จิตจักรวาล

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 3 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    สำหรับท่านที่ศึกษาเรื่องจิตจักรวาล
    อาจผ่านตำรา, ครูอาจารย์ หรือเชื่อม
    ต่อได้เอง


    เชิญสนทนากันได้ในกระทู้นี้เลยครับ
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    จิตจักรวาล, มารฟ้า, พระเจ้า, พระพุทธเจ้าผู้อยู่เหนือกาลทั้งสาม, สุริยธาตุ


    ทั้งหมดนี้คือสิ่งเดียวกันครับ เพียงแต่จะปรากฏให้ท่านรับรู้ในนามใดก็เท่านั้นเอง
    หากท่านมีตาทิพย์ ท่านจะไม่เห็นรูปกายทิพย์ของสิ่งนี้ ท่านจะเห็นเป็นแสงสว่าง
    มากๆ พูดคุยธรรมะกับท่านได้ทุกอย่าง และรู้หมดทุกอย่าง อย่างที่ไม่มีอะไรจะ
    มาปกปิดได้เลย ท่านสามารถเรียนรู้หรือฝึกวิชาอะไรก็ได้จากสิ่งนี้ เขาจะสอนได้
    หมด ไม่ว่าวิชานั้นๆ จะสูญหายหมดไปจากโลกนี้แล้วก็ตาม เพื่อให้ท่านทำงานให้
    รับใช้เขา คือ เป็นผู้รับใช้พระเจ้า นั่นเอง แล้วแต่ว่ามูลค่าหนี้เท่าไร หากเขาช่วย
    ท่านมาก ท่านก็ต้องทำงานรับใช้เขามาก โดยเลือกเป็น "พระหัตถ์ขวา หรือพระ
    หัตถ์ซ้าย" พระหัตถ์ขวาจะทำหน้าที่สื่อสารธรรมะ เหมือนพระเยซู พระหัตถ์ซ้าย
    จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนให้โลกเป็นไปตามบัญชาของพระเจ้า ซึ่งตอนนี้ ท่านจะให้
    เกิดภัยพิบัติ 10 ประการขึ้น ในโลก จะมีการชำระล้างโลก และหายนะจะเกิดขึ้น


    หากท่านสื่อสารกับพระเจ้าได้ ท่านก็จะรู้ความลับฟ้า และรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้ครับ
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    "จิตจักรวาล" จะทำลาย "กาลเวลา" ก่อนเป็นลำดับแรก


    ระบบคิดของจิตจักรวาลคือ "กาลเวลาไม่มี" ดังนั้น อดีต ไม่มี, ปัจจุบัน ไม่มี
    อนาคต ไม่มี และการเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าตามลำดับกาล จะไม่มี แล้วเขา
    จะสอนว่า "เราทุกคนเป็นพุทธะอยู่แล้ว" สัตว์ทั้งหลาย สรรพจิตทั้งหลายล้วน
    เป็นพุทธะ (พระเจ้า) อยู่ในตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้น พระพุทธเจ้าในอดีตจึงไม่มี
    ความสำคัญ องค์ปัจจุบันก็ไม่สำคัญ องค์อนาคตก็ไม่สำคัญ เพราะเราเป็นอยู่
    แล้ว เป็นพุทธะ (พระเจ้า) อย่างไม่จำกัดกาล ก่อนหน้านี้ก็เป็นอยู่ ขณะนี้เป็น
    อยู่ อนาคตก็เป็นอยู่ กาลเวลาจึงไม่สำคัญ การรอคิวรอลำดับตรัสรู้จึงไม่สำคัญ
    (คนที่มีกิเลสอยากเป็นพระเจ้า, พุทธะ ก็จะชอบคำสอนนี้ ที่ทำให้เขาได้เป็น
    ทันที โดยไม่ต้องรอ) เมื่อเราเชืื่อว่า สัตว์ทั้งหลาย จิตทั้งหลาย เราทั้งหลายก็
    เป็นพระพุทธเจ้า, พระเจ้าอยู่แล้ว เราก็จะไม่เชื่อฟัง พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    นี่คือ วิธีหลอกให้เราถูกตัดขาดจากพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และคำสอนที่ถูก
    ต้อง เพื่อให้เราฟังคำสอนของเขาแทน (เช่นนี้เขาจึงได้ชื่อว่า "มารฟ้า" ครับ)


    และเพื่อให้เราเชื่อสนิทใจ เขาจะทำให้เรารู้อะไรมากมาย เหนือทุกคนไปเลย
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    พระมหาโพธิสัตว์ทั้งหลาย ล้วนต้องต่อสู้กับ "มารฟ้า" เพราะอะไร?


    โพธิสัตว์มีที่ไปสองที่ คือ สวรรค์ชั้นดุสิตในโลกเรานี้ และ "พุทธเกษตร" ซึ่งอยู่ใน
    จักรวาลอื่น ซึ่งเราจะได้รับการ "จูน" หรือเชื่อมต่อ มาจากพระผู้ปกครองในดินแดน
    นั้นๆ ก่อนที่เราจะละสังขาร หรือในช่วงที่เราปฏิบัติธรรม นั่นเองครับ เหมือนกับพระ
    กวนอิม ตอนบรรลุธรรม กายทิพย์ก็จะไปสุขาวดี พบพระอามิตาภะและต่อสายธรรม
    กับท่าน นิกายสุขาวดีก็มาจาก "พระอามิตาภะ" เป็น ต้นธาตุต้นธรรม เช่นนี้ แต่หาก
    ต่อผิด ไปต่อกับ "มารฟ้าหรือจิตจักรวาล" เข้า เราจะได้ธรรมะที่มีเนื้้อหาแทบจะไม่
    ต่างกันเลย จนเราคิดว่าเราต่อจากต้นธาตุต้นธรรมแล้วจริงๆ ซึ่งยังไม่ใช่นะครับ ทุกๆ
    คนเมื่อปฏิบัติถึงโพธิจิตแล้ว จะต้องเลือกเชื่อมต่อดุสิตหรือพุทธเกษตรครับ หากจะ
    เชื่อมต่อพุทธเกษตร ก็จะถูกทดสอบโดยจิตจักรวาลหรือมารฟ้าก่อน พวกเขาก็จะมา
    ขวางทางเราไว้ หากเรายอมจำนน เชื่อมารฟ้า เราก็จะไปไม่ถึงพุทธเกษตร เราต้อง
    มีกระแสจิตทะลุออกไปให้พ้นจักรวาลนี้ให้ได้ ไปให้ถึงพุทธเกษตรซึ่งอยู่ในจักรวาล
    อื่นให้ได้ ดังนั้น จิตจักรวาลจึงมาขวางทางเราไว้ เพื่อทดสอบเราก่อนที่เราจะออกไป
    นอกจักรวาลนี้ครับ อนึ่ง มารฟ้ากับพญามารนั้นต่างกัน พญามารนั้นอยู่ในโลกของเรา
    ที่สวรรค์ชั้นหก และมีกายทิพย์สมบูรณ์แต่มารฟ้าไม่มีกายทิพย์ (มีแต่ดวงจิตเท่านั้น)
    และมารฟ้าหรือจิตจักรวาลก็อยู่เหนือสามภพ จะไปไหน อยู่ที่ใดก็ได้ในจักรวาลนี้ครับ


    จิตจักรวาลคุมจักรวาลนี้ รวมทั้งโลกด้วย ดังนั้น เทพและมารในโลกจึงเชื่อฟังเขาครับ
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    ธรรมที่ใช้ต่อกรกับมารฟ้า ต้องเชื่อมต่อจากพระศากยมุนีแห่งพุทธเกษตร?


    ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้ ไม่มีอะไรอยู่เหนือมารฟ้าผู้ดูแลจักรวาลไปได้ ธรรมทั้งหลาย
    ในโลกนี้ ไม่ว่าท่านจะเอามาจากภพภูมิที่ซ่อนเร้นขนาดไหนในโลก, ตำราที่หายากหรือดี
    ที่สุด, ครูบาอาจารย์ที่น่าเลื่อมใสศรัทธา ฯลฯ หากมิได้ไปไกลเกินจักรวาลนี้แล้ว ล้วนแต่
    อยู่ภายใต้ "มารฟ้า" ทั้งสิ้น ทางเดียวที่ท่านจะไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของมารฟ้าคือท่าน
    จะต้องเดินทางออกไปนอกจักรวาลนี้ (ด้วยกายทิพย์) เพื่อไปอัญเชิญพระธรรมฯ มาจาก
    ชมพูทวีปหรือก็คือ "พุทธเกษตรที่สถิตย์ของพระศากยมุนีพุทธเจ้า" ซึ่งอยู่ในจักรวาลอื่น
    เพื่อจะใช้พระธรรมนั้นต่อกร ต่อสู้กับมารฟ้า พระมหาโพธิสัตว์บางองค์ต่อกรกับมารฟ้าได้
    บ้าง แต่ใช้ธรรมของพระอามิตาภะพุทธเจ้าบ้าง, พระพุทธะจี้กงบ้าง ฯลฯ แต่นั่นยังไม่ใช่
    ธรรมะที่เหมาะสมกับยุคสมัยของโลกในปัจจุบันนี้ ท่านจะต้องไปอัญเชิญพระธรรมมาจาก
    "ต้นธาตุต้นธรรม" ที่แท้จริง คือ พระศากยมุนีพุทธเจ้า ซึ่งประทับอยู่ ณ พุทธเกษตรหรือ
    ในจักรวาลอื่น หากจิตวิญญาณของท่านหลงทางไป ท่านอาจจะกลับมาจักรวาลนี้ไม่ได้อีก
    เลย สังขารของท่านจะเหมือนคนบ้า หลุดโลก หลุดจักรวาล สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปเลย


    ดังนั้น การเดินทางไปอัญเชิญพระธรรมจากชมพูทวีปจึงอันตรายและยากเย็นนักที่จะทำได้
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    เมื่อเรากล่าวธรรมะจากพุทธเกษตร มารฟ้าและสาวกจะเล่นงานเรารุนแรง?


    เช่น เรื่อง "จิตแบ่งภาค" ซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งของภาวะอนัตตา ความไม่อาจยึดมั่นถือมั่น
    ได้ในตัวตนและจิต เรามักคิดว่าน้ำหนึ่งแก้วคือน้ำหนึ่งแก้ว เพราะเรายึดมั่นในตัวตนรูปนาม
    ของน้ำหนึ่งแก้วที่เรามองเห็น แต่ถ้าเราเทมันออกใส่อีกแก้วหนึ่ง เราบอกว่า ตอนนี้มีน้ำ 2
    แก้วแล้ว ก็จะมีคนเถียงทันทีว่ามันมีแก้วเดียว จิตก็เหมือนกัน มันไม่ใช่หนึ่งแก้ว หรือสอง
    แก้วอะไรเลย เพราะมันอนัตตาแต่แรก จะบอกว่าหนึ่งจิตดวงนี้คือเราแท้หรือ? ก็ยึดไม่ได้
    เหมือนจะบอกว่าน้ำแก้วนี้ คือ เราแท้ตัวตนแท้ มันก็ยึดไม่ได้ เราเทใส่อีกแก้วหนึ่งแล้วจึง
    บอกว่าเราแบ่งภาคออกเป็นสองแล้ว นี่เราพูดตามภาษาบ้านๆ แท้ที่จริง ไม่มีทั้งหนึ่ง ทั้ง
    สองหรือมากกว่านั้นอะไร ทั้งหมดอยู่ในสภาวะ "อนัตตา" ตัวตนที่เราเห็นนี้ ไม่อาจยึดได้
    ว่าเป็นตัวตนแท้แต่แรก หากเรามองเห็นแบบอนัตตาได้ เราจะเห็น "ตัวตนหลากหลายมิติ
    ที่เชื่อมโยงกัน" ต่างหาก ตัวตนเหล่านี้ไม่ได้แยกเป็นปัจเจกเอกเทศ จากกันอย่างแท้จริง
    เหมือนเชือกเส้นหนึ่ง เอามากองไว้ แล้วยุ่งเหยิงจนเกิดปมมากมาย แต่ละปมก็เหมือนคน
    หนึ่งคน เราก็นับ ก็ยึดไป ว่านี่ตัวตน นี่อัตตา แท้แล้ว เชือกทั้งเส้นเป็นเส้นเดียวกันแต่แรก
    แม้จะมีหลายปุ่มปม จะมีหลายตัวตน แต่ก็เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน มิได้แบ่งขาดจากกัน
    แต่เราเรียก "การแบ่งภาค" ก็เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ระดับโง่ๆ บ้านๆ ไปก่อน มันก็เท่านั้นเอง
    ทว่า พวกจิตจักรวาลและสาวกจะโจมตีธรรมระดับ "พุทธเกษตร" นี้ อย่างรุนแรงเดือดดาล
    ทีเดียว และจะยึดมั่นว่า "จิตหนึ่งคือพุทธะ" มีจิตเดียวเท่านั้น (ยึดจิตนั้นเป็นอัตตาของแท้)


    ดังนั้น การยกระดับจิตวิญญาณไปสู่ระดับที่สูงขึ้นแบบ "ตัวตนหลากหลายมิติ" จึงยากยิ่งนัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กุมภาพันธ์ 2016
  7. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ขออนุญาติครับท่านดอกไม้ จิตทั้งหลายเป็นพุทธะคือมีความบริสุทธิ์โดยตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่เราไม่ใช่จิต เรานั้นได้แปดเปื้อนสิ่งต่างๆมากมายหลงทางไม่จบไม่สิ้น คำสอนของพระพุทธเจ้าคือทางออกจากวังวนเหล่านั้น
     
  8. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    แสดงว่าเรายังมองว่าเราเป็นน้ำ 1 แก้ว ไม่ได้มองว่าเราเป็นน้ำจึงยังไม่สามารถเป็นส่วนหนึงได้แบบนี้หรือเปล่าครับท่านดอกไม้
     
  9. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746

    จิต มีความบริสุทธิ์โดยตัวของมันเอง
    เรียกว่า "จิตประภัสสร" นะครับ


    ไม่มีการเรียกว่า "จิตพุทธะ" หรือ
    เป็นพุทธะอยู่แล้ว ในคำสอนดั้งเดิมเลย


    มีแต่คำว่า "จิตประภัสสร" เท่านั้นครับ
     
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746

    ประมาณนั้น
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,430
    ค่าพลัง:
    +3,201
    จิตจักรวาลไม่ใช่มารฟ้าค่ะ
    จิตจักรวาลเป็นรูปธรรมต่างมิติชั้นสูง
    จิตจักรวาลสามารถรู้ได้ทุกสรรพสิ่งที่เป็นจริงของสัจธรรมนี้
    และมิตินั้น ก็คือ มิติที่เป็นตัวตนที่แท้จริง

    ถือว่าเป็นการสนทนานอกกรอบ หรือ ใบไม้นอกกำมือนะคะ
    สำหรับชาวพุทธของเรา เพราะการรู้แจ้งสัจธรรมที่แท้จริง
    ที่ทำให้เราสามารถหลุดพ้นได้...จะต้องเข้ามารู้ที่กายใจของเรานี้เท่านั้น

    แต่การหยั่งรู้สัจธรรมตามความเป็นจริงที่เกี่ยวกับชีวิตของเรา
    นอกจากที่เราต้องการอาศัยการเรียนรู้จากบทเรียนชีวิตแล้ว
    เรายังมีข้อมูลความรู้ที่มากเพียงพอที่จะตัดสินใจในการดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง
    นั่นก็คือ เราได้เรียนรู้คำสอนของพระพุทธเจ้า มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต
    และยุคปัจจุบันการติดต่อกับรูปธรรมต่างมิติ ก็เปรียบเสมือนการหยั่งรู้ในสัจธรรมต่าง ๆ
    ที่รูปธรรมเหล่านั้นมีความรอบรู้แห่งความเป็นจริงในทุกสรรพสิ่งของจักรวาลอยู่แล้ว
    คือรู้ทุกเรื่องราวของความเป็นปรมัตถ์ หรือ สมมุติบัญญัติ
    แล้วนำข้อมูลที่หยั่งรู้เหล่านี้มาพิจารณาให้เกิดปัญญาแก่ตนอีกที
    ที่เรียกว่าภูมิรู้ หรือ ภูมิปัญญา หรือ ภูมิธรรม
    ก็อยู่ที่ความต้องการ หรือ ปัญญาของแต่ละท่านว่าต้องการสิ่งใดนะคะ
    ถ้าหากว่าหยั่งรู้แล้ว ไม่นำมาพิจารณาปัญญากับกายใจของตน
    สิ่งที่ได้รู้เหล่านั้น ก็เป็นเพียงคำว่า "รู้" อย่างเดียว แค่นั้นนะคะ
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    รู้แบบ มโนธาตุ กับแบบ พุทธะ


    มโนธาตุ คือ ธาตุรู้
    พุทธะ เป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง

    ต่างกันตรงไหน? ก็ตรง "ญาณหยั่งรู้" ไงละครับ คำว่า "ญาณ"
    หมายถึง กำลังในการหยั่งรู้ จิตแต่ละดวง มีกำลังในการหยั่งรู้
    ไม่เท่ากัน เรียกว่า "ญาณ" ต่างกัน เช่น พระอรหันต์บางรูป ก็
    มีญาณหยั่งรู้อดีต เรียกว่า อตีตังสญาณ เป็นต้น แต่บางรูปก็ไม่
    มีญาณหยั่งรู้อดีต เห็นไหม? ต่างกันแล้ว มีจิตเหมือนกันแท้ๆ ก็
    ไม่ได้แปลว่าจะรู้เท่ากัน รู้ต่างกันได้ เพราะ "มีญาณต่างกัน"


    ทีนี้ พระพุทธเจ้า ท่านจะมีญาณที่เรียกว่า "สัพพัญญูญาณ" ซึ่ง
    ไม่มีในผู้อื่น พระอรหันต์ทั่วไป ไม่มีสัพพัญญูญาณ เพราะไม่ใช่
    พระพุทธเจ้า จึงไม่อาจรู้ได้หมด รู้ได้เองแบบพระพุทธเจ้า เพราะ
    ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ดังนั้น จึงจะกล่าวว่า "จิตเป็นพุทธะ" อยู่แล้ว
    ไม่ได้ จะขัดแย้งกับคำสอนทั้งหมด ทั้งมวลแต่รากฐานทันที (แต่
    คนมากมายเชื่อ เพราะมีกิเลสอยากจะเป็นพุทธะกัน โดยไม่ต้อง
    ปฏิบัติอะไร พอได้ยินคนบอกว่าจิตคือพุทธะอยู่แล้ว ก็เชื่อกันเลย)


    ในปรมัตถธรรม 4 นั้นมี จิต 1 อยู่ด้วย คำว่า "จิตหนึ่งในที่นี้ก็คือ จิตประภัสสร"
    ไม่ใช่ "จิตหนึ่งคือพุทธะ" และไม่ใช่แปลว่าคนเราจะมีจิตดวงเดียวไปตลอดชีพ
    เรามีจิตลักษณะเดียวเท่านั้นเรียกว่า "จิตประภัสสร" ไม่มีลักษณะอื่น (อย่างอื่น
    คือ จิตสังขาร คือ อุปทาน ปรุงแต่งไปเอง ไม่มีอยู่จริง) จิตประภัสสร อาจมาอยู่
    ในกายเราได้มากกว่าหนึ่งดวงจิต ดังนั้น เราจึงต้องมีสติเท่าทันจิต พิจารณา "จิต
    ในจิต" เรียกว่า "จิตตานุสติปัฏฐาน" นั่นเอง หากจิตมีหนึ่งดวงเดียวตลอดแล้ว จะ
    ต้องมีคำสอนเรื่อง "จิตตานุสติปัฏฐาน" ที่ให้เราพิจารณา "จิตในจิต" อีกทำไม?


    เอาพื้นฐานให้ตรงกันก่อนครับ แล้วเรื่อง การแทรก, การสิง อะไร ถึงจะพูดกันรู้เรื่อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กุมภาพันธ์ 2016
  13. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,171
    ค่าพลัง:
    +1,231
    เคยซื้อหนังสือ จิตจักรวาล ของอาจารย์ ปริญญา ตันสกุล มาอ่าน ๒-๓ เล่มครับ
    แต่ผมไม่เชื่อ เพราะไปรวมเอาเรื่องพระเจ้า เรื่องของพราหมณ์ เรื่องนิพพานของพุทธ เรื่องวิทยาศาสตร์มาไว้ในเรื่องเดียวกันหมด
     
  14. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,430
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ใช่ค่ะ เห็นด้วยค่ะ
    แต่ในประเด็นนี้ ไม่ใช่ว่าเราจะเห็นว่าจิตเที่ยงนะคะ
    เพราะความจริงแล้ว จิตไม่เที่ยง เกิดดับตามเหตุปัจจัย

    แต่เรากำลังมีประเด็นกันอยู่ว่า....

    คลื่นอนุภาคที่เป็นพลังงาน มีข้อความอยู่ว่า

    ทุกสรรพสิ่งในจักรวาล จะประกอบขึ้นด้วยกลุ่มอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก
    ที่ลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่ โดยอนุภาคเหล่านี้มีการสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลา
    ซึ่งให้เกิดคลื่นอนุภาคที่เราเรียกมันว่า พลังงาน นั่นเอง

    คลื่นอนุภาค จะทำหน้าที่เป็นจิตวิญญาณอย่างสมบูรณ์ได้
    ก็ต่อเมื่อมันมีเปลือกพลังงาน หรือ กรอบ หรือ รูปธรรมห่อหุ้มยึดไว้

    ถ้าจิตอยู่ในสภาพของคลื่นอนุภาคที่ไร้เปลือกหุ้มห่อเอาไว้
    จิตนั้นก็จะสามารถแทรกซึมไปได้ทั่วจักรวาล

    ข้อมูลสื่อคลื่นความคิดจากจิตจักรวาลค่ะ
     
  15. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,430
    ค่าพลัง:
    +3,201
    จิตเป็นพุทธะ
    ที่ระดับจิตแตกต่างกัน
    ก็น่าจะเนื่องมาจากสาเหตุความปราถนาของจิต
    และการสั่งสมเรียนรู้ที่ว่าบารมีธรรม..ที่ต่างกัน
    หรือ กำลังความรู้ของพุทธะ ไม่เท่ากัน..
    ที่จะเรียนรู้หรือรอบรู้สมมุติบัญญติได้ไม่เท่ากัน
    เพื่อจะนำพา หรือ ขนสัตว์ไปได้ไม่เท่ากัน
    แต่เมื่อหลุดพ้นแล้ว...สามารถที่จะรู้ได้เท่ากัน
    รู้ปรมัตถ์บัญญัติ สภาวะนิพพานที่เท่ากันนะคะ
     
  16. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,430
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ที่จริงแล้วเป็นคนที่ออกจะโง่เสียด้วยซ้ำนะคะ
    ไม่ค่อยฉลาดในการดำเนินชีวิต
    เพราะผู้ที่ฉลาดที่แท้จริง
    จะต้องใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด
    แต่เป็นคนเงียบและสันโดษ
    ไม่ค่อยได้เข้าสังคม เพราะ ยังพ่ายแพ้อยู่
    ข้อมูลทุกอย่างนี้
    เป็นเพียงเหตุและปัจจัยที่ได้ทำ
    หากจะทำอะไรที่นอกเหนือหรือไม่ถูก
    บางทีก็มีเหตุให้ทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ
    จิตจักรวาลมีผู้ดูแลค่ะ..คิดว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2016
  17. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    อ่าขอโทษครับกล่าวผิดไปเยอะเลย ตามที่ท่านดอกไม้กล่าวเลยครับ
     
  18. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ผมมองอย่างท่านจิตยิ้มครับ แต่ละเขตมีผู้ดูแลแน่นอน การข้ามเขตเหมือนการเข้าประตูบ้านโดยไม่ได้รับเชิญผลกระทบค่อนข้างรุนแรง
     
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746

    จิตที่เกิดดับ เป็นจิตสังขาร
    ซึ่งจิตสังขารไม่มีสอนในพุทธดั้งเดิม
    แต่มีอยู่ในวิสุทธิมรรคของพระอรรถกถาจารย์


    จิตประภัสสร ไม่เกิดดับไปตามการตายของมนุษย์
    แต่จะดับสนิท (นิพพาน) เมื่อผ่าน "พระธาตุนิพพาน" ครับ
     
  20. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,171
    ค่าพลัง:
    +1,231
    จิตจักรวาล ตามความหมายของ อ.ปริญญา ตันสกุล
    หมายถึงพลังงานรูปธรรมที่มีความคิดดวงแรกสุด ที่ถือกำเนิดมาในท่ามกลาง
    สนามพลังที่เวิ้งว้างว่างเปล่า ปราศจากดวงดาวและสิ่งอื่นๆ
    เป็นผู้ให้กำเนิดรูปธรรมจิตจักรวาลขนาดเล็กๆ และสร้างดวงดาว
    สร้างจักรวาล สร้างโลก สร้างเครื่องยนตร์กลไกของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์
    แล้วส่งจิตจักวาลดวงเล็กๆที่อาสามาขับเคลื่อนกลไกสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น
    กลายมาเป็นมนุษย์
     

แชร์หน้านี้

Loading...