จะฝึก กายคตาสติ ต้องตัดคำภาวนาทุกชนิดทิ้งครับ ยกเว้น..?

จารย์อย่าหัวเราะสิ ก็ผมไม่เคยทำ ได้ และไม่เคยทำด้วย อ่านเจอแต่ในตำรา
ถอย กับ ย้อนกลับมารู้ตัว มันอันเดียวกันเปล่าล่ะ ถ้าอันเดียวกัน มันก็ ทรมาน เวทนาน่าดูเลย อิอิ ผมสู้กับการปวดขาไม่ไหวหรอก

 

ที่ผมคิดคือ เมื่อนั่งนานๆ ปวดขา ถอยกลับมา ก็ออกจากฌาณสี่ ออกมาจากความสงบ มันก็ไม่มีสุข เขาเลยไม่อยากออกมาดูกาย ดูเวทนากัน..ผมคิดงี้

ผมเลย ถูกสอนให้ดูกายแบบอื่น แบบ แอดว๊าน...

 

ดูบ่อยๆ ไม่เบื่อหน้าตัวเองหรือครับ

อิอิ

 

ตอนนี้ เลิกดู แล้วครับ ...ตอนนี้มัน เป็นการหยิบนำมาใช้ เมื่อ มันมีประโยชน์ในบางกรณีครับ เช่น ฝันร้าย แบบนี้ อยากสงบ แบบนี้ อิอิ

 

คุณจะสามารถพ้นไม่มีเจตนาตลอดเลยได้ไหมหละครับ

ติ๊ต่างว่าอ.ทำไม่ได้ตลอด ไม่ได้แล้วทำไงครับ อ.

 

HOMELESS..การกระทำอะไรที่ไม่มีเจตนา นั่นคือการกระทำที่ขาด-สติ-สมาธิ-หลงลืม-คนบ้า เท่านั้น ครับที่ทำแบบที่คุณว่า..
..การทำอะไรที่-พ้นเจตนา- เป็นคารมประดิษฐ์-ของพวกเดียรถีย์-ที่คิดค้นขึ้นมาหลอกสาวกให้หลงไหล เพราะการปฏิบัติไม่ถึง-การคิดตั้งหลักสูตรขึ้นมาเอง หาคำศัพย์ เฉพาะเพื่อให้คนทึ่ง-ชวนสงสัย-ชี้นำ-ด้วยคนใส่ผ้าเหลือง-มาใช้..คุณต้องเลิกเป็นคนบ้านนะครับ
...การพ้นเจตนา-ไม่มีเจตนาเท่ากับ- คนบ้าครับ- ขาดสติ-สมาธิ-จึงขาดเจตนา-หลงลืม- แล้วแผลง มาเป็น..พ้นเจตนา..มันเป็นวาทะกรรมประดิษฐ์-คารมประดิษฐ์-แต่เหตุผลคือ คนขาดสติ-หลงลืม- สมาธิ-ในโลกนี้มีแต่คนบ้าครับ ..อย่าไปบ้าตามพวกมันครับ.
(อริย-อรหันต์-ท่านมีองค์คุณ-ภายใน-มหาสติพร้อม-ในการดำรงค์ชีวิต-จะมาทำอะไรที่หลงลืม-พ้นเจตนารึครับ คิดซิครับ)

 

คุณปราบเค้าก็ว่าให้พ้นเจตนา
คุณก็บอกว่าเข้าไปกำหนดรู้ นั้นมั่ว
ผมก็แย้งไปตามที่คุณว่า
ตกลงผมจะเชื่อใครดีครับ อ.ช่วยด้วย งงครับ

 

จะเรียกว่าสติปัฏฐานเกิดก้ได้
มันมีเจตนาตลอดสายแน่นอนครับในการเจริญมรรค

ฉนั้น ตรงนี้ไม่ต้องไปสนใจ

จิตจะบ่มจะพอกพูนสติปัญญาไปเองโดยอัตโนมัติ เป็นส่วนผลงานที่จิตจะดำเนินไปเอง
จิตจะตัดสิน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยตัวจิตเอง

เราเพียงให้อาหารของสติปัฏฐานไปเรื่อยๆ
มีเจตนากำหนดรู้เฉยๆหละครับไปเรื่อยๆ

เอามาให้อ่านอีกรอบนะครับ

 

หลักฐานจากพระป่า มี หลวงปู่พุธ เยอะมากครับ

พี่เกิด ลองยกหมวดธรรมมานุปัสนา หรือ จิตตานุปัสนามาเทียบซิครับ

 

ตั้งแต่ คำว่าพิจารณา ไปนั้น ไม่ใช่ส่วนของวิธี แต่เป็นผลงานของวิธีที่ได้ดำเนินมา

จนถึงขั้น เกิดขึ้นเองล้วนๆครับ เรียกว่าส่วน ธรรมที่เป็นวิสังขาร หรือมรรค อนาสวะ

หรือพ้นเจตนา หรือธรรมขั้นปรมัตถ์ หรือ ฐีติ ธรรมญาณ


หมายถึง จิต จะพิจารณาเองโดนอัตโนมัต มีสติ สมัปชัญญะ ครบ

เห็น สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น เป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา


ฉะ นั้น ใครอ่านส่วนนี้เอาไปเป็นวิธีทำ

จะทำให้คลาดคำว่าพิจารณา จะไปตกคำพิจารณาของภาษาไทยแทน

เอามาให้อ่านอีกรอบนะครับ

 

ครับๆ

 

555..อันนี้ อยู่ที่คุณเองแล้วครับ อันไหนได้ผลก็ทำเลยครับ

 

ถ้าทำได้ผล แล้วจะไปมีปัญหาอะไรกับใครอีกหละครับ อ.

 

HOMELESS..พจ.เป็นศาสดา สอนเรื่อง ดูจิต ในหมวด สติปัฏฐานสี่..ใช่ไหมครับ
แล้วดูจิต..
ดูจิต..ที่สาวก ของ พจ.สอน มันใช่ของ พจ.ไหมครับ.. สาวก มีสิทธิ์มาคิดตั้งหลักสูตร-ผลิตคำสอน-ดูจิตใหม่เองได้รึครับ-คุณต้องคิดเองได้ครับ

 

พจ.เป็นศาสดา สอนเรื่อง ดูจิต ในหมวด สติปัฏฐานสี่..ใช่ไหมครับ
แล้วดูจิต..
ดูจิต..ที่สาวก ของ พจ.สอน มันใช่ของ พจ.ไหมครับ.. สาวก มีสิทธิ์มาคิดตั้งหลักสูตร-ผลิตคำสอน-ดูจิตใหม่เองได้รึครับ-คุณต้องคิดเองได้ครับ