เรื่องเด่น คุณพระปะทะคุณไสย(เรื่องราวหลวงปู่ภูและหลวงพ่อคูณ)

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 17 พฤศจิกายน 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,585
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017

    hqdefault-0011.jpg


    คุณพระปะทะคุณไสย


    ขณะนั้นท่านพระครูธรรมานุกุล (หลวงปู่ภู จันทเกสโร) ยังคงเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ได้เกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับการลองดีด้วยคุณไสยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
    หลวงปู่ภูท่านเป็นพระที่เชี่ยวชาญด้านพระเวทวิทยาคม ท่านได้ช่วยผู้คนจากการถูกกระทำด้วยคุณไสยไว้มากมาย ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุให้ท่านถูกปองร้ายด้วยคุณไสยมาครั้งหนึ่ง ดังที่คุณตาทองดำคชเสนี ได้เล่าเรื่องที่ตัวเองได้เห็นมากับตาว่า หลวงปู่ภูจะออกกำลังด้วยการใช้ไม้กวาดด้ามยาวปัดกวาดลานหน้ากุฏิและเลยไปจนถึงพื้นที่ใกล้เคียง เช้าวันนั้นเป็นวันที่อากาศแจ่มใส คุณตาทองดำสังเกตเห็นว่าหลวงปู่ภูหยุดกวาด แล้วมองไปซ้ายทีขวาทีจึงเดินกวาดต่อไปอย่างเงียบๆ

    ทันไดนั้นท่านก็หยุดกวาด แล้วยกปลายไม้กวาดด้ามยาวขึ้นปัดในอากาศ ตอนแรกก็ปัดอากาศเปล่าๆ แต่พออีกครั้งหนึ่งก็ได้ยินเสียงดังเปรี้ยงติดตามมา

    แล้วหลวงปู่ภูก้มลงกวาดพื้นต่อไปอย่างเงียบๆ คราวนี้มีเสียงหวีดดังแหวกอากาศมา หลวงปู่ภูท่านจึงยืนหยัดเท้ามั่นอยู่กับพื้น แล้วใช้สองมือยกไม้กวาดด้ามยาวขึ้นหวดเหมือนจะรับอะไรสักอย่างเต็มแรง

    เป็นถนัดว่้าท่านถอยไปบ้างหลังสองก้าว ก่อนจะมีเสียงดังติดตามมาจนได้ยินถนัดหู เปรี๊ยะ พึ่บ ตึง เสียงเปรี๊ยะเป็นเสียงที่ด้ามไมักวาดด้ามยาวกระทบกับของในอากาศ (ต่อมาคุณตาทองดำได้ดูปรากฏว่าด้ามไม้ักวาดแตกออกเป็น 2 เสี่ยง) เสียงพึ่บเป็นเสียงคล้ายอะไรสักอย่าง ถูกแรงตวัดตอบกระเด็นไปทางกุฏิ ส่วนเสียงตึง เป็นเสียงของหนักตกลงกระทบพื้นชานห้านกุฏิหลวงปู่ภู

    คุณตาทองดำได้ยินเสียงหลวงปู่ภูร้องเรียก จึงละจากการรดน้ำต้นไมั้หน้ากุฏิมาหาหลวงปู่ภู มันส่งเนื้อวัดสดๆ มาให้กู แต่กูตีมันกระเด็นไปบนชานกุฏิกูแล้ว มึงขึ้นขึ้นไปรอกูก่อน เดี๋ยวกูจะตามขึ้นไปอย่าไปยุ่งกับเนื้อนั่นไม่งั้นก็ช่วยไม่ได้
    คุณตาทองดำขึ้นไปรอหลวงปู่ภูบนกุฏิ ครู่หนึ่งหลวงปู่ภูก็ขึ้นมาท่านเดินอ้อมก้อนเนื้อขนาดใหญ่น้ำหนักไม่ตำ่กว่า 5 กิโลกรัม สีแดงสด เลือดยังเลอะพื้นกระดาน ท่านไปตักน้ำมนต์หน้าทีู่บูชาของท่านมา 1 จอก แล้วภาวนาคาถาเสกน้ำมนต์ครู่หนึ่งเทลงไปยังก้อนเนื้อปรากฏว่ามีควันสีเขียวลอยขึ้นมาแล้วหายไป
    เอ้า พวกมึงเอาไปทำอะไรกินกัน เนื้อสันเปื่อยๆ มันส่งมาเป็นของขวัญพวกมึงไงล่ะ

    สามวันต่อมา ขณะหลวงปู่ภูกำลังกวาดลานวันตอนเช้า แขกแปลกหน้าก็มาพบท่าน เป็นแขกจริงๆ นุ่งโสร่ง มีหมวกสวมศรีษะมาด้วยกัน 3 คน มาถึงก็มายืนต่อหน้าหลวงปู่ภู ในมือมีถาดใส่ผลไม้มาด้วย

    พวกเรามาถวายผลไม้กับท่าน ท่านเก่งจริงๆ สนมารถสกัดวิชาของพวกเราได้ แล้วยังมีเมตตาไม่ส่งกลับ พวกเรานับถือท่าน หลวงปู่ภูจึงถามแขกแปลกหน้าว่า แล้วหลักศาสนาเขาไม่ถือหรือ ที่เอาของมาให้คนนอกศาสนาอย่างนี้ แขก 3 คนที่มาได้ตอบว่า ไม่ผิดหรอก เพราะเราไม่ได้ยกมือไหว้ท่าน เราไม่ได้นับถือศาสนาท่าน แต่เราถวายท่านเป็นการส่วนตัว อย่างนี้ไม่ผิดหลัก ศาสนา
    ชายแปลกหน้าทั้้งสามบอกกับหลวงปู่ภู่ว่ามีผู้ว่าจ้างให้ทำร้ายผู้คน แต่หลายรายมาหาหลวงปู่ภู่ว่ามีผู้ว่าจ้างให้ทำร้ายผู้คน แต่หลายรายมาหาหลวงปู่ภูและได้รคับการแก้ไขจนของร้ายออกจากตัว ทำให้พวกเขาขาดรายได้ไปมากอยู่เหมือนกันจึงร่วมกันเสก

    ของมาทำร้ายหลวงปู่ภูแต่ก็ถูกแก้ได้อีก และหากหลวงปู่ภู่ส่งของกลับพวกเขาก็จะต้องตายแต่หลวงปู่ภูไม่ทำ

    ต่อมาเมื่อวันหนึ่งในปี พ.ศ. 2465 ตอนบ่าย ก็ได้มีผู้นำเอาร่างของชายวัยกลางคนที่สลบไสลไม่ได้สติมาหาหลวงปู่ภูที่กุฏิเสียงลั่น

    หลวงปู่ภูช่วยพี่เฉยด้วยเป็นอะไรไม่รู้ล้างหน้าอยู่ดีๆ ก็ร้องโอยหงายหลังตึงไม่ได้สติ แก้ไขก็ไม่ฟื้น ต้องช่วยกันนำมาจากปราจีนบุรีโน่น ไม่มีใครเป็นที่พึ่งแล้ว

    หลวงปู่ภูให้หามขึ้นไปบนกุฏิ ท่านไปนำไม้พ่อครูขนาดใหญ่ของท่านมากดที่หน้าผากของคนไข้ เป่าลมลงไป 3 ครั้งแล้วเสกน้ำมนต์ใหั้ช่วยกันงัดปากคนไข้แล้วกรอกน้ำมนต์เข้าไป พอน้ำมนต์ล่วงลำคอเข้าไปเสียงท้องคนไข้ก็ลั่นโครก มีเสียงลมระบายแล้วลืมตาลุึกนั่งทำคอขย้อน

    ภรรยานำกระโถนมาให้อาเจียนเป็นน้ำสีเขียวๆออกมาก่อนแล้วตามด้วยเส้นผมสีดำๆ อีก 1 ผอยใหญ่ๆ ออกมาทีละปอยๆ จนเกือบค่อนกระโถนจึงหมด แล้วคนใข้หงายหลังลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย

    จากนั้นหลวงปู่ภูต้องเสกข้าวสารให้ต้มกินจีงหายจากอาการอ่อนเพลีย คนไข้จึงสามารถเล่าเรื่องที่ตัวเองโดนของให้ท่านฟังว่า

    เขาย้ายจากกรุงเทพ ไปอยู่ประจำคุกที่ปราจีนบุรี ในตำแหน่งพัศดีเรือนจำ เขาเป็นคนตงฉินไม่รับสินบาทคาดสินบนจัดการเจ้าหน้าที่ทุจริตจนเข้าคุกและถูกปลดไหลายราย เป็นเหตุให้เช้าวันนั้นเขาออกมายืนล้างหน้าที่หน้าตาง ก็มีนกตัวดำๆบินมาชนหน้าผากจนหมดสติมารู้ตัวอีกทีก็เมือหลวงปู่ช่วยไว้

    ท่านผู้นั้นคือพัศดีเฉย เมฆหิมพานต์ที่อดีตเคยเป็นเพชฌฆาตตัดคอนักโทษด้วยดาบมา ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าจะทรงให้เปลี่ยนมาเป็นการยิงเป้าแทนการตัดคอ
    ต่อมาท่านได้เกษียณราชการ และหลวงปู่ภูได้ทำไม้ครูขนาดเล็กติดตัวให้ไปเพื่อใชัในการป้องกันคุณไสยในที่สุด
    ประวัติหลวงปู่ภู จันทเกสโร :- http://dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-poo/lp-poo-hist.htm
    นอกจากเรื่องราวการสยบคุณไสยของหลวงปู่่ภู่แล้ว จะขอนำไปพบกับเหตุการณ์ตอนหนึ่งซึ่งพระเกจิอาจารย์ที่เราท่านรู้จักกันเป็นอย่างดีอย่างหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ได้ประสบพบพานกับอำนาจไสยดำ
    ที่มีผู้ไม่หวังดีกระทำต่อตัวท่านอย่างจงใจโดยไม่เกรงกลัวบาปเวร
    เป็นที่รู้จักกันอยู่ว่าหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เกจิอาจารย์ผู้โด่งดัง แห่งวัดบ้านไร่ ตำบลกุตพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ท่านเคยผจญกับสิงสาราสัตว์และภูตผีวิญญาณมามากมาย หรือแม้แต่พวกพ่อมดหมอผีที่โด่งดังทางไสยศาสตร์มนต์ดำ หลวงพ่อคูณท่านก็เจอมาแล้วเช่นกัน

    และท่านก็สามารถเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้งด้วยศิลปศาสตร์ทางคาถาอาคมที่ล้ำลึก และที่เราจะกล่าวถึงหลวงพ่อคูณในบรรทัดต่อไปนี้ จะกล่าวถึงเฉพาะตอนที่ท่านได้ผจญกับหมอผีชาวบ้านป่าที่สองดีกับท่านในครั้งหนึ่ง ขณะท่านออกธุดงค์ไปตามป่าตามเขา เพราะไปขัดผลประโยชน์เขานั่นเอง

    ตอนที่หลวงพ่อคูณบำเพ็ญภาวนา อยู่ที่ภูควาย จนมีความคุณเคยกับชาวบ้านและปจญกับบภูตผีวิญญาณอย่างเอกอุ รวมทั้งเสือโคร่งตัวเท่าม้าคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา เพื่อจะเอาชีวิต หรือเป็นอารักขาหรือเปล่าไม่มีผู้ใดได้ล่วงรู้จิดใจเสือ
    กับชาวบ้านหลวงพ่อคูณได้รับคึวามศรัทธาเลื่อมใสยิ่งนัก นอกจากท่านจะนำคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกเผยแพร่แล้ว หลวงพ่อคูณท่านยังช่วยเยียวยารักษาคนป่วยจากโรคร้ายต่างๆด้วยสมุนไพร ทำให้เกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้า
    แต่ภายใต้ความศรัทธาของชาวบ้านป่านั้น กลับไปขัดผลประโยชน์กับหมอผีอยู่กลุ่มหนึ่ง ที่เคยทำมาหากินกับชาวบ้านมาช้านานซึ่งทำการรักษาด้วยวิธีการทางไสยศาสตร์และสมุนไพรที่รู้มางูๆปลาๆ ทำให้อาการป่วยของชาวบ้านไม่หาย ต้องเจ็บป่วยล้มตายเป็นจำนวนมาก
    มาทุเลาเบาบางลงก็ตอนที่หลวงพ่อคูณเข้าช่วยรักษาเยียวยา นี่แหละคือเหตุแห่งการอาฆาตลองดีหมายเอาชีวิต
    ขั้นแรกพวกมันทำด้วยวิธีเบาะๆ ก่อนคือตกกลางคืนพวกมันจะทำเป็นผีไปหลอก เอาไม้ไปขว้างปาหรือไม่ก็ทำเป็นเสียงเสือคำรามขู่เท่านั้น แต่ต่อมาเริื่องก็ลุกลามใหญ่โตขึ้น พวกหมอผีจุึงตกลงกันเรียบร้อย เพื่อเดินทางขึ้นไปหาหลวงพ่อคูณที่กำลับบำเพ็ญเพียรอยู่บนภูควาย โดยพวกมันขึ้นไปเป็นกลุ่มอย่างเงียบๆ

    ในขณะเดียวกันหลวงพ่อคูณกำลังบำเพ็ญภาวนาอยู่ ก็มีความรู้สึกว่ามีคนไม่ต่ำกว่า 2 คนกำลังเดินมายัง กลดของท่าน ท่านนิ่งและเงี่ยหูฟังอย่างสงบเพราะยังไม่ค่อยจะมั่นใจว่าจะเสียงเดินทางมานั้นเป็นคนหรือเป็นสัตว์ แทนที่ท่านจะกลัวจนลนลานกลับตรงกันข้ามท่านกลับพินิจพิจารณาเพียงอย่างเดียว หัวใจของท่านหาได้วอกแวกไม่
    จากนั้นท่านก็ร่ายพระเวทขับไล่ออกไป แทนที่เสียงนั้นจะหยุดหรือเกิดปฎิกิริยาโต้ตอบกลับเงียบ นอกจากเสียงเดินใกล้มาเป็นลำดับ จากนั้นท่านก็ได้ยินเสียงดังงึมงำสลับด้วยเสียงของก้อนหินหล่นลงใกล้กับกลดของท่าน มันเป็นอย่างนี้อยู่เกือบชั่วโมง
    แรกๆ ท่านก็คิดไปว่าเป็นการกระทำของพวกภูตผีวิญญาณแต่พอมาวิเคราะห์อีกที หากเป็นการกระทำของพวกผีพวกวิญญาณมันก็มีการตอบโต้บ้างแล้ว แต่นี่มันยังไม่ยอมเลิกรา ท่านจึงมีความมั่นใจว่าเป็นการกระทำของคนที่ไม่หวังดีอย่างแน่นอน ท่านจึงได้ตะโกนสวนกลับก้อนหินที่หล่นลงกระทบพื้นด้วยเสียงงึมงำว่า พวกมึงมีอะไรกะกูก็ออกมาพูดกันดีๆ พวกมึงไม่ต้องมาทำลับๆล่อๆ กะกูอย่าอยู่ กูรู้ว่าพวกมึงนั้นเป็นสัตว์ประเสิรฐ์ กูคิดว่าพวกมึงก็คงออกมาพูดกะกูให้รู้เรื่อง
    บรรดาหมอผีเมื่อเจอเข้าไม้นี้ก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้ว เพราะพระรูปนี้ไม่ใช่พระธรรมดาอย่างที่คิด เมื่อพวกมันคิดได้ดังนั้นก็เผ่นลงจากดอยทันที แต่แทนที่พวกมันจะเกรงกลัวกลับกำเริบเสิบสานหนักข้อขึ้นไปอีก
    อย่างนี้มันต้องเสกหนังควายเข้าท้องให้มันตายไปเลย ในเมื่อมันมาทำลายผลประโยชน์ของเรา พวกเราเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้เราทำกับข้าวไปให้มันกิน แล้วเอาหนังควายเสกไปให้มันรองนั่งกินถ้ามันกินเพลินเมื่อไหร่ หนังควายเสกของเราจะห่อตัวให้เล็กลงแล้วเข้าไปในท้องของมัน
    มันจะได้รับความทรมานที่สุดเมื่อหนังควายเสกไปบานในท้องมัน มันจะปวดอย่างที่สุดแล้วก็ตาย และพวกกับข้าวเราก็เอาหนาม เอาพวกก้อนหินเสกเอาพวกก้อนหินเสกบังตามันให้เป็นข้าว เมื่อมันกินเข้าไปหนามก็จะแทงลำใส้ขจองมันแล้วก็ทรมานตายในที่สุด
    พวกหมอผีทำแบบไม่รู้บุญรู้บาป มันไม่สนใจหรอกว่าการฆ่าพระฆ่าเจ้านั้นเป็นบาปมหันต์ มันรู้แต่เพียงผลประโยชน์ที่พึงได้เล็กๆน้อยๆและความศรัทธาจากชาวบ้านคืนมาสู่พวกมันเท่านั้น และในเช้าวันรุ่งขึ้นพวกมันได้เอากับข้าวไปถวายหลวงพ่อคูณบนภูควายด้วยใบหน้าที่ยิ้มระรื่น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นการกลบเกลื่อน
    หลวงพ่อครับ กระผมนำข้าวปลาอาหารมาถวาย ขอท่านรับและฉันตามสบาย
    มันพูดพร้อมกับถวายสำรับกับข้าว "เอาเถอะกูจะฉลองศรัทธาของพวกมึง"
    แต่หลวงพ่อคูณนั้นท่านผ่านเรื่องราวแบบนี้มากมาย ท่านจึงรู้เท่าทันทุกอย่าง ก่อนที่ท่านจะรับสิ่งของจากผู้ไม่หวังดีนั้นท่านได้มองสีหน้าและท่าทางด้วยจิตว่าพวกมันมาดีหรือมาร้าย ถึงจะรู้ท่านก็ฉลองศรัทธาอย่างเต็มที่ ไม่ปฏิเสธกับข้าวคาวหวานที่อยู่ในถาด
    จากนั้นพวกมันได้เอาหนังควายออกมาปู แล้วนิมนต์ให้หลวงพ่อคูณขึ้นไปนั่งเพื่อฉันอาหารที่พวกมันยกมาถวาย ท่านก็ฉลองศรัทธาด้วยเช่นกัน
    หลังจากนั้นท่านก็ได้นั่งพิจารณาดูกับข้าวที่อยู๋บนถาดอย่างถี่ถ้วน พร้อมกับได้ร่ายพระเวทในใจแล้วเป่าสำทับลงไปเป็นการทำลายมนต์ดำของชาวบ้านแบบหนามยอกก็เอาหนามบ่ง
    เพราะหลวงพ่อคูณท่านเรียนผูกและเรียนแก้มาแล้ว ท่านจึงไม่หวั่นไหวอะไรแม้แต่น้อย และแน่นอนเมื่อพวกมันเล่นบังตาด้วยอาคมท่านก็บ้งตาพวกมันบ้าง จากนั้นท่านก็ฉันอาหารอย่างเอร็ดอร่อย

    "เสร็จกูแน่" พวกมันคิดในใจ แต่หารู้ไม่ว่าขณะที่ท่านฉันอาหารไปนั้นท่านคอยระวังอยู่ตลอดเวลา ท่านไม่ประมาทแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว หนังควายเสกที่ท่านนั่งทับอยู่มันกำลังหดตัวเข้าทีึ่ละนิดๆ ท่านก็คอยเป่าอาคมลงไปมันก็คลายออก
    สู้กันอยู่อย่างนี้จนกระทั่งท่านได้ฉันอาหารเสร็จ พวกมันก็เอาแต่ยิ้มด้วยความคิดที่ว่า เสร็จแน่ๆ
    กูฉลองศรัทธาของพวกมึงแล้ว อาหารทีเหลือพวกนี้กูฝากไปให้ลูกเมียพวกมึงกินกัน อย่าลืมนะเอาไปกินฉลองศรัทธาของกูบ้างเอ้าเอาไป แล้วพวกมึงกลับไปได้แล้วลูกเมียมึงคอย กูจะทำวัตรสวดมนต์อันเป็นกิจสงฆ์

    พวกหมอผีที่เอาอาหารมาถวายหลวงพ่อคูณ หวังจะฆ่าให้ตายด้วยคุณไสยหนังควายและหนามเสก แต่ไม่อาจจะทำอะไรได้พวกมันจึงรีบลงจากภูควายกลับไปบ้าน แล้วนำอาหารสำรับนั้นให้ลูกเมียกินกันอย่างเอร็ดอร่อย

    แต่พอตกบ่ายเ่ท่านั้นเอง บรรดาลูกเมียต่างพากันปวดท้องร้องโอดโอยปานจะขาดใจตาย พวกมันพยายามทำน้ำมนต์ให้ดื่มแต่ก็ไม่หาย จึงจำเป็นต้องไปพึ่งหลวงพ่อคูณบนภูควายให้ช่วยรักษาเยียวยา
    พวกมึงพากันมาหากูอีกทำอะไร เฮ้อ แต่ก่อนที่พวกมึงจะทำทำไมไม่คิดกันบ้างหรือ พวกมึงคิดว่าพวกมึงวิเศษกว่าใครๆ นะสิ เป็นไงพอโดนเข้าบ้าง กูคิดแล้วว่าพวกมึงจะต้องกลับมาหากูอีก

    พวกหมอผีได้ก้มลงกราบพร้อมกับสารภาพผิดที่คิดฆ่าพระฆ่าเจ้า พวกผมทั้งหมดสารภาพ
    ผิดที่คิดฆ่าพระฆ่าเจ้า
    พวกผมทั้งหมดสารภาพผิดครับหลวงพ่อ พวกผมเห็นผิดเป็นชอบไปจริงๆ พวกผมขออภัย หลวงพ่อยกโทษให้พวกผมด้วยและช่วยลูกเมียของผมด้วยเถอะครับ พวกเขากำลังได้รับความทุกข์ทรมานเป็นที่สุด อีกอย่างพวกเขาไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ในการกระทำของพวกผมเลย ถ้าหากท่านไม่ช่วยลูกเมียของพวกหมอผีแล้วให้เกิดคยวามเวทนาสงสาร
    เออ......กูจะช่วยพวกมึงเอากุศล ที่หลังพวกมึงสังหรณ์เอาไว้บ้างคนที่เก่งกว่าพวกมึงยังมีอีกเยอะ แล้วนี่พวกมึงบาปหนารู้ไหม ที่พวกมึงคิดจะฆ่าพระ ถ้าพวกมึงฆ่ากูสำเร็จพวกมึงจะได้รับกรรมอย่างมหันต์พวกมึงจะได้ลงอเวจี เรียกว่าไม่ได้ผุดได้เกิดเลยที่เดียว เอาล่ะพวกมึงไปตักน้ำมา กูจะทำน้ำมนต์ให้ลูกเมียมึงกินเร็วล่ะ ไม่งั้นลูกเมียของพวกมึงตายแน่
    ก็เท่านี้เองหลวงพ่อคูณก็เอาชนะใจของพวกหมอผี พร้อมสั่งสอนให้รู้จักบาปบุญและดีชั่ว จนได้รับความเลื่อมใสศรัทธาในเวลาต่อมา
    หลวงพ่อคูณจึงเปรียบเสมือนหนึ่งเทพเจ้าในหัวใจของพวกเขาทุกคนในหมู่บ้านชาวเขาภูควายนับแต่นั้นเป็นต้นมา
    *******************************************
    ขอบคุณที่มา :- http://superstition55.blogspot.com/2013/05/blog-post.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 ธันวาคม 2017
  2. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628

แชร์หน้านี้

Loading...