จิตเป็นอมตะ...ความเชื่อนิกายจิตอมตวาทของพุทธศาสนามหายาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย siratsapon, 16 สิงหาคม 2011.

  1. siratsapon

    siratsapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +641
    นิกายจิตอมตวาท

    นิกายนี้ได้เจริญขึ้นในราชวงศ์คุปตะ ไม่พบผู้ก่อตั้งนิกาย พระสูตรที่สำคัญในนิกายเช่น ศรีมาลาเทวีสิงหนาทสูตร ศูรางคมสมาธิสูตร ตถาคตครรภสูตร สุวรรณประภาสสูตร พุทธยานสาครสมาธิสูตร อจินไตยยสูตร วิเศษจินตาพรหมปริปฤจฉาสูตร เป็นต้น

    คำสอนในนิกายนี้ตรงข้ามกับศูนยวาทและโยคาจาร ข้อแตกต่างที่สำคัญคือ จักรภพมีปทัฏฐานจากสมบูรณภาพ จากสิ่งนี้คือสมบูรณภาพ จึงก่อเกิดจักรภพชีวิตขึ้น ภาวะอันเป็นแก่นเดิมของโลกคือความจริงแท้ สิ่งที่เป็นมายามีรากฐานมาจากภาวะอันแท้จริงไม่แปรผัน นิกายจิตอมตวาทนี้ได้บัญญัติภาวะอันนี้ด้วยนามต่างๆเช่น พุทธะภาวะ ตถาคตครรภ ภูตตถตา อมฤตจิต นิพพาน นิกายนี้ชี้แจงว่าคำสอนที่เกี่ยวกับอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นเพียงบุรพภาค เป็นเพียงปริยายธรรม ยังมีธรรมที่สุขุมคัมภีรภาพไปกว่านั้น คือธรรมที่แสดงถึง นิจจัง สุขัง อัตตา การที่พระพุทธองค์ทรงแสดงอนัตตา ก็เพื่อให้เราได้เข้าถึงอัตตาที่แท้จริง กล่าวคือ สมบูรณภาพหรือพุทธภาวะ และพุทธภาวะมีในทุกๆสิ่ง แต่ถ้ามองในแง่ลักษณะภายนอก สิ่งทั้งสองก็แตกต่างกันออกไปโดยสัณฐาน โดยนิมิต และโดยพยัญชนะ

    นิกายนี้ ได้ให้ข้ออุปมา เกี่ยวกับสมบูรณภาพว่า ธรรมดาภาวะของจิตหรือสมบูรณภาพนั้น เที่ยงแท้ ไม่เกิด ไม่ด้บ เบื้องต้นไม่ปรากฏเบื้องปลายไม่ปรากฏ แต่ที่เห็นเกิดดับนั้นเพียงอาการของจิต ไม่ใช่ตัวจิต เพราะฉะนั้นจิตจึงไม่ใช่วิญญาณขันธ์" เมื่อจิตมิใช่วิญญาณขันธ์ จิตจึงเป็นผู้รู้ขันธ์ ผู้ปล่อยขันธ์ สภาพของธาตุรู้ ท่านเปรียบเหมือนธาตุทอง ที่ยังปะปนอยู่กับดินทราย หรือธาตุเพชรที่ยังอยู่ในหิน ธาตุทองและธาตุเพชรไม่ใช่ดินทราย ไม่ใช่หินฉันใด พุทธภาวะหรือจิตในสรรพสัตว์ แม้จะห่อหุ้มด้วยกิเลสตัณหา ก็ไม่ใช่กิเลสตัณหาและไม่ใช่ขันธ์ 5 ฉันนั้น อีกอุปมาหนึ่งท่านเปรียบเหมือนดวงอาทิตย์ ย่อมมีปรกติส่องแสงสว่าง แต่ในบางคราวเกิดมืดมัว ก็มิได้หมายความว่า ดวงอาทิตย์นั้นอัปแสงไปหากเนื่องมาจากเมฆหมอกมาปกคลุม เปรียบดังกิเลสตัณหามาบังพุทธภาวะในปุถุชนเหมือนทองที่ยังไม่ได้ร่อนไม่ได้หุง เหมือนเพชรที่ยังไม่ได้เจียรนัย เหมือนดวงอาทิตย์ที่ถูกเมฆคลุม แต่พุทธภาวะในพระอริยะเจ้า เปรียบเหมือนทองที่เป็นรูปพรรณเหมือนเพชรที่เจียรนัย เหมือนตะวันที่พ้นเมฆหมอกแล้ว ปุถุชนจึงเป็นพุทธะในส่วนเหตุ พระอริยบุคคลเป็นพุทธะในส่วนผล

    นิกายนี้เชื่อมั่นว่า สัตว์ทั้งปวงในวันหนึ่งข้างหน้านี้ จักต้องตรัสรู้เหมือนกัน ต้องเป็นพุทธะหมด เพราะทุกคนมีทุนเดิมอยู่ในจิตด้วยกันทุกคน

    อีกอุปมาหนึ่ง ท่านเปรียบประดุจท้องมหาสมุทรในยามปรกติย่อมราบเรียบ แต่ที่ยังเกิดเป็นคลื่นก็เพราะลมมหาสมุทร คือพุทธภาวะหรือจิตแท้ลมที่พัดมาคืออวิชชาตัณหาอุปทาน ลูกคลื่นที่เกิดขึ้น แต่ละลูก เปรียบเหมือนสัตว์ต่างๆเกิดแล้วดับไปในมหาสมุทรนั่นเอง มีปัญหาถามว่าอวิชชามีก่อนหรือพุทธภาวะมีก่อน ถ้าอวิชชามีก่อน ก็มิใช่พุทธะภาวะแท้ เพราะไม่รู้มีก่อนรู้ รู้นั้นก็ไม่ใช่รู้จริง ใช้ไม่ได้ ถ้าว่าพุทธะภาวะมีก่อน พระอริยะก็จะกลับเป็นปุถุชนได้ นิกายจิตอมตวาทตอบว่า พุทธภาวะกับอวิชชาไม่ก่อนไม่หลังกัน มีมาด้วยกันนับแต่ภาวะเริ่มต้นไม่ปรากฏ เหมือนกับธาตุทองกับดินทราย จะว่าใครเกิดก่อนเกิดหลังไม่ได้

    ที่มา : http://www.mahayana.in.th/buddhism/พุทธศาสนามหายาน.htm#นิกายจิตอมตวาท <!--MsgEdited=0-->
     
  2. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ ที่นำเอานิกายจิตอมตวาทของพุทธศาสนามหายานมาให้อ่าน<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
     
  3. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +494
    แก้ไขข้อความ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 ตุลาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...