ชายชราผู้จุดประกาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เร่งธรรม, 8 กุมภาพันธ์ 2017.

  1. เร่งธรรม

    เร่งธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    คุณตาคนนั้นรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้แม่ผมป่วย เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนผมอายุได้18 ปี (ตอนนี้ 34)ผมเป็นเด็กเสริฟอาหารที่ภัตตาคารชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี เช้าวันนั้นผมยืนเช็ดกระจกด้านที่ติดกับถนน กับเพื่อนอีกคน สังเกตุเห็นมีชายชรา(70อัฟ)แต่งตัวคล้ายเซียนพระ(กางเกงสีเทา เสื้อขาว หิ้วกระเป๋าเจมบอน)
    ยืนห่างออกประมาณ 10เมตร คล้ายคนกะลังรอรถอยู่ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากกว่านั้น พักเดียวแกก็เริ่มชวนคุย เอไอ้หนุ่มนี่ มีกุมารทองด้วยนี่ 2องค์ มาไม้ใหนตาคนนี้(ผมคิดในใจ)แล้วตาแกก็ยิ้ม หนุ่มเอ้ย ตอนนี้แม่แกกะลังป่วยนะนี่ จะต้มรัยเราล่ะตานี่(ผมยังไม่ไว้ใจ)ตารู้ได้งัยครับ ว่าแม่ผมป่วย แกก็ว่า ที่หน้าผากของหนุ่มนะสิ มันฟ้อง แม่ลูกมันสื่อถึงกันได้นะ ไม่เชื่อลองโทรไปหาแม่สิ ว่าแม่ปวดท้องจริงมั้ย แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ แค่โรคกระเพาะน่ะ (เย็นวันนั้นผมโทรหาแม่เพื่อพิสูจน์ แม่ปวดท้องจริงครับ) ก็แม่แกกินข้าวไม่ตรงเวลานี่ แกว่าไปเรื่อย ผมชักเริ่มสนใจ เลยหยุดมือมาคุยกะแกจริงจัง แกบอกถูกหมดครับ มีศัตรูอยู่คุ้มเหนือใต้ หมู่บ้านผมเป็นอย่างไร ไร่นาผม ที่ตรงใหนลุ่ม ตรงใหนดอน ตรงใหนผลผลิตดี เลว ทั้งที่แกเป็นพูดอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ผมได้แต่พยักหน้ารับ(เพราะตรงเผง ยังกะกางแผนที่พูดทีเดียว)ตบท้ายด้วย การหันไปหาเพื่อนผมที่นั่งอ้าปากค้างด้วยความทึ่ง แล้วบอกว่า พ่อคนนี้ไม่มีอะไร ก่อนแกขึ้นรถเก๋ง ที่แกแนะนำว่า นี่หลานสาวตามารับแล้ว ตาไปก่อนนะ ขอให้หนุ่มโชคดี ก็จบแค่นี้ล่ะครับ แต่ผมสิยังจบไม่ลง เพราะการแต่งตัวของแกที่คล้าย ชาววัด ทำให้ผมคิดว่า คุณตาท่านนี้ ท่าจะได้วิชาเหล่านี้มาจากวัดแน่ๆ และหลวงพ่อคนใหนนะที่สอนให้ เราอยากรู้อย่างตาคนนี้บ้างจังเลย ก็ทำให้ผมสนใจเรื่องทำสมาธิมาเรื่อยๆครับ
    คำถาม ขอถามผู้รู้ทั้งหลายหน่อยครับ คุณตาท่านนี้ ท่านมีวิชาอะไร หรือสมาธิ อภิญญาแบบใหนหรือครับ ถึงมีความรู้แบบนั้นได้ ทั้งๆที่แค่ยืนมองผมไม่นานก็อ่านผมซะทะลุเชียว
     
  2. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,225
    ปรจิตวิชา อนาคตังสญาณ อดีตาญาณ
    เรียกง่ายๆว่าญาณหยั่งรู้ครับ
     
  3. สมิง สมิง สมิง

    สมิง สมิง สมิง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2017
    โพสต์:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +952
    คำถาม ขอถามผู้รู้ทั้งหลายหน่อยครับ คุณตาท่านนี้ ท่านมีวิชาอะไร หรือสมาธิ อภิญญาแบบใหนหรือครับ ถึงมีความรู้แบบนั้นได้ ทั้งๆที่แค่ยืนมองผมไม่นานก็อ่านผมซะทะลุเชียว

    +++ตอบ ไม่ว่าท่านลุงจะอยู่ที่ใดขณะนี้ หรือภพภูมิใด (อธิฐานจิตถึงท่าน) ขอเปิดหน่อยนะครับ
    +++โปรดใช้วิจารณญาณ คุณลุงท่านนี้มี+++
    - คุณลุงท่านได้ญาณ ๘ (กำลังของฌาน)
    ๑. ทิพยจักขุญาณ (อารมณ์จิตเป็นทิพย์ คล้ายตาทิพย์)
    ๒. เจโตปริยญาณ (กำหนดรู้วาระจิต)
    ๓. บุพเพนิวาสานุสติญาณ (ระลึกชาติได้)
    ๔. จุตูปปาตญาณ (รู้จุติและเกิดของสัตว์)
    ๕. อตีตังสญาณ (รู้อดีต)
    ๖. อนาคตังสญาณ (รู้อนาคต)
    ๗. ปัจจุปันนังสญาณ (รู้ปัจจุบัน)
    ๘. ยถากัมมุตาญาณ (รู้ผลกรรม)

    ***อนุโมทนาบุญ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2017
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เรื่องรู้ได้อย่างไรกิริยาหลักๆคือ
    จิตคลายตัวเองแล้วจิต
    ทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้ดู
    แล้วมันเหมือนๆมีตัวนำ
    ส่งออกจากจิตไปยังสิ่งนั้นๆครับ
    ซึ่งใช้เวลาแค่เสี้ยววิ และ
    ไอ้ที่รู้ๆว่าสิ่งนั้นๆเป็นอย่างไร
    เราเรียกผู้รู้ครับ ซึ่งมีวิธีการฝึก
    108 หรือเรียกอย่างไรก็ได้
    ตามแต่ทีฝึกมาครับ

    สังเกตุกิริยาดีๆนะครับ
    จิตมันนังไม่รู้อะไรหรอกครับในระดับนี้
    และผู้รู้ก็แค่
    ไปรู้สิ่งที่จิตส่งออกไปกระทบครับ
    พูดง่ายๆคือไม่มีปัญญา

    พวกนี้เราถือว่าเป็นโปรแกรมการปรุง
    แต่งของจิตอยู่ครับ ซึ่งยังไม่ใช่ทางตรง
    ด้านพุทธศสานา แต่ใช้ได้อยู่แต่ว่ายังไม่ใช่ครับ
    พุทธเราจะมาต่อเรื่องปัญญาญาน
    ที่จะไปรู้ว่ามีผู้รู้ ผู้ดู รู้กิริยามัน
    รู้กะบวนการเกิดของมัน
    และเข้าใจว่ามันยังมีตัวตนมีการปรุงแต่ง
    และที่สำคัญคือรู้เหตุ รู้ผล
    ซึ่งการเกิดกะบวนการนี้ครับ

    จิตถึงจะวาง จะละ จะคลายได้ครับ
    เพื่อให้ง่ายทางปฎิบัติเราจะบอกว่า
    แล้วๆไป รู้ก็รู้ไป ไม่ต้องไปยึด

    เพื่อให้เจ้าถึงการเกิดปัญญาญาน
    ในการรู้เหตุ รู้ผลตรงนี้ครับ
    ดังนั้น เราต้องพิจารณาดีๆ
    ว่าเราควรให้ความสำคัญตรง
    ประเด็นไหนให้ดีๆครับ

    ไม่งั้นจะทำให้เราไปติดอยู่กับ
    เรื่องที่ขวางปลายทาง จนกลายเป็นตัวเรา
    กลายเป็นเรากลืนไปกลับโปรแกรมปรุงแต่ง
    พวกนี้ ที่จะหลอกหล่อให้เราเข้าใจว่าพิเศษ
    เหนือธรรมชาติได้และ
    ติดเรื่องที่สร้างปัญญาทางธรรม
    ที่จะเป็นเหตุให้ถึงการพ้นทุกข์
    ได้อย่างคาดไม่ถึงครับ
    ปล.เข้าใจที่สื่อนะครับ
     
  5. เร่งธรรม

    เร่งธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    ขอบคุณครับ เข้าใจความหวังดีของเฮียนพครับ เป็นธรรมดาของผู้ฝึกใหม่ครับที่อยากรู้อยากเห็น ถ้ารู้เห็นได้บ้างก็พอเป็นกำลังใจว่ามีความก้าวหน้าบ้าง ส่วนเรื่องปัญญาที่จะพาหลุดพ้นนั้นนั่นแหละที่ต้องการที่สุดครับ แต่ระหว่างทางก็ไม่วายที่จะอยากได้ของแถมน่ะครับ แต่ก็ไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับตรงนี้หรอกครับ พ้นได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เอาว่าพอเข้าใจภาพรวม..
    แต่ตอบตัวเองให้ได้ในใจลึกๆก่อนนะ
    ว่าถ้ามีแล้วจะปล่อยวางได้จริงๆไหม
    และไม่คิดว่าการมีนั้นเพื่อตนเอง...
    ถ้าคิดว่าจะมี อย่ามีเพื่อตนเอง
    ให้มีเพื่อยังประโยชน์แก่ผู้อื่น
    และประโยชน์ทางธรรม...

    ไม่ว่าจะรู้อะไร ไม่ว่าจะเห็นอะไร
    ไม่ว่าจะทำอะไรได้ ไม่ว่าจะใช้ประโยชน์อะไรได้
    มีนัยยะเล่าให้ฟังดังต่อไปนี้..
    เรื่องพวกนี้ถ้ามันจะมีก็ให้มันมีไป
    เรื่องพวกนี้ถ้ามันจะไม่มีก็เรื่องของมัน
    ถ้ามันจะทำได้ก็ช่างมัน ถ้าทำไม่ได้ก็ช่างมัน
    ไม่ต้องไปอะไรๆกับมัน..

    ถ้ามีได้ก็เรื่องของมัน ถ้าไม่มีก็เรื่องของมัน..
    ถ้ามีแล้วจะใช้หรือไม่ใช้ก็เรื่องของมันอีก
    ไม่ต้องไปอะไรๆกับมัน

    ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใช้ก็เรื่องของมัน
    ถ้ามีแล้วใช้แล้วก็แล้วไป
    ไม่ต้องไปอะไรๆกับมัน...

    ถ้ามีแล้วคิดจะทำให้เกิดประโยชน์ก็ทำให้ไป
    ทำให้โดยไม่หวังผลอะไร และไม่คาดหวังอะไร
    และก็ใช้แล้วก็แล้วไปอีก

    อย่าไปคาดอะไร อย่าไปหวังอะไร
    จิตเราถึงจะมีโอกาสบังเกิดมีขึ้นได้
    อย่างที่ไม่คิดว่ามันจะมีอะไร....

    สมาธิได้แล้วมันจบ
    กำลังจิตได้แล้วก็มันจบ
    แล้วต้องมาทิ้ง มาวาง
    มันถึงจะพัฒนาขึ้นได้
    ตามเนื้อหาเดิมแท้ของจิตตน

    ทั้งสมาธิทั้งกำลังจิต
    มันถึงจะไม่ตกไม่ถอย
    เหมือนการที่แค่อยากจะมีเพื่อตัวตน
    อยากจะรู้เพื่อตัวตน อยากจะเห็นเพื่อตัวตน
    อยากจะทำให้ได้อะไรเพื่อตัวตน
    แบบที่ยังคาดหวังอะไรเพื่อตัวตนและ
    ยังไปหวังผลเพื่ออะไรๆเพื่อตัวตน..

    หวังว่าจะเข้าใจที่พูดนะ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...