จากหลวงพ่อทวด..ถึง..ผ้ายันต์กาขาว พ่อท่านนอง วัดทรายขาว....(พระอาจารย์นอง ธัมมภูโต)

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย smart7667, 11 พฤษภาคม 2013.

  1. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    จากหลวงพ่อทวด..ถึง..ผ้ายันต์กาขาว พ่อท่านนอง วัดทรายขาว....(พระอาจารย์นอง ธัมมภูโต)
    เครื่องรางโด่งดังดุจดาวค้างฟ้า!! เปี่ยมด้วยมิติขลังพลังพุทธคุณ!!

    “นะโมโพธิสัตโตอาคันติมายะอิติภะคะวา”

    ในบรรดาพระเครื่องในรูปของพระพุทธหรือรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นพระบูชา พระแขวนคอ ผ้ายันต์ ฯลฯ องค์ที่ได้รับการสร้างมากที่สุด(ตามความคิดของผม) รูปพระพุทธต้องเป็นหลวงพ่อโสธร พระเกจิฯ ต้องเป็นหลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ ซึ่งในบทความตอนนี้ผมขอเขียนเฉพาะรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์เท่านั้น เพื่อน ๆ ลองไล่เรียงสิครับว่าพระอมตะเถราจารย์ในเมืองไทยเอาที่มรณภาพไปแล้วมีองค์ใดบ้าง เอาแบบที่มีชื่อเสียงแพร่หลายนะ เริ่มตั้งแต่ภาคเหนือ ได้แก่ครูบาศรีวิชัย ภาคอีสาน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ภาคกลาง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังฯ และ..ภาคใต้ หลวงพ่อทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) แห่งวัดช้างไห้

    ในบรรดาพระอมตะเถระเจ้าทั้งสี่องค์นี้ คงไม่มีใครปฏิเสธว่า หลวงพ่อทวด( เหยียบน้ำทะเลจืด) วัดช้างไห้ถือว่าเป็นพระที่มีการจัดสร้างออกมาเป็นรูปธรรมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นที่วัดช้างไห้เอง หรือวัดต่างๆ ในประเทศไทย ต่างมาขอพึ่งบารมีหลวงพ่อทวดเกือบทั้งนั้น หรือเอาง่าย ๆ เด็กสมัยใหม่ยังรู้จักหลวงพ่อทวดมากกว่าสมเด็จวัดระฆังหรือสมเด็จบางขุนพรหมเลย..พูดให้เป็นภาษาประกิตก็คือค่อนข้าง “สากล” แหละครับ

    ด้วยการที่มีความเป็น “สากล” นี่แหละครับที่ส่งผลให้พระเครื่องหลวงพ่อทวดเป็นที่นิยมจัดสร้างกันทั่วไป วัดไหนๆ ก็สร้างกันได้ ตามความคิดของผมน่าจะมาจากการที่หลวงพ่อทวดท่านเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ วัดต่าง ๆ จึงนิยมสร้างหลวงพ่อทวดขึ้นเป็นวัตถุมงคลเพื่อให้คนนำไปสักการบูชา ป้องกันอันตรายให้กับตนเอง รวมไปถึงเป็นวิธีการจัดหาทุนในการสร้างหรือบูรณะถาวรวัตถุภายในวัด


    ประเด็นมีอยู่ว่า...พระเครื่องหลวงพ่อทวดที่สร้างกันขึ้นมานั้นมีความขลังหรือมีความศักดิ์สิทธิ์เพียงไร?..

    ซึ่งประเด็นนี้มีคำตอบแน่นอนคือ “ขึ้นอยู่กับองค์อาจารย์ผู้สร้างว่ามีประสิทธิภาพเพียงใด เพราะการสร้างพระเสกพระจะให้ขลัง ให้ศักดิ์สิทธิ์ องค์อาจารย์ผู้เสกต้องมีความสามารถอัญเชิญพระพุทธานุภาพ พระธรรมานุภาพ พระสังฆานุภาพ และกฤตยาคมต่าง ๆ เข้าในวัตถุมงคลนั้น ๆ ได้

    หากเราย้อนหลังไปดูประวัติการสร้างพระหลวงพ่อทวด มีการจัดสร้างอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๗ นับจนถึงปัจจุบันปี ๒๕๕๑ ก็เป็นเวลา ๕๔ ปี ซึ่งถือว่าไม่นานเท่าไรยังพอมีคนรู้คนเห็นจนถึงบางทีคนที่เคยร่วมสร้างอาจยังมีชีวิตอยู่ด้วย...และเมื่อเราศึกษาถึงการสร้างหลวงพ่อทวดอย่างถ้องแท้แล้วจะพบว่า ในวงการพระเครื่องจะให้ความนิยมและสนใจกับพระหลวงพ่อทวดที่สร้างจากพระอาจารย์สององค์คือท่านอาจารย์ทิม อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี และท่านอาจารย์นอง อดีตเจ้าอาวาสวัดทรายขาว จังหวัดปัตตานี

    ในอดีตสมัยท่านพระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ ยังมีชีวิตอยู่ พระอาจารย์นอง นับเป็นพระคู่ทุกข์คู่ยากของพระอาจารย์ทิมอย่างแท้จริง และสมัยนั้นมีพระอาจารย์อยู่สามองค์ที่เป็นสหธรรมมิกซึ่งกันและกันคือ ท่านพระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ เป็นพี่ใหญ่เนื่องจากอาวุโสสูงสุด ท่านเจ้าคุณวัดนาประดู่ เป็นศิษย์น้องรองลงมา และท่านพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว เป็นน้องเล็กสุดท้าย พระอาจารย์ทั้งสามท่านนี้ถือเสมือนหนึ่งเป็นพระพี่พระน้อง ร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วยกันมา พลังศรัทธาของประชาชนจึงมีให้ทั้งสามองค์นี้อย่างเท่าเทียมกัน....ย้อนเวลาหาอดีตกลับไปในปี ๒๔๙๗ ครับ ในตอนสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวด เนื้อว่านรุ่นแรกนั้น..พระอาจารย์นองท่านเป็นกำลังสำคัญอย่างยิ่งในการจัดหาว่านต่าง ๆ มาให้พระอาจารย์ทิมสร้างพระ และเป็นกำลังสำคัญในการควบคุมการสร้างพระครั้งนี้...ประสบการณ์ในครั้งนั้นเสมือนเป็นประกาศนียบัตรรับรองความสามารถผ่านงานเสริมเข้ากับวิทยาคมที่ตัวท่านเองมีอยู่แล้ว..ส่งให้ท่านพระอาจารย์นองก้าวขึ้นทำเนียบพระเกจิอาจารย์แนวหน้าของเมืองไทยองค์หนึ่ง

    [​IMG]
    พระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้
    [​IMG]
    พ่อท่านนอง ธัมมภูโต..อดีตเจ้าอาวาสวัดทรายขาว

    ด้วยความนิยมของวงการพระเครื่องที่มีกับพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่านรุ่นแรกส่งผลให้ราคาค่าบูชาที่เช่าหากันสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้คนธรรมดาอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ หมดโอกาสในการเช่าหาและครอบครองพระเครื่องรุ่นแรกที่ท่านพระอาจารย์ทิมได้สร้างไว้ ดังนั้นพระหลวงปู่ทวดที่สร้างโดยท่านพระอาจารย์นอง จึงเป็นทางเลือกให้กับพวกเราอีกครั้ง

    ท่านพระครูธรรมกิจโกศล หรือ ท่านพระอาจารย์นอง ธมมภูโต เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อของจังหวัดปัตตานี ทำให้วัดต่าง ๆ ที่สร้างหลวงปู่ทวดต่างวิ่งหาเพื่อให้ท่านพระอาจารย์นองช่วยอธิษฐานจิตหรือปลุกเสกให้ ....เจอแล้วครับ!!!...เครื่องรางในสายวิชาหลวงพ่อทวด

    ที่ผมตัดสินใจเขียนเรื่องผ้ายันต์กาขาว..ที่ผ่านการปลุกเสกจากพระอาจารย์นองในตอนนี้เนื่องจากได้พูดคุยกับเพื่อนฝูงร่วมอุดมคติถึงราคาค่างวดในการเช่าหาพระหลวงปู่ทวด สายท่านพระอาจารย์นอง ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีราคาแพงขึ้นทุกขณะโดยไม่ต้องอิง “กลไกทางการตลาด” เพียงแต่ผ่าน “ขั้นตอนของศรัทธา” อย่างเดียว ทุกชุดที่ท่านได้อธิษฐานจิตไว้เช่น ชุดแรกปี ๒๕๑๔ ปัจจุบันพิมพ์ใหญ่สวย ๆ ต้องมี สามหมื่นบาทขึ้น หรือไล่ลำดับมาจนถึงรุ่นค่อนข้างสุดท้ายเช่นเนื้อว่านรุ่น มบ. ปี ๒๕๔๒ ที่สร้างเป็นกรณีพิเศษให้กับ ดร.ไมตรี บุญสูง ซึ่งประกอบพิธีพุทธาภิเษกไปเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๒ ปัจจุบันสภาพพอสวยไม่ฝังตะกรุดก็ตกองค์ละเกือบสองพันบาท ถ้าฝังตะกรุด เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึงเลย...

    ปัจจุบันท่านพระอาจารย์นอง ได้ถึงแก่มรณภาพแล้วครับเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๒ เวลา ๐๓.๒๗ น. ณ.โรงพยาบาลโคกโพธิ์ สิริอายุ ๘๐ ปี ๖๐ พรรษา ได้รับพระราชทานเพลิง ณ เมรุวัดทรายขาว เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๕ ซึ่งแม้สังขารของท่านจะสลายไปแต่ความดี ของท่านที่มีอยู่มากมายส่งผลให้ท่านยังคงเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ยังอยู่ในความทรงจำของบรรดาลูกศิษย์ นอกจากนี้แล้วความเข้มแข็งในวิทยาคมยังส่งผลให้ท่านกลายเป็นตำนานบทหนึ่งคู่กับพระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ ใน "ฐานะพระผู้ก่อให้เกิดตำนานความศักดิ์สิทธิ์" ของพระเครื่องเมืองใต้ ที่แผ่บารมีความศักดิ์สิทธิ์ไปทั่วประเทศในนาม "หลวงพ่อทวด วัดช้างไห้"

    ว่ากันว่าวิชาบางส่วนนั้นตกทอดมาที่...พระครูปราโมทย์สีตคุณเจ้าอาวาสวัดทรายขาวที่เรา ๆ เรียกท่านว่า...พ่อท่านเพ็ง..

    ย้ำอีกครั้งครับ...ยอดเครื่องรางแห่งยอดพระเกจิอาจารย์แดนใต้ สุดยอดอาคมขลังทีเดียว ของพ่อท่านนองหรือพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ตำบลทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เรียกกันว่า ผ้ายันต์กาขาว…สังเกตรูปนกกาขาวกลางยันต์เป็นสำคัญ

    [​IMG]
    ผ้ายันต์กาขาว...ต่อไปจะเป็นมหาตำนานยิ่งใหญ่

    ผ้ายันต์กาขาวของพ่อท่านนองขลังเป็นยอดขนาดที่ว่า พ่อท่านเพ็ง วัดทรายขาวหรือ พระครูปราโมทย์สีตคุณเจ้าอาวาสวัดทรายขาว ท่านหวงแหนและยืนยันว่าขลังไม่แพ้ตะกรุดนารายณ์แปลงรูปเลยเชียวครับ นับว่าเป็นโอกาสดีที่ พ่อท่านเพ็งเปิดเผยความเป็นมาให้เรา ๆ ทราบแบบลึกถึงเนื้อในเลยล่ะครับ...

    ใครมีตะกรุดและพระหลวงพ่อทวดของพ่อท่านนองจะขาดผ้ายันต์กาขาวมาคู่เคียงเสียไม่ได้!!!

    อย่างที่เคยทราบกันว่า ชื่อของ “พระครูธรรมกิจโกศล”หรือ “พระอารย์นอง ธมฺมภูโต” อดีตเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ ผู้ถือเป็นสหมิกธรรม และยังร่วมในพระคณาจารย์ที่ร่วมสร้างตำนาน “หลวงพ่อทวด” กับ “พระอาจารย์ทิม ธมฺมธโร” แห่งวัดช้างให้ ดังนั้นจึงอย่าได้แปลกใจหากจะมีสาธุชนจากทั่วทุกสารทิศจะเดินทางมาที่วัดทรายขาว มิได้หยุดหย่อนแม้ในพื้นที่ยังคงปรากฏเหตุการณ์ร้ายรายวันอยู่เนือง ๆ ก็ตาม

    แม้นพระอาจารย์นอง ธมฺมภูโต จะละสังขารไปเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๒ แต่วันนี้ผู้เลื่อมใส เคารพศรัทธา ก็ยังเดินทางมายังวัดแห่งนี้มิเคยขาดสาย ด้วยเพราะคุณงามความดีที่พระรูปนี้ได้สั่งสมไว้จนเกิดเป็นบารมี ความศรัทธาแพร่ขจรไปทั่วแล้ว ท่านยังสร้างคุณูปการไว้เป็นหลักฐานแก่สังคมมากมายไม่ว่าจะเป็นแวดวงการศึกษา พยาบาล ราชการ รวมถึงวงการสงฆ์ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ อีกทั้งการพัฒนาวัดทรายขาวให้มีความเจริญต่อเนื่อง

    พลังศรัทธาของชาวพุทธทุกหมู่เหล่าที่ร่วมลงขันลงกำลังแรง กำลังทรัพย์ จนดำเนินการสร้างพัฒนาวัดทรายขาวให้แล้วเสร็จ ไม่เพียงเป็นแค่ภาพสะท้อนในการทำงานของพ่อท่านนองให้ลุล่วงเท่านั้น แต่ยังบ่งบอกถึงพลังแห่งพุทธที่ผูกจิตของญาติโยมทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวในการทำนุบำรุงและค้ำจุนพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ได้อย่างน่าชื่นชม

    ความสัมพันธ์กับอาจารย์ทิม วัดช้างให้ อาจารย์นอง วัดทรายขาวท่านเป็นสหธรรมิกกับท่านพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ เป็นทั้งกัลยาณมิตรเป็นศิษย์กับอาจารย์ต่อกัน เกื้อกูล เกื้อหนุนกันมาโดยตลอดตั้งแต่ต้นจนวาระสุดท้ายของท่านอาจารย์ทิม เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2512 ทั้งพระอาจารย์ทิม และ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว เป็นศิษย์ร่วมสำนักวัดนาประดู่มาด้วยกันเมื่อพระอาจารย์ทิมมาอยู่วัดช้างให้และ อาจารย์นอง ไปอยู่วัดทรายขาว ก็ยังมีความสัมพันธ์ดีงามมาโดยตลอด กิจการใดของวัดช้างให้ อาจารย์นอง วัดทรายขาวท่านจะเป็นผู้คอยช่วยเหลืออยู่ข้างกายพระอาจารย์ทิมทุกอย่าง ที่สำคัญ การสร้างพระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน ปี พ.ศ.2497 ถ้าจะกล่าวกันแล้ว ปฐมเหตุจริงๆ ก็มาจากท่านที่เป็นผู้ชักชวนพระอาจารย์ทิมให้สร้างพระหลวงพ่อทวด ตามที่ท่านได้เล่าให้ฟังเท่าที่จำได้คร่าว ๆ คือช่วงนั้น อาจารย์นอง วัดทรายขาวกับพระอาจารย์ทิม ขึ้นมากรุงเทพฯ และไปที่วัดระฆัง เพื่อที่จะไปเช่าบูชาพระสมเด็จของหลวงปู่นาค มาเพื่อให้คนทำบุญจะได้นำเงินไปสร้างโบสถ์วัดช้างให้ พกเงินขึ้นมาประมาณ 3,000 บาท ขณะที่กำลังจะขึ้นไปเช่าพระ ท่านบอกว่า "กูนึกยังไงก็ไม่รู้ สะกิดอาจารย์ทิม บอกว่า ท่านๆ ทำไมเราไม่กลับไปทำพระของเราเองล่ะ" "พระอะไร...?" พระอาจารย์ทิมถาม "ก็พระหลวงพ่อทวดไง" พระอาจารย์ทิมบอก "เออ...!! นั่นน่ะสิ" ทั้งสองท่านจึงได้เช่าบูชาพระสมเด็จหลวงปู่นาคม เพียงเล็กน้อยและพากันกลับปัตตานี

    ปฐมเหตุตรงจุดนี้ คือกำเนิดของสุดยอดพระเครื่องเมืองใต้ หลวงพ่อทวดเนื้อว่าน ปี พ.ศ.2497 อันเป็นอมตะตลอดกาล ส่วนคุณอนันต์ คณานุรักษ์ นั้น เป็นส่วนประกอบที่ช่วยเหลือให้การจัดสร้างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งคงเป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อทวดที่บันดาลชักนำ คุณอนันต์ คณานุรักษ์ คหบดีชาวปัตตานีให้มาเป็นกำลังสำคัญ การจัดสร้างพระหลวงพ่อทวดเนื้อว่าน ปี พ.ศ.2497 พระอาจารย์นอง วัดทรายขาวท่านจึงมีส่วนอย่างมากในทุกๆ ขั้นตอนการจัดสร้าง ฉะนั้น...ท่านจะรู้พิธีกรรม และเรื่องว่านดีที่สุด เมื่อท่านมาสร้างพระหลวงพ่อทวด ขึ้นเองจึงมีความขลังแ ละศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนมาโดยตลอด เหตุการณ์ที่บ่งให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองพระอาจารย์ที่ผู้เขียนได้ฟังแล้วรู้สึกประทับใจและกินใจมาก ตามที่ท่านเล่าให้ฟังว่าก่อนที่อาจารย์ทิมจะไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ ท่านมาหาเราที่วัด สั่งเสียไว้หลายเรื่องฝากให้เราช่วยดูแลวัดช้างให้ ท่านหยิบขันน้ำมนต์ขึ้นมา ท่านจับประคองอยู่ด้านหนึ่งให้เราจับอีกด้านหนึ่ง แล้วท่านพูดว่า "ตั้งแต่คบกันมา คุณไม่เคยทำให้ผมเสียใจเลย คนอื่นยังมีตรงบ้าง คดบ้าง "เรา" ขออธิษฐาน บุญใดที่เคยทำร่วมกันมา และยังไม่เคยทำร่วมกันมาก็ดี ทั้งชาตินี้และอดีตชาติ ขออธิษฐาน เกลี่ยบุญให้เท่ากัน เพื่อจะได้เกิดทันกันทุกๆ ชาติไปจนถึงชาติสุดท้าย"

    จากนั้นพระอาจารย์ทิมก็เข้าไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ และก็มรณภาพที่โรงพยาบาลกลางเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2512 คำอธิษฐานนี้ผู้เขียนเชื่อว่าเป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่ เป็นอมตวาจาอย่างแท้จริง ได้ความรู้สึกถึงความผูกพันที่ท่านทั้งสองมีต่อกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด ได้ร่วมสร้างตำนานอันมหัศจรรย์ ของหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ แผ่ออกไปทั่วทุกสารทิศ พระอาจาร์ทิม ถ้านับจาก พ.ศ.2497-2512 ก็เพียง 15 ปี แต่พระอาจารย์นองท่านใช้เวลาถึง 45 ปี (2497-2542) ปัจจุบัน หลวงพ่อทวดวัดช้างให้ ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงของหลวงพ่อทวดดังไปถึงมาเลเซีย สิงคโปร์ ก็มีผู้คนนับถือไม่น้อยเช่นกัน เรื่องความสัมพันธ์กับพระอาจารย์ทิมนั้น ถ้าจะเปรียบก็เหมือนกับ "ดีนอก" คือมีปัจจัยอื่นช่วยส่งเสริม แต่เรื่องที่จะกล่าวต่อไปนี้ก็คือ "ดีใน" นั่นเอง หมายถึง คุณลักษณะส่วนตัวของพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว สองสิ่งต้องคู่กันจึงจะสมบูรณ์ เมื่อดีก็ต้องดีทั้งนอก ดีทั้งใน

    อาจารย์นอง วัดทรายขาว ท่านยึดถือมาตลอดในการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยไม่เลือกว่าจะเป็นศาสนาใด ๆ ยากดีมีจน ท่านจะเป็นผู้ให้มาโดยตลอด ทั้งเรื่องสร้างโรงพยาบาลซื้ออุปกรณ์การแพทย์ สร้างโรงเรียน ทุนการศึกษา สร้างถนนหนทาง บริจาคทรัพย์ให้กับสาธารณกุศลอยู่เป็นประจำ ช่วยสร้างอุโบสถวัดต่างๆ แม้กระทั่งบริจาคเงินให้กับชาวอิสลามที่อยู่แถบ วัดทรายขาว ตลอดจนช่วยเหลือสงเคราะห์เรื่องต่างๆ จนได้รับการยอมรับนับถือจากชาวอิสลามเป็นจำนวนมาก ในเรื่องของการบริจาคทรัพย์ซื้ออุปกรณ์การแพทย์นั้น อาจารย์นอง วัดทรายขาว ท่านบอกว่า สามารถช่วยเหลือชีวิตคนได้มากประโยชน์เกิดขึ้นทันที ด้วยการที่ท่านเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้งท่านจึงเห็นคุณประโยชน์ของอุปกรณ์การแพทย์ บางครั้งเวลาท่านอารมณ์ดีท่านจะเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง ท่านเคยพูดว่า"ตอนกูไปอยู่โรงพยาบาล กูก็เตรียมเงินสดไปด้วยตลอด แล้วถามหมอว่า ขาดอะไรบ้าง หมอบอกว่า ขาดไอ้นั่น ไอ้นี่ กูควักเงินสดให้ไปซื้อเลย ครั้งหลังๆ นี่ พอกูไปนอนโรงพยาบาล ตื่นขึ้นมามองซ้าย มองขวา มีชื่อ พระครูธรรมกิจโกศล ติดเต็มไปหมด" ท่านพูดเสร็จก็หัวเราะร่วนชอบใจใหญ่

    อาจารย์นอง วัดทรายขาวท่านเคยพูดให้ฟังเสมอว่า "คนที่เขาเดือดร้อนมาพึ่งเรา หากไม่เกินวิสัยแล้ว เราช่วยได้ก็จะช่วย บางคนมาไม่มีเงิน ค่ารถ ค่ากิน เราก็ให้ไปเรื่องบุญ เรื่องทาน ใครทำใครก็ได้ไป บุญยิ่งทำก็ยิ่งได้บุญ ทานยิ่งให้ทานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้กลับมามากยิ่งๆ ขึ้นเป็นการสั่งสมบารมีลดกิเลสลงไป" จริงดั่งท่านว่า "ยิ่งทำก็ยิ่งได้ ยิ่งให้ก็ยิ่งมา" ธรรมะข้อนี้เป็นเรื่องที่เหมาะสำหรับสังคมยุคปัจจุบันอย่างยิ่ง เพราะสังคมเราทุกวันนี้ มีความเห็นแก่ตัวมากขึ้นทุกที ถ้าคนเรารู้จักคำว่าให้ รู้จักคำว่าพอ รู้จักเสียสละ เชื่อว่าสังคมจะดีขึ้นกว่านี้แน่นอน เรื่องทานบารมีเป็นธรรมะที่พระอาจารย์นอง ยึดปฏิบัติบำเพ็ญเพียรมาโดยตลอดชีวิตของท่าน ถือว่าเป็นคุณความดีในตัวท่านเอง แต่สามารถสร้างคุณานุประโยชน์ต่อสังคมได้อย่างมหาศาลท่านจึงเป็นที่รักเคารพของมหาชน

    อาจารย์นอง วัดทรายขาวท่านดำรงชีวิตอยู่ในสมณเพศด้วยความเรียบง่าย กิน (ฉัน) ง่ายอยู่ง่ายไม่พิถีพิถัน วางเฉยในเรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์ ไม่มีความทะยานอยาก ท่านพัฒนาวัดทรายขาว จนมีความเจริญรุดหน้าอย่างเห็นได้ชัดเจน ชั่วระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี ท่านสร้างวัดทรายขาว ให้งามสง่ากว่าวัดใด ๆ ใน จ.ปัตตานี หรือแม้กระทั่งจังหวัดใกล้เคียง เงินที่นำไปสร้างทั้งหมดกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท ล้วนแล้วแต่เป็นเงินที่มาจากการสร้างพระหลวงพ่อทวดทั้งสิ้น ท่านมิได้แตะต้องเงินทำบุญที่มีผู้บริจาคให้วัดแต่อย่างใด ปรากฏว่าหลังจากท่านมรณภาพ คณะกรรมการได้เคลียร์บัญชีทรัพย์สินในบัญชีต่างๆ เหลือเงินสดถึงกว่าสามสิบล้านบาท ทุกบัญชีท่านแยกแยะไว้ชัดเจนว่าเป็นเงินอะไรบ้าง มีที่มาที่ไปอย่างไร หนี้สินใครบ้าง ท่านมีบัญชีทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงความเป็นนักบริหารงานที่มีการจัดการที่ดีเยี่ยม

    [​IMG]
    สถานที่เสกพระของพ่อท่านนองเป็นโบสถ์มหาอุดเก่าแก่โบราณ

    พ่อท่านเพ็งศิษย์พ่อท่านนองเน้นย้ำความขลังของผ้ายันต์กาขาวพระอาจารย์นองว่า...ผ้ายันต์กาขาวนี้เป็นตำรับตำราของหลวงพ่อทวดหมานอดีตเจ้าอาวาสวัดทรายขาวพระอาจารย์นองท่านสืบทอดวิชานี้มาและได้ทดลองสร้างขึ้นก็ปรากฏว่ามีข่าวทางอภินิหารทางเมตตาค้าขายดีทั้งแคล้วคลาดคงกระพันชาตรีให้ได้ทราบไม่ได้ขาดจึงสร้างเสกแจกจ่ายเรื่อยมาจะว่าเป็นของดีคู่วัดทรายขาวก็คงไม่ผิดนัก พ่อท่านนองสร้างเสกผ้ายันต์กาขาวทุกครั้งจะเชิญดวงวิญญาณของหลวงพ่อทวดหมานมาเสกด้วยทุกครั้งใครอยู่ใกล้ ๆ ตอนท่านเสกก็จะรับรู้ได้เลยว่ามีกระแสพลังบางอย่างครอบคลุมพ่อท่านนองอย่างน่าทึ่ง

    หลวงพ่อทวดหมานท่านขลังนัก!!!

    “หลวงพ่อทวดหมาน” ท่านเป็นเจ้าอาวาส วัดทรายขาว จ.ปัตตานี เมื่อประมาณ 100 กว่าปีล่วงมาแล้ว บางคนเล่าว่าเดิมท่านนั้นนับถือศาสนาอิสลาม ต่อมาท่านเกิดเลื่อมใสในพุทธศาสนาจึงได้บวชเป็นพระภิกษุ และต่อมาได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดทรายขาว “หลวงพ่อทวดหมาน” เป็นพระผู้ทรงบุญญาภินิหาร และวิทยาคมเข้มขลัง เจ้าตำรับ“เสื้อยันต์กาขาว” อันเลื่องชื่อ โดยมีเรื่องเล่าว่าในปี พ.ศ.2484 กองทัพญีปุ่นได้บุกเข้ายึดประเทศไทย โดยยกพลขึ้นบกที่ชายฝั่งทะเล จังหวัดปัตตานีด้วย และได้เกิดการต่อสู้กันขึ้นระหว่างตำรวจ และประชาชนผู้รักชาติกับทหารญี่ปุ่น ได้มีตำรวจนายหนึ่งได้สวมใส่ "เสื้อยันต์กาขาว” ของ ..หลวงพ่อทวดหมาน .. เอาปืนปีนขึ้นไปอยู่บนต้นมะพร้าว แล้วยิงทหารญี่ปุ่นตายไปหลายคน ทหารญี่ปุ่นพยายามมองหาว่าใครเป็นคนยิง และยิงมาจากจุดไหน ในที่สุดก็ได้พบว่า ตำรวจไทย ยิงปืนลงมาจากต้นมะพร้าว ทหารญี่ปุ่นจึงยิงปืนสวนขึ้นไปบนต้นมะพร้าว ถูกตำรวจผู้นั้นตกลงมาจากต้นมะพร้าว แต่ปืนของทหารญี่ปุ่น ซึ่งยิงปืนไล่หลังมาอีกหลายนัด แต่ก็ไม่ถูกต้องตัว ทำให้รอดชีวิตมาได้...ด้วยประสบการณ์ อิทธิฤทธิ์เดชา เกิดอัครอภินิหาร บันลือเลื่องใน “เสื้อยันต์กาขาว” ของหลวงพ่อทวดหมาน คนปัตตานีจึงหวงแหนกันมาก เพราะลือลั่นในด้านอมตะกฤษฎาภินิหาร สยบห่ากระสุน M.16 อสัญญีพิษสง ระเบิดสงคราม อีกทั้งสร้างสมความร่ำรวยให้ผู้ศรัทธานับไม่ถ้วน “หลวงพ่อทวดหมาน” ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ผู้มีบุญญาธิการอันยิ่งใหญ่ มีบารมีที่เข้มขลังในพลังจิตญาณสูงส่ง บรรลุปุพเพนิวาสนุสติญาณ และอิทธิวิธิญาณ อย่างแก่กล้าในอากาศกสิณ จนสามารถล่องหนตัวได้อย่างอัศจรรย์ยิ่งนัก สาธุชนผู้เคารพศรัทธาประจักษ์เห็นในบุญญาภินิหารหลากหลายรอบด้าน กิตติศัพท์ของ “หลวงพ่อทวดหมาน” เป็นที่ลือเลื่องสถิตก้อง และเลื่อมใสของชาวบ้านทั่วทั้งจังหวัดปัตตานี...อีก ทั้งมี เจโตปริยญาณ สามารถล่วงรู้ถึงวิบากกรรมของแต่ละคน และล่วงรู้วิธีการแก้ไข ผ่อนหนักให้เป็นเบา หรือที่เบาก็บันดาลให้หมดสิ้นไป ปรากฏเป็นที่อึงคะนึงว่า ผู้คนที่ประสบปัญหาต่างๆ อาทิเช่น เรื่องธุรกิจการค้ามีปัญหา การทำมาหากินฝืดเคือง ค้าขายไม่เจริญรุ่งเรือง ไม่ราบรื่นติดๆ ขัดๆ ตลอดจนบรรดาข้าราชการที่ไม่ประสบความเจริญก้าวหน้า ต่างไปกราบไหว้ขอให้ท่านช่วยเหลือ ก็ได้รับผลบันดลให้สำเร็จไปตาม ๆ กัน นอกจากนี้ กฤตยาคม ในจิตญาณของท่าน ยังแก่กล้าด้วยพุทธาคมอย่างเข้มขลังเอกอุ ยอดเยี่ยมเป็น “หนึ่ง” ไม่เป็นสองรองใคร....ซึ่ง สถูปบรรจุอัฐิของ “หลวงพ่อทวดหมาน” ได้ประดิษฐานอยู่ ณ วัดทรายขาว จ.ปัตตานี ให้ผู้เคารพศัรทธาที่เดินทางไป ได้กราบไหว้สักการบูชา..
    ขอเรียนว่า ผ้ายันต์กาขาวเป็นการเอายันต์จากเสื้อยันต์กาขาวมาทำเป็นผ้ายันต์ครับผม


    [​IMG]
    พ่อท่านนอง ธัมมภูโต..อดีตเจ้าอาวาสวัดทรายขาว

    ท่านทวีป ทวีพาณิชย์ อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ศิษย์ใกล้ชิดพ่อท่านนองได้เผยว่า...ผมเคยรับราชการอยู่ในเขตจังหวัดภาคใต้ตั้งแต่พศ.2504ถึงพศ.2518เป็นเวลาถึง14ปีและผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นศิษย์ใกล้ชิดของท่านพระครูวิสัยโสภณหรืออาจารย์ทิมวัดช้างให้และพระครูธรรมกิจโกศล พระอาจารย์นองวัดทรายขาวซึ่งท่านอาจารย์นองท่านได้สร้างผ้ายันต์กาขาวทูลเกล้าถวายแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีครั้งแรกจำนวน 5,000 ผืน เพื่อทรงประทานแก่ทหารตำรวจที่ปฏิบัติงานกับความเสี่ยงอันตรายต่าง ๆ และท่านอาจารย์นองได้มอบให้ผมไว้จำนวนหนึ่งซึ่งผมก็ได้มอบแจกจ่ายให้พรรคพวกเพื่อนฝูงที่เป็นทหาร ตำรวจ ข้าราชการไว้สักการบูชาเพื่อคุ้มคองตัวเอง ตัวผมได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการที่มีผ้ายันต์กาขาวไว้คุ้มครองได้ทำให้ผมและลูกน้องปลอดภัยจากอันตรายต่างๆมาจำนวนมากตลอดจนได้รับคำบอกเล่าจากเพื่อนฝูงว่าเขาเหล่านั้นได้รอดพ้นจากการถูกซุ่มโจมตีและจากอุบัติเหตุทางรถยนต์และอันตรายอื่น ๆ เนื่องจากมีผ้ายันต์กาขาวติดตัวอยู่ ผมได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับผ้ายันต์กาขาวเป็นจำนวนมากปรากฏว่ามีพุทธคุณเน้นหนักไปทางแคล้วคลาดคงกระพัน........ปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผมจึงขอแนะนำว่า ขอให้ท่านที่มีผ้ายันต์กาขาวติดไว้ที่ตัวและรถยนต์จะทำให้การเดินทางของท่านปลอดภัยยิ่ง

    ท่านทวีปศิษย์ใกล้ชิดพ่อท่านนองท่านย้ำถึงขนาดนี้ครับ!!!.

    พ่อท่านนองได้สร้างผ้ายันต์กาขาวโดยได้ยึดถือเอามรดกของหลวงพ่อทวดหมาน ทิ้งไว้ให้ท่านสร้างและเสกด้วยตัวท่านเองคนเข้านอกออกในวัดมักใกล้เกลือกินด่างคิดว่าผ้ายันต์กาขาวไม่น่าจะดังแต่หารู้ไม่ว่าประสบการณ์ขลัง ๆ เพียบจริงครับ ใครนับถือพระหลวงพ่อทวดแล้วขาดผ้ายันต์กาขาวไปเหมือนขาดอะไรบางอย่างไปที่จะขาดมากๆคือ ขาดโชคลาภเพราะหลายท่านก็เล่าให้ฟังว่า ผ้ายันต์กาขาวดีทางมหาลาภด้วยเหมือนกันทั้งนี้อยู่ที่เราอธิษฐานขอหากสิ่งใดไม่เหนือแรงกรรมแล้ว แม่กาขาวท่านคงบันดาลให้สมหวัง

    [​IMG]
    ตำนานแม่กาเผือก

    สันนิษฐานกันในภายหลังว่า ผ้ายันต์กาขาวตำรับหลวงพ่อทวดหมานนั้นคงเกี่ยวข้องกับตำนานแม่กาเผือก กาขาวกับกาเผือกคงเป็นตัวเดียวกันครับ
    สมัย ต้นปฐมกัป มีพญากาเผือกสองตัวผัวเมีย ทำรังอยู่ที่ต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำคงคาอันเป็นธรรมชาติสถาน รื่นรมย์ ในเวลาต่อมาต่อมา พระโพธิสัตว์ ได้ทรงปฏิสนธิเกิดในครรภ์แม่พญากาเผือก พร้อมกันถึง ๕ พระองค์ เมื่อครบทศมาส แม่กาเผือกก็ออกไข่ ณ ที่รังต้นมะเดื่อ จำนวน ๕ ฟองและคอยเฝ้า ดูแลรักษาไข่ด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างดี อยู่มาวัน หนึ่ง พญากาเผือกออกไปหากินถิ่นแดนไกลไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งอันสมบูรณ์ ด้วยธรรมชาติ แม่กาเผือกเพลินหากินอาหาร ชื่นชมกับธรรมชาติจนมืดค่ำ เกิดลมพายุใหญ่พัดกระหน่ำมืดครึ้มทั่วไปหมด ทำให้หาหนทางออกไม่ถูก จึงหลงอยู่ในบริเวณสถานที่นั้น แม่กาเผือกได้อยู่ที่เวียงกาหลง คืนหนึ่ง จนเช้าจึงรีบถลาบินกลับที่พัก แต่ปรากฏว่ากิ่งไม้มะเดื่อที่ทำรังอยู่ ถูกลมพายุใหญ่พัดหักล้มลงไปในแม่น้ำ แม่กาเผือกตกใจรีบบินถลาหาลูกที่ยังอยู่ในไข่ แต่หาเท่าไรก็ไม่พบ ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ในที่สุดก็สิ้นใจตายอย่างน่าสงสาร แต่ด้วย อานิสงส์ที่มีความเมตตารักลูกอันบริสุทธิ์ กับทั้งที่ลูกของแม่กา เผือกเป็นพระโพธิสัตว์ถึง ๕ พระองค์ จึงเป็นกุศลหนุนส่งให้แม่กาเผือกไปจุติยังแดนพรหมโลกชั้นสุทธาวาส ได้พระนามว่า “ฆติกามหาพรหม” จักได้เป็นผู้ถวาย อัฏฐะบริขาร บวชแก่ลูกทั้ง ๕ พระองค์ เมื่อจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนไข่ทั้ง ๕ ถูกลมพัดตกน้ำไหลไปในสถานที่ต่าง ๆ

    [​IMG] [​IMG]


    ไข่ฟองที่ ๑ แม่ไก่เก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ฟองที่ ๒ แม่นาคราชเก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ฟอง ที่ ๓ แม่เต่า เก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ฟองที่ ๔ แม่โคเก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ฟองที่ ๕ แม่ราชสีห์เก็บไปดูแลรักษา

    [​IMG]


    ครั้น ในกาลเวลาต่อมา พระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ก็ประสูติออกจากไข่ ปรากฏเป็นมนุษย์บุรุษรูปงามทั้ง ๕ พระองค์ และเจริญเติบโตอยู่กับแม่เลี้ยงด้วยความกตัญญู รู้จักหน้าที่ ทดแทนบุญคุณจนถึงอายุได้ ๑๒ ปี ด้วยบุญกุศลเก่าหนุนส่งก็มีจิตคิดที่จะออกบวชบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี เป็นฤาษีอยู่ในป่า จึงได้อำลาแม่เลี้ยงของตนเหมือนกันทั้ง ๕ พระองค์ ฝ่ายแม่เลี้ยงก็ไม่ขัดความประสงค์ อนุญาตให้ลูกไปบวช บำเพ็ญบารมีอยู่ในป่าด้วยความอนุโมทนา

    แม่เลี้ยงทั้ง ๕ เห็นปณิธานที่มุ่งมั่น จะบำเพ็ญบารมีพระโพธิญาณ เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์โลกให้พ้นจากกองทุกข์ในวัฏฏะสงสาร จึงฝากนามของแม่เลี้ยงไว้กับลูก เพื่อเป็นอนุสรณ์ตำนานไว้แก่โลกต่อไปในภาคหน้า เมื่อลูกได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกแล้ว ตามลำดับพระนามดังต่อไปนี้

    องค์ ที่ ๑ มีพระนามว่า พระกกุสันโธ เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นไก่
    องค์ที่ ๒ มีพระนามว่า พระโกนาคมโน เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นนาค
    องค์ที่ ๓ มีพระนามว่า พระกัสสโป เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นเต่า
    องค์ที่ ๔ มีพระนามว่า พระโคตโม เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นโค
    องค์ที่ ๕ มีพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรโย เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นราชสีห์

    ในกัปนี้ชื่อ ว่า ภัททกัป เป็นกัปที่เจริญที่สุดเพราะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกนี้ถึง ๕ พระองค์ จึงเป็นที่มาของ คำว่า “นโมพุทธายะ

    นะ คือ พระกกุสันโธ
    โม คือ พระโกนาคมโน
    พุท คือ พระกัสสโป
    ธา คือ พระโคตโม
    ยะ คือ พระศรีอาริยเมตไตรโย

    จน เป็นคาถาที่ใช้สืบต่อกันมา ฝ่าย พระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ เมื่อออกบวชเป็นฤาษี ก็ได้บำเพ็ญเพียรพระกัมมัฏฐาน จนสำเร็จญาณอภิญญาสมาบัติ อยู่มาวันหนึ่งได้เหาะมาหาอาหารผลไม้ และบำเพ็ญเพียรธรรมที่ป่าดอยสิงกุตตระ ณ ใต้ต้นนิโครธ อันร่มเย็นด้วยกิ่งไม้สาขาใหญ่ ฤาษีทั้ง ๕ ได้มาพบกัน ณ ที่นี้โดยไม่ได้นัดหมาย จึงสอบถามถึงความเป็นมาของกัน และกันจนรู้ว่าแต่ละองค์ก็มีแต่แม่เลี้ยง ฤาษีทั้ง ๕ จึงร่วมกันตั้งสัจจะอธิษฐานขอให้ได้พบแม่บังเกิดเกล้า

    ด้วยอำนาจ สัจจะอธิษฐานธรรมอันบริสุทธิ์ดังก้องไปถึงพรหมโลก ท้าวฆติกามหาพรหม ซึ่งเดิมคือ แม่กาเผือก ทราบเหตุการณ์ทั้งหมดจึงจำแลงเพศเป็นรูปเดิม ขนขาวสวยงาม มาปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าของฤาษีทั้ง ๕ เมื่อลูกฤาษีได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด ก็รู้สึกสลดสังเวชใจ และสำนึกบุญคุณอันใหญ่หลวงของแม่กาเผือก จึงน้อมนมัสการผู้เป็นแม่ กราบขอสัญลักษณ์อนุสรณ์ผู้บังเกิดเกล้าไว้บูชา ได้มาเป็นผ้าฝ้ายเป็นตีนกาสัญลักษณ์ของแม่กาเผือกให้แก่ลูกฤาษีทั้ง ๕ ไว้ใช้เป็นไส้ประทีปจุดบูชาทุกวันพระ และต่อมาได้กลายเป็นประเพณีจุดประทีปตีนกาบูชาแม่กาเผือก ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ลอยกระทง เป็นตำนานสืบไว้ตลอดกาลนาน

    [​IMG]


    ฤาษีโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ต่างพากันตั้งหน้าบำเพ็ญเพียรรักษาศีลธรรมภาวนามิได้ขาดจนดับขันธ์ ได้ไปจุติบนเทวโลกชั้นดุสิตพิภพ และในกาลต่อมา ก็วนเวียนบำเพ็ญเพียรบารมีทุกภพชาติที่กำเนิดเกิดในสงสารวัฏ นี้ จนบารมีเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ทั้ง 30 ทัศแล้ว ก็ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ฆติกามหาพรหมผู้เป็นแม่ต้นกัปโลกา ก็จะนำเอาบริขาร คือ บาตรไตรจีวร มาถวายลูกโพธิสัตว์ทั้ง ๕ พระองค์ในชาติสุดท้ายที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกทุกพระองค์

    นั่นคือตำนานแม่กาเผือกที่เล่าต่อๆกันมาส่วนใครอยากทัศนาผ้ายันต์กาขาวก็ขอเรียนเชิญที่วัดทรายขาวเอง ทางวัดไม่มีผู้ดำเนินการจัดส่งทางไปรษณีย์ให้ท่านต้องไปรับกับมือพ่อท่านเพ็งเองครับ พ่อท่านเพ็งรูปนี้แหละครับที่อยู่กับพ่อท่านนองมาเนิ่นนานได้วิชาดีมามากเลยเชียวครับ

    ไม่ผิด!! หากจะกล่าวได้ว่าพ่อท่านเพ็ง เจ้าอาวาสวัดทรายขาวรูปปัจจุบัน เป็นผู้ได้รับการถ่ายทอดการสร้างของขลังสายหลวงพ่อทวดหลายประการ รวมทั้งการเสก ตะกรุดนารายณ์แปลงรูปอันลือลั่น รวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือ วิธีการสร้างก็อยู่กับพ่อท่านเพ็งทั้งหมด ในปัจจุบันนี้ แม้จะมีผู้คนไปกราบไหว้บูชาหลวงพ่อทวด พระอาจารย์นอง และขอบูชาเครื่องรางวัตถุมงคลกันเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถจะบูชากันได้อย่างทั่วถึงเพราะพ่อท่านเพ็งท่านไม่มุ่งเน้นด้านนี้เท่าใดนัก ท่านเป็นพระที่เคร่งในศีลาจาวัตร มีวัตรปฏิบัติงดงาม เป็นพระสมถะเรียบง่าย ไม่ยึดติด มากด้วยเมตตาบารมีรูปหนึ่งของภาคใต้... นับเป็นเมตตาบารมีที่แผ่ให้กับศิษยานุศิษย์เหมือนที่พระอาจารย์นองปฏิบัติไม่มีผิด...

    [​IMG]
    พ่อท่านเพ็ง ปมุตโต วัดทรายขาว ศิษย์พ่อท่านนอง


    [​IMG]
    พระบูชาหลวงพ่อทวดเนื้อว่านแท้ๆของวัดทรายขาว..งดงาม..นุ่มเนื้อหนึบ..ว่านเข้มขลั่ก..ดำสนิท..

    หมายเหตุ วัดทรายขาวมีพระบูชาหลวงพ่อทวดเนื้อว่านขนาดบูชาทั้งองค์เก้านิ้วให้ร่วมบุญหนึ่งหมื่นบาท อีกอย่างคือพระกริ่งรุ่นบารมีปี 2549 พ่อท่านเพ็งปลุกเสกพุทธคุณดีมากรุ่นหนึ่ง..ไปวัดทรายขาวแล้วอย่าลืมบูชาครับ.....ส่วนท่านใดอยากร่วมทำบุญทางไปรษณีย์ติดต่อ....พระครูปราโมทย์สีตคุณ เจ้าอาวาสวัดทรายขาว ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี 94120 สั่งจ่ายปณ.นาประดู่ 94180...อนุโมทนาบุญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...