ชีวิตของ ข้าพเจ้า

พี่หลงเล่นไรดึงเข้าดึงออก

 

ถ้าอ้างอิงธรรมหลวงพ่อนะ บทนี้ท่านจะกล่าวว่า

ต่อไปนี้ให้เธอลืมเรื่องการปฏิบัติให้หมด ลืมเรื่องที่อ่านมาให้หมด

แล้วให้ มาจับความรู้สึก

รู้สึกเอา มีประโยชน์กว่า

 

http://palungjit.org/showthread.php?t=121167
เพื่อนส่งเพลงมาให้ฟังครับ

 

เราไม่เข้าใจเหมือนกันถ้าเราเห็นแล้วไม่อยากอ่านต้องตามใจจิตไหมแล้วเห็นแล้วอ่านแล้วไม่อยากคิดต้องคิดไหมเห็นแล้วไม่อยากตอบต้องตอบไหม

 

พี่หลงเราชอบ

 

นั้นแหล่ะ..ก็เเค่เนี๊ย....คิดอยู่นั้น..โอเค เฮีย จบคอร์ส ไปพักได้

 

ฝากเพลงมั้ง...ให้นะจ๊ะ พร้อมเนื้อร้อง คาราโอะเกะ

http://profile.imeem.com/lvPhdL/music/9k0fvEj-/kim_hee_sun_love/

L is for the way you look at me
O is for the only one I see
V is very, very extra-ordinary
E is even more than
Anyone that you adore can -

Love is all that I can give to you
Love is more than just a game for two
Two in love can make it
Take my heart and please don't break it
Love was made for me and you

L is for the way you look at me
O is for the only one I see
V is very, very extra-ordinary
E is even more than
Anyone that you adore can -

Love is all that I can give to you
Love is more than just a game for two
Two-oo in love can make it
Take my heart and please don't break it

Love was made for me and you
Love was made for me and you
Love was made for me and you-ou...

 

จบข่าว มีอาจอย

 

ขอตัวไปสงบใจก่อนดีกว่าวันนี้ฟุ้งมากแล้ว

 

ขอบคุณอาจารณ์ทุกท่าน ที่เข้ามาแนะนำ

 

ยังไม่ถึงเวลาสงบจิตกันหรือพี่น้อง คุณสันหลง กะคุณโดดเข้ามานั่งจ้องตากันอยู่หรือ

 

ไปกันครับ คุณวัขรพงษ์
ผมเลี้ยงกาแฟคุณเอง

 

จะสองทุ่มเเล้ว เอาร่างกลับบ้านเเล้วนะครับพี่น้อง

แล้วพรุ่งนี้จะมาสิงใหม่แต่เช้า

 

น่าจะไปได้ตั่งนานแลวคับพี่น้อง

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="70%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat>ข้อความจากบอร์ด</TD></TR><TR><TD class=panelsurround align=middle>

<!-- main error message -->ในขณะนี้ Server กำลังทำงานหนัก. กรุณาลองใหม่อีกครั้ง โดยกด F5 หรือ Refresh
<!-- / main error message -->​

<!-- <input type="submit" class="button" value="กลับไป" accesskey="s" onclick="history.back(1); return false" />
--></TD></TR></TBODY></TABLE>
<!-- forum jump --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- / forum jump -->

เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:55 PM ​

 

......ฮานี้บ่าเฮ้ยยย

 

เห็นแล้ว ไม่อยากอ่าน ก็ไม่ต้องอ่าน มีสติรู้
เห็นแล้วอ่านแล้ว ไม่อยากคิด ก็ไม่ต้องคิด มีสติรู้
เห็นแล้ว ไม่อยากตอบ ก็ไม่ต้องตอบ มีสติรู้
รู้โดยไม่วิพากษ์วิจารณ์ใดๆ เพราะจะกลายเป็นรู้แล้วคิด รู้แล้วคิด อยู่ร่ำไป

ไม่ว่าจะทำอะไรก็ให้รู้ รู้ รู้ อย่างเดียว รู้อะไรก็ไม่สนใจ สักแต่ว่ารู้เท่านั้น
เมื่อถึงจุดหนึ่ง จะเข้าใจมรรคาแห่งการรู้ นั่นคือเข้าใจวิถีแห่งการเจริญสติ
แต่ก่อนหน้านั้น ต้องลองผิดลองถูกดูสักพัก
เพราะธรรมชาติของจิตเราที่ผ่านๆมา มันคิดตลอด
พอจะรู้แบบไม่คิด มันเลยฝืนๆ ต้องใส่ความเพียรเข้าไป
พอจิตเรียนรู้ การรู้แบบไม่คิด เราจะมีสติแบบไม่ฝืน
แถมยังเป็นเองโดยไม่ต้องบังคับบัญชาอะไร
ขยับตัวก็รู้ ไม่ต้องรู้ว่าขยับยังไง ท่าไหน ทิศทางไหน แต่รู้การเคลื่อนไหวก็พอ
รู้ไปรู้มา เวทนาเกิดก็รู้ เจตสิกเกิดก็รู้ ธรรมเกิดก็รู้ ก็สักแต่ว่ารู้ไปเท่านั้น

หลวงปู่ดูลย์สอนว่า "คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงรู้ แต่ก็ต้องอาศัยความคิดจึงรู้"
ขอขยายว่า ความคิดไม่ช่วยให้รู้แจ้งในธรรมได้ หยุดคิดได้ ปัญญาจึงเกิด
แต่ถ้าไม่มีความคิด ความหยุดคิดจะมีได้อย่างไร ดังนั้นจึงต้องอาศัยความคิดจึงรู้
เป็นความเข้าใจส่วนตัว โปรดพิจารณา...

 

วันนี้ ไม่มีคนถามแสดงว่าไม่มีคนคิด..เย้ๆๆๆ

ก็เลยไปดูๆๆๆกระทู้อื่นนนน...เหมียนกานนนนน

 

พุทธการกธรรม 10 = บารมี
ตรงกับคำว่า "ปรมะ" ที่แปลว่า อย่างยิ่ง หมายถึงว่า เต็มบริบูรณ์

พุทธการธรรม (ธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า) ซึ่งพระโพธิ์สัตว์องค์ก่อนๆ ได้บำเพ็ญมาแล้ว ว่ามีอะไรบ้าง และจะต้องบำเพ็ญหรือปฏิบัติต่อข้อธรรมแต่ละข้ออย่างไร

พระโพธิ์สัตว์จะพิจารณาพุทธการกธรรมทีละข้อ ๆ เมื่อพิจารณาจบแต่ละข้อ ก็จะหาต่อไปว่า ยังมีธรรมข้ออื่นที่ต้องบำเพ็ญอีกหรือไม่ ถ้าพบว่ายังมีอีก ก็จะพิจารณาต่อไปอีก จนครบทั้งหมด ๑๐ ข้อ ซึ่งก็คือ บารมี ๑๐

หรือ ทศบารมี นั่นเอง

พุทธการธรรมที่พระโพธิสัตว์พิจารณา และเห็นว่าเป็นธรรมที่ต้องบำเพ็ญเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า มีดังนี้

๑. ทานบารมี สละบริจาคสิ่งทั้งปวงเหมือนอย่างเทภาชนะน้ำคว่ำจนหมดน้ำ

๒. ศีลบารมี พึงบำเพ็ญศีลเราก็พึงรักษาศีล โดยไม่อาลัยแม้ชีวิตฉันนั้น

๓. เนกขัมมบารมี ออกจากกาม ออกจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยบ้านเรือน เหมือนอย่างมุ่งออกจากพันธนาการ

๔. ปัญญาบารมี เข้าหาศึกษาไต่ถามบัณฑิตโดยไม่เว้นว่าจะเป็นบุคคลชาติเชื้อวรรณะใด เหมือนอย่างพระภิกษุที่เที่ยวออกบิณฑบาตรรับไปตามลำดับ

๕. วิริยะบารมี พึงบำเพ็ญวิริยะบารมี เหมือนอย่าง พญาราชสีห์ ชื่อว่าพญาราชสีห์ย่อมมีความเพียร ไม่ย่อหย่อนในอิริยาบถทุกเมื่อฉันใด เราก็พึงมีความเพียรอันมั่นคงในภพทั้งปวงฉันนั้น

๖. ขันติบารมี อดทนทั้งในการได้รับยกย่อง การดูหมิ่นดูเเคลน เหมือนอย่าง แผ่นดิน ชื่อว่าแผ่นดินย่อมทนได้ต่อสิ่งของที่มีผู้ทิ้งลงไป ไม่ว่าจะสะอาดหรือสกปรกฉันใด เราก็พึงเป็นผู้อดทนต่อการยกย่องและการดูหมิ่นของคนทั้งปวงได้ฉันนั้น

๗. สัจจบารมี รักษาความจริง ไม่พูดเท็จทั้งรู้ แม้ฟ้าจะผ่าเพราะเหตุไม่พูด อย่าง ดวงดาว ดวงจันทร์ หรือดวงอาทิตย์ ย่อมไม่หลีกออกไปทางอื่น โคจรอยู่เฉพาะในทางของตนฉันใด เราก็พึงไม่ก้าวล่วงจากวิถีในสัจจะ พูดแต่ความจริงฉันนั้น

๘. อธิษฐานบารมี ตั่งใจมุ่งมั่น ไม่หวั้นไหว เด็ดเดี่ยวเหมือน ภูผาหิน ชื่อว่า ภูผาหินย่อมตั้งมั่นอยู่ได้ ไม่หวั่นไหวด้วยแรงลมฉันใด เราก็จงเป็นผู้ตั้งมั่นไม่คลอนแคลนในอธิฐานบารมีฉันนั้น

๙. เมตตาบารมี แผ่มิตรภาพไมตรีจิต มีจิตสม่ำเสมอทั้งในผู้ให้คุณหรือให้โทษ เหมือนอย่างน้ำแผ่ความเย็นไปให้อย่างเดียวกันทั้งคนดีทั้งคนชั่ว

๑๐. อุเบกขาบารมี วางจิตมัธยัสถ์เป็นกลาง ทั้งในความสุขทั้งในความทุกข์ เหมือนอย่างผืนแผ่นดิน ที่ใครจะทำอะไรก็มีความเป็นกลาง

"แต่ว่าตั้งอยู่ในใจของเราเท่านั้น พึงตั้งใจมั่นในบารมีเหล่านี้ทั้งหมด""

พุทธการกธรรมทั้ง ๑๐ ข้อนี้ทั้งอนุโลมและปฏิโลม คือจากต้นไปยังปลาย และจากปลายย้อนกลับมายังต้น

 

สวัสดี R เจ๊
<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>เอกวีร์, สันโดษ </TD></TR></TBODY></TABLE>

อยู่ดีๆยกกถานี้ขึ้นมาทำไมหนอ หรือ ค้นพบทางของตนอีกทาง