จะฝึก กายคตาสติ ต้องตัดคำภาวนาทุกชนิดทิ้งครับ ยกเว้น..?

เนี่ยะมันจ้องจะกัดชาวบ้านจนหน้ามืด กุตอบไปแล้วโพสบน ก่อนโพสนี้ ตามไปแหกตาอ่านซะ

 

โอ้ย ขี้โม้เหี้ยะไรหล่ะ กุอ่ะตอบได้ แต่มึงอ่ะวนลูปไปไหน เล่นแผ่นสะทีเถอะ ไม่ใช่เอฟซีง่อยๆ มึงนะ ฝึกนั่งบ้านิมิต กำหนดโน่นนี่นั่นยังไง ตรงไหน มีแต่ไอ้พวกเพี้ยนๆ นั่นแหล่ะที่เชื่อมึง

กสิณมึงอ่ะ กระจอก กุเทพกว่ามึงเยอะ ไม่ต้องฝึกสักนิด แต่กุไม่เอามาเปนฐานทำวิปัสสนา เพราะกุชอบฝึกแบบแฟชั่น แล้วไปเจอของจริงเองว่ะ ความสามารถล้วนๆ

แต่คนแบบมึงมันเก่งอยู่คนเดียวเนอะ นอกนั้นมโน หรือมึงที่มโนเก่งนะ ขรรม

 

อย่ามาตลก
เป็นคนธรรมดา
แต่มาเที่ยว
ตัดสินว่าคนนั้นไม่ควรนับถือศาสนา

เพราะมีความเห็นไม่ตรงกับคุณเนี่ยนะ

แค่นิสัย
ผมท้าคุณเลย
ตั้งแต่ผมสมัครเว็บนี้ ผมด่าคนไปกี่คำ
คุณเดือนนี้เดือนเดียว ด่าคนไปกี่คำ

 

ข้อ1.คือ ถอดจิต ไช่มั้ยครับ.?
ข้อ2.คือ กสิณ หรือ ถอดจิตไปดู นรก สวรรค์ พรหม นิพพาน ได้ ไช่มั้ยครับ.?
ข้อ3.อากิญคือ ความว่าง ความไม่มีอะไรคือ เอาจิตระลึกความว่างก่อน แล้วเอาจิตระลึกอากาศมา แล้วค่อยเอาจิตระลึกเพิก อากาศ อีกที ไช่มั้ยครับ
ข้อ 4.คุณบอก ไม่เอาจิตระลึก มันจะเป็นสัญญา แต่คุณบอกให้ระลึกเอาไว้ก่อน วางอารมณ์ก่อน เอาอะไรมาระลึก มาเป็นตัววางอารมณ์ครับ..?
ช่วยตอบให้เคลียร์ครับ ยังไม่เข้าใจ
ข้อ 5.ผ่านการใข้งานทางจิตมาก่อน แล้วค่อยทิ้งจิตไป..ทิ้งแบบไหนครับ.? มันทิ้งกันง่ายๆด้วยวิธีไหนครับ.?

ที่ถามเพราะ ยังไม่เคลียร์ครับ

 

ปวีตั้งแต่เล่นมาหลายปี ด่าไป 3 คน อิอื แต่ตั้งใจมาอยุ่แระ

 

ตามสเตป
แรกๆ ก็ดี
ต่อไปจะเริ่มแช่ง เริ่มทำนาย
ว่าอวัยวะส่วนไหนไม่ดี

ต่อไป
จะเปนเสตป
ทิฏิ สติ สัญยา วิปลาส

รอคำนี้นานละ แต่ยังไม่มาสักที เสียใจ

แต่วันนี้เซอไพรมาก
อีกเสตปที่พัฒนาคือ
ไล่คนอื่นให้ไปนับถือศาสนาอื่น
ต้องจดๆ

 

แซ่บมาก555

 

โห คนดู23 คน ตอบดีดีนะคุณนบ
ที่ผมถามน่ะ

 

อย่าไปเถียงกัน มาตอบคำถามนี่ ดีกว่าครับ

 

นิสัยแบบผม
อัตตาตัวตนเยอะขนาดนี้
แต่ไม่เคยไล่คนอื่นให้ไปนับถือศาสนาอื่นนะ
อ้อ
ไม่ใช่สิ กลับลำว่าเป็นเพียงแต่มองคุณแล้วเนอะ
นะ
แต่ผมไม่ด่าใครเสียๆหายๆครับ
เทียบกับคุณ นับแค่กระทู้นี้ก็ได้
ด่าคนไปเท่าไร
หรือจะให้ผมนับให้ไหม ?

 

แหม่ ไอ้หน้าตัวเมีย คิดว่าจะเล่นกุได้งั้นเรอะ ดึงมาร้อยโพสก้อเล่นกุไม่ได้หรอก ดึงโพสกุมาหรือคนอื่นมาเพื่อจะชี้ให่เห็นว่าตรรกะเพี้ยนงั้นเรอะ ของมึงก้อเพียบ แต่คนอื่นเขาแมนไง ไม่เอาประเด็นนิดๆ หน่อยๆ ที่ไม่น่าเล่นมาเล่น ย้ำคิดย้ำทำอยุ่ตลอดเวลาแบบมึง เห็นสันดานมึงมะ คิดจะเล่นกุเรอะ ไม่ได้กินกุหรอก

เพราะมึงมันไม่เข้าใจสิ่งที่กุบอกไง กาย จิต ฯลฯ แยกออกเป็นยังไง กสิณมึงอ่ะหรอ กระจอก เคยเห็นพระที่มองหน้าคนแล้วรุ้เรื่องหลายๆ อย่างของคนอื่นป่ะ นั่นแหล่ะที่กุทำได้ แบบควบคุมไม่ได้ เรื่องคนนั้นๆ มันไหลมาหากุเอง แบบไม่ต้องใช้เดาสญาณ แต่กุไม่สนใจเอามาฝึก เพราะกุไม่ชอบฤทธิ์ แล้วสิ่งนี้กุก้อไม่ได้ฝึกด้วย มาเอง ของเก่าทำมาดี อุ้ยแต่กุก้อขี้โม้นะ ด่ากุแบบไม่รุ้เรื่องของกุ ยกเว้นกุจะเขียน แต่เรื่องมันกุรุ้เพียบ

อ้าวดึงโพสมันมา ไม่มา กลายเป็นขึ้นใหม่

 

พระพุทธเจ้าสอนว่า
อากาสาฌาณคือ มีอากาศเป็นอารมณ์
วิญญาณฌาณคือ มีวิญญาณเป็นอารมณ์
อากิญจัญฌาณคือ มีความไม่มีอะไรเป็นอารมณ์
เนวาเนวะฌาณคือ มีความไม่ชัดเจนในสัญญาเป็นอารมณ์
ทุกโหมดล้วนใช้ สัญญากันทั้งนั้น ใช้จิตในฌาณวิปัสสนาทั้งนั้น
ทำไมคุณนบบอก ไม่ไช้จิตระลึก มันจะเป็นสัญญา
แล้วเอาอะไรมาระลึกก่อน เข้าโหมดว่าง เอาอะไรมาวางอารมณ์ก่อนจะเข้าโหมดว่าง ครับ...สวนทางกับคำสอนเลยนะครับ

เพราะสัญญาเก่าดับไป สัญญาใหม่จึงเกิดขึ้นมาแทน..
ถ้าแค่ระลึกมาแล้วระลึกเพิก มันก็ไม่ต่างจาก วิปัสสนึกหรอกครับ..

มาโหมดสุดท้ายให้ทิ้งจิต...ทิ้งแบบไหนครับ
ก็แสดงว่า สามโหมดแรก ยังไม่ทิ้งจิต แต่บอก ไม่เอาจิตมาระลึก ..แล้วเอาอะไรมาระลึกมาวางอารมณ์ เอาไว้ก่อนล่ะครับ..?
พูดเอง ขัดแย้งกันเอง ตกลง จะเอาจิตมาระลึก อากาศ วิญญาณ อากิญ เนวาเนวะ มั้ยครับ..?

ขอคำตอบเคลียร์ๆหน่อยครับ

 

เนี่ยะโรคจิตเวชกำเริบ ย้ำคิดย้ำทำ สกิลด่าคนกุไม่ใช่แค่นี้นะ บอกเลย มึงเทพแค่ไหนกุตามได้หมด

ประเด็นคือมึงไม่รู้เรื่องที่กุพูดไง เลยต้องวนคำ ไม่รู้ก้อบอกไม่รุ้วววววว เส่ะ คนเขาจะได้สงเคราะห์ มันใช้คาถาคนอื่นมโน กะโม้ เรื่องของกุไม่รุ้สักนิด เสือกมาอวดเก่งสุ่รุ้ ไอ้กระจอก แค่เปลือกมึงยังเข้าไม่ถึงเลย

 

อันนี้ หลักฐานผมไปพูดตรงไหนครับ
ยกมาสิครับ ผมบอกผมเชื่อพุทธเจ้าเท่านั้น

ผมเห็นแต่คุณนั่นหละ
ที่อ้างเรื่องสมาธิขั้นสูง
บอกว่าตัวเองได้ อรูปฌาน

นะ
ไม่ต้องมาทำประชดแบบตู๊ด

อ้างอิง

 

คำว่า ขึ้นรูปฌาณมาก่อน นี่
มันหมายถึง นั่งสมาธิเข้าฌาณ หรือ จิตเข้าฌาณ หรือ จิตระลึกเอาอารมณ์ฌาณมารู้เลย ...
ไม่ใช้นิมิตร แล้ว คุณระลึกเอาไว้ก่อนวางอารมณ์ไว้ก่อน..ตกลงทำยังไงกันแน่ครับ ตอบแบบ ที่คนอ่านจะเข้าใจด้วยสิครับ ไม่ไช่ ไม่มีอะไรเป็นเนื้อ มีแต่น้ำ

 

เราคุยกันเรื่อง อรูป อยู่นะครับ...จิตล่องลอยไปไหนครับ
อรูปของคุณ ไม่ใช้จิตระลึก ไม่ไข้สัญญา ไม่ใช้นิมิตร

ตกลง ใช้ อะไรครับ

 

มีแต่ รู้ ตลอดที่สติปัฏฐานเกิด เวลาปฏิบัติก็เลือกเอาสักอย่าง หรือบรรพเดียว แต่เวลาจะรู้รู้ชัดจริงๆมันก็จะครอบหมด กายเวทนาจิตธรรม เห็นที่เดียวกันหมด รึป่ะครับอ.

 

จะพยายามเข้าใจครับ
เอางี้..ถามชัดๆ ให้ตอบมาชัดๆ ว่า
ฝึกรูปฌาณผ่านมาแล้ว..ได้อะไรหรือครับ...?
ถึง เวลา จะเข้าโหมด อรูป ถึงรู้ว่า ต้อง เข้าความว่างก่อน..ความว่างที่เข้า มันระลึกมั้ยครับ ..?
เพราะคุณใช้คำว่า ถ้าจะเข้าโหมดอรูป ต้อง เข้าความว่างก่อน...
ตกลงคุณต้องขึ้นรูปฌาณก่อน ไม่ไช่หรือ.?
แล้วค่อยเข้าความว่าง...แล้วมันจะระลึก อากาศ วิญญาณ อกิญของมันเอง..?
พอมาเนวาเนวะ คุณบอก ต้องทิ้งจิต ก็แสดงว่า สามโหมดแรก ยังไม่ทิ้งจิต
แต่คุณบอกไม่ใช้จิต
แล้วเอาอะไรขึ้นรูปฌาณ ..?
แล้วเอาอะไรเข้าความว่าง ก่อนจะระลึกอรูป.?

ขอเคลียร์ๆครับ

 

ก็นี่ไง คุณปั่นตัวจิตจนมีกำลัง ขึ้นรูปฌาณ..นี่ใช้จิต
พอจิตมีกำลัง จึงเข้าอรูปฌาณ ..นี่ก็ใช้จิต
แต่พอ คุณบอก ให้ระลึก อากาศ วิญญาณ อากิญ ไม่ใช้จิต
เพราะมันจะเป็นนิมิตร มันจะเป็นสัญญา..
ซึ่ง อากาสา วิญญา อากิญ เนวาเนวะ มันเป็นเรื่องของ สัญญาทั้งนั้น
ทำไมคุณ จึง ขัดแย้งกับคำสอนของพระพุทธเจ้าล่ะครับ

 

คุณอย่าพึ่งรีบสรุปครับ คุณถาม เพื่อจะเอาความรู้
หรือแค่จะมาจับผิดครับ.... จะจับผิด คุณนะ อ่านดีหรือเข้าถึงหรือยังครับ

คำว่าระลึก ตามตำราที่เขียนไว้นั้น ถ้าทางปฏิบัติ คุณไป ระลึกเอาเลย
มันจะกลายเป็นสัญญา หรือ การมโน และจะหลุดจากอารมย์อรูปทันทีครับ

ระลึกของผมที่พยายามอธิบาย คือ ระลึกไว้ระหว่างวัน แล้วลืมๆไป ย้ำว่า ลืมๆไป
ในเรื่องที่จะพิจารณา พอคุณใช้กำลังจิตในการเข้าโหมดอรูปแล้ว
เรื่องที่คุณลืมๆไป ในระหว่างวันนั้น มันจะผุดขึ้นมาของมันเอง
ได้อัตโนมัติ โดยที่ไม่หลุดจากอารมย์ อรูปฌานนั้นด้วยครับ

เรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจ พูดเหมือนคน ไม่เคยเดินปัญญาได้