เสียงธรรม จุดที่บรรลุธรรม

ในห้อง 'ธรรมเพื่อความหลุดพ้น' ตั้งกระทู้โดย J.Sayamol, 28 มีนาคม 2011.

  1. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    จอมปราชญ์ทุกพระองค์ที่ได้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงทำความปรารถนามานานเท่าไร กว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้ารื้อขนสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์ไปโดยลำดับลำดา จึงไม่มีปราชญ์องค์ใดที่จะพูดโกหกแม้คำเดียวไม่มีในพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พูดอย่างเป็นความสัตย์ความจริงตรงไปตรงมาไปเลย แต่กิเลสหลายสันพันคม มีหลายเล่ห์หลายเหลี่ยม เรียกว่าร้อยสันพันคม หลอกลวงสัตว์โลกให้จมอยู่นี้ โลกทั้งหลายก็ยังไม่เข็ดหลาบอิ่มพอ ถ้าเรื่องของกิเลสมันหวานนะ ยาเคลือบน้ำตาลว่างั้นเถอะ เอาน้ำตาลเคลือบข้างนอก พิษมันอยู่ข้างใน เลยเป็นยาพิษอยู่ในน้ำตาลนั้นเสีย

    นี่ยาพิษฝังอยู่ในหัวใจเราๆ น้ำตาลหวานเฉยๆ ข้างในเป็นพิษ กำจัดมันออกนะพิษภายในใจของเรา ความโลภ โลภให้อยู่ในความพอดิบพอดี อย่าลืมเนื้อลืมตัว ป่าช้าครอบหัวอยู่ทุกคนทั่วโลกธาตุนี้ เกิดกับตายมาพร้อมกันแล้วเป็นแต่วันเวลาต่างกันเท่านั้น นี้เหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นอย่าโลภ อย่าเหยียบความตายไป คนโลภมากคือคนลืมตาย เมื่อลืมตายก็เป็นบ้าไปหมด บ้ายศ บ้าลาภ บ้าสรรเสริญเยินยอ บ้าอำนาจบาตรหลวงเลยเป็นบ้าป่าเถื่อน เป็นบ้าทำลายไปเลย นี่ละกิเลสถ้ามันขึ้นแล้วมันพองตัวอย่างนี้ ถ้าธรรมขึ้นมากเท่าไร พระพุทธเจ้าตรัสรู้เพียงพระองค์เดียวทำโลกให้ร่มเย็นได้ขนาดไหน แล้วสาวกแต่ละองค์ๆ ทำประโยชน์ให้โลกเฉพาะตัวเองเต็มเหนี่ยวแล้ว ทำประโยชน์ให้โลกมากขนาดไหน ไม่เคยปรากฏว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ใด และพระสาวกของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ๆ มากขนาดไหนได้ทำความเสียหายแก่โลกแม้องค์เดียวไม่เคยมี นี่ละธรรมจึงเป็นที่ตายใจของโลกได้เรื่อยมาอย่างนี้ ถ้าเราไม่ตายใจกับธรรม จะไปตายใจกับกิเลสก็ตายกองกันอยู่นี้ตลอดไป ล่มจมอยู่นี้ตลอดไป

    ให้เชื่อ เชื่อพระพุทธเจ้า กิเลสเราเชื่อมานมนานแล้วมันฝังอยู่นั้น เวลานี้ฟังเทศน์มันก็ฝังอยู่นั้นละ มันคอยกระซิบกระซาบ นี่ท่านเทศน์ให้ฟังนะ ออกจากเทศน์นี้แล้วไปนั้นๆ นะเรา ไปนั้นมันลากลงนรกเข้าใจไหม มันกระซิบอยู่ข้างในเราไม่รู้ กิเลสมันอยู่ข้างใน ธรรมก็ฟัง แต่กิเลสมันอยู่ข้างใน พอเทศน์จบลงแล้วกิเลสลากไปเลย สองขาสามขาไม่มีเหลือ ขาขาดแขนขาดถูกกิเลสลากไป ดีไม่ดีคอขาด ถูกกิเลสลากไปไม่รู้ตัว พวกเราที่มานี่มีหัวมีขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ มีตอนที่มาในวัดนี้นะ พอออกจากนี้ไปแล้วขาขาดไปหมดเลย กิเลสลากไป เป็นอย่างนั้นนะ

    มันเก่งมากนะกิเลส เราได้เห็นชัดเจนเวลาขึ้นเวที พูดให้ท่านทั้งหลายทราบ จึงมาพูดได้เต็มปากที่ผ่านเวทีของกิเลสมาแล้วกับธรรมฟัดกัน จึงรู้ว่ากิเลสนี้แหม แหลมคมจริงๆ แม้แต่ปฏิบัติธรรมขั้นสูงขนาดนั้นกิเลสยังตามหลอกได้ ตามหลอกได้ยังไง ที่เคยพูดอยู่บนภูเขานั้นเป็นเดือนกุมภา พอเผาศพท่านอาจารย์มั่นแล้วก็ขึ้นไปบนภูเขา ไปทำความเพียรอยู่นั้น ตอนเดือนพฤษภาถึงย้อนกลับมาอีก มาม้วนกันที่ตรงนั้น ตอนไปเดือนพฤษภานี่ไปอัศจรรย์ใจตัวเอง นี่เห็นไหมกิเลสตัวมันหลอก หลอกขนาดนั้นนะ ยืนอยู่ทางจงกรม มองไปไหนมันสว่างจ้าไปหมดเลยจิตดวงนี้น่ะ ร่างกายนี้เหมือนแก้วครอบตะเกียงเจ้าพายุ

    หลอดไฟไส้ตะเกียงมันสว่างอยู่ในนี้ มันส่องทะลุออกมาหมด ร่างกายเลยกลายเป็นแก้วครอบไป จ้าไปหมดเลย มันก็อดไม่ได้ซิ เห็นไหม อวิชฺชาปจฺจยา นี่เรียกว่าโอภาส แสงสว่าง นี่ก็เป็นกิเลส ไม่รู้นะ ทนไม่ไหวเราก็ดี อดอุทานไม่ได้ ขึ้นถึง โอ้โห จิตของเรานี้ทำไมถึงได้สว่างไสวถึงได้อัศจรรย์ถึงขนาดนี้ มันว่างไปหมดเลยเทียว ต้นไม้ภูเขานี่เหยียบไปอย่างนั้นละ แต่ความว่างมันทะลุไปหมดเลย ไม่มีต้นไม้ภูเขา อำนาจของจิตคือความว่างนี้มันครอบไปหมด ความว่างนี้เหนือสิ่งทั้งหลายที่มีทั้งนั้น มันครอบขนาดนั้น ขึ้นอุทานเลย หือ จิตของเราทำไมถึงได้สว่างไสว ถึงได้อัศจรรย์ถึงขนาดนี้เชียวนา ว่างั้นนะ ยืนรำพึงอยู่

    ไม่นาน นี่ธรรมท่านเห็นว่าหลงแล้วติดแล้ว พออุทานสงบลงไปแล้ว ธรรมขึ้นมาเตือนนะ นั่นเห็นไหมล่ะ ถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหน นั้นแลคือตัวภพ คือจุดนั้นก็หมายถึงจุดสว่างนั่นเอง ที่สว่างไสว ไส้ตะเกียงเจ้าพายุนั่นละจุดหรือต่อม ต่อมหรือจุดเป็นไวพจน์ใช้แทนกันได้ ถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหน นั้นแลคือตัวภพอยู่ที่ตรงนั้น ความหมายว่างั้นนะ เราแทนที่จะเปิดเวลานั้นกลับมืดเข้ามาอีก เอ๊ะ จุดยังไง ต่อมยังไง ไปอีก

    พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วคิดถึงพ่อแม่ครูจารย์มั่น เพราะตอนนั้นท่านล่วงไปแล้ว หากว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ เล่านี้ให้ท่านฟัง พอท่านฟังท่านก็จะจี้เข้าไปปั๊บ อาจจะบรรลุธรรมในเวลานั้นเลยก็ได้ นี่ละจุดที่บรรลุธรรมได้คือจุดนี้เอง พอท่านตีนี้ปั๊บ อันนี้หลุดมือปั๊บ อันนั้นจ้าขึ้นมา นี่ถึงเป็นธรรมแท้ นั่น แต่นี้ท่านล่วงไปเสียแล้วจึงเสียดาย นี่ที่ว่าพระท่านบรรลุธรรมในเวลาถามปัญหากับพระพุทธเจ้า ก็เช่นปัญหาอันนี้ละ ปัญหาอันนี้บรรลุได้แน่นอน เพราะอยู่ตรงนั้น พอตีนั้นปุ๊บขาดสะบั้นก็จ้าขึ้นเลย

    นี่ละปัญหาธรรมที่บรรดาสาวกทั้งหลายได้บรรลุธรรม ในขณะที่ถามตอบปัญหากันกับพระพุทธเจ้า พระองค์จี้ลงจุดนั้น นี่ถ้าพ่อแม่ครูจารย์ยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะผางออกมาตรงนั้นเลย เราก็แบกอันนี้ไป เดือนสามไปนู้น ไปองค์เดียวทั้งนั้นแหละ จนกระทั่งเดือนหกถึงได้กลับมาภูเขานี้อีก ถึงได้มาม้วนเสื่อจุดอันนี้ลง นั่นเห็นไหมล่ะ นี่ละเป็นของเล่นเมื่อไร กิเลสแหลมคมขนาดไหน มันหลอกเราจนได้ เพลินกับมันจนอัศจรรย์ตัวเอง ธรรมท่านเตือน อันนี้ไม่ใช่ของจริง เป็นของปลอม ความหมายก็ว่างั้น จนกระทั่งอันนี้พังลงไปแล้วมันถึงรู้ อ๋อ อันนี้เองที่ว่าจุดต่อมแห่งผู้รู้ ที่สว่างไสวที่อัศจรรย์คือตัวนี้เอง ตัวจอมปลอมของอวิชชา เงาของอวิชชา เก่งไหม

    นี่ละถึงได้ว่า เรื่องกิเลสนี่ถ้าไม่ขึ้นเวทีเสียก่อนไม่รู้นา ขึ้นแล้วถึงได้รู้กัน รู้กันจุดนี้ละ จุดที่ละเอียดแหลมคม หลอกจนได้นะ หลอกจริงๆ จนเพลินอัศจรรย์ตัวเองได้ แต่เวลาอันนี้พังลงไปแล้ว ความสว่างอันนั้นเป็นหลักธรรมชาติของจิตที่บริสุทธิ์สุดส่วน หรือจิตเป็นธรรมธาตุล้วนๆ แล้ว มาเทียบกับที่ว่าเราอัศจรรย์แต่ก่อนนั้น อันนั้นเท่ากับกองขี้ควาย เห็นไหมล่ะ แล้วอันนั้นจะสูงขนาดไหนจึงมาตำหนิอันนี้ว่าเป็นกองขี้ควาย ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเราชมเชยมันว่าดีๆ นี่ละเป็นอย่างนั้นละธรรม เป็นของเลิศเลอ

    ขอพี่น้องทั้งหลายจับธรรมให้ดีนะ อยู่ในใจของทุกคนที่ว่าอยู่นี้นะ เป็นแต่เพียงว่ากิเลสมันปกคลุมเอาไว้ไม่ให้เห็นๆ อันนั้นก็ดีอันนี้ก็ดี นี่ละที่มันปกคลุมไว้ อะไรๆ ดีหมด ปกคลุมจิตใจที่เลิศเลออยู่นี้ อันนั้นดีอันนี้ดี กองขี้กองนี้ก็ดี ขี้หมูก็ดี ขี้หมาก็ดี ขี้คนก็ดี ขี้ควายก็ดี มาครอบอยู่นี้ มีแต่ดีหมด ธรรมชาติที่ดีเลยโผล่ขึ้นมาไม่ได้ ท่านจึงสอนให้แก้ๆ ถึงขนาดที่ว่าดีเลิศยังเลวสำหรับสายตาของธรรมอีก ดังที่ธรรมท่านตำหนิ ถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหน นั่นท่านตำหนิ มันไม่ใช่ของจริง ความหมายว่างั้น ทีนี้พออันนั้นขาดสะบั้นลงไปแล้ว ไม่มีอะไรที่จะพูดแล้ว หมด จึงได้มารู้ว่า โอ๋ย อันนี้เท่ากับกองขี้ควาย ฟังซิน่ะ แต่ก่อนก็ชมเชยมันจนลืมตัวๆ อัศจรรย์ตัวเอง พอธรรมชาตินี้พังลงไปแล้ว ธรรมชาตินั้นปรากฏจ้าขึ้นมาแล้ว กับอันนี้ต่างกันยังไงบ้าง เลยไม่มีปัญหาจะพูดแหละ หมดโดยสิ้นเชิง นี่ละธรรมของพระพุทธเจ้า

    ขอให้ท่านทั้งหลายหมุนใจเข้าสู่ธรรม กับกิเลสนี้ทั่วโลกดินแดน ต่างคนต่างส่งเสริมกิเลส เวลานี้ส่งเสริมกิเลสมากขึ้นทุกวันๆ ไม่มีใครที่จะสั่งสมอรรถธรรมให้เป็นขึ้นภายในจิตใจพอจะนำธรรมนี้ออกสู่สังคม ให้สังคมได้รับความสงบร่มเย็น กระจายออกไปๆ ทั่วโลก ถ้ามีธรรมแล้วจะสงบร่มเย็น ที่กัดฉีกกันอยู่นี้มีแต่กิเลสพาให้กัด กิเลสนั้นคืออะไร นั่นละวิชาหมากัดกัน ไม่ว่าใหญ่ว่าน้อย ฐานะสูงต่ำประการใด กิเลสเอาเป็นเครื่องมือได้เป็นอย่างดีๆ ทั้งนั้น ใหญ่เท่าไรกิเลสยิ่งเอาเป็นเครื่องมือได้ดี ทำลายกัน เบียดเบียนกัน ทุกอย่างอยู่กับกิเลสทั้งหมด

    ขึ้นชื่อว่ากิเลสแล้วจะไม่ยอมยินดีอนุโมทนาสาธุการกับใครๆ นะ อิจฉาริษยา เห็นเขาดีก็อิจฉาริษยาเขา ที่สุดใครมาอยู่ด้วยก็ให้ดีกว่าเราไม่ได้ ต้องให้เราดีกว่าเขาตลอด เท่ากับกองขี้ก็ให้ดีกว่าเขา ดีขี้ไปแข่งทองคำได้ยังไง ผู้ดีท่านมีอยู่ ดีในหลักธรรมชาติท่านไม่หาแข่งใคร ท่านแข่งแต่สิ่งที่เป็นภัยต่อจิตใจของท่านคือกิเลส แข่งกับนั้นเท่านั้นเอง ท่านไม่ไปแข่งกับผู้ใดๆ ทั้งนั้น ท่านแข่งอยู่ตรงนั้น ท่านชนะตรงนั้นแล้วก็ดีไป ไม่ไปหาติชมใคร ดูเจ้าของพอแล้วพอหมด นั่นเรื่องธรรมเป็นอย่างนั้น ถ้ากิเลสแล้วพองตัวๆ ไปไหนมันจะพองตัวของมันไป เป็นข้าศึกไปเรื่อยๆ ให้พากันระมัดระวัง

    อยู่ด้วยกันก็เหมือนกัน เฉพาะอย่างยิ่งในครัวไฟ มันจะสร้างขวากสร้างหนาม สร้างฟืนสร้างไฟ สร้างเวทีหมากัดกันขึ้นมาข้างในนะ นี่เราพูดให้ฟังกี่ครั้งกี่หนแล้ว ในวัดป่าบ้านตาดตั้งแต่สร้างวัดมาจนกระทั่งป่านนี้ เราไม่เคยได้เห็นพระมีทะเลาะเบาะแว้งกันเลย ไม่มีเลย จนกระทั่งป่านนี้ เพราะเหตุไร เพราะหลักธรรมหลักวินัยมีอยู่ ต่างองค์ต่างมุ่งหน้ามุ่งตาปฏิบัติต่อหลักธรรมหลักวินัย องค์ไหนๆ ก็เหมือนกันหมด แล้วจะไปทะเลาะกันหาอะไร ที่ทะเลาะกันก็คือมากีดมาขวางกันด้วยอำนาจของกิเลสนั่นละ

    ธรรมผู้สงบร่มเย็นก็สงบร่มเย็นไป ได้รับความกระทบกระเทือนจากพวกหมากัดกันนะ ผู้ตั้งใจภาวนาก็เลยรำคาญ พวกหนึ่งมันไม่ภาวนา มาหายุหาแหย่เรื่องนั้นเรื่องนี้ หาแต่เรื่องแต่ราว เอาโลกกิเลสมาสั่งสมภายในวัด นึกว่าจะเข้ามาสั่งสมธรรม มันไม่ได้เข้ามาสั่งสมธรรมนะ ในครัวนี่ละเราตีเข้าไปตรงนี้เลย เรานี้อกจะแตกแล้วนะ แต่นี้ฟังแล้วเหมือนไม่ฟัง พอฟังแล้วทราบปั๊บๆ เหมือนหนึ่งว่าเก็บเข้าไปลิ้นชักๆ ถึงเวลาออกก็ออกดังที่ว่านี่ละ ถ้าไม่ออกก็เหมือนไม่มีๆ รู้หมดนะเรื่องราวเป็นยังไงๆ รู้หมดแต่ไม่ได้หนัก ถ้ากิเลสอยู่ในนั้นหนักนะ อยากพูดอยากคุยอยากโม้อยากดุอยากด่าโดยหาเหตุหาผลไม่ได้ เพราะความอยากมันดัน แต่เรื่องธรรมไม่อยาก รู้เหมือนไม่รู้ เห็นเหมือนไม่เห็น เมื่อสัมผัสเข้ามาในจุดใดๆ ของธรรมที่ควรแสดงออกหนักเบามากน้อยจะออกเองๆ ออกแล้วจบหายเงียบเลย นั่น

    ให้พากันตั้งอกตั้งใจ ให้ดูตัวเอง ไปอยู่กับเพื่อนฝูงผู้ใดก็ตาม อย่าไปดูคนนั้นไม่ดี คนนี้ไม่ดี ตัวเสนียดจัญไรตัวนี้มันแส่หาโทษคนอื่น มันอยู่ในใจ ให้ดูตัวนี้ให้ดี ตัวนี้มันออกแล้วตีหน้าผากมันเลย หน้าผากมันคือหน้าผากเราแหละ ตีหน้าผากเราก็ถูกมัน ตีมันก็ถูกหน้าผากเรา ตีตรงนี้นะ ธรรมพระพุทธเจ้าท่านสอนตรงนี้ ท่านไม่ได้สอนไปที่อื่น ให้เตือนตน ให้ดูตน ระวังรักษาตน ตัวนี้เป็นตัวเสนียดจัญไร

    ถ้าต่างคนต่างรักษานี่แล้วไม่กระทบกันง่ายๆ ละ เห็นกันก็เห็นด้วยความเป็นธรรม ถ้าควรจะแนะนำสั่งสอนหรือเตือนบ้างอะไรก็เป็นไปด้วยความเมตตา เป็นไปด้วยความเป็นธรรม ไม่ได้เป็นไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ความดูถูกเหยียดหยามเป็นกิเลส มันกระเทือนกันได้ ถ้าเป็นไปด้วยความเป็นธรรม ถึงจะแผดก็ไม่มีอะไร เพราะแผดด้วยธรรม เป็นน้ำดับไฟไปทั้งนั้นแหละ

    วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันเข้าพรรษา เข้าพรรษาก็ขอให้มีกฎมีเกณฑ์ พวกเราทั้งหลายเป็นลูกชาวพุทธ นี่พระเข้าพรรษาแล้วท่านอธิษฐานจะไม่รับของที่นอกจากบิณฑบาตมาได้เท่านั้น ท่านจะรับเพียงเท่านั้น นี่เป็นธุดงค์ข้อหนึ่งของท่าน ท่านปฏิบัติมาเป็นประจำ สำหรับวัดนี้ปฏิบัติมาตลอดเลย ตั้งแต่เราเข้าไปหาพ่อแม่ครูจารย์มั่น ได้คิดอ่านดูทุกสิ่งทุกอย่างกับท่านแล้วจับเอา ยึดเอาๆ จากนั้นมาปฏิบัติจนกระทั่งทุกวันนี้ ไม่เคยให้ตกขาดเรี่ยเสียหายไปไหนเลย ปฏิบัติมาประจำ มีขอบมีเขต ธรรมะเหล่านี้ละจะเป็นเครื่องบังคับจิตใจ บังคับทางภายนอก บังคับทางภายใน มีหลายขั้น

    ภายนอกเป็นอาหารการกิน มันโลภมากไม่ให้มันมาก ดัดเข้าไปๆ อารมณ์ก็ให้น้อยลง ถ้าอาหารไม่มากอารมณ์ก็ไม่มาก คือคนเราถ้าฉันอิ่มๆ กินอิ่มๆ แล้วอารมณ์มากนะ กำลังวังชามีมากก็เท่ากับส่งเสริมกำลังของกิเลสขึ้นเอง ความพากความเพียรนี้ก้าวไม่ค่อยออก อืดอาดๆ พอผ่อนอาหารลงปั๊บ ส่วนมากจะถูกทางผ่อนอาหาร เช่นอย่างพระวัดนี้มากต่อมากมีแต่ผ่อนอาหาร อดอาหาร เพราะท่านทำความเพียรสะดวก เวลาผ่อนอาหารสติก็ดีๆ ความเพียรสืบต่อกันๆ อดอาหารผ่อนอาหารหลายวันเข้าไปๆ ทางนี้ยิ่งละเอียดๆ เข้าไป เห็นผลในการประกอบความเพียรของตน แล้วก็เห็นโทษแห่งความอิ่มหนำสำราญ เพราะฉะนั้นจึงตัดทางนั้นลง

    เพราะเรื่องร่างกายนี้มันมีกำลังง่าย เช่นเราเดินมาจากภูเขาจะบิณฑบาตในหมู่บ้าน ไปไม่ถึงบ้านมันจะตายก่อนแล้ว ต้องพักกลางทาง หมดกำลัง คืออดอาหารมาหลายวัน กะว่าจะให้ถึงบ้านแหละ วันพรุ่งนี้ไปบิณฑบาตแหละ กะให้ถึงบ้านมันยังไม่ถึง ไปถึงกลางทางหยุด หมดกำลัง พักเสียก่อนแล้วก็ก้าวต่อไป นี่เวลาอดอาหารเป็นอย่างนี้ พอฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ออกมาจากนั้นแล้วดีดผึงเหมือนม้าแข่ง กำลังมันขึ้นได้ง่าย เข้าใจไหมล่ะ แต่กำลังใจขึ้นได้ยาก เพราะฉะนั้นจึงต้องประคับประคองกำลังใจมากกว่าทางร่างกาย ร่างกายเอาเมื่อไรก็ได้ไม่ยาก แต่ใจนี้ยาก จึงต้องประคับประคอง ส่วนมากจะถูกทางผ่อนอาหาร อดอาหาร

    ผ่อนนี่จะให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็ไม่เต็ม ความเพียรหากดีๆ ผิดกับฉันตลอด ถ้าอดนั้นทุ่มกัน ความเพียรก็พร้อมกันเลย ทุ่มๆ อย่างที่เคยพูดเสมอ อยู่กับพ่อแม่ครูจารย์ ๘ ปี ฟังซิน่ะ เราอยู่กับท่านไม่เคยฉันจังหันอิ่มนะ วันนี้เปิดเสียบ้าง พระเณรเต็มอยู่นี้ไม่ดูใคร ใครจะเป็นยังไงก็ตามดูแต่เราคนเดียว เราสมาทานธุดงค์ข้อไหนปักลึกไว้นี้ไม่พูดให้ใครฟัง ปฏิบัติเฉพาะเราองค์เดียวๆ ตลอดนะ ฉันจังหันไม่เคยอิ่มอยู่กับพ่อแม่ครูจารย์ เพราะนั้นเป็นที่ชุมนุมรวมของพระเณร แล้วก็มารวมอยู่กับเราผู้คอยดูแลแนะนำตักเตือนสั่งสอนแทนพ่อแม่ครูจารย์ อย่าให้ท่านเดือดร้อนวุ่นวายโดยพวกเราไปกระทบกระเทือนท่านที่ท่านไม่ได้นิมนต์มา เราไปเอง อย่าให้กระทบกระเทือนท่าน เราต้องสอนกัน

    สอนกันก็เรานั่นแหละคอยสอดส่องดู ไม่ให้ระเกะระกะ ให้งามหูงามตาสงบร่มเย็น เพิ่มความเมตตาของท่านมากขึ้นๆ ท่านจะได้แนะนำสั่งสอนด้วยความสะดวกสบาย เพราะฉะนั้นเราจึงฉันจังหันอิ่มไม่ได้ ถ้าอด อดก็ต้องฟัดเลย นี่ไม่อด อยู่ขั้นนี้ก็เอาขั้นนี้เสียก่อน ไม่เคยฉันจังหันอิ่มนะ กะว่า ๖๐% ประมาณเอา พอๆ เอาละพอๆ อยู่งั้นตลอดเลย พอออกจากท่านไปแล้วดีดผึงเลย อยากกินก็กิน ไม่อยากกินก็แล้วกันเลย กี่วันช่างหัวมัน จนกระทั่งบิณฑบาตไม่ถึงหมู่บ้าน ไปไม่ถึงอยู่หมัด พูดง่ายๆ เอาอย่างนั้นตลอดนะ นี่ละการฆ่ากิเลสยากไหมท่านทั้งหลายพิจารณาเอาซิ ทนทุกข์ทรมานเอา

    เวลาเราผ่อนอาหารอย่างนี้ คือความเพียรเราไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย มันเกี่ยวข้องกับเพื่อนฝูง พวกพระพวกเณรเต็มวัดอยู่ในสายตาของเราที่จะคอยดูแลสอดส่องอะไรๆ องค์ไหนไม่ดีไปตักเตือนสั่งสอน ควรจี้จี้เอาเพื่อพ่อแม่ครูจารย์องค์เดียว ท่านจะได้สงบร่มเย็นของท่าน นั่นความหมาย ทีนี้เวลาอยู่อย่างนั้นก็อดไม่ได้แหละ ต้องผ่อนไว้อย่างนั้นประจำ ออกจากนั้นไปแล้วไม่ต้องบอก เรียกว่าเต็มเหนี่ยวเลย ขึ้นเวทีแล้วฟัดเลยๆ นี่ละการฝึกทรมานตน แล้วคุ้มค่านะ ย้อนถึงความเพียรของตัวเองตั้งแต่วันก้าวขึ้นสู่เวทีคือปฏิบัติกรรมฐาน ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งวันวาระสุดท้ายที่กิเลสพัง ว่างั้นเถอะ คิดย้อนหลังลงไปแล้ว โอ้โห อย่างนี้ก็ทำได้ๆ ที่จะคิดท้อใจหรือตำหนิติเตียนตนเอง ไม่เลยนะ มีแต่ โอ้โห ขนาดนั้นมันก็ทำได้ๆ

    คือวัยเราแก่แล้วพิจารณาดูวัยที่ฟัดกับกิเลส มันรุนแรง เข้าใจไหม โอ้โห ขนาดนั้นมันก็ทำได้ๆ คือทำขณะนี้ตาย พูดง่ายๆ ตายเลย นี่เราเป็นอย่างนั้น ได้ชมตลอด เรื่องความเพียรของเราที่จะไปตำหนิตรงไหนว่าอ่อนแอท้อแท้ไม่มี มีแต่ผึงๆ ตลอดเลย จนกระทั่งกิเลสขาดสะบั้นลงไปด้วยอำนาจแห่งความเพียรอย่างนี้ เหตุกับผลเข้ากันได้ จึงไม่มีข้อตำหนิ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นก็ไม่เป็นอย่างนี้ๆ สุดท้ายก็ลงจุดนี้หมด เหตุหนักผลก็หนักๆ เราจะไปทำอ่อนแอท้อแท้ เอาแต่กิเลสมาเป็นใหญ่เป็นโต เอาความสุขจากกิเลสทั้งหมด มันไม่ได้เรื่องนะความสุขจากกิเลส มันหลอกเรา

    เอาความสุขจากการหลับการนอนการอยู่การกินเฉยๆ มันไม่ได้มีความสุขความเจริญอะไร เพียงธาตุเพียงขันธ์ พออิ่มตอนเช้าแล้ว เอ้า ตอนบ่ายมามันหิวอีกแล้ว นั่น เอาธรรมเข้าสู่ใจซิ ธรรมนี้ไม่มีกาลเวลา หนุนตลอดๆ มีความเยือกเย็นผาสุก แล้วสว่างไสวๆ เรื่อยๆ ธรรมเข้าสู่ใจไม่เหมือนกับอาหารเข้าสู่ท้อง อาหารเข้าสู่ท้องมันอิ่มเวลาเช้า ตอนบ่ายมันหิวได้ ธรรมเข้าสู่ใจนี้หนุนเรื่อยๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a21-07-48.wma
      ขนาดไฟล์:
      8.4 MB
      เปิดดู:
      2,507
  2. Attila 333

    Attila 333 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +716
    " มองไปไหนมันสว่างจ้าไปหมดเลย จิตดวงนี้น่ะ
    ร่างกายนี้เหมือนแก้วครอบตะเกียงเจ้าพายุ
    หลอดไฟไส้ตะเกียงมันสว่างอยู่ในนี้ มันส่องทะลุออกมาหมด
    ร่างกายเลยกลายเป็นแก้วครอบไป จ้าไปหมดเลย "

    ขอนอบน้อมในคุณพระรัตนตรัย

    แวะมาโมทนาครับ.....หลวงตายิ้มสวย :)
     
  3. Pat_DArmy

    Pat_DArmy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +3
    อนุโมทนาบุญ
     
  4. กำนันธงชัย

    กำนันธงชัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +75
    เห็นหลวงตาแล้ว เสียดายที่ไม่มีโอกาสไปกราบท่านถึงที่วัด สมัยที่ท่านยังคงสังขาร
     
  5. ล้างจิต

    ล้างจิต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +24
    ขออนุโมทนาค่ะ เห็นรอยยิ้มขององค์หลวงตาแล้วก็รู้ว่าท่านมีเมตตาอย่างหาประมาณไม่ได้
     
  6. sirinun18@gmail.com

    sirinun18@gmail.com สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +8
    อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  7. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,306
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    อนุโมทนาครับ ขอบคุณครับ
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,588
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017

แชร์หน้านี้

Loading...