ชี้แนะแนวทางฝึกกสิณ 10 ...จากประสบการณ์ตรง

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย นายกสิณ, 2 เมษายน 2012.

  1. NICKAZ

    NICKAZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +812
    กสิณเหนือกรรมนั้นเป็นอย่างไร

    อย่างนี้น่าจะอธิบายให้ละเอียด ไม่งั้นก็ไปกันใหญ่

    ขออนุญาตเจ้าของกระทู้เล็กน้อย คือการอธิบายบางอย่าง ถ้าผู้อธิบายกับผู้ฟังมีพื้นฐานกันคนละแนวทาง บางครั้งก็อาจจะพิจารณากันลำบาก ยิ่งแนวทางในสายฤาษีที่มีสิ่งที่เป็นแนวทางปฏิบัติที่หลายท่านอาจไม่คุ้นเคย ดังนั้น บางที การอธิบายไป อธิบายมา ก็เป็นการไม่รู้จักจบ จักสิ้น เพราะเหตุจากแนวพื้นฐานที่แตกต่างกัน

    เรื่องของสมาธิไม่ได้มีเพียงแนวเดียว เพราะนอกจากแนวของพระพุทธเจ้าแล้ว ยังมีสมาธิในแนวอื่นๆอีก เช่น แนวฤาษี แนวโยคี แนวพราหมณ์ แนวพวกลัทธิบูชาไฟ (ชฎิล) และอื่นๆอีกมากมาย ดังนั้น ผู้ฝึกสมาธิในแนวสายอื่นๆ นอกจากแนวของพระพุทธเจ้า ท่านผู้นั้นอาจมีความเห็นแย้งกับความเชื่อของท่านที่ศึกษาในแนวพระพุทธศาสนา ก็ไม่แปลก

    ออกตัวก่อนว่าผมก็เป็นพวกความรู้น้อย ด้อยปัญญา การปฏิบัติก็ยังไม่ได้เรื่อง ได้ราวนั่นล่ะ แต่ก็อยากจะร่วมเสวนา แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับท่านสมาชิกบ้าง ในฐานะผู้ฝึกฌานนะครับ

    ทีนี้มาดูกันว่ากสิณเหนือกรรมนั้นเป็นอย่างไร

    ท่านสมาชิกที่เคยผ่านการฝึกกสิณมาบ้าง โดยเฉพาะในหมวดของภูตกสิณ 4 คือกสิณดิน น้ำ ลม ไฟ ในระหว่างการฝึก คงจะเคยต้องน้อมนำจิตใจให้เข้าถึงธรรมชาติของธาตุนั้นๆ ในเวลาที่ฝึกกสิณในแต่ละกอง มากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่ระดับขั้นของผลสำเร็จที่ผู้ฝึกแต่ละท่านจะพึงปฏิบัติได้

    การฝึกกสิณในหมวดของภูตกสิณ 4 จะมีลักษณะพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง คือ ถ้าฝึกได้ถึงขั้นแล้ว จะสามารถควบคุมธาตุทั้ง 4 ได้ดังใจ จึงเป็นที่มาของการอธิษฐานเพื่อใช้กำลังของกสิณในรูปแบบต่างๆนั่นเอง

    รูปแบบของการใช้กำลังของกสิณมีอยู่ 2 อย่าง กล่าวคือ

    1.การใช้ผลของกสิณโดยอาศัยกำลังของผู้ฝึกปฏิบัติเอง วิธีการนี้จะใช้กำลังของผู้ฝึกเพียงอย่างเดียว โดยอาศัยกำลังสมาบัติกำหนดผลที่ต้องการ อันนี้จะมีขีดจำกัดของตัวเองอยู่ ขึ้นอยู่กับกำลังของสมาบัติของผู้ฝึกเอง

    2.การใช้ผลของกสิณโดยหยิบยืมพลังจากธรรมชาติ ในข้อนี้นับว่ามีความสำคัญมาก เนื่องจากธาตุทั้ง 4 นั้นเป็นของที่มีอยู่ตามธรรมชาติอยู่แล้วและมีพลังอยู่ในตัวของตัวเอง วิธีการนี้ผู้ฝึกจะไม่สร้างพลังของธาตุต่างๆเอง แต่จะหยิบยืมพลังจากธรรมชาติโดยตรง พลังอันนี้มีอยู่อย่างมหาศาล การใช้งาน จะใช้ได้เพียงใด ขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมพลังที่หยิบยืมมา ถ้ามีความสามารถมาก ก็ยืมพลังมาใช้ได้มาก ถ้ามีความสามารถน้อย ก็ยืมพลังมาใช้ได้น้อยลงไปตามส่วน

    บางครั้ง บางที หากผู้ฝึกไม่มีความสามารถในการควบคุมพลังที่หยิบยืมมาจากธรรมชาติได้มาก ก็จะมีตัวช่วย โดยการใช้พลังจากธรรมชาติ โดยอาศัยบารมีของครูบาอาจารย์เข้ามาช่วยด้วย ในบางครั้งพวกเรานักปฏิบัติในสายพระพุทธเจ้า คงจะเคยได้ยินมาว่าการอธิษฐานโดยขอบารมีของ "พระ" ให้ช่วย นั่นเอง

    ดังนั้น การใช้กสิณหยิบยืมพลังของธาตุทั้ง 4 จากธรรมชาติมาใช้งาน จึงมีความสำคัญ เพราะสามารถใช้พลังได้อย่างมหาศาล

    ทีนี้ มาพิจารณาถึงประเด็นของการเจ็บป่วยทางร่างกาย ทีมีการโยงถึงกสิณ และมีการพูดถึงเรื่องของกฎแห่งกรรมเข้ามาด้วย

    การเจ็บป่วยทางกายนั้น เชื่อกันว่าเกิดจากการไม่มีความสมดุลกันของธาตุทั้ง 4 ได้แก้ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อธาตุทั้ง 4 ไม่มีความสมดุล ก็จะก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยทางกายแสดงให้ปรากฏขึ้นมา

    การเจ็บป่วยทางกายนั้น มีสาเหตุมาจากหลากหลายสารพัน อาจเป็นจากวาระความเสื่อมของร่างกายตามอายุขัยเอง หรือจากการกระทำโดยเจ้ากรรมนายเวร หรือจากผลกรรมอื่นๆ ก็แล้วแต่ประเด็น ที่ทำให้เกิดความไม่สมดุลของธาตุทั้งสี่ในร่างกายขึ้นมา แล้วก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยทางกายเกิดขึ้น

    ทีนี้ถ้าผู้ฝึกกสิณ ถ้าสามารถควบคุมธาตุทั้ง 4 ได้ดังใจ หากประสงค์ให้ธาตุทั้งสี่ในร่างกายตนเองหรือผู้อื่นที่อยู่ในสภาพไม่สมดุล (ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วย) กลับมาอยู่ในสภาพสมดุล (อาการเจ็บป่วยหายไป) ก็อยู่ในวิสัยที่ทำได้

    กำลังของกสิณ โดยเฉพาะกำลังที่หยิบยืมมาจากธรรมชาติ เป็นพลังที่มหาศาล หากประสงค์จะทำให้ธาตุในร่างกายอยู่ในภาวะสมดุล ย่อมจะเป็นไปตามความประสงค์นั้น แต่วิธีการนี้ เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เนื่องจากต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา ยังไม่ได้รับการแก้ไข คือการใช้กำลังของกสิณในการแก้ไขอาการเจ็บป่วยของร่างกายนั้นโดยไม่สนใจกรรม คือเข้าไปแก้ไขความผิดปกติเลย โดยที่ต้นเหตุก็ยังคาราคาซังอยู่ ดังนั้น บางท่านจึงกล่าวว่า กสิณนั้นอยู่เหนือกรรม

    กำลังกสิณนั้นไม่สนใจเจ้ากรรมนายเวร เจ้ากรรมนายเวรนั้นไม่อาจต้านทานพลังของกสิณที่ใช้พลังของธรรมชาติ ซึ่งมีพลังมหาศาลกว่ามาก อาจต้องยอมล่าถอยออกไป แต่แน่นอนว่าความพยาบาท อาฆาต จองเวรนั้นก็ยังมีอยู่ บางครั้งอาจมากกว่าเดิม จึงกล่าวได้ว่า การใช้กสิณแก้ปัญหา เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่เกิดผลเป็นปัจจุบันอย่างฉับพลันเป็นที่น่าพอใจ

    ที่ผมพยายามอธิบายก็เพื่อจะเชื่อมโยงให้เห็นว่า ทำไมถึงมีผู้กล่าวกันว่ากำลังของกสิณนั้นอยู่เหนือกรรม

    แต่ถึงแม้จะกล่าวกันว่ากำลังของกสิณอยู่เหนือกรรม แต่ผู้ใช้กำลังของกสิณก็ยังอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมอยู่ดี

    ดังนั้น ผู้ฝึกอภิญญา จะถูกตักเตือนโดยครูบาอาจารย์อยู่เสมอว่า ห้ามไปใช้กำลังของอภิญญา กำลังของกสิณ กำลังของสมาบัติ ในเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎแห่งกรรม เพราะหากกระทำเช่นนั้น จะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอย่างประเมินไม่ได้ เนื่องจากเรื่องของกรรม เป็นเรื่องซับซ้อน ยากที่จะทำความเข้าใจได้อย่างรู้แจ้ง แทงตลอด

    การฝึกอภิญญาเอง ก็ต้องมีการยอมรับนับถือในกฎแห่งกรรม กฎแห่งธรรมชาติทั้งหลายเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว หากทำใจยอมรับในเรื่องพื้นฐานแบบนี้ไม่ได้ การฝึกอภิญญาก็ไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ

    บุคคลชั้นพระอริยเจ้า อภิญญาเกิดขึ้นได้ง่าย ในขณะที่ปุถุชน (ผมคนหนึ่งล่ะ) เฝ้าฝึกอภิญญาเอาเป็นเอาตาย ก็ไม่ค่อยได้อะไร ก็เพราะว่าพระอริยเจ้า ท่านมีโลกุตรธรรม โลกุตรฌาน เป็นเครื่องรับประกัน อภิญญาจึงเกิดได้รวดเร็วต่อเนื่อง แต่ปุถุชน คนธรรมดา แม้จะทรงฌานโลกีย์เป็นปกติวิสัย แต่จิตใจยังมีความโลเล ไม่แน่นอน ไม่คงตัว อภิญญาจึงเข้ามารวมตัวได้ยากกว่า

    ดังนั้น การใช้กำลังของกสิณ เพื่อรักษาการเจ็บป่วยของร่างกาย โดยการควบคุมให้ธาตุทั้ง 4 เกิดความสมดุล ซึ่งจะทำให้หายป่วยโดยทันทีทันใด แม้จะเป็นวิธีที่ได้ผลดี แต่ครูบาอาจารย์มักจะห้าม ไม่ให้ไปทำอย่างนั้น เพราะจะเข้าข่ายไปก้าวล่วงในเรื่องกฏแห่งกรรมโดยตรง สิ่งที่พอจะทำได้คือ การใช้กำลังของสมาธิ รักษา ประคอง ไปตามสภาพของอาการไป ส่วนเรื่องเจ้ากรรมนายเวร ก็ต้องเป็นเรื่องของแต่ละคน ที่จะต้องไปชดใช้ ชดเชย ทำความตกลงกับเจ้ากรรมนายเวรของตนเอง

    อย่างที่ทางพระท่านว่า "กัมมุนา วัตตติ โลโก" สัตว์โลกทั้งหลายต้องเป็นไปตามกรรม นั่นละครับ

    เรื่องของอาการเจ็บป่วยทางกายกับกำลังของกสิณ อันนี้เป็นตัวอย่างของเรื่องกำลังของกสิณที่กล่าวกันว่าอยู่เหนือกรรม แต่อย่างลืมว่า แม้กำลังของกสิณจะอยู่เหนือกรรม แต่ผู้ใช้กสิณก็ยังคงอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรมนั่นเอง

    นอกจากเรื่องของการเจ็บป่วยกับกำลังของกสิณแล้ว ยังมีเรื่องอื่นๆอีก ที่เกี่ยวเนื่องกับกำลังของกสิณ แต่ผมเห็นว่าจะเกินเลยประเด็นของกระทู้ไป ก็ขอร่วมเสวนากันแค่นี้ก่อน

    ก็ขอจบการเสวนาเพียงเท่านี้ก่อนครับ ทั้งหมดมาจากประสบการณ์ปฏิบัติ หากมีส่วนใดที่เข้าใจผิดพลาด ก็ต้องขออภัยและขอท่านผู้รู้ได้โปรดตักเตือน ชี้แนะ สั่งสอนแนวทาง ความรู้ที่ถูกต้องให้กับผู้ที่มีความรู้น้อย และปฏิบัติไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ราวอย่างผมด้วย ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ

    ปล.ถึงเจ้าของกระทู้ จากที่เข้ามาคุยในคราวที่แล้ว ยังฝึกการถ่ายเทพลังความร้อนจากธาตุไฟ เข้าสู่ใบดาบอยู่เสมอนะครับ รู้สึกว่าดาบอยู่ในมืออัดไฟเข้ายากกว่าดาบที่ไม่ได้อยู่ในมือเสียอีก ธาตุไฟอันที่จริงก็ควบคุมไม่ยากเท่าไหร่ เพราะเหตุที่ไฟไร้รูป ไม่มีรูปทรงที่แน่นอน มีความวูบวาบในตัวเอง การควบคุมก็เลยไม่ต้องมีรูปแบบที่เป็นแบบแผนมากมายนัก สามารถพลิกแพลงไปตามสะดวก ทำให้เกิดความง่าย แต่ในความง่าย ในความไร้รูป ในความวูบวาบของไฟ ตัวของไฟเอง ก็พร้อมที่จะเล็ดลอด ออกจากการควบคุมได้ทุกเมื่อเหมือนกัน ดังนั้น การเล่นกับไฟจึงต้องระวังและมีสติอยู่เสมอ

    ถ้าสามารถเอาไฟมาเป็นเพื่อนกันได้ สามารถทำให้ไฟยอมรับที่จะอยู่กับตัวเราได้ เมื่อนั้นการควบคุมธาตุไฟตามความประสงค์ ไม่น่าเป็นเรื่องยาก ซึ่งการจะทำให้ธาตุไฟยอมรับในตัวเราได้ คงต้องพยายามฝึกซ้อมกันไปเรื่อยๆ เพื่อผลสำเร็จตามที่ต้องการต่อไป
     
  2. ekkapon.ch

    ekkapon.ch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +257
    สิ่งที่อยู่มีการกล่าวอ้างในหนังสือถ้ามันไม่มีอยู่จริงคงไม่มีใครตาบอดไปทำตามหรอก ก็หนังสือเป็นแนวทางให้ทำตาม ส่วนจะได้ผลรึไม่อีกเรื่องนึง ขึ้นอยู่กับบุคคล ผมไม่ได้คิดว่าคุณนับถือศาสนาอะไร แต่ในทะเบียนบ้านคุณนะ นับถือศาสนา พุทธ คนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ต้องเหนื่อยกับคำพูดสิ่งที่ตัวเอง ไฟสุมแกลบใจร้อนระวังโรคหัวใจ แล้วก็รู้สึกปวดหัว เจริญในธรรม ขอให้มีความในการปฏิบัติ บ๊าย..บาย
     
  3. popeye6530

    popeye6530 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +12
    มันก็ ใช้อะครับ คนเรามีจริตแตกต่างกัน เพราะงั้นการที่จะลองผิดลองถูก มันก็ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ที่สุดแล้วผมก็ว่าแล้วแต่ความถนัดความชินของแต่ละคน เพราะยังไงสุดท้ายทุกคนก็ต้อง ร่วมลงสู่จุดๆเดียวกันอยู่ดีไม่ว่าจะมาแบบไหนก็ตาม ^^
     
  4. popeye6530

    popeye6530 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +12
    ใช่ครับเวลาที่เราเข้าสู่ฌานได้แล้วหรือฝึกแบบกสิณได้แล้วย่อมมีกำลังของปิติและความกระปี้กระเปล่าของร่างกายออกมา แต่ก็ไม่ได้ให้เกิดความเป็นทุกหรือรำคาญมากมายนักถ้าหากเราปรับตัวเข้ากับพลังที่เกิดขึ้นได้ ^^ (ในช่วงแรกอาจจะมึนงงหน่อย)
     
  5. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    สิ่งที่พวกคุณรู้มา รู้มาจากไหน รู้มาจากการอ่านมามากใช่ไหมหรือจากคำบอกเล่า
    แต่สิ่งที่ผมรู้และรู้มานั้น เกิดจากการปฎิบัติทั้งสิ้น นั่นย่อมแตกต่างกับพวกคุณๆทั้งหลาย
    และเมื่อมีการสนทนากันหรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ย่อมมีความแตกต่างอย่างมากมาย
    ทุกวันนี้ผมถึงคุยกับใครไม่รู้เรื่องเหมือนคุยกันคนละภาษา ผมคุยแนวทางปฎิบัติที่สัมผัสมากับตนเอง แต่พวกคุณมักจะยกอ้างเหตุผลจากหนังสือ หรือคำบอกเล่า ที่เล่าต่อๆกันมา
    แล้วไม่คิดบ้างหรือว่าสิ่งที่คุณกล่าวอ้างนั้นจะต้องถูกเสมอ
    เมื่อปฎิบัติเท่านั้น คุณถึงจะรู้ว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด และจะรู้ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องถามคนอื่น
     
  6. ลูกพุทธธะ

    ลูกพุทธธะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,179
    ค่าพลัง:
    +4,787
    การฝึกกสินก็เป็นกรรมไม่ใช่หรือครับ เพียงแต่เป็นกรรมดี มีอานุภาพมากเพราะต้องใช้ความอดทนอย่างสูงมีผลบุญมาก จึงมีแรงกรรมเหนือกรรมอื่นอื่น สำหรับผมไม่มีสิ่งใดเหนือกรรมได้ ต้องยอมรับมัน และผ่านมันไปให้ได้ ตามธรรมที่สมเด็จพ่อสั่งสอน เพื่อออกจากทุกข์ ไม่ต้องกลับมาอีก เบื่อแล้ว พอแล้ว.........โปรดแนะนำการฝึกกสินผมก็ฝึกกสินไฟเช่นเดียวกัน ................ผู้ที่นำฤิทธิ์กสินมาใช้ทำร้ายผู้อื่นมีโทษหนักกว่าผู้อื่นเป็นล้านเท่า มันเป็นกฏ............
     
  7. jate2029

    jate2029 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +729
    อืม ในเมื่อ ไม่ฟังใครเลย เก่งขนาดนี้ ถ้าอยากรู้ว่า ที่ผมบอกไปนั้น ของจริง
    หรือ เปิดตำรา มาบอก จะลองดูซักตั้งมั้ยล่ะครับ ด้วยฤทธิ์ ที่นาย คิดว่าแน่นอน
    จนอยาก โอ้อวดออกมานั้น มาเท่าไหร่ ลองดูได้นะครับ มันอาจจะเปิด กะลา
    ของนายออกมาบ้างก็ ยังดี ถ้าคิดว่าแน่ ก็เชิญนะครับ เต็มที่เลย เราจะรอ
     
  8. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,145
    ค่าพลัง:
    +1,960
    แหมเมื่อรู้วาเขาผู้นั้นเป็นยังไงเราก็อย่าเถียงเขาเลยเสียเวลาเปล่าๆจริงไหม:cool:
     
  9. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,117
    ค่าพลัง:
    +2,136
    อ่านแล้วทำให้คิดได้เหมือนว่า ท่านกสิณ เป็นผู้ที่ปฏิบัติเป็นคนเดียวในโลก เชียวหละครับ คนอื่นนี่ เป็นพวก หนอนหนังสือ อ่านตำราหมด ไม่มีใครปฏิบัติเป็นเลย แม้แต่คนเดียว

    เอ้า ไหนๆ ก็ลากกันมาขนาดนี้แล้ว จริงๆ ผมกะจะไม่พูดด้วยนะเนี่ย แต่ถ้าถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องบอกสักหน่อย

    ผู้ทรงศีลท่านนึง ได้ฟังเรื่องของท่านกสิณ ที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว ท่านบอกว่า "อาตมา ให้เอาเตโชกสิณ มาเผาจีวรอาตมาเลย ทำได้หรือไม่"
    เท่าที่ทราบมา ผู้ทรงศีลท่านนี้ รักษาพรหมจรรย์มาตั้งแต่เกิด
    ท่านกสิณ ว่าอย่างไรครับ
     
  10. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    พี่ฝึกอาปานุสติเปล่าครับผมฝึกไม่ได้ฌานเสียที จริงๆฝึกแบบไม่จริงจังไรมาก ไม่ได้นั่งเป็นชั่วโมงนั่ง ไม่ถึงสิบนาทีก็เลิก แล้วก็ดูลมหายใจตอนนอน ตอนยืนบ้างไรพวกนี้อ่าครับ

    ผมมีความสนใจกสินน้ำอ่าครับ กับกสินอากาศอยากจะหายตัวครับ สอนหน่อย
     
  11. โลน้อย

    โลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +701
    ใครเก่งเรื่องกสินช่วยสอนผมหน่อย
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ผมชอบความคิดเห็นคุณ. NICKAZ นะครับ
    ส่วนกสิณเป็นไงไม่ทราบทำไม่เป็น...
    แต่ลักษณะพลังงานถ้าอัดด้วยกสิณ. ดิน นำ้ ลม ไฟ อากาศ จักรวาล
    ใส่วัถตุ. คิดว่าผมพอบอกได้ จากการไปขอทดสอบด้วยตัวเอง
    จากปู่ท่านหนึ่ง. แต่คิดว่าทำให้สมาธิมั่นคงดีถ้าทำได้จริงๆนะครับ
     
  13. constantin4115

    constantin4115 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +22
    สมกับเป็นห้องอภิณญาจริงๆ คุยกันได้ยังไม่นาน ท้าประลองกันซะแร๊ะ(deejai)(deejai)(deejai)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2012
  14. สาระมั้ง

    สาระมั้ง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    เหตุการณ์ในบอร์ดนี้ ผมไม่สนใจไม่หนักใจไม่เครียดนะเพราะมันเป็นเหตุการณ์ปกติของบุคคล2 ฝ่าย ผมจะรับเอาแต่เรื่องดี ๆ เท่านั้น,

    ผมสนใจการฝึกกสิณไฟ ครับ แต่ผมไม่ชอบเพ่งไฟ นะครับแต่ผมพอจำความรู้สึกร้อนไฟ การเคลื่อนไหว แต่ก็แยกไม่ออกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอะไรคืออะไร ก็นานแล้วที่ไม่ได้นั่งสมาธิเลยครับ ช่วงนี้ผมในกายผมร้อนทุกวันร้อนแปลกๆ ไม่รู้เกี่ยวไหม .. อยากได้แนวทางที่สามารถเริ่มต้นดี ๆ seya_spinner@live.com ถ้าสะดวกบอกทางนี้ก็ได้ครับ

    ขอบคุณมากครับ ,,
     
  15. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    ถ้าไม่เพ่งอารมณ์จะไม่เกิด เรารู้จักไฟดีแล้วแค่ไหนถึงไม่เพ่งไฟ
    การที่เราจะเกิดอารมณ์ไม่ว่ากสิณใดๆก็แล้วแต่ เราต้องรู้จักเค้าให้ดีเสียก่อน
    ถ้าจะปฎิบัติจริงๆแล้วล่ะก้อ ผมอยากให้ทำตามคำแนะนำที่บอกไว้แล้วในกระทู้นี้ ฤทธิ์จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ เราปฎิบัติมาถูกทาง (ฤทธิ์มากบุญ-บารมีมาก เหมือนเงาตามตัว)ใช้ตัวเรานี่แหละเป็นตัวทดสอบว่าสิ่งที่ผมบอกมานั้นจริงหรือไม่ ถ้าเราไม่ลองแล้วจะรู้ได้ไง...หวัดดี
     
  16. popeye6530

    popeye6530 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +12
    ท้าประลอง โอ้ ! ถ้าจะมันส์ ประลองยุทธ55+ สำหรับโลกียะอภิญญา ก็เรื่องปกติอะครับ ที่จะต้องมีเล่นกันมั่ง แต่คงไม่ร้ายแรงขนาดที่ลืมเนื้อลืมตัวว่าตัวเองเป็นใครหรอกนะ แค่คงจะแกล้งๆกันเล่นหรือแหย่ๆ กันเล่นสำหรับคนที่ชอบลองของ 555+ เป็นเรื่องปกติ
     
  17. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,145
    ค่าพลัง:
    +1,960
    เห็นเงียบไปเลยนี่นาถ้าคนจริงต้องกล้าพิสูจน์แล้วสินะ
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=nKAjaw6w3wE]Itachi Amaterasu - YouTube[/ame]
     
  18. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    ไม่มีความคิดเห็น.....................
     
  19. siwapongg

    siwapongg สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +9
    ยังมีอัตตา ยังมีโทสะ ยังมีโมหะ จะเสียเวลาศึกษาธรรมมะไปทำไม เชือดไก่ในวัด ขัดหม้อในปลัก ตักแกงใส่กระโถน โยนข้าวใส่บาตร ดูตัวตนก็สามารถคาด จะมีความสามารถได้ขนาดใด
    แบะฮู้ๆๆทิ้งเถอะครับ อัตรา เอ๊ย อัตตา บายกิ๊วๆ แบะฮู้ๆๆๆ
     
  20. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,145
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ถ้าเก่งจริงถ้าแน่จริงคงแสดงและทำลายคำสบประมาทของคนอื่นไปแล้ว ไม่ว่าด้วยประการใดก็ตาม

    แสดงว่าไม่แน่จริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...