จากปากี-ซินเจียง-ทิเบตแล้วเข้าแซงกรีลา

เดี๋ยวไป ดาเซ็น (Darchen) กันบ้างที่เป็นเมืองที่อยู่ใกล้เขาไกลาศมากที่สุด และเป็นจุดเริ่มต้อนและจุดสิ้นสุดของโครา (Kora) รอบเขาไกลาศ อย่างในรูปก็เป็นวิวระหว่างทาง



อีกรูป



อีกรูป

 

วัดที่ Darchen



Mt. Kailash ด้าน North Face แล้วตำหนักพระอินทร์อยู่ตรงไหนหว่า



Prarer Flag บน Mt. Kailash

 

อีกรูป



อีกรูป


คุณ rook ครับ จาก Kargilik ไป Ali มีหลายแบบนะครับ ปกติจะมีรถบัสราคาคนทิเบต 300 หยวน แต่ต่างชาติ 600-800 หยวนตสมความสามารถในการต่อรอง อีกแบบคือโบกรถบรรทุกราคาคือ 350-600 หยวนตามความสามารถในการต่อรอง แต่ปกติ 400 หยวน และแบบสุดท้ายคือเหมารถ Land criuser ปกติค่ารถ 600 - 800 หยวน ซึ่งรถ Land criuser จะเร็วกว่ารถบัสและรถบรรทุกมาก แต่ของผมโชคดีเพราะได้ราคารถ Land Cr. มาคนละ 400 หยวน แชร์กับเพื่อนชาวออสเตรเลียและคู่สามีภรรยาชาวเชคที่เพิ่งแต่งงาน แล้วเราก็เที่ยวด้วยกันในทิเบตถึง 3 อาทิตย์เลย



Holy lake หรือ Manasarovar Lake ซึ่งอยู่ห่างจาก Darchen 30 km.

 

อีกรูป

เออคุณ rook ครับอีกอย่างถ้าไปหลี่ถังอย่าลืมไปดูพิธีศพของคนทิเบตนะครับ ผมมีรูปได้มาจากเพื่อนคนญี่ปุ่น แต่ตัวเองไม่ได้ไปวีซ่าจะหมดแล้วก็เลยต้องรีบ



รูปนี้ camping ระหว่างทางจาก Manasarovar lake เดินกลับ Darchen ระยะทางเดิน 27 km. พวกเรา 4 คนเดินกันประมาณ 17 km. และโบกรถบรรทุกอีก 10 km.

ส่วนการเดิน kora รอบเขาไกลาศใช้เวลาเดิน 3 วัน ระยะทาง 54 km. และเดินบนความสูง 4,900 m. จากระดับน้ำทะเล และมี pass ที่สูงที่สุดคือ 5,600 m.



รูปนี้คือตอน Mt. Kailash kora เราข้าม Indus river หรือแม่น้ำสินธุไป camping อีกฝั่งเพื่อดู western face ของเขาไกลาศ

 

อีกรูป

สวัสดีครับคุณคนช่างฝัน ขอบคุณครับ ผมใช้กล้องคอมแพคธรรมดาครับใช้ Fuji F10 อยากได้ DSLR เหมือนกันแต่สุดท้ายก็เอาตังค์ไปเที่ยวก่อนตลอด 555555 และบางรูปก็แชร์กันกับเพื่อนที่ไปด้วยกัน ส่วนเรื่องการเดินทางผมใช้รถโดยสารทั้งหมด ไม่เคยซื้อทัวร์ท้องถิ่นเลยครับ ไม่ค่อยชอบเวลาคนมาต้อน แถมไม่อิสระด้วย อย่างไป Manasavovar lake พวกผมแชร์รถจี๊ปไปกับคนทิเบตแต่เขาให้เวลาที่ทะเลสาบแค่ 1 ชั่วโมงแล้วกลับ พวกผมเลยไปอย่างเดียว ส่วนกลับจะเดินกลับกันและก็ camping ระหว่างทางกัน ได้ความมันส์กว่าซื้อทัวร์เยอะเลยครับ



Horqu เมืองริม Manasarovar lake ในรูปพวกเรา 4 คนกำลังนั่งรอโบกรถไป Shigatse เพราะจาก Darchen ไป Shigatse บางทีรถบัสจะไม่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะจะโดยยึดใบขับขี่หรือโดยปรับ เพราะกฏหมายไม่อนุญาติรวมทั้งรถบรรทุกและรถส่วนตัว ถ้าเป็นคนทิเบตอาจจะโดนตำรวจทำลายทุกอย่างทั้งหน้าที่การงาน ครอบครัว ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องรอรถบัสที่รับนักท่องเที่ยวได้ซึ่งจะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ทำให้หลายคนกลับมา Ali แล้วนั่งรถบัสไป Lhasa ราคา 800 หยวนแต่วิ่งเส้น northern road หรือจ้างรถ Land Cr. แต่แพงมากๆราคา 6,000 - 10,000 หยวน และนั่งได้แค่ 4-6 คน แต่พวกเราโชคร้าย เพราะคุยแรกๆ ได้ราคา 6000 หยวนต่อ 4 คน แล้วก็ขึ้นมา 7300 หยวนต่อ 6 คน พอเรามาคุยอีกทีขึ้นเป็น 8000 หยวน เราเลยไม่ไปแล้วก็ตัดสินใจเดินและโบกรถไปตามทาง ซึ่งจาก Darchen ไปถึง Shigatse ระยะทางประมาณ 700 km. และเราใช้เวลเดินทาง 6 วัน มีทั้งโบกรถบรรทุก โบกรถแทรคเตอร์ เดิน บางวันเดินเป็นระยะทาง 20 km. พร้อมแบกเป้คนละ 25 kg. บางวันเดินตากฝน ตากหิมะ บางวันโบกรถแทครเตอร์ 3-4 ครั้ง บางที่โชคไม่ดีไม่มีที่พักก็ต้อง camping ระหว่างทาง แต่ก็ได้รสชาติของชีวิตดีผมว่างั้นนะ แต่เพื่อนผมไม่ยักคิดแบบนี้



นี่ละแทรคเตอร์จีน

@พี่ shee...........สวยสุดยอดเลยพี่ แต่ถ้าไม่อยากเดินก็มีม้าให้ขี่นะครับเช่าวันละ 80 หยวนมั้งครับถ้าจำไม่ผิด ถ้าผิดก็ลืมมันเถอะพี่ 55555 เพราะคนอินเดียก็ขี่ม้าโครากันทั้งนั้น หรือจะซื้อม้าก็ได้นะครับได้ข่าวว่าตัวละ 500 หยวน เพราะเพื่อนผมคนฝรั่งเศษที่เจอกันตั้งแต่ปากี แล้วดันมาเจออีกทีที่เขาไกลาศบอกมา

 

รถบรรทุกจ้า....



ที่เมือง Payang ซึ่งเป็นเมืองที่สวยมากๆ แถมเมืองนี้จะมี sand dune เยอะมากๆ



พอดีเราได้เพื่อนมาอีกคนเป็นหนุ่มจีนรวม 5 คน ทำให้เราไม่ค่อยมีปัญหาด้านภาษาอีกแล้ว แต่หนุ่มจีนก็พูดอังกิตไม่ค่อยได้ด้วยละ รูปนี้เราต้องเดินออกมาจาก Saga เพราะรถบัสไม่ยอมรับเรา พวกเราก็เลยต้องเดินออกมาห่างจากเมือง 10 กว่าโล

 

Samsan เมืองที่สวยอีกเมืองแถมมีในเรื่อง seven years in tibet ด้วยระหว่างผู้เขียนแวะพักหลังกลับมาจากเขาไกลาศ

@คุณ rook........................ได้ครับเดี๋ยวผมเอารูปที่ไม่น่ากลัวมาให้ดู แล้วจากซีนเจียงเข้า Ali ไม่ต้องใช้ permit ครับ จะมี checkpost แค่จุดเดียวก็แค่ใช้ passport แค่นั้น แต่พอเข้า Ali จะต้องไปขอ permit ที่ PSB จำชื่อเต็มไม่ได้แล้วแต่ก็คือสถานีตำรวจละครับแล้วจ่ายค่าปรับ 300 หยวน และค่า permit 50 หยวน เพราะเส้นทางนี้เขาไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทาง เพราะอันตรายและเป็นจุดอ่อนไหวทางการทหาร แต่เจ้าหน้าที่ PSB ที่อาลีจะเทคแคร์นักท่องเที่ยวดีมากๆ ขนาดเอาวีซ่ามาให้เพื่อนผมถึงห้องเลย



Kaga ซึ่งผมเห็นต้นไม้ต้นแรกที่เมืองนี้หลังจากเข้าทิเบตมา 20 วัน และเป็นเมืองสุดท้ายที่ใครจะมาทิเบตตะวันตกจะได้เห็นต้นไม้



Tashilhumpo Monastery เป็นวัดที่ปันเชนลามะอยู่ ซึ่งปันเชนลามะเป็นลามะชั้นสูงที่รองมาจากดาไลลามะเท่านั้น และวัดนี้สวยมากๆ

 

วัดโจคัง ในลาซา



รูปนี้ที่เต้าเฉิง (Daocheng) ในเฉสวนก่อนไป Yading คือตอนนั้นไม่รู้จริงๆว่า Yading ปิดมารู้อีกทีที่ Kangding เพราะคนที่ guesthouse บอก แถมค่ารถก็ขึ้นมาแบบน่าตกใจมากคือปกติ 200-300 หยวนต่อคัน ขึ้นมา 600-1,000 หยวน แถมไม่แน่ใจว่าจะเข้าได้ไหม แล้วจะอยู่จะกินยังไงละ แถมเจอนักท่องเที่ยวคนจีน 3-4 กลุ่มก็ไม่มีใครไปสักคน ผมก็เลยไม่ไป

 

รูปสุดท้ายแล้วครับ ส่วนเฉสวนและยูนนานคงไม่โพสเพราะโพสกันเยอะแล้วแถมสวยๆทั้งนั้น และข้อมูลแน่นกว่าผมมากๆ



อีกรูปตามคำเรียกร้องของคุณ rook ครับ และขอโทษที่ทำให้หลอน ในรูปนี้คือ Dromla pass ของระหว่าง Mt. Kailash kora ซึ่งมีความสูง 5,600 m

 

ก่อนถึง Dromla pass





เด็กน้อย

 

North Face of Mt. Kailash



East Face ของเขาไกลาศ ถ่ายจาก Manasarovar Lake ตอนเดินกลับมา Darchen

 

รูปสุดท้ายละครับ
@คุณ ซ้งมิตรเต่า..............ทริปนี้ที่ปากีผมอยู่ 47 วัน ใช้ไป 17,500 บาท ส่วน ทิเบต 1 เดือนประมาณ 35,000 บาท และจีนอีกประมาณ 15,000 บาท

ขอขอบคุณ http://board.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=2&topic_no=103215&topic_id=104311&&page=1<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD> bandarban</TD></TR><TR><TD> ที่พาพวกเราไปเที่ยวค่ะ ทริปนี้ยังไม่จบนะคะ พี่แกอึดมากมาย ไปกันต่อเรย ละกัน ตามนี้เลยค่ะ ค่อยๆเที่ยวไปนะคะ มะต้องหักโหม ถนอมสังขารนิส ก็ดีนะคะ จะได้ใช้ได้นานๆ

ทริป overland จากอินเดีย-ปากี-ซีนเจียง-ทิเบต-แชงฯ-ลาว-ไทย ตอนที่ 13 : Welcome China : Tashkurgan & Karakul Lake
ทริป overland จากอินเดีย-ปากี-ซีนเจียง-ทิเบต-แชงฯ-ลาว-ไทย ตอนที่ 12 : Sost & Khunjeerab and Say Good Bye Pakistan
ทริป overland จากอินเดีย-ปากี-ซีนเจียง-ทิเบต-แชงฯ-ลาว-ไทย ตอนที่ 11 : Shimshal

ทริป overland จากอินเดีย-ปากี-ซีนเจียง-ทิเบต-แชงฯ-ลาว-ไทย ตอนที่ 10 : Passu

ทริป overland จากอินเดีย-ปากี-ซีนเจียง-ทิเบต-แชงฯ-ลาว-ไทย ตอนที่ 9 : Rakaposhi Basecamp

ทริป overland จากอินเดีย-ปากี-ซีนเจียง-ทิเบต-แชงฯ-ลาว-ไทย ตอนที่ 8 : Hunza Valley

ทริป overland จากอินเดีย-ปากี-ซีนเจียง-ทิเบต-แชงฯ-ลาว-ไทย ตอนที่ 7 : Peshawar & Gilit again

ทริป overland จากอินเดีย-ปากี-ซีนเจียง-ทิเบต-แชงฯ-ลาว-ไทย ตอนที่ 6 : Chitral & Kalash Valley

ทริป overland จากอินเดีย-ปากี-ซีนเจียง-ทิเบต-แชงฯ-ลาว-ไทย ตอนที่ 5 : Shandur Pass & Polo Festiva

ทริป overland จากอินเดีย-ปากี-ซีนเจียง-ทิเบต-แชงฯ-ลาว-ไทย ตอนที่ 4 : Skardu and Deosai NP

ทริป overland จากอินเดีย-ปากี-ซีนเจียง-ทิเบต-แชงฯ-ลาว-ไทย ตอนที่ 3 Tarashing-Rupal & Nanga Prabat Basecamp

ทริป overland จากอินเดีย-ปากี-ซีนเจียง-ทิเบต-แชงฯ-ลาว-ไทย ตอนที่ 2 Naltar Valley

ทริป overland จากอินเดีย-ปากี-ซีนเจียง-ทิเบต-แชงฯ-ลาว-ไทย ตอนที่ 1 กว่าจะถึงคาราโครัม




</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

โอ้ย......มีความสุขจังเลยเมื่อไรจะมีโอกาสแบบนี้บ้างเนอะ ทำงานกันเหนื่อย ๆ อยู่ทุกวันไม่เห็นได้ไปเที่ยวแบบนี้บ้างเลย (น่าจะมีเวลาหยุดยาว ๆ แบบนี้บ้างจัง)

 

ดีใจที่คุงบุชอบ เค กะว่าอีก 10ปี รอลูกชายโตก่อนจะควงหนุ่มน้อย แบกเป้เที่ยวรอบโลกเรย คงมีฟามสุขหลาย อิอิ

 

อ้าวมีบอร์ดี้การ์ดส่วนตัวไปด้วยเหรอ ตอนนี้กี่ขวบแล้วคะ คงกำลังน่ารักแน่เลย

 

ลูกชาย4ขวบแล้วจร้า ลูกสาว 1.4ขวบ รอพวกไดโว่โตก่อง ค่อยออกไปซ่าส์แบกเป้
ตอนนี้อาศัยเกาะชาวบ้านไปเที่ยว ประหยัดตังค์ ไม่เหนื่อยด้วย หุหุ

 

จ้า.....เดี๋ยวพอลูกโตเค้าก็ไม่ไปด้วยหรอก ไปกะเพื่อนแทน หุหุหุ