คุณสนธิ ค่ะ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ไอ้ใบ้, 12 กันยายน 2006.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    คุณสนธิ ค่ะ วันที่พวกคุณประท้วงปิดถนนที่สวนมิสกวัน มีคนตาย 1 คน คุณจะรับผิดชอบในเหตุการณ์ครั้งนี้ไหมค่ะ ในฐานะที่จัดให้มีการประชุม ปล.นี้ถ้าเหตุการณ์กลับกันเป็นของท่านนายก พวกมันคงด่าท่านนายกเละแล้วล่ะค่ะ
     
  2. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    คำยืนยันค่ะ ประโยคเด็ดประจำปี
     
  3. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    คุณสนธิ ค่ะ ธรรมะสำหรับคุณค่ะหลักธรรมสร้างสันติสุขแก่ชีวิตและสังคม
    แสดงธรรมโดย
    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย



    [​IMG]การฟังธรรม ๒ อย่าง

    ณ โอกาศต่อไปนี้ เป็นเวลาที่จะได้ฟังธรรมะอันเป็นคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วันนี้เป็นวันธรรมสวนะ แปลว่าวันฟังธรรม อุบาสก อุบาสิกา ได้มาฟังธรรม จำศีลอุโบสถ และพร้อมกันนี้ก็มีข้าราชการสาธารณสุขมาร่วมฟังเทศน์ด้วย
    การฟังธรรม แบ่งออกเป็น ๒ อย่าง อย่างหนึ่ง เราฟังพระที่ท่านเทศน์เรื่องธรรมะ อีกอย่างหนึ่ง เราฟังใจของเรา ให้เราพยายาม ฟังลงที่ใจ ใจของเรามีสภาวะอย่างหนึ่งซึ่งเป็นธรรมชาติรู้ ธรรมชาติรู้นั่นแหละคือพุทธะที่อยู่ในใจของเราดังนั้น จะเป็นใครก็ตามที่มีใจเป็นผู้รู้ ผู้นั้นชื่อว่ามีธาตุแท้แห่งความเป็นพุทธะ พระพุทธเจ้าท่านเป็นพุทธะก็เพราะท่านมีใจ ท่านก็เอาใจค้นคว้าสภาพความเป็นจริงของสภาวธรรม สภาวธรรมอันเป็นหลักก็คือกายกับใจนั้นเอง
    [​IMG]สัจธรรมที่เกิดกับกาย

    เรามีกายกับใจเป็นธรรมะ อันเป็นของของตน ธรรมะอันนี้พระพุทธเจ้าเทศน์ว่า มีความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตาย เป็นประจำ ซึ่งความเกิดนั้นใครๆ ก็อาจจะชอบ แต่ความแก่ ความเจ็บ และความตายนั้น เข้าใจว่าทุกคนไม่ชอบ แต่ใครจะชอบก็ตาม ไม่ชอบก็ตาม มันก็เป็นสิ่งที่ดำเนินไปตามกฎของธรรมชาติ ในเมื่อมีเกิด แล้วก็แก่ แก่แล้วเจ็บ เจ็บแล้วก็ตาย คนเราเกิดมามีความเป็นอยู่เพราะอาศัยอาหารเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิต แต่เมื่อน้อยเรารับประทานอาหารเพื่อความเจริญ เด็กรับประทานอาหารแล้วก็มีการเจริญเติบโตขึ้นโดยลำดับจนกระทั่งถึงความเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มที่ ในเมื่อเรามีความเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มที่แล้ว ต่อไปเราจะรับประทานอย่างไร ร่างกายของเราก็ไม่มีความเจริญขึ้น มีแต่ความเจริญลง ซึ่งเรียกว่า ความเสื่อม มันเริ่มเสื่อมไปหาความแก่ ความเจ็บ และความตาย ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนให้เราพิจารณาเนืองๆ ว่า
    ชะราธัมโมมหิ ชะรัง อะนะตีโต เรามีความแก่เป็นธรรมดา จักล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้
    พะยาธิธัมโมมหิ พะยาธิง อะนะตีโต เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา จักล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้
    มะระณะธัมโมมหิ มะระณัง อะนะตีโต เรามีความตายเป็นธรรมดา จักล่วงพ้นความตายไปไม่ได้
    อันนี้เป็นอุบายสอนให้เรารู้สึกสำนึกในสภาพความเป็นจริงว่า ร่างกายและชีวิตซึ่งเป็นสิ่งที่เรารักและหวงแหนอย่างยิ่ง แม้ว่าเราจะรักจะหวงแหนอย่างไรก็ตาม ก็ย่อมไม่พ้นจากความแก่ ความเจ็บ และความตาย
    ทีนี้เรามาพิจารณาดูอีกทีที่ว่า ในเมื่อเรารู้ว่าเราจะต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย เรามีกายกับใจเป็นสมบัติของตัวเอง เราจะปล่อยให้เราเกิดมา แล้วก็แก่ เจ็บ ตาย แก่ เจ็บ ตาย เพียงแค่นั้นหรือ หรือว่าเราควรจะทำอะไรบ้าง
    [​IMG]
    [​IMG]เราเกิดมาด้วยอำนาจกรรม

    พระพุทธเจ้าจึงสอนในขั้นต่อไปว่า กัมมัสสะโกมหิ กัมมะทายาโท กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ กัมมะปะฏิสะระโณ เรามีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เพื่อจะให้ปลูกใจเชื่อลงไปว่า เราเกิดมาด้วยอำนาจของกรรม
    คนเราทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์ได้นี้ก็เพราะอาศัยกรรมเก่า โดยหลัก ท่านว่า ต้องมีศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ จึงจะเกิดมาเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ คือ พร้อมด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ ถ้าหากว่าขาดตกบกพร่องส่วนใดส่วนหนึ่ง เพียงเล็กน้อยหรือมากก็ตาม อันนั้นได้ชื่อว่าบุญกุศลแต่ปางหลังของเราไม่พร้อม ความมีศีล ๕ กรรมบถ ๑๐ ของเราขาดตกบกพร่อง แล้วเราก็จะได้รับผลอย่างนั้น
    [​IMG]การยอมรับกฎแห่งกรรมทำให้ตั้งใจสร้างความดี

    และอีกอย่างหนึ่ง พระพุทธเจ้าสอนว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว อันนี้ก็เป็นกฎความจริงอันหนึ่ง ซึ่งความดีและความชั่วทั้งหลายนั้น ความดีเรียกว่าบุญ ความชั่วเรียกว่าบาป บางครั้งอาจจะมีคนกล่าวว่า ศาสนาพุทธ ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่จริง อะไรๆ ก็มีแต่เรื่องบาป พระพุทธเจ้าบัญญัติบาปหรือสร้างบาปมาไว้สำหรับลงโทษผู้กระทำผิดอกผิดใจของพระองค์ และก็สร้างบุญมาไว้เพื่อเป็นของกำนัล คือให้รางวัลแก่ผู้ทำถูกอกถูกใจ บางทีก็อาจจะมีผู้คิดและเข้าใจอย่างนั้น
    [​IMG]
    และอีกอย่างหนึ่ง พระพุทธเจ้าสอนว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว อันนี้ก็เป็นกฎความจริงอันหนึ่ง ซึ่งความดีและความชั่วทั้งหลายนั้น ความดีเรียกว่าบุญ ความชั่วเรียกว่าบาป บางครั้งอาจจะมีคนกล่าวว่า ศาสนาพุทธ ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่จริง อะไรๆ ก็มีแต่เรื่องบาป พระพุทธเจ้าบัญญัติบาปหรือสร้างบาปมาไว้สำหรับลงโทษผู้กระทำผิดอกผิดใจของพระองค์ และก็สร้างบุญมาไว้เพื่อเป็นของกำนัล คือให้รางวัลแก่ผู้ทำถูกอกถูกใจ บางทีก็อาจจะมีผู้คิดและเข้าใจอย่างนั้น
    แต่ความเป็นจริงนั้น คำว่าบุญกับบาป ทั้งสองอย่างนี้มันเป็นผลของกรรม กรรมที่เราทำด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ ถึงพร้อมด้วยไตรทวาร คือ กาย วาจา และใจ พร้อมกันทำ ในเมื่อทำลงไปแล้ว โดยกฎธรรมชาติ จะเป็นกรรมดีก็ตาม จะเป็นกรรมชั่วก็ตาม แม้เราจะปฏิเสธว่าฉันทำเล่นๆ ฉันไม่ต้องการผลตอบแทนใดๆ แต่โดยกฎธรรมชาติแล้วเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราทำอะไรลงไปย่อมมีผลตอบแทนทุกอย่าง ไม่ว่าดีและชั่ว
    ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงสอนต่อไปว่า ยัง กัมมัง กะริสสามิ กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ตัสสะทายาโท ภะวิสสามิ เราจักทำกรรมอันใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้นอย่างแน่นอน เราหลีกไม่ได้
    ที่สอนดังนี้ ก็เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนจิตใจของพุทธบริษัททั้งหลายให้มีความรู้ซึ่งเห็นจริง ตามพุทธพจน์ดังที่กล่าวแล้ว แล้วจะได้ตั้งอกตั้งใจประกอบคุณงามความดีตามหน้าที่ของตนๆ

    (f)
     
  4. taii

    taii เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +106
    มาให้กำลังใจช่วย อีกคนครับ
    เชียร์ท่าน เต็มที่เลยครับ
    ทั้งบ้านเลย
    มีอารายอย่ากให้ช่วยก็ เมล์มาได้เลยนะครับ
     
  5. ธรรมธารา

    ธรรมธารา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +3
    เป็นกำลังใจให้นายกทักษิณเช่นกัน
     
  6. ธรรมธารา

    ธรรมธารา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +3
    นับว่าน่าชื่นชม
    เห็นด้วยทุกประการ

    ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน

    คนจะเลวจะดี มองให้รอบด้าน ใช้สติ ปัญญา พิจารณาจากข้อมูลที่แท้จริง อย่าสักแต่ไปฟังเขามา จำเขามา อย่าใช้อคติ หรือ ความเห็นแก่ตัวมาวัดความผิด ความเลวของผู้อื่น

    สุดท้าย เคารพเสียงส่วนใหญ่ หยุดก่อการกันได้แล้ว เห็นแก่ประเทศชาติกันบ้างเถิด
     
  7. brushed

    brushed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    497
    ค่าพลัง:
    +648
    กระดาษเฉิงซินจากซินอัน
    ลื่นกว่าจันทร์น้ำแข็งสัมผัสรู้
    ช่างกระดาษพานโหวนั้นยอดครู
    เขายังรู้จานหมึกลายหางมังกร

    นี่คือบทร้อยกรองที่ เหมยหยาวเฉิน กวีสมัยเป่ยซ่ง
    ได้เขียนบทร้อยกรองชื่อชมกระดาษเฉิงซิน
    ซึ่งเป็นกระดาษสำหรับใช้เขียนศิลปะลายมือ
    และภาพเขียนมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หนันถังชนชาติจีน
    นับเป็นนักบันทึกตัวเอ้ที่ไร้เทียบทานของโลก
    กระทั่งเครื่องเขียน 4 อย่าง ได้แก่ พู่กัน จานหมึก หมึกจีน กระดาษ
    ซึ่งเป็นสมบัติอันล้ำค่าสำหรับรังสรรค์งานวรรณกรรมทั้งร้อยแก้ว ร้อยกรอง
    ศิลปะภาพเขียน และภาพอักษรจีน
    ได้กลายเป็นสี่สุดยอดสมบัติจีนในห้องหนังสือ

    คุณอดุลย์ รัตนมั่นเกษมผู้ช่ำชองชำนัญในภูมิปัญญาตะวันออกสายจีนผู้หนึ่ง
    และค้นคว้าข้อมูลจากเอกสารภาษาจีน
    ได้ขุดค้นเรื่องราวเกี่ยวกับสี่สุดยอดสมบัติจีนในห้องหนังสือ
    มาเสนอแก่ผู้อ่านอีกเล่ม
    ซึ่งได้เผยเรื่องราวของเครื่องเขียน 4 อย่างนี้
    อย่างรอบด้านที่สุด ได้แก่ ประวัติศาสตร์ วิวัฒนาการกว่า 2,000
    ปี ของเครื่องเขียนแต่ละชนิดในแต่ละยุคสมัย และแต่ละท้องถิ่น
    ซึ่งมีวิธีการใช้วัสดุ เทคนิกการประดิษฐ์ทำ
    คุณสมบัติ
    การตกแต่งด้วยศิลปะหลากหลาย ที่แตกต่างกัน
    นอกจากนี้ ยังมีความรู้เกี่ยวกับการดู-การเลือก เป็นต้น

    อาทิ.
    เรื่องของพู่กัน: ในสมัยราชวงศ์หยวน
    มีพู่กันจากเมืองหูโจวที่มีชื่อเสียงระบือไปทั่วแผ่นดิน
    ที่เรียกว่า
     
  8. ligore

    ligore เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +5,807
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">เราต้องเลือกข้างแล้วนะ</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. kem

    kem สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2006
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมขออนุญาตเห็นด้วยกับคุณผี..นะครับ คนเราควรรับฟังความคิดเห็นของทุกๆฝ่ายนะครับ
     
  10. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    ถุกต้องเราควรมองความเห็นของทุกฝ่าย ไม่ใช้ตั้งกระทู้มาด่าแต่ท่านนายกป่าวๆค่ะ(bb-flower
     
  11. chuang205

    chuang205 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +708
    คำว่า"คน"มันแปลว่ายุ่ง ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ กล่าวมาจริง ๆ ด้วยครับ ที่ไหนมีคนมาก ที่นั่นวุ่นวายจริง ๆ คนโน้นอยากได้อย่างโน้น คนนี้อยากมีอย่างนี้ ปกป้องอย่างนั้น ผลประโยชน์อย่างนู้น พอคน หลายล้านคนมารวมกันเป็นสังคม ยุ่งอีลุงตุงนังกันไปหมด
    แต่ไม่รู้ทำไงแฮะ เราก้ออยู่ในสังคมนั้น เบื่อเนอะ
     
  12. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    วันนี้ยังเห็นว่าคุณทักษิณเป็นนายกที่มาจากการเลือกตั้ง
    ที่ออกมาด่านั่นเป็น กุ๊ยข้างถนน ไม่รู้จักประชาธิปไตย

    ขอสำคัญคือว่า สังคมไทยคงจะกลับมาจุดที่จะเจรจากันไม่ได้แล้ว
    สถานะการณ์รอจุดแตกหักกัน ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้แหละครับ

    เวรกรรมประเทศไทย
     
  13. ahantharik

    ahantharik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,596
    ค่าพลัง:
    +6,346
    ตัวผมเองขอเป็นกลางครับ ท่านนายกเป็นคนดีและทุกวันนี้ก็เป็นคนดี ส่วนสนธิผมไม่ค่อยรู้จักเท่าไร เลยไม่ขอพูด แต่เดี๋ยวนี้ความรู้สึกขอผมเปลี่ยนไป

    1. นโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค ปี 50 โรงพยาบาลของเอกชนที่มี 30 บาท ก็กำลังจะยกเลิกกัน เพราะขาดทุน ได้เงินล่าช้า ส่วนของโรงพยาบาลของรัฐกำลังพิจราณากันอยู่ตอนนี้ เท่าที่พวกเรารู้ว่าคุณหมอเรียนจบการเป็นแพทย์ต้องใช้เงินเรียนหลักล้าน ไม่มีใครจบมาแล้วอยากจะมาทำ 30 บาท หรอก ทุกวันนี้เงินต่อหัวควรจะให้จริง 2,089 บาท แต่รัฐจ่ายแค่ 1,200 บาท เท่านั้น

    2. โครงการไม่ว่าจะเป็น BTS สนามบินสุวรรณภูมิ ที่พึ่งเสร็จไป ใครที่ได้รับผลประโยชน์เต็ม ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน จัดซื้อ จัดจ้างต่าง ๆ ตระกูลใครที่รวย บนเส้นทางความลำบากของคนไทยในอนาคต ใครละที่ผูกขาด ใครที่เป็นเจ้าของที่ดินแถวนั้น เพราะเมื่อก่อนไม่เคยมีชื่อตระกูลดัง ๆ เลย ที่เป็นเจ้าของที่ดินแถวนั้น อีกหน่อยไทยก็ไม่แตกต่างเหมือนประเทศอาเจตินา ที่เคยอยู่ติดอับดับ 10 ประเทศของโลกที่มีฐานเศรฐกิจที่ดี ปัจจุบันรัฐบาลเขาขายทุกอย่างให้กับต่างชาติ ตัวอย่างก็มีให้ดูเพราะเป็นเรื่องจริง

    ผมขอยกตัวอย่างมาแค่ 2 ข้อใหญ่ก็พอ ผมไม่ได้ฟังจากสนธิ แต่มันเป็นประสบการณ์จริงที่ผมรู้เรื่องมา และก็มีอีกมายหมายที่รากหญ้าบางกลุ่มไม่รู้ ผมเองก็หาเช้ากินค่ำเหมือนกัน รากหญ้าแท้ ๆ

    ผมรู้อยากเดียวว่าประเทศเจริญทุกวันนี้เป็นเพราะท่านนายก ผมชอบความเจริญก็จริง แต่คนในชาติขาดคุณธรรม เห็นวัตถุเงินตราดีกว่าการทำความดี ทุกคนต้องแย่งกัน ฆ่ากันเหมือนผักปลา ข่มขืนผู้หญิงบ่อยครั้ง ผู้หญิงไทยวัยรุ่นมีลูกเร็วและก็ทิ้ง เพราะความเจริญทางวัตถุตัวเดียว แต่ด้านจิตใจต่ำลงไปทุกขณะ ทุก ๆ ครั้งที่มีความเจริญ จิตใจคนในชาติก็จะต่ำลงไปด้วย เพราะว่าสังคมที่เป็นทุนนิยม ไม่เชื่อเรื่องเวรกรรม บาปบุญคุณโทษ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้ย้อนรอยไปอีก 30 ปี ที่ทุกคนชอบช่วยเหลือสังคม เข้าวัดกันมากขึ้น สนใจธรรมะ
    รักกัน ฟังเหตุผล สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนมีจิตใจที่สงบสุขเร็ว ๆ ด้วยครับ..............ผมรักในหลวงและประเทศชาติของผม
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...