"ชื่นใจว่าเราได้บวชเรียน" ตามรอยอดีตพระ "ปอ" นิสิตจุฬาฯ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 19 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ชื่นใจว่าเราได้บวชเรียน" ตามรอยอดีตพระ "ปอ" นิสิตจุฬาฯ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>19 กุมภาพันธ์ 2554 10:46 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>หากเปรียบเทียบกับ วันวาเลนไทน์ กับ “วันมาฆบูชา” ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ มักไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่งที่พุทธศาสนิกชน(ชาวพุทธ) สะท้อนให้เห็นได้ว่าพื้นฐานความเป็นวัฒนธรรมไทยวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับสภาพสังคมของไทยได้ถูกกลืนไปทุกวันเวลา แน่นอนว่าเราก็ไม่ได้ปฏิเสธค่านิยมใหม่ๆ เพราะมันเป็นประโยชน์และสามารถเอามาพัฒนาการดำเนินชีวิตให้มีคุณภาพที่ดีได้ แต่ในขณะเดียวกันที่เราเป็นห่วงก็คือว่าความเชื่อค่านิยม วัฒนธรรมที่มันเป็นตัวหล่อเลี้ยงสังคมไทยให้อยู่ร่วมกันโดยปกติสุข มันเริ่มลดลงไปตามกระแสสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความเอื้ออาทร การกตัญญูรู้คุณ การให้เกียรติ แม้แต่การเคารพซึ่งกันและกัน ก็จะต้องมีอยู่ หรือแม้กระทั่งการให้ความสำคัญตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา

    ด้วยเหตุนี้ กลุ่มศานติธรรม ฝ่ายวิชาการ สโมสรคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ธรรมสถาน จุฬาฯ จึงจัดตั้ง "โครงการบรรพชาและอุปสมบท ภาคฤดูร้อน ณ วัดเขาแผงม้า อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา" เพื่อส่งเสริมให้นิสิตได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมได้อย่างถูกวิธีและต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง จนสามารถน้อมนำหลักธรรมมามาใช้ให้เกิดผลจริงเพื่อความสงบสุขของตนเอง ผู้อื่น และสังคมโดยรอบ พร้อมทั้งชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตที่ชอบตามหลัก พระพุทธศาสนาอันเป็นการเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม และเป็นโอกาสให้ได้ฝึกฝนจิตใจอย่างเต็มที่ ปัจจุบันโครงการดังกล่าว จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 20 และกำลังเปิดรับสมัครผู้ที่ประสงค์จะบวชเรียนในโครงการบรรพชาและอุปสมบทหมู่ ภาคฤดูร้อน ครั้งที่ 21 ประจำปี 2554 ระหว่าง 14 มีนาคม - 16 เมษายน 2554 นี้


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=338 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=338>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>“ปอ” สมทัศน์ อย่างสุข นิสิตชั้นปี 5 คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตพระหนุ่ม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ทั้งนี้ Life on campus มีโอกาสได้พูดคุยกับ “ปอ” สมทัศน์ อย่างสุข นิสิตชั้นปี 5 คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตพระหนุ่ม อีกหนึ่งเยาวชนที่ให้ความสำคัญทางพระพุทธศาสนา ด้วยการเข้าร่วมโครงการบรรพชาและอุปสมบท ภาคฤดูร้อน ครั้งที่ 20 ประจำปีการศึกษา 2553 ที่ผ่านมา

    ปอ บอกว่า โครงการบรรพชาและอุปสมบท ภาคฤดูร้อน เป็นวิชาเรียนพุทธรรมปฏิบัติ ในภาคฤดูร้อนของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ ในหมวดวิชาการศึกษาทั่วไป ในกรณีที่นิสิตยังสะสมหน่วยกิตในหมวดวิชาการศึกษาทั่วไปไม่ครบ โดยจะมีพระอาจารย์จากทางวัด และ คณาจารย์จากคณะแพทยศาสตร์จุฬา ฯ เป็นผู้ดูแล และนอกจากนี้ ก่อนเข้าร่วมกับทางโครงการ ตนต้องเตรียมพร้อมทั้งกาย วาจา ใจให้พร้อมกับการอุปสมบทในครั้งนี้

    “ต้องเริ่มฝึกปฏิบัติตั้งแต่ ทานอาหารมื้อเดียวตอนเช้า ตอนบ่ายดื่มน้ำปานะ หรือน้ำผลไม้ ฝึกร่างกายให้เคยชินด้วยตนเองก่อนบวชอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ฝึกท่องบทขานนาคและคำขอบรรพชา อุปสมบท ให้คล่องแคล่ว พร้อมทั้งศึกษาศีล 227 ข้อและพระวินัย จากนั้นเตรียมใจและเตรียมกายให้พร้อมในการนั่งคุกเข่าให้ได้ถึง 20 นาที เพื่อสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น และเดินจงกรม หลังจากนั้นก่อนบวช 7 วัน ต้องทำการปลงผม,นุ่งขาวห่มขาว, ถือศีล 8 นอนในกุฏิหญ้าคาคนเดียว และเดินบิณฑบาตเท้าเปล่า ช่วยงานวัดและพระอาจารย์ โดยมีการแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆมีพระพี่เลี้ยงดูแล ก่อนที่จะอุปสมบท และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ที่จะบวชต้องเตรียมพร้อมกายและใจ”


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>โครงการบรรพชาและอุปสมบท ภาคฤดูร้อน ณ วัดเขาแผงม้า อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>หลังจากได้บวชเรียน ณ วัดเขาแผงม้า อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ครั้งนี้ ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตของปอ ในฐานะลูกผู้ชายที่ได้ทำหน้าที่ทดแทนบุญคุณบิดามารดา แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาเพียง 45 วัน ทำให้นิสิตหนุ่มคนนี้ได้เรียนรู้หลักธรรมคำสอนมากมาย

    "ผมมองว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะการที่เราได้มีโอกาสได้เกิดเป็นคนในชาติหนึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก และในฐานะที่เราเป็นลูกผู้ชายแล้ว นับว่าเป็นโอกาสที่ดีจะได้เรียนรู้หลักธรรมคำสั่งสอนในทางพระพุทธศาสนา อย่างใกล้ชิดผ่านการบวช ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้บวชตลอดชีวิต แต่การบวชเรียนแม้ว่าเป็นเพียงระยะเวลาสั่นๆ ประโยชน์โดยตรง ทำให้เราเข้าใจตนเองให้มากขึ้น มีหลักธรรมในการดำเนิน มันจะเป็นประโยชน์ในการทำงาน การเรียน การใช้ชีวิต แม้กระทั่งการครองเรือนในอนาคต และเรายังมีโอกาสได้ทดแทนคุณของบิดามารดา สะสมบุญบารมีความดีในภพชาตินี้ และที่เป็นประโยชน์ทางอ้อมคือ การได้ช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป"

    กิจวัตรของพระภิกษุที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว เริ่มตั้งแต่เวลา 03.00 น. ตื่นนอน เวลา 3.30 น.นั่งสมาธิ 1 ชั่วโมง สวดมนต์ทำวัตรเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องต่อสู้กับความง่วงมาก จึงต้องมีความอดทนที่จะเอาชนะใจตนเองให้ได้ เวลา 05.45 น. จัดสถานที่ฉัน บิณฑบาท พระที่มาถึงวัดก่อนให้ถ่ายบาตรออก เสร็จแล้วกวาดใบไม้ บริเวณวัดเตรียมน้ำล้างเท้าพระอาจารย์ จัดอาหาร ประเคนอาหารจากโรงครัว เวลา 07.40 น. นั่งสมาธิ (เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ) เวลา 08.00 น. ตักอาหารที่โรงครัว ล้างบาตร ทำความสะอาดโรงฉัน ทำความสะอาดบริเวณกุฏิ เวลา 10.00 น. ศึกษาธรรม 1 ชม. โดยพระอาจารย์จะเป็นคนสอนเรื่อง ศีล 227 ว่าเป็นอย่างไร มีที่มาอย่างไร และสอนหลักธรรมของพระพุทธศาสนา

    เวลา 14.00 น. นั่งสมาธิ 1 ชม. เวลา 15.00 น. กวาดใบไม้ในบริเวณวัด + จัดที่ฉันน้ำปานะ เวลา 16.00 น. ฉันน้ำปานะ เวลา 17.00 น. เดินจงกรม 1 ชม. ฝึกการทำใจให้สงบ โดยพระอาจารย์ให้นับก้าวที่เราเดิน ฝึกการมีใจจดจ่อกับตนเอง ฝึกสมาธิ เวลา 19.00 น. นั่งสมาธิ 1 ชม. สวดมนต์ทำวัตรเย็น เป็นการฝึกความมั่นใจ และสิ่งสำคัญที่ได้คือ เมื่อเราสอนให้คนอื่นทำดีเราเองต้องทำให้ได้ด้วย และเวลา 22.00 น. กลับกุฏิทำเพียรส่วนตัว ต้องนอนในกุฏิมุงหญ้าคาคนเดียวตอนกลางคืนที่มืดมาก ที่ไม่มีไฟฟ้า ฝึกการเอาชนะความเงียบและกลัว เป็นโอกาสฝึกตนตามลำพังเช่น นั่งสมาธิ,สวดมนต์


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=338 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=338>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>กุฏิมุงหญ้าคา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>“ช่วงแรกของการบวชเรียน สิ่งที่ต้องปรับตัว และฝึกตนมากที่สุด คือ การตื่นนอนที่เช้ามาก แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน เราก็สามารถปฏิบัติได้อย่างไม่รู้สึกว่า การตื่นนอนเป็นสิ่งลำบากหรือยากเกินไป แต่กลับเป็นการฝึกความรับผิดชอบ ความตรงต่อเวลา และสิ่งที่เรียนรู้จากการบวชครั้งนี้คือ การบิณฑบาท ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สอนให้เข้าใจว่า เมื่อเราเป็นฝ่ายรับของจากญาติโยมที่ทำบุญ เราต้องเป็นผู้ให้ที่ดี คือ ต้องตั้งใจปฏิบัติธรรมตอนบวชให้เต็มที่เพื่อเป็นการตอบแทนคุณที่อุปถัมภ์เรา และการบิณบาทนั้นเป็นการสอนให้รู้จักความอดทน เพราะการเดินเท้าเปล่าและระยะทางค่อนข้างที่จะไกลมาก"

    "นอกจากนี้การตักอาหารจะเริ่มตักจากพระผู้ใหญ่มาถึงผู้น้อย โดยใจใส่อาหารทุกอย่างลงไปในบาตรอันเดียว และจะมีโอกาสที่จะตักอาหารได้ครั้งเดียวเท่านั้น ในส่วนนี้จะสอนให้เราหลายอย่างมาก เช่น การฉันอาหารเฉพาะในบาตรเดียว (ไม่มีจานแยก) ไม่มีการแยกจานเป็นอาหารคาว หวาน ต้องรวมกัน สอนให้เราเป็นคนที่เรียบง่ายและเข้าใจว่าอาหารเป็นสิ่งที่เราบริโภคเพื่อมีชีวิตอยู่เท่านั้น และในขณะที่ฉันอาหารพระอาจารย์จะมีโจทย์มาให้ เช่น กลืนอาหารทั้งหมดกี่ครั้ง, เคี้ยวกี่ครั้ง ,ให้คนอาหารคาวหวานที่อยู่ในบาตรรวมกัน และช่วงท้ายของโครงการจะมีการเดินทางไปยังวัดป่าเฉลิมพระเกียติ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน โดยจะให้ไปไปกลดในป่าและเดินธุดงค์ เป็นการทดสอบจิตใจและการเรียนรู้ธรรมตลอดการบวชของโครงการที่ผ่านมา”


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=338 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=338>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เดินบิณฑบาตเท้าเปล่า </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สิ่งที่สำคัญที่สุดในการบวชเป็นหมู่คณะครั้งนี้ ทำให้ปอ ได้พบกับกัลยาณมิตรที่ดี รู้จักการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจกัน ในเมื่อมีคนในหมู่คณะท้อถอย และได้เรียนรู้ว่า “ในเมื่อคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้เหมือนกัน” สรุปคือการเอาชนะใจตนเอง

    “สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการบวชเรียนครั้งนี้มากที่สุดคือ “การเรียนรู้,เข้าใจและเอาชนะใจตนเอง” เพราะโอกาสที่เราจะได้อยู่กับตนเองนั้นน้อยมาก ถึงแม้ว่าเราคิดว่า เราอยู่คนเดียว หรือทำงานคนเดียว เพราะเวลาเรามีปัญหาต่างๆเกิดขึ้น เราไม่เคยที่จะมองตนเอง มักจะโทษกับสิ่งรอบข้าง เช่น งาน เพื่อน แล้วก็ทุกข์ใจเอง ไม่สบายใจ การบวชทำให้เราได้อยู่กับตัวเรามากขึ้น ต้องเอาชนะสิ่งต่างๆ ต้องมีสมาธิ ความอดทน อดกลั้น ที่จะเอาชนะความโกรธ ความขี้เกียจ ความเหนื่อย ความกลัว และอุปสรรคต่างๆ เพราะสุดท้ายสุดเราจะเข้าใจว่า “ต้นเหตุของปัญหาต่างในชิวิตส่วนใหญ่ก็คือ ตัวเราเอง” หากเราเข้าใจและเรียนรู้จิตใจของเราแล้ว เราก็จะสามารถใช้ชิวิตในสังคมหลังจากลาสิกขาได้อย่างมีความสุข”

    ปอ ยังไม่ลืมที่จะเอาหลักธรรมคำสอน มาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน และประยุกต์ใช้ในการเรียน โดยเริ่มจากการรู้ใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันให้มีความสุขได้อย่างเรียบง่าย โดยมองที่คุณค่าทางจิตใจมากกว่าทางวัตถุ เข้าใจปัญหา รู้จักวิธีทางแก้ไขต่างๆ เรียนรู้ความอดทน อดกลั้น และการเข้ากับผู้อื่น สามารถแยกเยอะสิ่งที่ดี-ชั่ว และการปฏิบัติตนให้เป็นคนที่ดีของสังคมได้ และที่สำคัญ ปอกลายเป็นคนใจเย็นมากขึ้น ค่อยคิดๆทำ ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหาต่างๆ

    “ผมตั้งใจที่จะเรียนรู้หลักธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่งที่มีมีโอกาสบวชได้ แต่สิ่งสำคัญในการบวชครั้งนี้คือ การที่จะได้เรียนรู้และทำความเข้าใจตนเอง ฝึกการชีวิตที่เรียบง่าย ซึ่งจะส่งผลให้เราเข้าใจตนเองได้มากขึ้นและสามารถดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข”


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ท้ายนี้ ปอ ยังถือโอกาสแนะนำ นิสิต นักศึกษาและเยาวชนทั่วไปที่ตั้งใจอยากบวชเรียนหรือในช่วงภาคฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้ว่า เป็นการใช้ชิวิตนิสิตนักศึกษาในช่วงที่ศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยที่คุ้มค่ามากที่สุด เปรียบกับการเรียนวิชาชิวิตในช่วงซัมเมอร์ เป็นการเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆที่ดีและเป็นช่วงเวลาที่เราจะมีโอกาสที่จะได้บวชได้นานที่สุด ก่อนที่เราจะจบเป็นบัณฑิตที่ดีของสังคมต่อไป

    สิ่งแรกเราต้องถามจิตใจตนเองว่า “เราพร้อมที่จะเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงที่จะเอาชนะใจตนเองหรือไม่” เราสามารถหมู่คณะที่เราจะบวชด้วยได้เปล่า ความศรัทธาในหลักธรรมพระพุทธศาสนา หากเราบวชด้วยใจที่ถูกบังคับหรือไม่สมัครใจ การบวชนั้นอาจไม่มีความหมายใดๆเลยก็ได้ เพราะการถูกบังคับ ทำให้เราไม่มีเป้าหมายและไม่อยากที่จะเรียนรู้อะไรเลย

    ส่วนทางกาย การบวชนั้นย่อมทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไป ไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่ที่บ้าน เราต้องพร้อมที่เรียนรู้ชีวิตจากความลำบาก การมีศีลเป็นข้อดำเนินชิวิต การที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเรีบยง่าย และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การบวชไม่ได้สำคัญที่ต้องจัดงานมีพิธีใหญ่โต มีแขกเพื่อนฝูงร่วมงานมากมาย แต่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่ “ผู้ที่จะบวช” เองเท่านั้นเอง"

    ถือว่าเป็นเด็กรุ่นใหม่คนหนึ่งที่ระลึกและให้ความสำคัญทางพระพุทธศาสนา และมีความตั้งใจที่จะศึกษาหลักธรรมตามหลักพระพุทธศาสนา ในฐานะของพุทธศาสนิกชน และปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีต่อเยาวชนไทยอีกหลายคน


    ------------------

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9540000022100
     
  2. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    บวชกันเถอะเราเศร้าไปทำไม พระศาสดาได้หาทางการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดให้แล้วคือการบวชคือการตัดทุกอย่างไม่ต้องห่วงอะไรอีกให้เราแล้ว ฉะนั้นใครที่บวชได้บวชเลยนะครับละซะหาทางนิพพาน ส่วนผมก็อยากบวชแต่มีเรื่องที่จะรับผิดชอบอยู่จะทิ้งไปไม่ได้ ได้แต่หวังว่าซักวันคงได้บวชและเดินทางตามหาหนทางนิพพานอย่างเต็มกำลัง แต่ถ้าใครที่มีโอกาสได้บวชหรือตัดได้ก็ดีคำ อยากเห็นประเทศไทยมีพระอริยเจ้าเยอะที่พึ่งจะได้เยอะๆ คนไทยจะได้จิตใจดีเพราะอยู่ใกล้พระอริยเจ้าสังคมจะได้ดีขึ้นๆ
     
  3. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    การได้บวชเพื่อทดแทนพระคุณของบิดามารดาผู้ให้กำเนิดผู้เลี้ยงดูเรา ถ้าจะให้ดีแล้วนั้นในระหว่างการบวช เราจะต้องทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าการถือศีล 227 ข้อ ซึ่งเป็นเรื่องยาก แต่ที่สำคัญนั้นก็คือการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ให้ถูกต้อง การทำวัตรเช้าวัตรเย็น การบิณฑบาตร การสวดมนต์ การชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องใส สิ่งที่จะลืมไม่ได้ภายหลังการสึกไปแล้วนั่นก็คือ การทำทานบุญ ศีลบุญ และภาวนาบุญ เพื่อให้สามารถอยู่กับโลกอย่างมีความสุข ตามหลัก "โลกียธรรม" ธรรมสำหรับปุถุชนชาวโลก ประกอบด้วย เบญจศีลเบญจธรรม , พรหมิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) , สังคหวัตถุ 4 (ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตตา, ฆราวาสธรรม 4 (สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ) บางครั้งเราอยากจะให้เป็นไปตามคำสั่งสอนทางพระพุทธศาสนา แต่สิ่งที่เราพบเจอกับสังคมหลังจบการศึกษาและหลังการบวชเรียน การไม่เป็นไปตามที่เราคิด ทั้งนี้เพราะสังคมโหดร้ายเกินไปสำหรับผู้ที่อ่อนแอ ผู้ที่ผิดหวัง ผู้ที่โดนหลอก ผู้ที่ไม่สามารถหางานทำได้ ทั้งนี้เพราะเราลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด กุญแจไขความสำเร็จ นั่นก็คือ การอธิษฐานร้องขอ คนไทยยังไม่เข้าใจกับเรื่องการอธิษฐานร้องขอ ว่าจะต้องปฏิบัติทุกทุกวันอย่าให้ขาด หลังจากการทำบุญแล้วเราต้องอธิษฐานร้องขอ การทำบุญไม่เพียงแต่ทานบุญ แต่ยังมี ศีลบุญ และภาวนาบุญ อย่าใจร้อนว่ากระทำแล้วยังไม่เห็นผล ทำไปเรื่อยเรื่อย บุญจะค่อยค่อยนำพาไปถึงจุดเป้าหมายแห่งการร้องขอเองแหละ คนไทยใจร้อน ทำปุปจะให้บังเกิดผลปัป พอไม่ได้ดังใจก็หยุดทำหยุดเชื่อถือ ขอให้เรามั่นคงในพระพุทธศาสนา มั่นคงในการทำความดี ใจบุญสุนทาน รู้จักการอธิษฐานร้องขอด้วยความศรัทธา ลงมือปฏิบัติอย่างจริงใจและจริงจัง แล้วความสำเร็จจะตามมา ห่างไกลจากการคบคนไม่ดีคนพาล ห่างไกลจากยาเสพติด ห่างไกลจากสิ่งของทำให้มึนเมาทั้งหลาย ห่างไกลจากการเล่นการพนัน ห่างไกลจากการทำความชั่ว สิ่งทุกสิ่งสามารถแก้ไขได้ สามารถกลับตัวได้ สามรถปรับปรุงตัวได้ จงอยู่กับโลกอย่างไม่ติดในโลก และโรค
     
  4. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    อนุโมทนากับคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->namotussa<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4394626", true); </SCRIPT> ครับเห็นด้วยทุกประการเลย ถ้าหากว่าต้องการจะบวชให้พ่อให้แม่ เราได้บวชน้อยใช้เวลาในวัดน้อยก็ควรทำให้เต็มที่และทำให้ดีที่สุดเรียกว่าชีวิตนึงจะได้เป็นพระทั้งที อยากให้เป็นพระจริง ให้สมกับที่ฆราวาสกราบไหว้ไปเลยครับ พ่อแม่เราจะได้อานิสงฆ์มากๆกันนะครับ
     
  5. peerayuth

    peerayuth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,003
    ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ผมเองมีโอกาสได้บวชแล้วครั้งหนึ่งในชีวิต และเป็นการบวชที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผมครั้งยิ่งไหญ่

    ก่อนหน้าที่จะได้บวชนั้นผมก็เป็นเหมือนกับชาวพุทธผิวเผินทั่วไปที่รู้แค่เปลือกของพระพุทธศาสนา แม้กระทั่งเรื่องนรกสวรรค์ หรือพระพุทธเจ้าก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อยว่ามีจริง เชื่อแต่ในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งการตัดสินใจที่จะบวชของผมครั้งนั้นยอมรับว่าไม่ได้เกิดเพราะศรัทธาในพระพุทธศาสนาเลย แต่เพียงต้องการบวชให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายเพื่อทดแทนคุณท่านตามประเพณีนิยมเท่านั้น

    แต่ทว่า การบวชศึกษาที่วัดบวรนิเวศวิหารของผม ซึ่งต้องเข้าเรียนปริยัติธรรมเป็นเวลา 2 อาทิตย์นั้น ถือว่าเป็นการปูพื้นทางพระพุทธศาสนาให้ผมเริ่มมีความศรัทธาอย่างมาก เพราะโดยนิสัยพื้นฐานของนักเรียนปริญญาเอกและนักวิจัยแล้ว ผมจะเป็นคนชอบวิเคราะห์และศึกษาค้นคว้าเรียนรู้ในสิ่งแปลกใหม่ และการที่จะเรียนรู้อะไรผมก็มักจะเจาะลึกในรายละเอียด โดยเห็นเป็นสิ่งท้าทายให้ชวนรู้ ดังนั้น เมื่อผมได้ศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้แล้ว จึงทำให้ทราบว่าหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านทรงแสดงนั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่งกว่าความรู้ทั้งปวง เป็นการแสดงหลักเหตุและผลที่ลึกซึ้งแจ่มชัดในเชิงปรัญชาและการดำเนินชีวิต

    ผมบวชที่วัดบวรฯ เป็นเวลา 3 อาทิตย์จึงได้สึกเพื่อกลับไปเรียนต่อที่อเมริกา หลังจากสึกแล้ว จะเรียกได้ว่าผมเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนที่เคยใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ตามอำนาจกิเลส กลับกลายเป็นคนที่ยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นแนวทางดำรงชีวิต เลยเรียกได้ว่าเริ่มเข้าสู่กระแสทางธรรมอย่างเต็มที่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    ยังตั้งใจไว้เลยครับว่าเรียนจบแล้วอยากจะกลับไปบวชอีกครั้ง คราวนี้ขอตั้งใจบวชเพื่อปฏิบัติกรรมฐานอย่างเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2011

แชร์หน้านี้

Loading...