ชี้ประชาชนสับสนระบบงาน ๒ องค์กร กรมการศาสนา-สำนักพุทธฯ เร่งสร้างความศรัทธา-เอกภาพ

นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายแก่สภาวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศในการดำเนินงานด้านศาสนา ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งยังได้มีการปฏิรูประบบราชการและการบริหารงานแนวใหม่ เพื่อเป็นการจัดการบริหารประเทศในลักษณะพื้นที่เป็นหลัก ดังนั้น ได้ให้แนวทางแก่สภาวัฒนธรรมจังหวัดไปว่า จะต้องเปลี่ยนแปลงความคิดจากเดิมที่หวังจะพึ่งแต่หน่วยงานของส่วนกลาง มาเป็นเรื่องของการบูรณาการงานทางวัฒนธรรมให้เข้ากับวิถีชีวิตและองค์กรของตัวเอง ขณะเดียวกัน งานด้านศาสนานั้นจะต้องระดมทุกภาคส่วนของราชการสรุปให้ประชาชนมีความเห็นร่วมกัน คือ 1.ต้องการให้มีการเข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนครูพระสอนศีลธรรม 2.เด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะฉะนั้นจะต้องให้เด็กเหล่านี้ได้ใกล้ชิดกับผู้ใหญ่มากขึ้นและให้ใช้กิจกรรมเป็นตัวเชื่อม และเห็นควรที่จะตั้งให้เป็นกลุ่มเยาวชนอาสาพิทักษ์วัฒนธรรมไทย ซึ่งจะสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีที่ให้ปี 2548 เป็นปีส่งเสริมวัฒนธรรมไทยด้วย อย่างไรก็ตาม สภาวัฒนธรรมจังหวัด ได้แสดงความเห็นต่อระบบงานพระพุทธศาสนา มีการแบ่งหน่วยงานออกเป็นหลายส่วน ซึ่งทำให้ประชาชนส่วนมากเกิดความสับสน โดยประชาชนไม่ทราบว่าเรื่องใดจะต้องติดต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาและเรื่องใดจะติดต่อสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ขณะเดียวกัน สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบางแห่ง ยังไม่มีความเข้มแข็ง ต้องอยู่ในความดูแลของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด อย่างไรก็ตาม ควรจะต้องมีการหารือระบบการทำงานของสองหน่วยงาน คือ สำนักงานพระพุทธศาสนากับกรมการศาสนา ทั้งนี้จะต้องรีบดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะงานด้านศาสนาเป็นเรื่องของความเชื่อ