จิโซ โบซัสสุ พระโพธิสัตว์ผู้พิทักษ์เด็ก

จิโซ โบซัสสุ พระโพธิสัตว์ผู้พิทักษ์เด็ก

จิโซ โบซัสสุ คือพระชิติกาภะ ในภาคญี่ปุ่น เป็นพระโพธิสัตว์ผู้พิทักษ์เด็กและเชื่อกันว่าท่านช่วยเหลือผู้หญิงท้องและผู้เดินทางด้วย จิโซ โบซัสสุ นับว่าเป็นพระที่ชาวญี่ปุ่นให้ความนิยมนับถือมาจนถึงปัจจุบันมากกว่าพระองค์ใด ๆ ด้วยลักษณะความเมตตา ทั้งที่ท่านไม่ได้รับคามนิยมในศาสนาพุทธของอินเดียตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ทำให้ความเชื่อเกี่ยวกับท่านมาถึงญี่ปุ่นเอาหลังจากพระองค์อื่น ๆ ถึงกระนั้นพิธีในการนับถือ พระจิโซ โบซัสสุก็มีอยู่กว้างไกล คนที่นับถือท่านสามารถสารพภาพบาปต่อ พระจิโซ โบซัสสุในเทศกาลที่เรียกกันว่า ' การสารภาพบาปแห่งจิโซ '

ตามตำนานเชื่อกันว่าท่านมีความสัมพันธ์กับธาตุของโลก และโลกแห่งความตายผู้คนในเอเชียกลางและจีนก็เชื่อว่าท่านเป็นผู้ปกป้องวิญญาณ ความเชื่อดังกล่าว แพร่เข้ามาในญี่ปุ่นพร้อมกับเชื่อกันอีกว่าพระจิโซ มักปกป้องวิญญาณของทารกเพราะเหตุที่พวกนี้ยังบริสุทธิ์ และเล็กเกินไปที่คนในบ้านจะห่วงหาอาทรโดยปกติเมื่อทารกตายเมื่ออายุน้อยมาก พ่อแม่ก็มัวกันแต่เศร้าโศกเกินไปกว่าจะมีสติทำบุญส่งให้เด็กนั้นไปเกิดใหม่ ทำให้วิญญาณของเขาต้องเร่ร่อนอยู่ที่หาดทรายริมแม่น้ำไซโนกาวาระ ในนรกภูมิ วิญาญาณเด็กพวกนี้จะใช้เวลากลางวันอยู่ส้รางศาลของตัวเองเพื่อให้เกิดพลังพอจะทำให้พ่อแม่พี่น้องบนโลกคิดถึง แต่ทารกก็ไม่เคยสร้างศาลสำเร็จ ศาลของพวกเขาจะถูกปีศาจทำลายทิ้งในตอนกลางคืนทุกครั้งกล่าวกันว่าพระจิโซปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยวิญญาณเด็กเหล่านี้ท่านจะคว้าตัวเด็กห่อแล้วพับไว้ในจีวรของท่าน บอกกับเด็กเหล่านั้นว่าท่านคือพ่อและแม่ของเด็ก ทำให้วิญญาณน้อย ๆ มีที่พึ่งไม่ต้องเร่ร่อนอีกต่อไป ความเมตตาของท่านทำให้ผู้คนเลื่อมใสศรัทธา เห็นได้จากตามสุสานและตามซอกต่าง ๆ บนถนนมักมีรูปหินของพระจิโซแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งตัวเด็กตั้งอยู่นับไม่ถ้วนและมักมีกองก้อนกรวดพูนอยู่ตรงเท้าทุกรูป ผู้บูชาไม่เพียงไม่ได้ขอเพียงให้เด็กที่ตายไปมีความสุข แต่ยังขอความปลอดภัยให้ชีวิตตนด้วยความที่จิโซ โบซัสสุ เป็นผู้อุปถัมภ์โลกแห่งความตาย คนจึงเชื่อกันว่าท่านมีฤทธานุภาพต่ออายุแบบเดียวกับพระฟูเก็น โบซัสสุ รูปปั้นของท่านในปางนี้เรียกกันว่า เอ็มเมอิ จิโซ เป็นปางที่อยู่ในท่านั่งถือไม้เท้ายาวที่มีห่วงอยู่ตรงปลายในมือขวา ส่วนมือซ้ายถือดวงแก้วสำหรับอธิษฐาน

นอกจากนี้ยังเชื่ออีกว่าท่านสามารถรักษาโรคของดวงตา เนื่องจากท่านเป็นนายของความมืดในนรกภูมิ ท่านจึงสามารถปัดเป่าความมืดออกไปจากดวงตาของคนได้และความที่รูปเคารพของจิโซ โบซัสสุ ตั้งอยู่ตามท้องถนนมากมายท่านเลยถูกผนวกเข้ากับเทพเดิมในท้องถิ่นซึ่งรักษาถนน และเลยถูกสถาปนาให้เป็นผู้คุ้มครองคนเดินทาง เนื่องจากคุณสมบัติที่เป็นผู้ปกป้องวิญญาณที่จะเดินทางจากร่างไปสู่โลกใหม่ด้วย เหตุที่ จิโซ โบซัสสุ มีความเมตตาต่อผู้คนในโลกมาก ก็เนื่องจากโลกนี้ปราศจากพระพุทธเจ้าตั้งแต่วัน พระซากา ( พระศากยมุนี ) เข้าสู่นิพพาน กว่าถึงวันที่ มิโรกุ( พระศรีอาริยเมตไตรย ) จะอุบัติขึ้นก็อีกนานแสนนาน พระจิโซ โบซัสสุ จึงให้อธิษฐานไว้ว่าจะไม่ตรัสรู้ และจะยังคงอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ตราบจนกว่ายุคแห่งความมืดมนจะผ่านพ้นไปจากคุณสมบัติที่มีความเมตตาต่อปวงชนดังที่ได้กล่าวมา ทำให้ จิโซ โบซัสุมีลักษณะคล้ายพระกานนอน ( กวนอิม ) แต่เนื่องจากท่านมักเกี่ยวข้องกับโลกบาดาลมากกว่าอย่างอื่น จิโซ โบซัสสุ จึงสามารถปรากฏร่างเป็นหกปางแต่ละปางเกี่ยวข้องกับเคราะห์กรรมทั้งหกอย่างซึ่งแตกต่างไปจากแบบของพระกวนอิมไปคนละทางกันเลยทีเดียว


ความเชื่อเกี่ยวกับรูปปั้นพระที่เมตตา

หลายคนที่เคยดูหนังญี่ปุ่นแล้วเคยเห็นชาวญี่ปุ่นไหว้รูปปั้นพระพุทธรูปที่ตั้งบริเวณริมทางเดิน ริมถนน นั้น พระแบบนี้แหละที่เราจะพูดถึงกันในบทความนี้

รูปปั้นพระจิโซ โบซัตสุ ถือไม้เท้าที่ติดกระพวนไว้ด้วย

รูปปั้นของพระองค์นี้มีประวัติที่น่าสนใจ กล่าวคือ ตามประวัติความเชื่อของชาวญี่ปุ่นนั้น พระองค์นี้มีชื่อที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันติดปากว่า จิโซ โบซัตสุ โดยเชื่อกันว่า เป็นพระโพธิสัตว์ ที่คอยช่วยเหลือเด็ก ผู้หญิงท้อง และผู้เดินทาง ด้วยเหตุนี้เองเมื่อชาวญี่ปุ่นได้เดินทางผ่านรูปปั้นพระโพธิสัตว์องค์นี้ จะต้องทำความเคารพเพื่อให้ท่านช่วยให้เดินทางโดยสวัสดิภาพปลอดภัย

มาดูความเป็นมาสักเล็กน้อย ความเชื่ออันนี้ญี่ปุ่นรับอิทธิพลมาจากจีนและคนในแถบอินเดีย โดยรับมาพร้อมกับความเชื่อว่าพระจิโซนั้น จะคอยปกป้องวิญญาณพวกเด็ก ๆ ที่ตายโดยพ่อแม่ลืมทำบุญไปให้ เพราะมัวแต่เศร้าโศก วิญญาณเด็กเลยไม่มีที่สิงสถิต พระจิโซเป็นผู้สร้างศาลเพื่อให้วิญญาณเด็กมีที่อยู่ สิ่งนี้นั่นเองที่ชาวญี่ปุ่นเห็นความเมตตาของท่าน และให้การยอมรับในคุณความดีของท่าน โดยถ้าจะเทียบเคียงกับเทพเจ้าองค์อื่นในประเทศญี่ปุ่นแล้ว พระจิโซถือว่า ชาวซามูไรนั้นให้ความเคารพและนับถือเป็นจำนวนมากอาจเรียกได้ว่ามากกว่าเทพเจ้าองค์ใด ก็ได้



ลักษณะท่าทางของรูปปั้นพระจิโซนั้น มีอยู่หลายลักษณะด้วยกัน แต่ที่มักพบบ่อยในประเทศญี่ปุ่นนั้น จะมีลักษณะแบบพระธรรมดา โดยมักจะถือไม้เท้าที่มีกระพวนติดอยู่ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องมีกระพวนติดอยู่ ตามคำบอกเล่านั้น กล่าวกันว่า เพื่อให้เสียงดังกรุ๊งกริ๊งของกระพวนนั้นเตือน พวกสัตว์เล็ก ๆ ที่อยู่ในบริเวณที่ท่านจะเดินผ่าน ให้รู้ตัวและหนีไปก่อน เพื่อท่านจะได้ไม่ต้องทำบาปโดยไม่ตั้งใจ กับการเผลอไปเหยียบสัตว์เล็ก ๆ เหล่านั้น ส่วนอีกลักษณะหนึ่งที่พบบ่อย ก็คือ แต่งกายด้วยเครื่องแต่งตัวเด็ก อันสืบเนื่องจากความเชื่อว่าเป็นพระที่คอยปกป้องเด็ก


จะเห็นได้ว่ารูปปั้นพระองค์นี้นั้นมีหลายอย่างที่น่าสนใจ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ชาวญี่ปุ่นจึงให้ความเคารพท่านมากมาย สืบเนื่องมาจนถึงยุคปัจจุบัน และคงต่อไปในอนาคตยากที่จะเสื่อมคลายง่าย ๆ แล้วท่านผู้อ่านมีความคิดเห็นเช่นนั้นหรือเปล่า ?

credit: อากู๋

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=PA6dw0NrNMU"]?????????????????????????????????? by q1133 spaces live com - YouTube[/ame]

 

พระจิโซมีอิริยาบถนี้ด้วยนะ คล้ายๆท่านมิลาเรปะเลย​

 

ปางนี้ก็มี ทรงดาบเหมือนอาจารย์มัญชุศรีเลย​

 

พันคอสีม่วงก็มีนะ​

 

​

องค์นี้ คล้ายๆพระจิโซแต่ไม่ใช่ เป็นท่านคูไค จ้า
กระจกวงกลมที่เห็นด้านขวาเป็นสิ่งที่มักพบทั่วไปในศาลเจ้า​

ศาลเจ้าญี่ปุ่นหลายแห่งทำเป็นซุ้มดูขลังและลึกลับ นึกว่าเปิดข้างในคงมีรูปปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่มีหลายที่ที่มีแต่กระจกเงาบานหนึ่งวางไว้ นี่อาจเป็นปริศนาธรรม​

 

空海のいた四国　室戸岬／高知県室戸市-旅行・おでかけ | ピカラタウン​

ในเว็ปนี้ก็มีรูปปั้นพระคูไคที่จังหวัดโคจิประเทศญี่ปุ่น ท่านยืนหันหน้าเข้าหาทะเล เบื้องหลังเป็นรูปปั้นพระสีทองนอนอยู่ ในเว็ปบรรยายว่าท่านอายุ 19 ปีตอนที่ตัดสินใจข้ามทะเลไปเรียนวิชาที่ประเทศจีนจ้า

 

By Stained Glass Mandala 胎蔵 field


Sunset seem to Cape Muroto. Dharma also sunset can be seen if you're lucky.


Nirvana rose and gold statue of Kukai youth stand as overlooking the sea

http://www.pikara.net/download.rbz?cmd=50&cd=1064&tg=0
That Kukai is said to have training, "Mikuriya cave people"​

 

เพิ่งเคยเห็นอริยาบทนี้ครับ

 

รูปนี้ เมื่อวานพยายามจะเอามาโพสต์แต่เอามาไม่ได้ ขอบคุณค่ะ ​