จะเกิดอะไรขึ้น..ถ้า CERN เปิดประตูสู่จักรวาลสำเร็จ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Kschardonnay, 5 มิถุนายน 2016.

  1. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75
    จะเกิดอะไรขึ้น..ถ้า CERN เปิดประตูสู่จักรวาลสำเร็จด้วยมนุษย์

    23 February 2015

    วันที่ 15 ก.พ.58 จะเกิดอะไรขึ้น..ถ้า CERN เปิดประตูสู่จักรวาลสำเร็จ ด้วยเครื่องเร่งอนุภาค องค์การวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป ( European Organization for Nuclear Research) เป็นองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2497 โดยมีประเทศสมาชิกก่อตั้ง 12 ประเทศ (ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 20 ประเทศสมาชิก และ 8 ประเทศสังเกตการณ์) โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อแรกก่อตั้ง เซิร์น มีชื่อว่า "สภาวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป" (European Council for Nuclear Research) หรือ Center for European Nuclear Research ซึ่งเป็นที่มาของชื่อย่อ CERN

    บทบาทหลักของเซิร์นคือ การจัดเตรียมเครื่องเร่งอนุภาค และโครงสร้างอื่นๆที่จำเป็นต่อการวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาค เซิร์นเป็นสถานที่ทำการทดลองมากมาย ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นต้นกำเนิดของเวิลด์ไวด์เว็บ สำนักงานหลักที่เขตเมแร็ง มีศูนย์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีอุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงมาก เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลจากการทดลอง และเนื่องจากจำเป็นต้องทำให้นักวิจัยในสถานที่อื่นสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ได้ จึงต้องมีฮับสำหรับข่ายงานบริเวณกว้างอีกด้วย สำนักงานใหญ่ของเซิร์น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเจนีวา ใกล้กับชายแดนฝรั่งเศส-สวิตเซอร์แลนด์

    เป็นที่ตั้งของห้องปฏิบัติการนิวเคลียร์ฟิสิกส์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ 3,000 คน ในฐานะที่เป็นองค์การระหว่างประเทศ สถานที่ของเซิร์นจึงไม่อยู่ภายใต้อำนาจทางกฎหมายของทั้งสวิตเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศส ใน พ.ศ. 2551 เซิร์นได้รับยอดบริจาคจากประเทศสมาชิกรวมแล้ว 1 พันล้านฟรังก์สวิส ผลงานของเซิร์นเกี่ยวกับโครงการวิจัย และพัฒนาด้านฟิสิกส์อนุภาค คือ เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ (Large Hadron Collider : LHC) ซึ่งตั้งอยู่ภายในอุโมงค์ใต้ดินรูปวงแหวน ขนาดเส้นรอบวงถึง 27 กิโลเมตร ลึก 100 เมตร กินพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ใต้ดินชายแดนของฝรั่งเศส และสวิตเซอร์แลนด์ นับเป็นเครื่องเร่งอนุภาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าถึง 3 แสนล้านบาท ความใหญ่ที่ว่าไม่ใช้เพียงขนาด แต่คือกำลังมหาศาล ซึ่งหากเปิดเครื่องจักรเต็มกำลังจะมีกำลังถึง 7 เทราอิเล็กตรอนโวลต์ (TeV) นับเป็นเครื่องจักรทางวิทยาศาสตร์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก LHC ถูกสร้างขึ้นเพื่อยิงลำอนุภาค 2 ลำ ให้ชนกันด้วยความเร็วเข้าใกล้แสง อนุภาคที่ว่าคือ อนุภาคของโปรตรอน 2 ทิศทาง

    เพื่อวิเคราะห์ผลที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการจำลองเหตุการณ์ "บิ๊กแบง (Big Bang)" ที่ยอมรับโดยทั่วไปว่า เป็นการระเบิดที่ก่อให้เกิดจักรวาล เมื่อราว 1.4 แสนล้านปีก่อน ซึ่งบรรดานักวิทยาศาสตร์ หวังว่าจะได้เห็นอนุภาคใหม่ๆ จากการพุ่งชนกันครั้งนี้ และการทดลองจะทำให้ได้ข้อมูลการชนของโปรตรอน และไอออนของตะกั่วภายในเครื่อง LHC นักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่า การเดินเครื่องอย่างเต็มแรง จะทำให้ได้เห็นอนุภาคที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน อย่างอนุภาคฮิกก์สโบซอน ซึ่งตามทฤษฎีระบุว่าเป็นอนุภาคที่ก่อให้เกิดมวลอนุภาค และสสารอื่นๆ ในเอกภพ ซึ่งนำไปสู่การเข้าใจในพื้นฐานธรรมชาติของจักรวาล 10 ก.ย. 2551 เซิร์น เปิดเครื่องเร่งอนุภาค LHC ครั้งแรกเริ่มต้นการทดลอง 19 ก.ย. 2551 เครื่องเร่งอนุภาค LHC ที่พึ่งเปิดเครื่องเดินได้เพียง 9 วัน ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะเกิดปัญหาจากระบบไฟฟ้าขัดข้องแม่เหล็กละลาย จนเกิดกรณีฮีเลียมรั่วนับตัน ซึ่งยังไม่ได้เร่งให้อนุภาคชนกันแม้แต่เพียงครั้งเดียว จนต้องปิดซ่อมแซมเพื่อให้สามารถกลับมาเดินเครื่องใหม่ได้อีกครั้ง

    โดยต้องทำความสะอาดและซ่อมแซมแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดใหญ่ 53 ตัว ในการซ่อมแซมครั้งนี้เซิร์นต้องจ่ายเงิน และเพิ่มระบบความปลอดภัยรวม 1,300 ล้านบาท โดยหลังการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า สาเหตุของความเสียหายครั้งนี้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของระบบไฟฟ้า ซึ่งเกิดจากการเชื่อมกันของแม่เหล็กตัวนำยิ่งยวด 2 ตัว ที่มีหน้าที่เร่งอนุภาค ภายใน LHC มีแม่เหล็กตัวนำยิ่งยวดติดตั้งประมาณ 1,200 ตัว 23-25 ต.ค. 2552 เซิร์นเดินเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ LHC อีกครั้ง โดยครั้งนี้ประสบผลสำเร็จในการยิงอนุภาคเข้าใน 1 เซคเตอร์ของเครื่อง LHC ทั้ง 2 ทิศทาง คือ ตามเข็มและทวนเข็มนาฬิกา ซึ่งเครื่องตรวจวัดอนุภาค ALICE และ LHCb สามารถตรวจจับผลการทดลองการยิงลำอนุภาคได้ 20 พ.ย. 2552 เซิร์นทดลองเดินเครื่อง LHC อีกครั้งอย่างเป็นทางการ หลังปิดซ่อมแซมและเตรียมความพร้อมนาน 14 เดือน

    การเดินเครื่องครั้งนี้เซิร์นเริ่มต้นเร่งเครื่องอนุภาคโปรตรอนที่ระดับพลังงานต่ำ แล้วจึงค่อยๆ เร่งให้มีพลังงานสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยจะค่อยๆ เร่งเพิ่มระดับพลังงานขึ้นไปจนถึง 3.5 เทราอิเล็กตรอนโวลต์ 23 พ.ย. 2552 อนุภาคแรกของการชนกันของโปรตรอนได้เกิดขึ้น โดยลำแสงโปรตรอน 2 ลำ จาก 2 ทิศทาง ได้พุ่งเข้าชนกันภายในอุโมงค์ใต้ดิน การระเบิดครั้งนี้มีเครื่องตรวจวัดอนุภาคจำนวน 4 เครื่อง จาก 4 สถานี และ 4 ห้องปฏิบัติการ บันทึกการระเบิดเอาไว้ ซึ่งได้แก่ ATLAS CMS ALICE และ LHCb 30 พ.ย. 2552 เซิร์นเพิ่มพลังงานของการเดินเครื่องเร่งอนุภาค LHC ที่ระดับ 1.18 เทราอิเล็กตรอนโวลต์ ก่อนที่จะเพิ่มเป็นระดับพลังงานสูงสุดของเครื่องที่ 7 เทราอิเล็กตรอนโวลต์ เดือน ม.ค. 2553 นับเป็นการทำลายสถิติเครื่องเร่งอนุภาคในโลก ปี 2533 เซิร์นให้กำเนิดเวริล์ด ไวล์ด เว็บ (www) ที่เป็นประโยชน์ต่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของคนทั้งโลก เซิร์น ได้รวบรวมนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกมาเพิ่อทำงานวิจัย เกี่ยวกับอาวุธทำลายล้างโลก

    พวกนิวเคลียร์ ซึ่งได้มีการคิดค้นและสร้างสารตัวใหม่ขึ้นมาซึ่งมีชื่อว่า "ปฏิสสาร" ซึ่งมีลักษณะตรงกันข้ามกับ "สสาร" คือ ปฏิสสาร กับ สสาร นั้นมีความเกี่ยวข้องกันในทางตรงกันข้าม หากปฏิสสารนั้น สัมผัสกับสสาร พียง 1 มิลลิกรัมก็มีพลังทำลายล้างสูงพอๆ กับอาวุธนิวเคลียร์ หรืออาจจะรุนแรงกว่านั้นก็ได้ "เซิร์น" จึงกำลังซุ่มทำงานระดับโลกเพื่อการค้นหากำเนิดจักรวาล คล้ายการเก็บร่องรอยคดีฆาตกรรมที่รวบรวมหลักฐาน ณ ที่เกิดเหตุเพื่อวิเคราะห์ย้อนหลังว่าเกิดอะไรขึ้น มีหลักทฤษฏีมีอยู่แล้ว แต่เซิร์น ต้องการผลทดลองมายืนยัน ค้นหาอนุภาคฮิกก์ส ที่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย ที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจะเติมเต็มความเข้าใจในองค์ประกอบพื้นฐาน ของจักรวาลได้

    ภายในองค์กรวิจัยนี้ จ้างนักวิทยาศาสตร์หลากหลายเชื้อชาติ ทำงานวิจัยโดยอาศัยความพร้อมทางเครื่องมือของเซิร์น เฉพาะเจ้าที่ซึ่งได้รับการว่าจ้างให้ทำงานโดยตรงก็มีถึง 2,500 คน ขณะที่มีนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกอีกราว 8,000 ที่แวะเวียนมาทำงานวิจัยที่นี่ ปัจจุบันเซิร์นมีสมาชิกจาก 20 ประเทศในยุโรปซึ่งมีหน้าที่ และได้รับสิทธิพิเศษ โดยประเทศเหล่านี้ต้องร่วมลงทุนในค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานของเซิร์น และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับองค์กรและกิจกรรมต่างๆ ประเทศไทย เกี่ยวข้องกับเซิร์นในฐานะที่เป็นประเทศกลุ่ม "ไม่ใช่สมาชิก" ซึ่งมีอยู่หลายประเทศ เช่น จีน เวียดนาม อิหร่าน เกาหลี ไต้หวัน เป็นต้น

    แม้ประเทศเหล่านี้ไม่ได้มีส่วนร่วมในการลงทุนหรือร่วมกำหนดทิศทางการวิจัย แต่ก็ได้ใช้ประโยชน์ทางการศึกษาวิจัยจากข้อมูลการทดลองของเซิร์น เครื่องเร่งอนุภาคแฮดรอนขนาดใหญ่ หรือแอลเอชซี (LHC-Large Hadron Collider) จะทำให้เกิดอนุภาคประหลาด ซึ่งจะแปรสภาพโลกให้กลายเป็นมวลสารพิลึก อะไรสักอย่าง LHC จะสร้างสภาพที่เลียนแบบการชนกันของอนุภาค ซึ่งเกิดขึ้นอยู่แล้วตามธรรมชาติเมื่อโลกเคลื่อนตัวผ่านรังสีคอสมิกพลังงานสูง ลำอนุภาคถูกควบคุมให้เคลื่อนที่ไปรอบเครื่องเร่งอนุภาครูปวงแหวนด้วยสนามแม่เหล็กความเข้มสูง ที่สร้างขึ้นจากแม่เหล็กไฟฟ้าตัวนำยิ่งยวด โดยไม่มีแรงเสียดทานหรือสูญเสียพลังงาน และต้องรักษาความเย็นให้แม่เหล็กเหล่านั้นที่อุณหภูมิ -271 องศาเซลเซียส ซึ่งเย็นกว่าอวกาศนอกโลก เครื่องเร่งอนุภาคจึงต้องเชื่อมต่อระบบที่หล่อเย็นด้วยฮีเลียมเหลว LHC ซึ่งตั้งอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินยาว 27 กิโลเมตร

    ทำการทดลองให้มีอนุภาคย่อยเกิดขึ้น อนุภาคจิ๋วซึ่งจะเกิดขึ้นและสลายตัวไปในเวลาชั่วเสี้ยวของเสี้ยววินาทีเหล่านี้ จะช่วยไขปริศนาของสิ่งที่ใหญ่ที่สุด นั่นคือจักรวาล และอาจตอบคำถามด้วยว่า "มิติอื่น" ที่อยู่นอกเหนือมิติของเรามีอยู่จริงหรือไม่ ถ้ามีหลุมดำเกิดขึ้นก็จะมีขนาดจิ๋ว และสลายตัวไปในทันที หลุมดำที่เกิดขึ้นจากทดลองนั้นจะไม่ขยายใหญ่จนดูดโลกทั้งใบได้ เพราะขาดพลังงานที่จะทำให้มันคงอยู่หรือขยายตัวได้

    ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปในเมืองสตราสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส ได้ปฏิเสธคำฟ้องของนักเคลื่อนไหวที่ขอให้หยุดยั้งการทดลองนี้ ทดลองแล้วมีโอกาสเสี่ยงเกิดปัญหาหลุมดำ อาจจะเกิด เรียกว่า Primordial Black Hole เป็นหลุมดำขนาดจิ๋ว ที่ไม่เสถียร ตามทฤษฏี Hawking Radiation คำนวนไว้ว่าหลุมดำมีการแผ่รังสีออกมา ยิ่งหลุมดำมวลน้อยๆ ยิ่งแผ่รังสีออกมามาก แผ่ออกมามาก ก็หมายถึงมันสลายตัวไปเร็ว ไม่เกิดหลุมดำที่เสถียร แบบจำลองที่สมมติว่าเอกภพมีมิติมากกว่า 4 มิติ โดยเราสามารถรับรู้ได้ถึงมิติของความกว้าง ความยาว ความสูงและเวลา

    แต่มีทฤษฎีที่เสนอว่าเอกภพมีมิติ ที่มากกว่านี้และคาดว่าการทดลองของเซิร์นจะ เผยให้เห็นมิติพิเศษ เพิ่มเติมมากกว่า 4 มิติที่เรารับรู้ได้ ในเดือน มีนาคม 2558 นักวิทยาศาสตร์ จะทดลองอีกครั้ง หวังเปิดประตูมิติเหนือธรรมชาติ ของ CERN ที่พยายามทำการทดลองจากการค้นพบอนุภาคที่มองไม่เห็น ที่เรียกมันว่า Higgs Boson หรือ God Particle โดยจะใช้เครื่องมือ LHC ซึ่งเป็นเครื่องมือเร่งอนุภาค ที่มีพลังสูง เพื่อสร้างจุดดำ และปลดปล่อยพลังมหึมาจากอนุภาคดังกล่าวที่เรียกว่า บิคแบ๊งค์ หวังจะนำไปสู่การเปิดประตูมิติ และ สร้างสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาใหม่ ตามที่ต้องการในที่สุด ซึ่งถูกคัดค้านอย่างหนักจากนักฟิสิกส์จักรวาล

    อีกส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการทดลองที่จะถึงนี้ โดย Dr. Stephem Hawking ได้ออกมาเตือนว่า ผลการทดลองดังกล่าวจะนำไปสู่การรบกวนเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กโลก และ จักรวาล ที่สามารถทำลายจักรวาลและโลกได้ จนนำไปสู่การล่มสลายของระบบเวลา และสถานที่ และมีอีกโครงการหนึ่งที่นักดาราศาสตร์ของโลก สถาบันเซติ ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ ร้อนใจ อยากลองเป็นฝ่ายปล่อยคลื่นเสียงไปในอวกาศดูบ้าง

    แต่นักดาราศาสตร์ผู้ใหญ่ 2-3 ท่าน พากันปรามว่า อาจเป็นการรนหาภัยอันใหญ่หลวง เพราะเท่ากับเป็นการท้าทายสิ่งที่มีชีวิตที่อาจมีอยู่เหล่านี้ นึกเขม่นยกพวกมาบุกยึดโลกเอาได้ นาย ฮอว์กิง นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์เรืองนาม ได้ประณามว่า “เป็นการขาดความรับผิดชอบ” พร้อมกับยกอุทาหรณ์ให้ฟังว่า “มีบทเรียนในประวัติศาสตร์ให้เห็นอยู่มากมายว่า อารยธรรมที่เจริญน้อยกว่า ต้องตกเป็นเหยื่อของอารยธรรมที่เจริญมากกว่า ดูจากตัวอย่างที่อาณาจักรอินคา ถูกกองทัพสเปนอันเกรียงไกรทำลายล้างลง”

    และนาย Edward Snowden สายลับแปรพักตร์ชาวอเมริกา ที่หนีไปอยู่ในความคุ้มครองของรัสเซีย ได้เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา 24 ม.ค. 58 ว่า สหรัฐ อังกฤษ ออสเตเรีย แคนนาดา และ นิวซีแลนด์ กำลังทำอะไรบางอย่าง โดยมีเป้าหมายไปที่ ระบบขนส่งมวลชน ระบบพลังงาน แห่งอุตสาหกรรม รวมถึง ระบบโทรคมนาคมการสื่อสาร !! ประเทศมหาอำนาจพวกเขากำลังค้นหาอะไรกันอยู่ และกำลังจะทำอะไรกันแน่ ??
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2016
  2. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75
    กลุ่มผู้ฝักใฝ่เรื่องจิต และวิณญาณ ความเชื่อเรื่องภพ มิติ สวรรค์ เชื่อว่าโครงการ CERN นี้ ได้เปิดประตูสู่มิติ ซึ่งมีผลทำให้เทวดาและเทพ มนุษย์ต่างดาว เหล่าทูต ปีศาจ ที่ถูกกักกันขอบเขตไว้ ได้เดินทางทะลุผ่าน เข้ามายังโลก และแฝงตนเข้ามารวมกับมนุษย์โดยที่เราไม่สามารถรู้ได้เลย
     
  3. SlowLife

    SlowLife สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    จะเปิดประตูมิติ (wormhole) ต้องใช้พลังมหาศาล มีคนคาดว่า CERN จะเป็นประตูมิติสำเร็จได้ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ถ้าประตูมิติเปิดสำเร็จเกรงว่าจะวุ่นวายมากกว่าดี เพราะจะสามารถเดินทางไปมาระหว่างมิติได้ และอาจจะมีตัวอะไรมาโลกเรามากมาย แต่ถ้า CERN เปิดประตูมิติถึงจะเปิดได้ก็น่าจะเปิดได้ไม่นาน เพราะพลังน่าจะหมดเสียก่อน
     
  4. SlowLife

    SlowLife สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    พระโพธิสัตว์ของแท้เปิดประตูมิติได้ ถ้าโลกเรายังวุ่นวายเละเทะกันอย่างนี้ผมเกรงว่าวันหนึ่งจะมีพระโพธิสัตว์ ลงมาล้างบางคนชั่ว เพราะทุกวันนี้โลกเรามันก็เละเทะเหลือเกิน เพราะคนชั่วมากเกินจนอยู่กันอย่างลำบาก ซึ่งดวงจิตเหล่านี้ควรอยู่ในนรก แต่ถ้ามันหนักมากผมกลัวว่าจะเกิดการล้างบาง ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นก็คงจะได้เห็นความสยดสยอง
     
  5. SlowLife

    SlowLife สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าทำไม CERN จึงมีรูปปั้นพระศิวะซึ่งเป็นเทพแห่งการทำลายล้างตามความเชื่อของ Hindu อยู่ด้านหน้าขององค์กร แถมยังเป็นท่า Dance of Destruction การร่ายรำแห่งการทำลายล้าง อีกด้วย

    [​IMG]

    และแถมยังมีคลิปนี้อีก ซึ่งจัดทำโดย CERN เอง

    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/29t-p0YIhCc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  6. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    ถ้าจำไม่ผิด ตัวนำยิ่งยวดนี่คือผลงานของนักวิทยาศาสตร์ไทยคนนึงครับ จำได้ตอนเรียนมัธยม
     
  7. ผู้เฝ้าดู

    ผู้เฝ้าดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +184
    นึกถึงหนังหลายๆเรื่อง ทดลองเปิดสำเร็จแล้วมีอะไรหลายๆอย่างบุกเข้าประตูมา นึกแล้วน่ากลัว
     
  8. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75
    ใครเหรอคะ อยากรู้จัง บอกชื่อได้ไหมคะ
     
  9. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75
    เค้ารู้ว่าพวกเค้ากำลังเกี่ยวข้องกับอะไรบางอย่างคะ Shiva พระศิวะ ตัวแทนสัญลักษ์ของผู้สร้างและผู้ทำลาย Blck hole ถูกเปิดออกแล้ว เมื่อไหร่ เปิดได้มากแค่ไหน มีใครหลุดออกมาบ้าง ผลการวิจัยนี้ยังคงมีการทดลองกันต่อไปอย่างลับๆ เพื่อผู้หวังอำจาจลึกลับจากการวิจัย มีพลังงานที่อาศัยอยู่ต่างมิติ ต่างภพมากมาย แต่กำลังจะถูก CERN ทำลายกฎของจักรวาล แล้วจะเกิดอะไรขึ้น อันนี้เป็นคำถามของพวกเราผู้ ที่ต้องหาคำตอบกันต่อไป
     
  10. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75
    ลัทธิ อิลลูมินาติ เป็นองค์กรลับที่รู้จักกันไปทั่ว ก่อตั้งโดยนักวิทยาศาสตร์และนักคิดระดับหัวกะทิ ส่วนใหญ่เป็นชาวยิว เมื่อราว 300 ปีมาแล้ว มีเป้าหมายใหญ่ต้องการล้มล้างหรืออีกนัยหนึ่งปฏิวัติความเชื่อใหม่ๆ ทั้งในเรื่องระบอบการปกครองและศาสนา ภายใต้คำขวัญว่า "การจัดระเบียบสำหรับยุคใหม่" เพื่อให้บรรลุความฝันสูงสุดนั่นก็คือต้องการจะครองโลกให้อยู่ในมือของคนกลุ่มหนึ่ง ถ้าใช้ศัพท์ของชาวสังคมนิยมก็คือเป็นเจ้าลัทธิครองความเป็นเจ้า โดยจะหลบฉากอยู่เบื้องหลังการชักใยหุ่นต่างๆ หรืออีกนัยหนึ่งหมายถึงรัฐบาลและสถาบันหลักๆ คนที่เป็นคอหนังสือกำลังภายในคงจะคิดได้ทันทีว่าพรรคนี้ก็คือพรรคมารหรือม้อก่า ที่ปรากฏในหนังสือของกิมย้งและโกวเล้งหลายเรื่องด้วยกัน

    สมาชิกขององค์กรลับนี้ได้แทรกซึมเข้าไปในองค์การลับฟรีเมสัน องค์กรลับเก่าแก่ที่สุดที่ก่อตั้งในช่วงศตวรรษที่ 17 และมีความทะเยอทะยานเหมือนๆ กัน นั่นก็คือต้องการเข้าไปควบคุมระบบการเงิน เศรษฐกิจ สถาบันการบริหารสูงสุด และวัตถุดิบของโลก มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือยืนยันว่ากลุ่มนี้อยู่เบื้องหลังการขบวนการล้มเจ้า หรือล้มล้างสถาบันกษัตริย์ของหลายๆ ประเทศในยุโรป รวมไปถึงการมีส่วนสำคัญในการปฏิวัติฝรั่งเศส การปฏิวัติในรัสเซียรวมถึงการประกาศอิสรภาพของอเมริกา

    นักวิชาการส่วนใหญ่ยังเชื่อว่ากลุ่มอิลลูมินาติซึ่งได้ย้ายฐานปฏิบัติการจากยุโรปไปยังอเมริกาสามารถฝังตัวในหมู่ผู้นำประเทศ กระทั่งสามารถสร้างรังลับอยู่ในทำเนียบขาว ประธานาธิบดีและนักการเมืองชื่อดังหลายคนล้วนแต่เป็นสมาชิกขององค์กรลับนี้ เท่าที่มีการเปิดเผยชื่ออาทิ ประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน, รูสเวลท์ และเบนจามิน แฟรงคลิน เป็นต้น

    หลักฐานหลายชิ้นยังได้ยืนยันแนวคิดนี้ นอกจากผังเมืองของกรุงวอชิงตัน ดีซีแล้ว ยังมีตราแผ่นดินซึ่งด้านหลังเป็นภาพพีระมิดสร้างไม่เสร็จ มีดวงตาอยู่บนยอด ซึ่งหมายถึงสามารถจับตามองโลกอยู่ ล้อมรอบด้วยภาษาละตินข้อความว่า "การจัดระเบียบสำหรับยุคใหม่" หลายคนเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของสมาคมอิลลูมิเนติ ต่อมารัฐบาลได้นำภาพตราแผ่นดินมาตีพิมพ์ลงบนด้านหลังของธนบัตร 1 ดอลลาร์ ถ้าใครได้ดูภาพยนตร์เรื่อง "ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง" ตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคจบ จะเห็นภาพหอคอยที่มีดวงตาลุกเป็นไฟกราดมองไปทั่วเหมือนกับกำลังจับตาดูโลก ราวกับจำลองสัญลักษณ์ของอิลลูมินาติมาตีแผ่ก็ไม่ปาน

    หลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่พอจะยืนยันว่ากลุ่มอิลลูมินาติยังคงควบคุมทำเนียบขาวอยู่ก็คือคราวที่ประธานาธิบดีจอร์จ บุช ได้ประกาศด้วยความอหังการเมื่อปี 2533 ว่าสหรัฐต้องการจัดระเบียบโลกใหม่ และบุชผู้ลูกได้สานความฝันของพ่อด้วยการส่งทหารยาตราทัพไปจัดระเบียบใหม่ในอัฟกานิสถานและอิรัก จนเหมือนกับเป็นอาณานิคมยุคใหม่ของแดนดินถิ่นอินทรีผยอง ภายใต้ข้ออ้างว่าต้องการกวาดล้างกลุ่มก่อการร้าย แต่เบื้องหลังก็คือยึดครองเส้นทางน้ำมันโลก

    ยิ่งถ้านำมาเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เมื่อมีการเปิดโปงว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ รวมทั้งซีไอเอและเอฟบีไอ อันเป็น 3 หน่วยงานหลักในด้านการจารกรรมได้ร่วมกันขโมยข้อมูลส่วนตัวของมะกันชนหลายสิบล้านคนผ่านการดักฟังทางโทรศัพท์และการเจาะข้อมูลต่างๆ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ นอกเหนือจากดักฟังโทรศัพท์ของผู้นำทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรและศัตรู รวมทั้งประชาชนกว่าพันล้านคนที่กระจัดกระจายอยู่ตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก ก็ยิ่งตอกย้ำถึงการคงอยู่ขององค์กรลับนี้

    แม้จะทรงอิทธิพลแผ่คลุมทำเนียบขาวและทำเนียบรัฐบาลของหลายประเทศ แต่อิลลูมินาติก็ยังคงทำตัวเป็นเงาที่มองไม่เห็น ผู้ยังคงชักใยอยู่เบื้องหลังการยึดครอง บงการและครอบงำโลกเหมือนเดิม เชื่อกันว่าภาพยนตร์เรื่อง "มาทริกซ์" ได้ตีแผ่ความจริงข้อนี้ให้โลกประจักษ์ แต่น้อยคนนักที่สามารถรับสารอันลึกซึ้งนี้ได้

    การครองโลกนี้ทำผ่านการควบคุมสื่อยักษ์ใหญ่ยักษ์เล็กทุกแขนง รวมไปถึงฮอลลีวู้ด ให้เป็นเครื่องมือล้างสมองชาวโลกทุกคนจนไม่รู้ว่าอะไรคือความจริง อะไรคือความเท็จ อาทิ การขยันสร้างภาพอเมริกาว่าเป็นตำรวจโลก เป็นวีรบุรุษผู้พิทักษ์สันติภาพและประชาธิปไตยของโลก เป็นนักบุญผู้ช่วยเหลือโลกให้พ้นภัย แม้โฉมหน้าแท้จริงจะเป็นนักบุญเปื้อนบาปที่สองมือเต็มไปด้วยคราบเลือดของผู้บริสุทธิ์นับแสนๆ คน

    การใช้สื่อเป็นเครื่องมือโจมตีจีนว่าเป็นตัวการทำให้โลกร้อนทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วตัวการใหญ่ของบริษัทอเมริกันนั่นเอง หรือปกปิดว่าอเมริกาเป็นเจ้าของอาวุธมหาประลัยจริงที่ร้ายแรงยิ่งกว่าอาวุธนิวเคลียร์ นั่นก็คือการสร้างสนามพลังแม่เหล็กโลกเพื่อบังคับสภาพดินฟ้าอากาศ ให้สามารถก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาทิ พายุ สึนามิ แผ่นดินไหว หรือบังคับให้ภูเขาไฟระเบิด ราวกับหัตถ์พระเจ้าจำแลง ฯลฯ หรือการผลิตยาซึ่งแท้ที่จริงก็คืออาวุธเชื้อโรคที่ทำให้คนตายคราวละจำนวนมาก จะได้จำกัดจำนวนประชากรโลกไม่ให้มากเกินไป นอกเหนือจากสยายเครือข่ายควบคุมสถาบันการเงินหลักของโลก ทั้งธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ธนาคารใหญ่น้อย ธุรกิจทุกประเภทรวมไปถึงบริษัทเวชภัณฑ์ข้ามชาติ สถาบันการเมือง โดยเฉพาะทำเนียบขาวที่หลายยุคหลายสมัยถูกดัดแปลงเป็นรังลับหรือกองบัญชาการใหญ่ขององค์กรลับที่มีอำนาจล้นฟ้ากลุ่มนี้ ซึ่งพร้อมจะกำจัดใครก็ตามที่ขวางทางของกลุ่มอิลลูมินาติ

    มีข่าวลือที่ไม่ยืนยันว่าอิลลูมินาติเป็นการตัวการสั่งเก็บประธานาธิบดีลินคอล์น ประธานาธิบดีเจเอฟเค ตลอดจนคนดัง นักร้องนักแสดงดังหลายคน อาทิ เจ้าหญิงไดอานา, มาริลิน มอนโร, จอห์น เลนนอน, ไมเคิล แจ็กสัน ฯลฯ

    ด้วยความอัดอั้นตันใจที่โลกกำลังถูกแดนดินถิ่นอินทรีผยองจัดระเบียบใหม่อีกครั้ง ออลลองด์ถึงได้กระชากหน้ากากของอิลลูมินาติมาตีแผ่ เป็นการปรามไปในตัวว่าอย่าคิดจะครอบงำโลกอย่างง่ายๆ อีกต่อไป

    (เปิดโลกวันอาทิตย์ : 'อิลลูมินาติ' นักบุญเปื้อนบาป : โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์)
     
  11. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75
    เซิร์น (CERN) เปิดมิติเวลา หรือทำลายล้างโลก

    ไม่ต้องปิดบังกันต่อไป โรมประกาศในเดือนเมษายนปีที่แล้วว่า ลูซิเฟอร์เป็นพระเจ้าที่โรมบูชามาตลอด ลูซิเฟอร์เปรียบเหมือนดาวแห่งรุ่งอรุณ (Morning Star)ที่นำแสงสว่างมาให้มนุษยชาติและโรมน่าจะดูแลการทำงานวิจัยของ CERN อย่างใกล้ชิด เพื่อรอวันมาของผู้ซึ่งนำแสงสว่างมาให้มนุษย์

    เว๊ปtumnandd.comสรุปความเป็นมาของลูซิเฟอร์ดังนี้:

    "ลูซิเฟอร์ (Lucifer) ถือเป็นจอมมารแห่งนรก ที่มีชื่อเสียงค่อนข้างโด่งดังเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ก็เป็นเพราะลูซิเฟอร์ อาจจะมีบทบาทในพระคัมภีร์หลายประการ โดยคำว่าลูซิเฟอร์นั้น เป็นภาษาละติน มีผสมจากคำ 2 คำ ได้แก่ “Lux” ที่หมายถึง แสงสว่าง และ

    “Ferrer” ที่หมายถึง ผู้นำมาหรือผู้ถือ เมื่อนำเอาทั้งสองคำมารวมกันก็จะมีความหมายว่า “ผู้นำมาซึ่งแสงสว่าง” หรือแปลง่ายๆตามภาษาชาวบ้านว่า “รุ่งอรุณ” หรือ “ดาวแห่งความแสงสว่าง” ทั้งนี้ก็เพราะ ลูซิเฟอร์เป็นอดีตอัคระเทวทูตที่เป็นผู้ถูกสร้างขึ้นมาจากแสงสว่าง มีเป็นใหญ่รองลงมาจากพระเป็นเจ้า ซึ่งอาจถือได้ว่า เป็นอัคระเทวทูตที่ยิ่งใหญ่มากที่สุด ณ เวลานั้นเลยก็ได้ แต่ด้วยความหลงในอำนาจที่คิดว่าตนเองยิ่งใหญ่เหนือผู้ใด จึงทำให้ลูซิเฟอร์คิดก่อการกบฏเพื่อหักหลังพระเป็นเจ้า จนท้ายที่สุดก็ถูกลงโทษให้ตกจากสวรรค์ และกลายมาเป็น”ปีศาจ” ในที่สุด

    ตำนานของชาวฮิบรูกล่าวไว้ว่า ลูซิเฟอร์ได้กระทำผิดเพราะถูกยุแยงจากซาตาน (ตามตำนานนี้ ฮิบรู ลูซิเฟอร์ และ ซาตาน จะเป็นคนละคนกัน) โดยในพระคัมภีร์ของฮิบรูนั้น ซาตานถือเป็นหนึ่งในอัคระเทวฑูตที่ชื่อว่า Satan-Sataniel (หรือSamael?) ด้วย และด้วยความที่ซาตานอยากจะเป็นที่หนึ่งในจักรวาล จึงได้ยุยงส่งเสริมให้เทพเจ้าองค์อื่นกลายเป็นมารร้ายแทนตัวเอง

    ส่วนตำนานของชาวคริสต์ที่อยู่ในคัมภีร์ The Old Testament ก็ได้นิยามความหมายของ Helel เป็น ลูซิเฟอร์ และได้นำไปเชื่อมโยงกับปีศาจร้ายที่มีรูปกายเป็นสัตว์เลื้อยคลาน โดยสัตว์ร้ายนี้จะแอบเข้ามาในสวนอีเดนเพื่อที่จะหลอกลวงอดัมกับอีฟ

    ส่วนในยุคกลาง นักบุญเจอโรม (St.Jerome) ผู้เป็นหลวงพ่อในศาสนะจักร มีแนวความคิดที่ว่า ลูซิเฟอร์ ไม่ควรจะเป็นชื่อของ “ปีศาจ” จึงได้เปลี่ยนมาใช้เป็นคำว่า “ซาตาน” แทน แต่ในเวลาภายหลัง ทั้งสองชื่อก็ถูกรวมมาเป็นคนคนเดียวกัน ดังที่สามารถพบเจอได้ในพระคัมภีร์บางเล่ม ที่ชื่อของลูซิเฟอร์และซาตานนั้น ถูกใช้แทนกันเสมอ

    ตำนานกรีกได้เปรียบคำว่า ลูซิเฟอร์ เฉกเช่นเดียวกับดาววีนัส เนื่องจากเดิมทีแล้ว ลูซิเฟอร์เป็นชื่อเดิมของดาววีนัส ในขณะที่บางตำนานของชาวเพแก้น หรือ วิคคา ก็บอกเอาไว้ว่า หลังจากที่พระเจ้าได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาแล้ว ก็มีความใส่ใจดูแลในตัวพวกมนุษย์มากกว่าผู้อื่นได และแน่นอนว่ามากกว่าตัวลูซิเฟอร์เองด้วย ทำให้ลูซิเฟอร์เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และเป็นผู้นำในการก่อกบฏต่อพระเป็นเจ้า แต่ในบางความเชื่อของชาวเพเก้น ก็บอกเล่ากันว่า ลูซิเฟอร์นั้นอาศัยอยู่ที่ทวีปยุโรปและเอเชีย

    ทุกวันนี้ ได้เกิดมีลัทธิใหม่ที่ยกให้ลูซิเฟอร์เป็นเทพเจ้าเหนือพวกเขา และเรียกชื่อตัวเองว่า “ลูซิเฟอเรี่ยน (Luciferains)” ซึ่งล้อตามชื่อของพระศาสดา Lucifer Calaritanus บิช๊อปของลูซิเฟอเรี่ยน มีความเชื่อว่า พระเยซูคริสต์ไม่ใช่เทพผู้ถูกเลือก แต่ก็คือ ลูซิเฟอร์นั่นเอง (คล้ายกับลัทธิการบูชาซาตานหรือปีศาจ) ในคัมภีร์ของกลุ่มคเหล่านี้ ได้บอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์เรื่อง “ก่อนจะร่วงหล่น” หรือ “Before the fall” เอาไว้ว่า

    หลังจากที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้น ลูซิเฟอร์ก็เกิดความรักใคร่เอ็นดูในความใสซื่อบริสุทธิ์ของมนุษย์เป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากมนุษย์มีความใสซื่อเกินไป จึงทำให้มนุษย์ไม่รับรู้ถึงตัวตนของพระเป็นเจ้า ตำนานที่กล่าวไว้ในคัมภีร์มีบันทึกไว้ว่า พระเจ้าเสกงูออกมาเพื่อล่อลวงมนุษย์ให้กินผลไม้แห่งปัญญา และเมื่อมนุษย์ได้รับประทานผลไม้ชนิดนี้เข้าไป ก็จะทำให้รู้สึกถึงพระเป็นเจ้าได้มากขึ้น มนุษย์จึงได้ขับไล่ออกจากสวนอีเดนไป หลังจากที่ลูซิเฟอร์ทราบเรื่อง ก็รู้สึกโกรธและคิดที่จะก่อกบฏขึ้น เรื่องนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการโน้มน้าวจิตใจของสาวกลัทธิลูซิเฟอเรี่ยน ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นลัทธินอกรีต และกระจัดกระจายอออกไปตามถิ่นฐานต่างๆ บางกลุ่มคนก็หันพึ่งยาเสพติด หรือเสียงเพลง เพื่อใช้ในการกล่อมประสาทของตนเอง

    ซึ่งเหตุผลที่ลูซิเฟอร์ถือเป็นตัวแทนของบาปแห่งความหยิ่งพยอง ก็เป็นเพราะเขาคิดว่าตนเองเก่งกาจและมีพลังเหนือใคร จนนำพาความหลงผิด และคิดก่อกบฏขึ้น จนในที่สุดก็กลายมาเป็นสงครามสวรรค์ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นเอง โดยศึกครั้งนี้ ลูซิเฟอร์ได้จูงใจเทพ 2 ใน 3 (หรือบางก็ว่า 3 ใน5) ของเทพทั้งหมดบนสวรรค์ เพื่อมาต่อสู้กับกองทัพสวรรค์ ที่มีแม่ทัพเป็นอัคระเทวฑูตมิคาเอล แต่สุดท้ายก็ได้แพ้พ่ายไปในที่สุด
    ว่ากันว่า ลูซิเฟอร์มักจะปรากฏตัวในลักษณะที่เป็นมังกรหรือสิงโต และมีลูกสมุนที่ชื่อว่า Satanackia และ Agalierap ผู้จงรักภักดีอยู่ข้างกายเสมอ เปรียบเสมือนแขนทั้งสองข้างของลูซิเฟอร์ก็ว่าได้ ส่วนสัญลักษณ์ที่ใช้แทนตัวลูซิเฟอร์ก็จะเป็น กางเขนกลับหัว โดยมีเลขประจำตัวของลูซิเฟอร์หรือเลขแห่งความโชคร้าย เป็น 666 ซึ่งแตกต่างจากเลขแห่งความโชคดีของพระคริสต์ ที่เป็น 333"
     
  12. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    ผมจำชื่อไม่ได้ครับ ผมเรียนตอนมอต้นเลย แต่อันนี้จำได้ดี พอไปค้นดูกูเกิลดันเป็นนักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส 55 เงิบเลย ผิดๆ โดยนักฟิสิกส์ชาวดัทช์
    น่าจะเป็นคนนี้นะครับของไทย แต่มันตั้ง 10กว่าปีแล้วครับ ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ศาสตราจารย์ ดร.สุทัศน์ ยกส้าน

    ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน จบการศึกษาด้านฟิสิกส์จากอิมพีเรียลคอลเลจ มหาวิทยาลัยลอนดอน ก่อนจะศึกษาต่อปริญญาโท และปริญญาเอก ด้านฟิสิกส์ของแข็งภาคทฤษฎี จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ริเวอร์ไซด์ สหรัฐอเมริกา ทำให้ท่านมีความเชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์เป็นอย่างยิ่ง และมีผลงานด้านการสร้างทฤษฎีอธิบายสมบัติพื้นฐานบางประการของสภาพนำยิ่งยวด รวมทั้งผลงานด้านวิชาการอีกมากมาย ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติถึง 37 เรื่อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2016
  13. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75
    ก็คงมาแนวๆเดียวกัน ขายจิตวิญญาณให้ เทพปีศาจ เพื่อชื่อเสียงอำนาจและเงิน พูดมากไปคนอื่นๆเค้าจะหาว่าเราบ้า มันลึกกว่าที่เค้าเอาออกมาตีแผ่มาก
     
  14. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,171
    ค่าพลัง:
    +1,231
    วิธีล้างบางคนชั่วของพระโพธิสัตว์นี้ คือการเข่นฆ่าหรอกหรือ นึกว่าจะมาเทศโปรด
    ให้คนชั่วกลับตัวเป็นคนดี
     
  15. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    ความรู้ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้บนความหลง

    ดั้งโจทย์ผิด คิดไป ไม่พาจบ
    คำถามคบ จินตนาการ วาดไว้ผิด
    เป็นส่วนเสี้ยว ของใจ นำพาคิด
    ไม่อาจปิด คำตอบ ข้อสอบเกมส์

    พระเจ้าคง กำหนด บทให้เล่น
    มนุษย์เกณฑ์ ชนชั้น มันสมอง
    สร้างบิ้กแบง อลังการ ให้ทดลอง
    ผู้รู้มอง ไม่ตอบโจทย์ อย่าโกรธเลย


    แปลว่า ถ้าเป็น "ลิขิตฟ้า" ข้าฯ ไม่อาจเปิดเผย
     

แชร์หน้านี้

Loading...