงปู่พระอุปคุตจะมาหรือไม่...ถ้าทำได้ บุญคงหอมถึงพระนิพพาน สวรรค์ พรหม นิพพาน ชื่นชมยินดีกับคุณธรรมวิวัฒน์ ......

    เจริญพร
    พระ12


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง http://palungjit.org/showthread.php?t=21900
    Leo Grotto<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1283091", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    ตำนานการตักบาตรพระอุปคุตหรือตักบาตรเที่ยงคืน มีกล่าวไว้ว่า
    ในอดีตมีแม่ค้าจะไปตลาดเพื่อไปขายของ ระหว่างที่หาบของไปตลาด ก็ต้องตกใจ
    ที่เห็นพระมาบิณฑบาตรตั้งแต่เที่ยงคืน ตอนแรกก็ตกใจกลัวคิดว่าเป็นผีมาหลอก
    แต่เมื่อรวมสติได้ก็พิจารณาสมณรูปก็นิมนต์แล้วเอาของมาถวายใส่บาตร พระอมกับก้มกราบรับพรจากพระรูปนั้น ซึ่งท่านก็บอกว่าเป็นพระอุปคุต ผลกุศลครั้งนั้นพร้อมแรงอธิษฐาน แม่ค้าคนนั้นก็เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม มีเงินทองระดับเศรษฐีและมีสุขภาพที่ดีทั้งครอบครัว จนเป็นประเพณีการตักบาตรพระอุปคุตหรือตักบาตรเที่ยงคืนทางภาคเหนือมาจนถึงทุกวันนี้ ผมเองตอนอยู่ที่เชียงใหม่ก็ปฏิบัติมาหลายครั้งถ้าวันพระขึ้น 15 ค่ำ ตรงกับวันพุธ ปีนี้ตรงกับวันที่ 18 มิ.ย.51 จะใส่บาตรวันอังคารที่ 17 มิ.ย. ตอนเที่ยงคืน ใครมีโอกาสก็น่าจะทำดูครับเพราะเป็นกุศลที่นานๆ เราจะได้ตักบาตรพระอุปคุตตอนเที่ยงคืน สาตุ๊

    เพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 12 เพ็ญ ใหญ่ กลางเดือนพอดี ยำรุ่ง วันลอยกระทง ครับ
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG]

    อาราธนา สมเด็จหลวงปู่อุปคุต ขอพร ท่านเพื่อให้หลวงปู่ ท่านสงเคราะห์..
    คำบูชาพระอุปคุต
    <O:p
    อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร สัมพุทเธนะ วิยากะโต มารัญจะ มาระพะลัญจะ โส อิทานิ มะหาเถโร นะมัสสิตะวา ปะติฎฐิโต อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง จะ มาหาเถรัง ยัง ยัง อุปัททะวัง ชาตัง วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ <O:p
    หรือ (แบบย่อ)
    อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร ยักขาเทวา นะระปูชิโต โสระโห ปัจจะ ยาทิมปิ มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ<O:p</O:p


    (เกิดโชคลาภและคุ้มกันภัยภิบัติอันตรายทั้งปวง)
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG]
    วัดสีลสุภาราม หลวงปู่สุภา อายุ 114 ปี (17 กย.2551 )​
    <!-- / message -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2008
  13. chodchoi

    chodchoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,288
    ค่าพลัง:
    +148
    ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ
    กราบขอขมาและอโหสิกรรมด้วยครับ สาธุ
     
  14. Pandhaka

    Pandhaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +458
    ขอบคุณครับ เพิ่งได้พระอุปคุตมาบูชาอีกองค์ จะได้กล่าวคำบูชาท่านครับ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตำนาน พระอุปคุต
    http://phuketindex.com/travel/photo-stories/other/buddha-oppakut/index.htm

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="52%"></TD><TD width="48%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    จากการค้นหาข้อมูลของพระอุปคุตนั้น เราทราบเพียงว่า ท่านเกิดหลัง พระพุทธเจ้า เสด็จปรินิพพานแล้ว ประมาณ พ.ศ. 218 ปี แต่ไม่ทราบ ภูมิเดิมของท่านละเอียด ว่าเป็นบุตรของใคร เกิดในวรรณะอะไร และที่ไหน


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="52%">[​IMG]

    </TD><TD class=telltext width="48%"></TD></TR></TBODY></TABLE>
    จากการสันนิษฐานตามตำนาน พระเถระอุปคุต น่าจะเป็นชาวเมืองปาตลีบุตร เมื่อบวชแล้วบำเพ็ญเพียร จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ สำเร็จอภิญญาต่างๆ จนสามารถแสดงอภินิหาร เป็นที่เล่าลือมาจนทุกวันนี้ มีปฏิปทาดำเนินไปในทางสันโดษ มักน้อย นัยว่าท่านเนรมิตเรือนแก้ว (กุฏิแก้ว) ขึ้นในท้องทะเลหลวง (สะดือทะเล) แล้วก็ลงไปอยู่ประจำ ที่กุฏิแก้วตลอดเวลา เมื่อมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นในพระศาสนา หรือเมื่อมีพิธีกรรมใหญ่ๆ หรือมีผู้นิมนต์ ท่านก็จะขึ้นมาช่วยเหลือ ด้วยความเต็มใจเสมอ

    สรุปรวมความได้ว่า ท่านเป็นพระเถระสำคัญองค์หนึ่ง ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (ผู้นำกองทัพธรรมแผ่กระจายไปทั่วโลก) เป็นพระเถระผู้เปี่ยมด้วยพุทธานุภาพ และฤทธิ์เดชเกรียงไกร สามารถปราบพญามารและกำจัดสิ่งชั่วร้าย ที่จะมาทำลายพิธีกรรมใหญ่ ๆ มาแต่ครั้งโบราณ

    เรื่องราวก็มีอยู่ว่า เมื่อประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 2 หลังพุทธปรินิพพาน ณ นครปาตลีบุตราชธานี (ปัจจุบันคือเมืองปัตนะ ภาคใต้อินเดีย) พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ตามตำนานกล่าวว่า ได้ทรงสร้างพระวิหารและพระสถูป มากมายทั่วทั้งชมพูทวีป (เค้าว่ามากถึงแปดหมื่นสี่พันองค์) เป็นผู้รวบรวมและขุดค้นพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อจะนำไปบรรจุในสถูปที่พระองค์ทรงสร้างไว้ทุกแห่ง

    เมื่อการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็ทรงปรารภ ที่จะจัดให้มีการฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมดนั้น เป็นการมโหฬารยิ่ง ตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน และเพื่อให้การฉลองสมโภช เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปราศจากอุปสรรค จึงใคร่จะอาราธนาพระสงฆ์ขีณาสพ ที่ทรงอิทธิฤทธิ์ มาเป็นผู้คุ้มครองงาน ให้ปราศจากการรบกวนจากมารร้ายต่าง ๆ

    แต่พระสงฆ์ในนครปาตลีบุตร ไม่มีรูปใดที่จะสามารถ เป็นผู้คุ้มครองงานมหกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ ให้พ้นจากภัยทั้งหลายทั้งปวงได้ (โดยเฉพาะภัยจากพญาวัสสวดีมาร ผู้มีฤทธิ์ยิ่งกว่าภูตผีปีศาจทั้งหลาย) นอกเสียจากพระอุปคุตเถระผู้เดียวเท่านั้น พระสงฆ์ทั้งปวงจึงตั้งตัวแทน ๒ รูป ลงไปอาราธนาพระอุปคุตเถระผู้เรืองฤทธิ์ มาช่วยรักษาความปลอดภัย ในงานสมโภชครั้งนี้ ซึ่งกล่าวกันว่า พระอุปคุตเถระองค์นี้ มีปกติสันโดษอยู่องค์เดียว เข้าฌานสมาบัติเสวยวิมุตติสุข อยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ภายในปราสาทแก้วที่เนรมิตขึ้น เหนือรัตนะบัลลังก์ จะออกจากสมาบัติ เหาะขึ้นมาบิณฑบาต ในโลกมนุษย์ ในวันพุธเพ็ญกลางเดือนเท่านั้น

    และในครั้งนี้เอง พระอุปคุตเถระ ถูกพระภิกษุสองรูป ผู้ได้อภิญญาสมาบัติ ชำแรกมหาสมุทร ลงมาถึงตัวท่านแจ้งว่า ให้ท่านจงเป็นธุระ ป้องกันพญามารอย่าให้รบกวนงานฉลองพระสถูปเจดีย์ ของพระเจ้าอโศกมหาราชได้

    เมื่อพระอุปคุตเถระได้รับนิมนต์ ก็เดินทางมานมัสการ และรายงานตัวต่อคณะสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น พระเจ้าอโศกมหาราช จึงได้เสด็จเข้ามานมัสการคณะสงฆ์ เพื่อขอทราบเรื่อง ผู้จะที่จะมาทำหน้าที่รักษาการ งานฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ เมื่อพระองค์ทรงทราบ ว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่นี้ คือพระอุปคุตเถระ ก็ทรงนึกแคลงพระทัย เนื่องจากพระอุปคุตเถระนั้น มีร่างกายผ่ายผอมดูอ่อนแอ ก็ทรงไม่แน่ใจ เกรงจะทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ แต่ไม่ทรงตรัสว่ากระไร

    ครั้นรุ่งเช้าวันใหม่ ขณะที่พระอุปคุตหาเถระ ออกบิณฑบาตในนครปาตลีบุตรนั้น พระเจ้าอโศกมหาราช ใคร่จะทดสอบฤทธิ์พระเถระ จึงทรงปล่อยช้างซับมัน (ช้างตกมัน) ให้เข้าทำร้ายพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระเห็นดังนั้น จึงสะกดช้าง ที่กำลังวิ่งเข้ามา ให้หยุดอยู่กับที่ ไม่ไหวติงประดุจช้างที่สลักด้วยศิลา พระเจ้าอโศกมหาราช ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรงเลื่อมใส จึงเสด็จไปขอขมาพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระ ก็ให้อภัยทั้งแก่พระเจ้าอโศกมหาราช และพญาคชสาร

    เมื่อเห็นว่าพระอุปคุตเถระ มีฤทธิ์เดชมาก พระเจ้าอโศกมหาราช ก็ทรงวางพระทัย ตรัสสั่งให้เตรียมฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมด ด้วยการปลูกปะรำร้านโรง ประดับธงทิว และประทีปโคมไฟ ตลอดระยะทางกึ่งโยชน์ ทำให้ตามแนวฝั่งแม่น้ำคงคา สว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ

    บรรลุฤกษ์งามยามดีตามที่กำหนดไว้ บรรดาพระสงฆ์ขีณาสพ และพระสงฆ์ปุถุชน ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ทั้งในนครปาตลีบุตร และต่างแดนจากจตุรทิศ ก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่บริเวณงาน พร้อมเครื่องสักการบูชา เพื่อร่วมพิธีฉลองสมโภช พระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในมหาเจดีย์ และเจดีย์ ทั้งแปดหมื่นสี่พันองค์ ด้วยความเลื่อมใส ศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

    และในเวลานี้เอง พญามาร (พญาวัสสวดีเทพบุตรมาร) ก็มุ่งหน้าเข้ามาในงานกับเค้าเหมือนกัน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะก่อความวุ่นวาย ต่างๆ นานา ทั้งบันดาลให้เกิดลมพายุ ทั้งแปลงร่างเป็นสัตว์ป่า และสัตว์หิมพานต์ แต่ทุกครั้งก็โดนพระอุปคุตเถระ กำราบได้หมด และสุดท้าย เพื่อให้พญามาร ออกไปจากบริเวณพิธี พระอุปคุตเถระ จึงเนรมิตร่างหมาเน่าขึ้นมาตัวหนึ่ง แล้วดึงประคตจากเอวของท่าน ออกมาผูกร่างหมาเน่านั้น คล้องคอพญามารไว้ แล้วสำทับว่าไม่ว่าใครก็ตาม (นอกจากท่านเอง) จะเอาหมาเน่านี้ออก จากคอพญามารไม่ได้ แล้วขับพญามารออกไป จากบริเวณงานทันที

    ด้วยความอับอาย พญามารก็ออกมาจากบริเวณงาน และพยายามแก้ร่างสุนัขเน่า ออกด้วยฤทธานุภาพ แต่ทำอย่างไร ก็ไม่สามารถแก้ได้ เพราะเมื่อเอามือทั้งสอง ต้องสายประคตที่คล้องคอทีไร ต้องมีไฟลุกขึ้นไหม้คอ และมือทันที สุดจะแก้ไขด้วยตนเองได้ ก็ไปหาที่พึ่งอื่น (ที่คิดว่าน่าจะช่วยได้)
    แต่ถึงแม้จะไปหาท้าวมหาราชทั้งสี่ พระอินทร์ ท้าวยามา ท้าวสันดุสิต ท้าวนิมิตเทวราช ตลอดจนท้าวสหัสบดีพรม ก็ไม่มีใครสามารถช่วยได้ ต่างได้แต่แนะนำว่า ให้พญามารไปขอขมา และขอความเมตตา จากพระเถระผู้นั้นเสียดีกว่า

    พญามารเห็นดังนั้น จึงจำใจต้องกลับไปหาพระเถระ อ้อนวอน ให้ช่วยเอาซากหมาเน่าออกจากคอให้ แล้วจะไม่มารบกวน การจัดงานอีก พระอุปคุตเถระก็อนุโลมตาม แต่ยังไม่ไว้ใจพญามารนัก เกรงพญามาร จะกลับมาทำลายพิธีในภายหลัง จึงเดินนำพญามาร ไปยังเขาใหญ่ลูกหนึ่ง แล้วเอาร่างหมาเน่าทิ้งลงเหว และเนรมิตให้สายประคตยาวขึ้น แล้วพันคอพญามาร ไว้กับเขาลูกนั้น พร้อมทั้งแจ้งว่า เมื่อเสร็จพิธีฉลองสมโภช พระมหาเจดีย์สิ้นสุดลงแล้ว จึงจะแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ (7 ปี 7 เดือน 7 วัน)

    เวลาผ่านไปตามที่ตกลงกัน การจัดงานสมโภชน์ ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พระอุปคุตเถระ จึงกลับมาหาพญามาร โดยแอบอยู่ห่างๆ เพื่อฟังเสียงพญามารว่า ละพยศร้ายหรือยัง

    พญามารเอง เมื่อจากทิพยวิมานอันบรมสุข มารับทุกขเวทนาเช่นนี้ ก็ละพยศร้ายในสันดาน หวนนึกถึงพระพุทธโคดม จึงกล่าวสดุดี ในความเมตตากรุณา ของพระพุทธเจ้า ในเรื่องที่ทรงมีมหากรุณาธิคุณ อันยิ่งใหญ่ว่า “ทรงบำเพ็ญสิ่งอันเป็นที่สุดหามิได้ เป็นที่พึ่งพำนักแก่สัตว์โลกทั้งมวล ในกาลทุกเมื่อ พระองค์นั้น เป็นผู้ประเสริฐหาผู้เสมอเหมือนมิได้ อนึ่ง ในกาลก่อน ข้าพเจ้าได้ทำร้ายพระองค์ โดยประการต่างๆ แต่พระองค์ ก็ยังทรงมหากรุณาธิคุณ มิได้กระทำการโต้ตอบ แก่ข้าพเจ้าเลย มาบัดนี้ สาวกของพระองค์นามว่าอุปคุต ไม่มีเมตตาแก่ข้าพเจ้าเลย กระทำกับข้าพเจ้า ให้ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส และได้รับความอับอาย เป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าข้ายังมีบุญกุศล ที่ได้สั่งสมไว้แต่กาลก่อน ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน ปรารถนาเป็นพระสัพพัญญูในอนาคต ดังเช่นพระองค์ต่อไป”

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=telltext width="52%"></TD><TD width="48%">[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    กล่าวได้ว่า การตกระกำลำบากในครั้งนี้ ทำให้พญามาร ซึ่งความจริงแล้ว ในอดีตชาติ (ในยุคของพระกัสสปพุทธเจ้า) เคยมีจิตตั้งมั่น ที่จะบำเพ็ญเพียร ให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าเช่นกัน แต่ที่ได้กระทำการขัดขวาง พุทธศาสดาของพระพุทธโคดม ก็ด้วยความริษยา พระพุทธโคดม (มีมิจฉาทิฐิ) เนื่องด้วยพระองค์ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนตน ทั้งๆ ที่ตนบำเพ็ญบารมี มามากพอสมควรเหมือนกัน แต่การกระทำในแต่ละครั้ง ก็มิได้ล่วงเกิน ทำบาปหนักแต่ประการใด

    เมื่อพระอุปคุตเถระ ได้ยินคำปรารภดังนั้น ก็เห็นว่าพญามารสิ้นพยศแล้ว จึงแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ พร้อมทั้งขอขมาพญามาร และบอกว่า การกระทำครั้งนี้ ก็เพื่อให้พญามาร ระลึกได้ถึงพุทธภูมิ ที่ท่านเคยปรารถนาไว้เท่านั้นเอง มิได้มีเจตนา ที่จะล่วงเกินประการใด ซึ่งพญามารก็เข้าใจด้วยดี


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="52%">[​IMG]

    </TD><TD class=telltext width="48%">พระอุปคุต เขมร</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ต่อจากนั้นพระเถระ ก็ได้ขอให้พญามาร เนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์ เพื่อจะได้เห็น เป็นพุทธานุสติบ้าง ซึ่งพญามารก็รับคำ แต่ขอร้องว่า เมื่อเห็นเขาเนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์แล้ว อย่าหลงกราบไหว้เป็นอันขาด เพราะจะให้เขาบาปหนัก

    ครั้นเมื่อพญามารเนรมิตกาย เป็นพระพุทธเจ้า ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ และฉัพพรรณรังสี อันวิจิตร มีพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวา แวดล้อมด้วย มหาสาวกทั้งหลายเป็นบริวาร เสด็จเยื้องย่าง ด้วยพุทธลีลาอันงดงามยิ่ง พระเถระ และบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เห็นเช่นนั้น ก็ลืมตัวพากันถวายนมัสการ ทำเอาพญามารตกใจ รีบคืนร่างเดิม และท้วงติงว่า ทำให้ตนมีบาปหนัก แต่พระเถระ ก็กล่าวให้พญามารสบายใจว่า ทุกคนกราบไหว้พระพุทธเจ้า และพญามารก็ไม่บาปหรอก จะได้กุศลมากกว่า

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=telltext width="52%">พระอุปคุต ลงรักปิดทองเก่า

    </TD><TD width="48%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​


    จากนั้นพญามาร ก็กลับคืนสู่สวรรค์ ชั้นที่ 6 วิมานของตน และนับแต่นั้นมา พญามารได้มีจิตอ่อนน้อมเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนา หมดสิ้นน้ำใจริษยา และบำเพ็ญบารมี เพื่อพุทธภูมิต่อไป

    หมายเหตุ
    เนื้อเรื่องได้กล่าวถึง พระพระกัสสปพุทธเจ้า ดังนั้นเพื่อความเข้าใจ ในการอ่าน ขอเสริมว่าตามตำนาน โลกเรานั้น แบ่งช่วงเวลาเป็นกัลป์ ซึ่งแต่ละช่วง ในแต่ละกัลป์ ก็จะมีพระพุทธเจ้า ที่มาตรัสรู้ โปรดบรรดาสัตว์โลก เป็นคราวไป ดังนั้นพระพุทธเจ้า จึงมีหลายพระองค์ ซึ่งเวลาหนึ่งกัลป์นั้นนานนัก (กัลป์ที่เราอยู่นี้ มีพระพุทธเจ้า มาตรัสรู้แค่ 5 พระองค์ และมีหลายๆ ช่วงในแต่ละกัลป์ ที่ปราศจากพระพุทธศาสนา โดยสิ้นเชิง ดังนั้นถือว่าเราโชคดีมาก ที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาในชาตินี้
    ประวัติเพิ่มเติมตามตำนาน พระอุปคุต คัมภีร์อโศกอวทาน
    ประวัติเพิ่มเติมตามตำนาน พระอุปคุต คัมภีร์ปฐมสมโพธิ์
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กำเนิด ประวัติ เรื่องราวความเป็นมา พระอุปคุต - คัมภีร์อโศกอวทาน


    กำเนิด ประวัติ เรื่องราวความเป็นมา พระอุปคุต - คัมภีร์อโศกอวทาน
    http://www.phuketvariety.com/buddhism/uppakut-asok/index.htm

    เรื่องราวความเป็นมาของท่าน จากที่ปรากฎอยู่ในคัมภีร์อโศกอวทาน มีกล่าวไว้ว่า พระอุปคุตเถระ ท่านถือกำเนิด มาในตระกูลของพ่อค้า ที่เมืองมถุราซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำยมุนา ท่านมีพี่ชาย 2 คน ส่วนท่านนั้น เป็นคนสุดท้อง มูลเหตุที่ทำให้พระอุปคุตได้บวชนั้น ก็สืบเนื่องมาจาก บิดาของท่าน ได้เคยให้สัญญาไว้กับ พระเถระรูปหนึ่ง คือ พระสาณวาสี ว่าถ้าตนมีลูกชาย ก็จะให้บวชในพระพุทธศาสนา ทีนี้พอมีลูกชายคนแรก ก็ไม่ยอมให้บวช ด้วยอ้างว่าจะต้องเอาไว้ดูแลทรัพย์สิน ในเหย้าเรือน เอาไว้ถ้ามีลูกชายคนที่ 2 เมื่อไร แล้วจะยอมให้บวช แต่พอมีลูกชายคนที่ 2 เข้าจริง ๆ ก็หาเรื่องบิดเบือนอีก ว่ามีความจำเป็น ต้องเอาไว้สำหรับ ทำธุระตามหัวเมือง ขอให้รอไว้มีลูกชายคนที่ 3 แล้วจะต้องบวชให้อย่างแน่นอน
    พอลูกชายคนที่ 3 ซึ่งมีชื่อว่า “อุปคุต” เกิดมาก็แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้กับสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพระเถระ พระเถระท่านเห็นว่า ยังไม่ถึงเวลา ท่านจึงนิ่งไว้ก่อน และก็ไม่ได้ไปทวงถามถึงสัญญานั้น จนกระทั่งอุปคุตโตเป็นหนุ่ม
    ตอนนั้นอุปคุตได้มาช่วยบิดาขายเครื่องหอมอยู่ที่ร้านในตลาด ตั้งแต่อุปคุตมาอยู่ที่ร้าน ก็ปรากฎว่า เครื่องหอม ขายดิบขายดี เป็นเทน้ำเทท่า ผู้คนมาซื้อหากันไม่ขาดสาย นี่เป็นธรรมดาของผู้มีบุญไปอยู่ที่ไหน ทรัพย์สิน ก็จะหลั่งไหลมา ด้วยอำนาจแห่งบุญ
    เพราะฉะนั้นจึงเชื่อกันว่า ผู้ที่ค้าขาย หากได้บูชาพระอุปคุตเป็นประจำทุกเช้าตอนเปิดร้าน ก็จะทำให้ค้าขายดี มีคนมาซื้อหาไม่ขาดสายทรัพย์สิน ก็จะหลังไหลมาเทมา กิจการเจริญก้าวหน้าเป็นปึกแผ่นมั่นคงตลอดไป
    วันหนึ่งพระสาณวาสีเถระ ได้แวะเข้าไปในร้านที่อุปคุตขายของ และได้กล่าวธรรมกถาให้อุปคุตฟัง ปรากฏว่า อุปคุตฟังแล้ว เกิดสังเวช ได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุโสดาปัตติผล เป็นพระอริยบุคคลชั้นต้น ในพระพุทธศาสนา เมื่อพระสาณวาสีเถระเห็นว่า อุปคุตได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว จึงได้ไปทวงสัญญากับนายพาณิชย์ ผู้เป็นพ่อของอุปคุต “ไหนว่าจะถวายลูกชายคนที่ 3 แก่อาตมา เพื่อให้บวชยังไงล่ะ” พอนายพาณิชย์ถูกทวงถามเช่นนั้น ก็อับจนปัญญา ไม่อาจหาวิธีพูดบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงได้อีก จึงตัดสินใจอนุญาตให้อุปคุตออกบวชได้
    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-5530375026656530";google_ad_width = 468;google_ad_height = 60;google_ad_format = "468x60_as";google_ad_type = "text_image";google_ad_channel ="2932561251";google_color_border = "FFFFFF";google_color_bg = "FFFFFF";google_color_link = "5A1E44";google_color_url = "999999";google_color_text = "999999";//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT>​
    กิตติศัพท์ขจรขจาย
    เมื่ออกบวชแล้ว ท่านพระอุปคุตก็ตั้งใจเจริญกรรมฐาน จนได้บรรลุพระอรหันต์ เป็นพระอริยบุคคลชั้นสูงสุด ในพระพุทธศาสนา และต่อมาท่านพระอุปคุต ก็ได้เป็น พระอาจารย์สอนกรรมฐานที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มากที่สุด ในยุคนั้น โดยในคัมภีร์ได้กล่าวว่า ท่านมีพระอรหันต์ผู้เป็นศิษย์อยู่ถึง 18,000 รูป ส่วนสำนักของท่าน ตั้งอยู่ ณ วัดนตภัติการาม ภูเขาอุรุมนท์
    ศรัทธาของพระเจ้าอโศก
    กิตติศัพท์ด้านความรู้ความสามารถของท่านได้แพร่สะพัดไป จนทราบถึงพระกรรณของพระเจ้าอโศกมหาราช พระองค์ จึงตั้งพระทัย จะเสด็จไปอาราธนา ท่านพระอุปคุตให้มาโปรดยังกรุง ปาฏลีบุตร
    แต่วิสัยของพระอรหันต์ผู้ยิ่งด้วยอภิญญาเฉกเช่นท่านพระอุปคุตนั้น เพียงแค่พระเจ้าอโศกทรงดำริเท่านั้น ท่านก็ทราบแล้ว จึงได้รีบลงเรือเดินทางมาสู่กรุงปาฏลีบุตรในทันที ฝ่ายพระเจ้าอโศก เมื่อทรงทราบว่า ท่านพระอุปคุต ได้เดินทางมาแล้ว จึงได้โปรดให้ตั้งพิธีต้อนรับ และเสด็จมารับ ท่านพระอุปคุต ด้วยพระองค์เอง อันเป็นตำนาน ที่ปรากฎอยู่ ใน คัมภีร์อโศอวทาน
     
  17. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,662
    ค่าพลัง:
    +9,236
    [​IMG]


    ขออนุโมทนาค่ะ

     
  18. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,471
    ค่าพลัง:
    +53,091
    พระอุปคุต แบบ นี้ เรียกว่า อะไรครับ แล้วใช้การบูชาคาถาคล้ายๆพระอุปคุตตามที่ท่านๆกล่าวมาได้ใหมครับ ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_1752.jpg
      SAM_1752.jpg
      ขนาดไฟล์:
      228.8 KB
      เปิดดู:
      223
    • SAM_1753.jpg
      SAM_1753.jpg
      ขนาดไฟล์:
      186.1 KB
      เปิดดู:
      516
    • SAM_1754.jpg
      SAM_1754.jpg
      ขนาดไฟล์:
      188.8 KB
      เปิดดู:
      500
    • SAM_1756.JPG
      SAM_1756.JPG
      ขนาดไฟล์:
      354.4 KB
      เปิดดู:
      262
    • SAM_1757.JPG
      SAM_1757.JPG
      ขนาดไฟล์:
      320 KB
      เปิดดู:
      215
    • SAM_1759.JPG
      SAM_1759.JPG
      ขนาดไฟล์:
      337.7 KB
      เปิดดู:
      280
  19. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    รูปเหมือนองค์จริงของพระอุปคุต มีลักษณะตามในรูปครับ ท่านมาเนรมิตภาพให้ผมดู ก่อนที่ผมจะให้ช่างปั้นหุ่นแล้วเททองหล่อเมื่อวันออกพรรษาที่ผ่านมา และได้ทำพิธีสมโภชน์รับท่านที่พุทธสถานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ เมื่อวันมาฆบูชาที่ผ่านมา

    ก็ถือว่าเป็นมงคลอย่างยิ่งที่ พระอุปคุต ท่านได้มาทำพิธีอธิษฐานจิตให้ด้วยตนเอง ปางนี้ท่านบอกผมว่าเป็นปางปราบมาร

    ผู้ที่ท่านมีตาในดี ท่านบอกว่าสร้างรูปได้เหมือนพระอุปคุตมาก ต่างกันตรงที่ขนาดองค์จริงของท่านจะใหญ่กว่าองค์ที่หล่อประมาณ เท่าครึ่ง

    ที่ผมสามารถอาราธนาท่านขึ้นมาทำหน้าที่ปราบมารศาสนาในยุคนี้นั้น เพราะท่านเป็นอาจารย์ของผมมาตั้งแต่ตอนที่ผมบวชเป็นสามเณร เมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว ในสมัยพระเจ้าอโศก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A14.JPG
      A14.JPG
      ขนาดไฟล์:
      451 KB
      เปิดดู:
      511
    • A15.JPG
      A15.JPG
      ขนาดไฟล์:
      448 KB
      เปิดดู:
      234
    • A16.JPG
      A16.JPG
      ขนาดไฟล์:
      459.8 KB
      เปิดดู:
      235
    • A13.JPG
      A13.JPG
      ขนาดไฟล์:
      443.8 KB
      เปิดดู:
      204
    • A11.JPG
      A11.JPG
      ขนาดไฟล์:
      601.4 KB
      เปิดดู:
      286
    • A3.JPG
      A3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      546.4 KB
      เปิดดู:
      233
    • A5.JPG
      A5.JPG
      ขนาดไฟล์:
      459.8 KB
      เปิดดู:
      246
    • A6.JPG
      A6.JPG
      ขนาดไฟล์:
      408.7 KB
      เปิดดู:
      210
    • A9.JPG
      A9.JPG
      ขนาดไฟล์:
      420.7 KB
      เปิดดู:
      231
    • A8.JPG
      A8.JPG
      ขนาดไฟล์:
      512.5 KB
      เปิดดู:
      232
  20. newassist

    newassist สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    เนื่องด้วย วัดศรีสุพรรณ จังหวัดเชียงราย ได้ขุดสระน้ำ เพื่อตั้งพระสีวลีและพระอุปคุต และพัฒนารอบพระธาตุศรีสุพรรณ ทางอาตมาได้เห็น รูปพระอุปคุต ที่ทางโยมได้ มอบถวายให้กับทางนักสงฆ์สวนวาง อ.คุระบุรี จ.พังงา ขนาดหน้าตัก ๒๙ นิ้ว
    ซึ่งมีลักษณะน่าศรัทธาและน่าเลื่อมใส จึงอยากขอ ทราบว่าทางโยม ใด้บูชามาจากที่ไหน เพราะในจังหวัดเชียงราย ไม่มีพระอุปคุตขนาดใหญ่ ทางวัดศรีสุพรรณ อยากจัดหามาเพื่อให้ญาตโยมสักการะบูชา ทางวัดศรีสุพรรณ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางโยมนาคา จะได้ติดต่อมาเพื่อแจ้งให้ทราบ ว่าทางวัดศรีสุพรรณ จะจัดหาพระอุปคุตขนาดใหญ่ได้จากที่ไหน โดยติดต่อมาที่ 087-788-2278 พระกฤต กิตติญาโณ
     

แชร์หน้านี้

Loading...