คำว่า จิตสักแต่ว่าจิต (เอาระเบิดไปโยนใส่มันเลยให้มันวอดวายไป )

"..คำว่า จิตสักแต่ว่าจิต เราอย่าไปยึดว่าจิตเป็นของเรา อย่าไปยึดว่าจิตเป็นตัวเป็นตน สักแต่ว่าเท่านั้น คำว่า จิต อันนี้เป็นเรือนชาน เป็นบ้านช่อง เป็นที่อยู่อาศัยของกิเลสเขาอยู่มานานแล้ว เราต้องการที่จะละ เราต้องการที่จะทำลาย เราต้องการที่จะฆ่ากิเลสคือข้าศึกตัวนี้ให้มันวอดวายลงไป เราจะต้องเผาเสีย เผาเรือนชานบ้านช่องของกิเลสตัวนี้ เอาระเบิดไปโยนใส่มันเลยให้มันวอดวายไป ในเมื่อข้าศึกวอดวายแล้ว สถานที่นั้นก็ยังอยู่ไม่ได้ วอดวายไปอย่างข้าศึกที่วอดวายไปนั่น

จึงว่าเราไม่ต้องไปหวงแหนทะนุถนอมประคับประคองกลัวจิตของเราจะเสียหาย กลัวจิตของเราจะเจ็บปวด กลัวจิตของเราจะแตกจะทำลาย กลัวสถานที่ของข้าศึกที่เราหวงแหนนั้นจะหมดสิ้น

คำว่า ทำลายจิต ให้ทำลายมันลงไป เราจะไปหวงไว้ทำไม จิตดวงเดียวอันนี้ล่ะ เป็นฐานที่ตั้งของกิเลส เป็นฐานที่ตั้งของข้าศึก เป็นเรือนชานเป็นบ้านช่องเป็นที่อยู่อาศัยของกิเลส

จึงให้หยั่งเข้าไปในจุดที่กิเลสมันอยู่ หยั่งเข้าไปหาสถานที่ข้าศึกมันอยู่

ในเมื่อเรารู้เห็นสถานที่ของกิเลสแล้ว เราเห็นเรือนรังของกิเลสแล้ว เราจะไปหวงแหนเรือนรังของกิเลส อันนี้เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง สาวกของพระพุทธเจ้าที่จะไปหวงเรือนรังที่อยู่ของกิเลสไม่มี เพราะหามันมานานแล้ว มาเห็นที่อยู่ของมัน เห็นตัวเห็นตนของมันแล้ว นี่จะไปหวงมันทำไม กามาสวา ภวาสวา อวิชชาสวา(กิเลสเครื่องมอมเมาให้เกิดความใคร่ กิเลสเครื่องมอมเมาให้เกิดภพ กิเลสเครื่องมอมเมาให้เกิดความไม่รู้ในสภาพความเป็นจริง) เรื่องของจิตทั้งนั้นเป็น ให้ทำลายลงไปในนี้

ไม่ใช่พระพุทธเจ้าทรงว่าต้นไม้เป็นกิเลส อากาศเป็นกิเลส ลมเป็นกิเลส กามาสวา ดูซิ คำว่า กามาสวาคืออะไร อาสวะคือกาม จิตของเราทั้งนั้นที่มั่นใคร่ ที่มันปรารถนาที่มันต้องการ แล้วเราจะไปว่าอันอื่นเป็นกิเลสยังไง บุกมันไปเลย บุกเข้ามานี่ๆ บุกด้วยธรรมะคือสติ บุกด้วยธรรมะคือสมาธิ ให้มันแน่วแน่มั่นขึ้นมาในนี้ บุกด้วยสมาธิ บุกด้วยวิริยธรรม มีความพากเพียรไม่ถอยจากจุดนี้

ทำอะไรต้องทำให้มันจริง คำว่า เล่น อย่าให้มันมี คำว่า ไม่ตั้งใจ อย่าให้มันมี คำว่า โลเล อย่าให้มันมี ทำเล่นไม่ตั้งใจโลเลไม่ใช่สาวกของพระพุทธเจ้าเลย ให้พากันเข้าใจความหมายของคำพูดอันนี้ แล้วพากันประพฤติปฏิบัติตามด้วยความไม่ประมาท

แล้วจะเห็นคำว่า จิตทรงไว้ซึ่งความอัศจรรย์ นี่ จะเห็นว่าจิตนั้นอัศจรรย์ขนาดไหนเพียงไร.."

คัดลอกมาจากพระธรรมเทศนาของหลวงปู่แบน ธนากโร
เรื่อง จิตเป็นฐานที่ตั้งของกิเลส
วันที่ ๒๘ ส.ค.๒๕๓๑

จากหนังสือ พระธนากโร หลวงปู่แบน



พุธโธ สะเทือนสามแดนโลกธาตุ

 

สำนวนเหมือน ลต. บ้านตาด

 

อันนี้เดาใช่ไหม แต่ผมยังไม่บอกว่าใช่หรือไม่ใช่



พุทโธ สะเมือนสามแดนโลกธาตุ

 

ธรรมเทศนาหลวงปู่แบน ธนากโร

 

ครับเดาล้วนๆ
จากการอ่านเฉพาะย่อหน้าแรก
จากคำว่า “จิตอันนี้เป็นเรือนชาน
เป็นบ้านช่อง”
ย่อหน้าอื่นๆไม่ทราบ
ถึงใช้คำว่าเหมือน.

ทำไมไม่บอกว่าเป็น
บทธรรมะของท่านใด
และใส่ link อ้างอิงไว้บ้าง
ก็ดีครับ ในกรณีที่อ้างอิง
หรือยกบทความมาน่าจะดีกว่าไหมครับ

 

ถูกต้องครับ ไม่ทราบว่า รู้อยู่ก่อนแล้วหรือเพิ่งจะไปหาตอนที่ผมโพสครับ




พุทโธ สะเทือนสามแดนโลกธาตุ

 

เพื่อประโยชน์ของนักภาวนา เจตนาของผม อยากให้ไปสนใจธรรมะของท่านมากกว่า อยากจะบอกว่า บางคนนะไม่ใช่ทุกคน(มีอยู่จริง) พอรู้ว่าเป็นครูบาอาจารย์สายวัดป่า ก็ไม่อ่านแล้วหรืออ่านก็ไม่ลงใจต่อต้านอยู่ลึกลึก(อาจทำให้เสียประโยชน์) จริงจริงไม่อยากบอกว่าของครูบาจารย์เลย แต่ถ้าไม่บอก อาจคิดไปว่าเป็นธรรมของผมเอง เชื่อได้เลยด้วยความไม่รู้ต้องมีคนมาแสดงความเห็นแย้ง อาจถึงขั้นลบหลู่ เลยเกรงว่าจะไม่สมควร หวังว่าคงเข้าใจนะครับ แต่...ก็ไม่แน่
นะครับ ความเห็นของผมตรงนี้แหละ อาจจะไม่ถูกต้องก็ได้ แต่รับรองว่าด้วยเจตนาดีครับ ยินดีรับคำติชม จากเพื่อนสมาชิกทุกท่านครับ

พุทโธ สะเทือน สามแดนโลกธาตุ

 

ถ้าสนใจก็จะสืบค้นค่ะ ^_^

ขอแสดงความคิดเห็นเล็กน้อย : คนที่ปฎิบัติธรรม ถ้ามาอ่านก็จะพอทราบว่า เป็นธรรมของครูบาร์อาจารย์ ที่ จขกท คัดลองมาลง(แต่อาจจะไม่ทราบว่าคือท่านใด) เพราะความลึกซึ้งของธรรม จะแตกต่างจากผู้ปฎิบัติแล้วนำประสบการณ์ของตนเองมาเล่า และจะแตกต่างกับผู้ที่มีความรู้จากตำราโดยขาดการปฎิบัติอยู่

ดังนั้นดิฉันเห็นด้วยว่า เมื่อนำมาควรมี ที่มา: ปรากฎร่วมด้วย เพราะถ้านำมาลงแล้วมีนักปฎิบัติที่ไม่รู้จริงๆ มาเสวนา โดยติดการลบหลู่ นั่นคือจะเป็นผลร้ายกับเขาเสียมากกว่าผลดีที่เกิดจากการเสวนาค่ะ และผู้นำมา คือ จขกท จะมีส่วนร่วมที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น

จะว่าไปดิฉันคิดเองว่า หลวงตา กับ หลวงปู่ทั้งสองท่าน มีธรรมตรงกันค่ะ
ขอบคุณค่ะ สำหรับธรรมะดีๆ

 

พอเข้าใจเจตนาครับ
คุ้นเคยบางสำนวนครับ
คล้าย ลต เคยเทศอบรมพระ
ปี ๒๕๐๕ ยอมรับว่าเนื้อหา
ที่ท่านอบรมย์ไว้ตอนนั้นไปไกลและลึกมาก

มาเจอบทความนี้ เลยพอคาดได้ว่า
บทความนี้น่าจะมาจาก
สายตรง ลต. ท่าน เพราะบางสำนวนคล้ายๆ
เพียงแต่ส่วนตัวไม่รู้จักว่าเป็นท่านใด

เนื่องจากบทความมาจากแหล่งอื่นๆ
แม้ว่าที่ใดก็ตาม การลงแหล่งอ้างอิงไว้
ตลอดจน link ที่มาของแหล่งข้อมูล
ควรกระทำให้เป็นปกติวิสัยครับ

บางมหาลัยเวลาเรานำเสนอข้อมูล
ที่ไม่ใช่ของเราแล้วเรา
ลืมลงที่มา บางแห่งคาดโทษถึงขั้น
ไล่ออกก็มีครับ เพราะจะซีเรียมากกับ
เรื่องทำนองนี้ครับ

ของคุณเจตนาในการลงนะดี
ไม่ได้มีเจตนาเพื่อเอามาหักล้าง
ห้ำหั่น โจมตี ใครหรอก
คิดว่าใครอ่านก็พอเข้าใจได้ครับ

 

แสดงธรรมได้คล้ายหลวงตามหาบัวมาก
คับ
แต่ผมสงสัยว่าทำไมบทนี้ผมจึงไม่
ค่อยเข้าใจภาษาบางคำ
ที่แสดง เหมือนเช่นที่เคยสดับของหลวงตามหาบัวที่ฟังเข้าใจ
มาตลอด
เลยงง งงรอการเฉลย
ตอนนี้หายสงสัย ภาษาต่างกันนิดเดียวคับ
ขอบคุณคับจขกท.

 

ใครที่มันโอหังบังอาจหมิ่นคำพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ที่ท่านเจ้าของกระทู้กรุณานำมาเผยแพร่ ก็สุดแต่กรรมของเขาแล้วครับ เมื่อเป็นคุณเป็นประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่ ก็ช่วยกันนำมาเผยแพร่ และอ้างอิงนามท่าน ให้ได้สาธุการโดยทั่วกันเถิดครับ สาธุครับ

 

ผมได้กลับมาคิดพิจารณาแล้ว เห็นสมควรที่จะเอ่ยนามท่านอย่างตรงไปตรงมาจะเป็นการดีกว่าครับ ขอบคุณทุกท่าน ที่ชี้แนะครับ