" จดหมายข่าวจากโลกหน้า "

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย น า ทู รี, 17 มีนาคม 2012.

  1. น า ทู รี

    น า ทู รี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +164
    ในสุนทรพจน์ตอนหนึ่ง ที่ สตีฟ จอบส์ กล่าวกับบรรดานักศึกษา ที่มหาวิทยาลัย แสตนฟอร์ด เมื่อปี 2005 คือ....

    " ไม่มีใครอยากตายหรอกครับ ขนาดคนที่อยากไปสวรรค์ ก็ยังไม่อยากตายก่อนไปถึง

    ถึงกระนั้น เราทุกคนก็ต้องตายทั้งนั้น ไม่มีใครรอดพ้นจากมัน แต่นั่นเป็นสัจธรรมที่ควรจะเป็น

    เพราะความตาย เป็นสิ่งดีที่สุด ที่ธรรมชาติให้เรามา เป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลง กำจัดของเก่า เพื่อสละพื้นที่ให้กับของใหม่ ตอนนี้ น้องๆ ทุกคนเป็นของใหม่

    แต่อีกไม่นานนับจากนี้ น้องๆ จะกลายเป็นของเก่า ที่ธรรมชาติต้องกำจัด ขอโทษ ที่อาจฟังดูเวอร์นะครับ แต่มันเป็นความจริง "

    สตีฟ จอบส์
    1955 - 2011

    [​IMG]

    สตีฟ จอบส์ ไม่ได้มีแต่ด้านที่ประสบความสำเร็จและรุ่งโรจน์เท่านั้น ในฐานะปุถุชนคนหนึ่ง

    ชีวิตของเค้า ต้องพานพบกับทั้งความรุ่งโรจน์และร่วงโรย อบอุ่นด้วยความชื่นชมและมวลกัลยาณมิตร เหน็บหนาวด้วยคำด่า และศัตรูที่คอยริษยา ก่นด่า ประนาม ถากถาง ใส่ร้ายป้ายสี

    แต่เค้าไม่เสียเวลากับเรื่องไร้สาระเหล่านี้ เพราะเค้ารู้ดีว่า พวกมืออาชีพตัวจริง ไม่มีใครว่างพอจะมานั่งริษยา หรือประดิษฐ์คำด่าชาวบ้านไปวันๆ

    แม้เค้าจะเคยผิดพลาดกับความบกพร่องส่วนตัวบางเรื่อง อย่างเช่น การที่เค้าหมกมุ่นกับการผลิต คิดค้น ลงลึกในรายละเอียดทุกกระเบียดนิ้วมากเกินไป จนละเลยการบริหารจัดการ

    ซึ่งส่งผลให้ บริษัทถูกเบี่ยงเบน ออกไปจากวิสัยทัศน์ดั้งเดิมที่เคยตั้งไว้ และนั่นก็เป็นเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เค้า ถูกเชิญออกจากบริษัท ที่ตัวเองสร้างมากับมือ ซึ่งในภายหลัง เมื่อกลับมาใหม่ เค้าจึงทุ่มเทบริหารด้วยตนเองอย่างเต็มที่

    การที่เค้าทำงานหนัก อย่างไม่บันยะบันยัง ลงลึกในทุกรายละเอียด และแบกความรับผิดชอบจากหลายหน้าที่ จนมีเวลาสนใจสุขภาพของตัวเองไม่มากนัก ก็เป็นอีกด้านหนึ่ง ที่เค้าถูกกระตุกให้ตื่นด้วยความเจ็บป่วย และพยายามเรียนรู้ เพื่อจะหาจุดสมดุล ระหว่างงานกับชีวิตให้ลงตัว

    เค้าพยายามทำเรื่องนี้อย่างดีที่สุด แต่สังขารก็มีอายุขัยการใช้ ดังนั้น การแสวงหาความสมดุล ระหว่างร่างกาย หรือสังขาร กับการทำงาน จึงเป็นสิ่งที่ คนทำงานหนักทุกคน ไม่ควรละเลย

    ทำอย่างไร เราจึงจะสร้างภาวะ สมดุลงาน สมดุลชีวิต ขึ้นมาได้

    ทางสายกลาง นับเป็นคาถาประจำใจ ที่คนทำงานไม่ควรมองข้าม คนทำงานหนัก ก็ควรได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่เช่นนั้น จะเกิดภาวะ งานได้ผล แต่คนไม่เป็นสุข

    ในพระพุทธศาสนา จึงมีคำว่า มัตตัญญุตา แปลว่า ความรู้จักประมาณ หรือ ความรู้จักพอดี ใช้อยู่ทั่วไป

    คำๆ นี้ เป็นคำที่คนทำงานทุกคน ควรพิจารณาความหมายอย่างลึกซึ้ง

    การทำงาน แม้จะทำดีอย่างไร แต่ถ้าเลยเส้นของความพอดีจนสุดโต่ง ไปในด้านใดด้านหนึ่งแล้ว ก็จะส่งผลกระทบ ต่อสุขภาพของคนทำงานทันที

    ทุกวันนี้ โรคเสพติดการทำงานหนัก จนลืมพักผ่อน ลืมดูแลสุขภาพ ลืมแบ่งปันเวลาให้ครอบครัว กำลังเป็นโรคอารยธรรม ที่เป็นกันทั่วโลก

    โดยเฉพาะในผู้บริหารระดับสูง ที่ต้องแบกความรับผิดชอบมากกว่าคนทั่วไป มักจะเสี่ยงต่อสภาวะ รื่นรมย์ในงาน แต่ไม่เบิกบานในชีวิต หรือภาวะ งานสัมฤทธิ์ แต่ชีวิตไม่สำราญ เพราะทำงานหนักมากเกินไป จนชีวิตเสียสมดุล

    เวลาหิว ไม่ได้กิน หรือกิน แต่ไม่ตรงเวลา

    เวลาง่วงไม่ได้นอน หรือนอน แต่ไม่เป็นเวลา

    เวลาเข้าห้องน้ำ ไม่ได้เข้า หรือเข้า แต่ก็ช้ากว่าที่ร่างกายเรียกร้อง

    วันหยุดกลายเป็นวันทำงาน ร่างกายไม่มีเวลาฟื้นฟูตัวเอง ในแต่ละสัปดาห์

    คนที่หลงลืม เรื่องสมดุลงานสมดุลชีวิต จนละเลยทางสายกลาง มีโอกาสสูงมากที่ นาฬิกาชีวิต คือ หิวก็กิน ง่วงก็นอน เหนื่อยก็พัก ปวดท้องหนักหรือเบา ก็ต้องเข้าห้องน้ำ จะรวนเรเสียสมดุล

    ผลจากสภาวะสุดโต่งเหล่านี้คือ ความเจ็บป่วย ก่อนวัยอันควร และป่วยหนัก ด้วยโรคที่ต้องใช้เงินรักษาแพงมหาศาล

    การทำงานที่ดี จึงต้องคำนึงถึงคุณภาพชีวิต คู่กับประสิทธิภาพของงานด้วยเสมอ

    อาจจำไว้เป็นสูตรง่ายๆ ว่า การทำงาน ประสานกับคุณภาพของชีวิต คือผลสัมฤทธิ์ ของทางสายกลาง หรือ รื่นรมย์ในงาน เบิกบานในชีวิต

    อย่าปล่อยให้เกิดภาวะ งานก็ได้ผล แต่คนไม่เป็นสุข เป็นอันขาด เพราะนั่นคือ สัญญาณอันตรายของชีวิต ที่กำลังส่งเสียงเตือนเราอยู่ในทีว่า ต้องปรับปรุงวิธีคิด วิธีทำงาน และวิธีใช้ชีวิตอย่างเร่งด่วน

    กล่าวตามความจริงแล้ว ชีวิตมีวิธีเตือนพวกเรา ก่อนที่จะส่งคำพิพากษาสุดท้าย มาให้เสมอ พญามัจจุราชไม่ทำงานด้วยการทอดลูกเต๋า เพราะท่านมีมาตรฐานในการทำงานอย่างยอดเยี่ยม

    สำคัญก็แต่ว่า เราละเมียดละไม พอที่จะสำเหนียก ถึงสัญญาณเหล่านั้น บ้างหรือเปล่า ?

    ลองสังเกตตัวเองดูว่า ยังกินอาหารอร่อยไหม

    อารมณ์ยังดีอยู่เสมอไหม

    ปวดหัวบ่อยหรือเปล่า

    ระบบขับถ่ายยังเป็นปกติดีหรือไม่

    อวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ยังเคลื่อนไหวคล่องตัวหรือเปล่า

    อาการเหล่านี้ คือสัญญาณอันตราย หรือในทางพุทธศาสนาเรียกว่า จดหมายข่าวจากโลกหน้า ที่ส่งมาเตือนให้ตระหนักรู้ว่า เกิดภาวะสูญเสียสมดุล บางสิ่งบางอย่างในร่างกาย

    ถ้าไหวตัวทัน ก็จะทำให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ปรับตัวเข้าสู่ทางสายกลาง ส่งผลให้ มีชีวิตที่สดชื่นรื่นรมย์ ต่อไปยาวนาน

    แต่ถ้าอ่านสัญญาณนั้นไม่ออก และไม่มีเวลาแม้แต่ จะไปตรวจสุขภาพ เวลาของชีวิต ก็จะสั้นกว่าคนทั่วไป ในไม่ช้า

    การเดินทางไปสู่โลกหน้าก่อนวัยอันควร บางที ไม่ใช่เรื่องเวร เรื่องกรรมใดๆ แต่เป็นเพราะ วิธีที่เราปฏิบัติต่อชีวิตของเรา ในแต่ละวัน นี่เอง

    [​IMG]

    จากหนังสือ เรามีเวลาจำกัด โดย ว. วชิรเมธี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2012
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    เป็นบทความเกี่ยวกับสุขภาพที่มีประโยชน์มากค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...