จงเป็นทหารกล้าที่ยอมลำบากแบก "ลา" ทั้งหลายเหล่านี้ไปด้วย อย่าให้ไปเดินเพ่นพ่านจนเหยียบกับระเบิดเข้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Saber, 18 เมษายน 2020.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    deduKD6sKPx3OdwvlfrZZYexUWN4jo86DROTSsnIOkpo&_nc_ohc=E5qyZxwublMAX-wqjIQ&_nc_ht=scontent.fbkk2-6.jpg

    พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้มีหลายคนพยายามเรียกร้อง ให้ทางรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองตามพระราชกำหนดฉุกเฉิน โดยยกเหตุขึ้นมาอ้างว่า ถ้าไม่มีงาน ไม่มีเงิน ก็อดตาย โดยไม่ได้ใส่ใจว่าถ้าติดเชื้อโรคร้ายก็ตายเช่นกัน

    คนทั้งหลายเหล่านี้โดยส่วนตัวคือมีความอดทนน้อย โดยส่วนรวมแล้วหลายคนอยู่ในลักษณะอยากดัง บางคนก็อยู่ในลักษณะหาเสียงบนความเดือดร้อนของคนอื่น แทนที่จะช่วยกันแบ่งเบาความเดือดร้อนของประชาชน ให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลโดยดี กลับกลัวว่าสถานการณ์จะไม่วุ่นวาย พยายามเรียกร้องโน่นนี่นั่นอยู่เสมอ

    การที่จะผ่อนคลายมาตรการฉุกเฉินนั้น อย่างน้อยต้องควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างเด็ดขาดแล้ว ไม่เช่นนั้นถึงเวลาเกิดการระบาดขึ้นมาใหม่ ก็จะเสียทั้งเวลา เสียทั้งทรัพย์สินเงินทอง ตลอดจนกระทั่งเสียชีวิต ในการไปกระทำสิ่งที่วัยรุ่นสมัยนี้เรียกว่า "วนลูป" ซึ่งถ้ายอมทนอีกหน่อยหนึ่ง ก็ไม่ต้องมาเจอกับอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ อย่างนี้

    สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อมฺพรมหาเถร) มีดำรัสว่า "ถ้ามีเงินให้ช่วยด้วยเงิน ถ้ามีแรงให้ช่วยด้วยแรง ถ้าไม่มีเงินไม่มีแรงให้ช่วยด้วยกำลังใจ ถ้าทำอะไรไม่ได้เลยก็ให้นิ่งไว้" แต่คนเหล่านี้กลับนิ่งไม่เป็น ซ้ำยังคอยขัดมือขวางเท้า เป็นเหตุให้คนอื่นต้องทำงานลำบากขึ้นไปอีก

    ทำให้นึกถึงภาพหนึ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่ทหารต้องแบกลาเดินฝ่าทุ่งไป ซึ่งทหารก็ไม่ได้รักอะไรลาตัวนั้นเป็นพิเศษ แต่ว่าในทุ่งนั้นเต็มไปด้วยกับระเบิด ทหารจึงต้องแบกลาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้วิ่งส่งเดชไปเหยียบกับระเบิด แล้วจะพาให้ตัวเองพร้อมทั้งคนอื่นตายไปด้วย..!

    น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้บ้านเรามี "ลา" มาก รัฐบาลจึงทำงานด้วยความยากลำบาก อย่างวันก่อนก็มี "ลา" ไปแจกเงินที่หน้าวัดแห่งหนึ่ง ทำให้คนแห่กันไปรับเป็นจำนวนพัน โดยไม่ได้ติดต่อทางราชการให้ช่วยจัดระเบียบ ไม่ได้สนใจว่าจะทำให้ใครติดเชื้อโรคหรือไม่ ? ถ้าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันกระโดดจากหลักไม่เกิน ๓๐ กลายเป็นตัวเลขที่เกินจำนวน ๑๐๐ ต่อวัน ก็จะรู้ชัดว่าเป็นฝีมือของ "ลา" ทั้งหลายเหล่านี้เอง

    คนโง่ที่ว่าตัวเองฉลาดนั้นน่ากลัวมาก เพราะว่าอาจจะทำให้ส่วนรวมเสียหายหรือพาไปตายกันหมด โดยที่ตัวบุคคลผู้นั้นก็ยังภาคภูมิใจว่าตัวเองทำดีทำถูก ดังเช่นที่อาตมาได้พบมาด้วยตนเอง

    ปกติแล้วเวลาบิณฑบาต ก็จะมีญาติโยมส่วนหนึ่งซึ่งซื้อหาอาหารมาใส่บาตรไม่ทัน นำเงินสดใส่บาตรมาแทน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นการผิดพระวินัย แต่เราต้องเข้าใจเสียก่อนว่า พระวินัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติขึ้นข้อนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้พระภิกษุสงฆ์เกิดความโลภ แล้วไปสะสมเงินทองเพื่อความร่ำรวย

    ประกอบกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่มีญาติโยมคอยตามสงเคราะห์พระเหมือนกับสมัยพุทธกาล ซึ่งช่วงนั้นยังมีพระภิกษุสงฆ์น้อย มีญาติโยมผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก จึงทำให้ติดตามสงเคราะห์ด้วยปัจจัย ๔ ได้ครบถ้วน

    สมัยนี้นอกจากพระเณรมากแล้ว ญาติโยมยังตกอยู่ในกระแสสังคมที่ต้องแข่งขันกันสูง ไม่มีเวลาที่จะไปสงเคราะห์ในลักษณะแบบนั้น จึงมอบเงินทองแทนปัจจัย ๔ ให้พระภิกษุสามเณรไปดำเนินการกันเอง

    แต่ก็มีบางสำนักที่ถือเคร่งครัดแบบ "ลา" เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น รับใบปวารณาแต่ไม่รับเงินสด ทั้งที่ในศีลพระระบุไว้ว่า "พระภิกษุรับเองก็ดีหรือใช้ให้ผู้อื่นรับแทนก็ดี ซึ่งเงินทองหรือสิ่งของที่ใช้แทนเงินทอง ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์"

    แล้วก็เอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตน ไปทำลายศรัทธาของคนอื่น ด้วยการไปประณามบุคคลที่นำเงินทองถวายพระ ว่าเป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนา ทำให้พระเกิดกิเลส ทั้งที่กิเลสของทุกคนมีติดตัวมาตั้งแต่ก่อนเกิดแล้ว เป็นการอ้างพระพุทธวจนะ ยกตนว่าสูงส่งบริสุทธิ์ ถ้าไม่ทำแบบตนก็คือผิดทั้งหมด

    บรรดา "ลา" ที่หน้ามืดตามัวเหล่านี้สามสี่ตัว มายกป้ายและตะโกนห้ามญาติโยมที่กำลังใส่บาตรอาตมาอยู่ กล่าวหาว่าการนำเงินใส่บาตรเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ทำให้ท่านที่ได้รับรู้รับฟังเกิดอาการ "ของขึ้น"

    ยังดีที่อาตมาพอจะมีสติอยู่บ้าง จึงได้ห้ามปรามญาติโยมทั้งหลายเอาไว้ ปล่อยให้บรรดา "ลา" จากไปด้วยความปลอดภัย เดินแบกสักกายทิฐิและอติมานะติดตัวไปด้วยความภาคภูมิใจ..!

    ทั้งรัฐบาล ทั้งหมอและพยาบาล ต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อที่จะเอาชนะเชื้อโรคร้าย covid-๑๙ ขอให้พวกเราอดทน อดกลั้น อดออม ยอมทนลำบากไปอีกระยะหนึ่ง เมื่อควบคุมโรคอยู่ในวงแคบได้แล้ว มาตรการต่าง ๆ ย่อมผ่อนคลายลงไปเอง

    ขอให้ทุกคนจงเป็นทหารกล้าที่ยอมลำบากแบก "ลา" ทั้งหลายเหล่านี้ไปด้วย อย่าให้ไปเดินเกะกะเพ่นพ่านจนเหยียบกับระเบิดเข้า จงปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยขันติและเมตตา อย่าเสพรับสื่อทั้งหลายมากนัก แล้วเราจะผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากเหล่านี้ไปด้วยกัน"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๓
    https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6940
     

แชร์หน้านี้

Loading...