ช่วยวิเคราะห์ให้หน่อยครับว่าถูกหรือผิด

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย แต้อุดม, 10 กรกฎาคม 2017.

  1. แต้อุดม

    แต้อุดม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2017
    โพสต์:
    48
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +373
    ต้องขอแสดงตัวก่อนนะครับว่า ผมเป็นพระภิกษุนะครับ พึ่งบวชได้ 6 วัน และขอแทนตัวเองว่า เจ้า นะครับ
    คือเจ้าจะรบกวนสอบถาม เรื่องการฝึกสมาธินะครับ เจ้าเองไม่ได้เก่งหรือรู้เยอะ เพียงแต่ฝึกภวานาไปเรื่อยๆมาตลอด แนวการฝึก ก็ อานาปานสติ เจริญสติ เดินจงกลม เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อคืนเจ้า นอนพิจารณากาย พิจารณาอสุภะ พิจารณาไปเรื่อยๆ จนรู้สึกมีสมาธิก็เลยไปอานาปานสติต่อ ก็ภวานาจนสามารถดูลมแบบธรรมชาติได้โดยไม่อึดอัด ไม่บังคับลม ขอเกริ่นคั่นเวบาสักนิสนะครับ คือช่วงเย็นตอนนั่งสมาธิหลังทำวัตรเสร็จ เจ้านั่งสมาธิไม่ได้เลย ก็เลยนั่งหายใจทิ้งไปเรื่อยๆ จิตก็เลยไปคิดถึงเรื่องตอนไปฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง ช่วงฝึกไม่ได้เห็นอะไรกับเค้ามากนักหรอกครับ แต่วันสุดท้ายช่วงท้ายๆ คือคิดว่าไปไหนไม่ได้ก็เลยนั่งจับลมหายใจจนสมาธิดิ่งลงเหมือนจะหลับ อยู่ๆก็รุ้สึกเหมือนตัวเองถูกดูดลงไปในอะไรสักอย่างแล้วก็ถูกฉุดขึ้นมาไปโผล่นะที่ๆนึง จะเป็นที่ไหนนั้นก็ จุดๆๆๆ นะครับ^_^
    ทีนี้มาต่อครับ พอคิดถึงช่วงฝึกมโนเต็มกำลังก็หวนคิดถึงคำสอนที่ว่า ให้จำอารมณ์ตอนไปให้ได้ ก็มานั่งย้อนคิดถึงอารมณ์ทบทวนทุกขั้นตอน คิดไปคิดมาก็สรุปเอาเองว่า "อารมณ์ความรู้สึกจะหลับ" ช่วงที่กำลังนั่งอยู่ก็เลยลองดูว่า มันคือะไรแบบไหน มันก็รู้สึกง่วงๆนะครับ แต่ก็ไม่หลับไม่กล้าหลับด้วย อายโยมที่มาถือศีล 8 ที่วัดกันเยอะเลย แต่ระหว่างนั่งทดลองไปเรื่อยๆก็ไปจับบางอย่างได้หน่อยนึง แต่มาๆหลุดๆนะครับ เจ้าอธิบายไม่ถูกนะครับว่ามันคืออะไรลักษณะไหน แต่ยืนยันว่าเจ้าไม่ได้หลับนะครับ จนกลับมาที่กุฏิ เจ้าก็ทำกิจของสงฆ์เสร็จก่อนจะนอนก็ภวานาอย่างที่เขียนไปตอนต้น เจ้าก็เลยมุ่งไปจับอารมณ์ตรงนั้นต่อ ทีนี้มาง่ายกว่า เร็วกว่า ชัดกว่า แต่ก็หลุดบ่อย จับได้แป๊บๆก็หลุด แต่อารมณ์ความรู้สึกนี้ หลังๆอยากให้มาก็มา จับได้แป๊บๆก็ไปอีก จนรอบสุดท้าย เริ่มจับอารมณ์จับความรู้สึกตรงนั้นอีก จับจนตั้งอยู่ได้นาน เริ่มเห็นชัด ลืมบอกครับว่าความรู้สึกนี้จะปรากฏอยู่ช่วงกึ่งกลางศรีษะ พอเริ่มจับได้นานขึ้น ความรู้สึกจากแค่ที่ศรีษะก็วิ่งไปทั่วทั้งตัว แล้วความรู้สึกต่างๆด็ดับวูบไปชั่วระยะสั้นๆ อยู่ๆก็ พรึบบบ โผล่ขึ้นมา แต่ไม่ใช่ตัวเจ้าแล้วนะ มันเป็นดวงๆ เป็นประกาย เป็นแฉก ลอยเคว้งคว้างอยู่แบบนั้น ส่วนความรู้สึกก็ยังมีอยู่นะ แต่รุ้สึกแค่ มันปีติ มันสุขจนแบบไม่เคยพบมาก่อน แต่ก็ไม่นานครับ อยู่ๆก็รู้สึกหนัก จากที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นดวงๆก็เริ่มรู้สึกกลับมาเป็นรูปเป็นร่างเหมือนเดิม แต่ประกายรอบตัวยังมี ปีติยังมี หลังจากนั้นก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก มันหนักๆ เหมือนจะขาดใจตายเสียเดี๋ยวนั้น ตอนนั้นตกใจ เจ้าก็เลยรีบถอยสมาธิ คือ ถอยแบบพยายามยัดเยียดลมหายใจกลับมา จนรู้สึกถึงลมหายใจก็เลยพรวดเดียวอัดลมหนักๆยาวๆ เจ้าก็ตกใจนะครับ ว่าคืออะไร แต่ก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ก็เลย ฝึกกายคตาสติต่อ แล้วก็ดูลมหายใจจนหลับ แต่ก็มีนะครับ ลองเข้าไปจับความรู้สึกตรงนั้นต่อพอนึกปุ๊บอารมณ์ความรู้สึกนั้นก็มาเลย แต่ก็ไม่กล้าแล้วครับ ตั้งใจว่าค่อยลองใหม่วันอื่นดีกว่า เช้ามาเจ้าก็ทำกิจของสงฆ์ปกติ ก็มีแว็บบบ ไปจับอารมณ์ความรู้สึกนั้นดูว่ายังสามารถจับได้ไหมในเวลาทำงาน ก็ยังจับได้นะ แต่มาน้อยมากไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เจ้าเองก็อธิบายไม่ถูกนะครับว่า ความรู้สึกตรงนั้นคืออะไร ลักษณะยังไง แค่รู้ว่ามันอยู่กึ่งกลางศรีษะ คืนนี้ก็คิดว่าจะลองทำดูใหม่ครับ แต่เปลี่ยนจากนอนเป็นนั่งดู
    แต่ถ้าโยมสมาชิกเข้ามาอ่านแล้วเห็นว่ามันเป็นการฝึกที่ผิด หรือหลงแนวทางก็ชี้แนะตักเตือนได้ เจ้าน้อมรับทุกคำแนะนำและคำตักเตือนครับ
    - ปิยสีโลภิกขุ
     
  2. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
    คนที่ฝึก อานาปานสติ หรือ
    การฝึกตามดูลมหายใจ เข้า ออก
    เราจะเพ่ง สมาธิจิต ไปที่ จมูก
    ต่อมา คำภาวนาจะหายไป คือ เข้าญานหนึ่ง
    ต่อมา ความรู้สึกว่าลมเข้า ลมออก จะหายไป คือ เข้าญานสอง
    ต่อมา ปิติจะเกิด ความอิ่มเอิบแผ่ซ่าน คือ เข้าญานสาม
    ต่อมา ความรู้สึก เกือบทั้งหมด จะหายไป เหลือเพียงแผ่วๆ
    คือ เข้าญานที่สี่

    ทีนี้การเข้าญานทุกอย่าง
    หากไปเอาจิตไป จับความรู้สึก
    ตรงนี้จะเรียก การฝึก อรูปญาน

    ส่วนอาการที่เหมือน เหมือน
    วูบดับไป แล้วสว่างขึ้นมาใหม่
    คือ อาการของการ เข้าญานสี่
    แล้ว จิตสลับไปเข้า อรูปญานที่สี่ คือ ชั้นจิต
    ซึ่งมันห่างชั้นกันเกินไป
    จะสังเกตุได้จาก ที่ท่านเห็น ร่างของตนเอง
    กลายไปเป็น จิตดวงหนึ่ง
    จะมีแสงสว่างแวววาวเหมือนเพชร
    แสดงว่า ท่านมีอภิญญาด้านการถอดจิต
    และ ท่านเคยสำเร็จ อรูปญานทั้งสี่ขั้นมาแล้ว
    มาชาตินี้ จึงทำได้อย่างง่ายดาย นั่นเอง


    ส่วนวิธีแก้ก็คือ
    1 ฝึกเข้าออกญานให้เป็นระบบ
    ตั้งแต่ รูปญานที่หนึ่ง ถึง อรูปญานที่สี่
    เมื่อเข้าก็ให้เรียงตามลำดับญาน
    เมื่อจะออก ก็ให้ถอยออก ตามลำดับเหมือนกัน
    2 หาอาจารย์ที่สอนอรูปญาน หรือ
    ฝึกตามเทปของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    แล้วฝึกด้วยตนเอง ได้ผลอย่างไร ค่อยมาเล่า
    3 อรูปญานของคุณ จะไม่ใช่ อรูปญานทั่วไป
    แต่จะเป็นชนิด อากาส วิญญาน ใจ จิต
    เมื่อจะเข้า อรูปญานที่หนึ่ง ให้ภาวนาว่า อากาสๆๆๆๆๆๆๆ
    เมื่อจะเข้า อรูปญานที่สอง ให้ภาวนาว่า วิญญานๆๆๆๆๆๆ
    เมื่อจะเข้า อรูปญานที่สาม ให้ภาวนาว่า ใจๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    เมื่อจะเข้า อรูปญานที่สี่ ให้ภาวนาว่า จิตๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    เมื่อภาวนาว่า อากาส ก็ให้ทำความรู้สึกไปว่า
    เราคืออากาส
    เมื่อภาวนาว่า วิญญาน ก็ให้ทำความรู้สึกไปว่า
    เราคือตัวรับรู้ถึงอากาส
    เมื่อภาวนาว่า ใจ ก็ให้ทำความรู้สึกไปว่า
    เราคือใจที่ควบคุมตัวรับรู้
    เมื่อภาวนาว่า จิต ก็ให้ทำความรู้สึกไปว่า
    เราคือจิตที่ควบคุมใจ
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เอาฝึกเจริญสติให้ต่อเนื่อง
    สะสมกำลังสมาธิให้เพียงพอ
    จนสามารถแยกรูปแยกนามให้ได้ก่อนครับหลวงพี่

    เรื่องเดินปัญญา เรื่องกรรมฐานกองอื่นๆค่อยว่ากัน
    เพราะถ้าตรงนี้ยังไม่ได้
    ต่อให้เดินปัญญาก็เป็นแค่ปัญญาทางโลก
    ต่อให้ฝึกกรรมฐานอะไรก็สำเร็จได้ยาก
    แม้สำเร็จได้ ก็ใช้ไม่ดี และก็จะเสื่อมได้
    และอาจจะไปยึดติด นามธรรม สัมผัสต่างๆได้
    อย่างไม่รู้ตัวครับ

    ช่วงนี้ไม่ว่าอะไร เอาจนกระทั่งแยกกายแยกจิต
    อย่างเด็ดขาดชั่วคราวให้ได้ก่อน
    และบังคับจิตให้มันอยู่ในร่างกายให้ได้ก่อนครับ
    จิตมันถึงจะแยกรูปแยกนามได้ครับ
    นมัสการครับ
     
  4. แต้อุดม

    แต้อุดม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2017
    โพสต์:
    48
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +373
    ตอนนี้ก็เน้นเจริญสติมากกว่าอย่างอื่นตามที่โยมอาจารย์ว่าเลยครับ
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เปนพระ. ขออนุญาติให้กรรมฐานจากพระก่อน

    หลวงพ่อพุธ พระป่า ในกรณีนี้ ท่านจะแนะสั้นๆ
    ให้อาสัย. ระลึก รำพึงขณะเจอ สภาวะ ที่ทำให้
    ใส่เกียรถอยหลังว่า

    "หากยังมี รู้ ไม่ตายหรอก"

    ลองเอาไปพิารณาดูนะขอรับ. ถ้าเหนว่าน่าสนใจ
    ก้จบกาคอ่านไปเลย. อย่าอ่านต่อเด็ดขาด





    ถ้าได้ยินคำพระ. แต่ไม่สามารถบริหารกรรมฐานเยี่ยง
    นักรบ พระ. ได้

    ก้ต้องอาสัยธรรม. จากปากฆราวาส ซึ่งร้อยละร้อย
    จะมี ความกำหนัด. แฝงเปนข้าศึก. ท่านต้องพิจารณา
    "เหตุ". ที่มีแน่นอน ตรงนี้ด้วย ไม่ว่า. วลีจะดูห่างกิเลส
    แค่ไหน. ก้ไม่ใช่ฐานะจะเปนไปได้ ที่ไม่แฝงกำหนัด

    พระคุณเจ้า. ระลึกตรงหน่วงๆ. กลางหน้าผากอะไร
    นั่นให้คล่อง. แล้วอย่าสับปิติห้องกรรมฐาน แค่นั่ง
    กับนอน

    ให้ลองหน่วง ขณะเดินจงกรม แบบเดินปรกติ ไม่เอา
    เดินแบบนกกระยาง. สภาพอึดอัด ที่ทำให้ถอยจาก
    การปฏิบัติ จะมา ขณะเดิน

    อย่าถอย. อย่าหนี

    ท่านจะเหนสภาวะ. อานาปานสติ ที่ไม่ไปเกาะลม เปน
    เพียงการระลึกได้ถึง. อาการหมายรู้ลมแปรปรวน
    หกลักษณะ. โดยที่กายเบา. จิตเบา. หายใจปรกติ
    มนุษย์

    ซึ่งจะทำให้ทราบชัด. อานาปานสติของปลอมที่
    เปนกสิณมุ่งหยุดหายใจเหลิอแต่จิต. เปนดวงสว่าง

    กับ. อานาปานสติพุทธ. ซึ่งเปน. สุญญตาสมาธิ
    อนิมิตสมาธิ และ อัปณิหิตสมาธิ

    พอแยกแยะ. อานาปานสติพุทธ. นิมิตดับหมด
    ไม่มีจุด. ไม่มีแสง. ไม่มีดวง. ไม่มีแบ่งคาบเวลา
    ปฏิบัติ

    กับ. อานาปานสติของปลอม. ที่จะแบ่งการปฏิบัติ
    ออกเปนช่วง. ก่อนนอน ก่อนทำวัตร หลังบิณฑบาตร
    หลังเสวนาธรรม. ก่อนสมาทานอสุภะ. หลังสมาทานอสุภะ
    ก่อนวูบ หลังวืดไปปรากฏโน่น นั่นนี่ ก่อนเหน ก่อนเสวนา. ก่อนชมวิมาน ก่อนให้และรับ สมบัติ ก่อนพยากรณ์ตน. ก่อนสิ่งอื่นกล่าวสรรเสริญ

    อุปทานกินสถานเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2017
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ไหนๆ ก้ ไหนๆ แล้วนะขอรับ

    ขออนุญาติ กราบเรียนอีกนิดหน่อย

    พระวินัยพระ. หากอยู่ในที่บวชใหม่ไม่ครบ
    ห้าพรรษา. ห้ามออกนอกวัด. ไปจำพรรษา
    ที่อื่น. ( จำมาจาก. ประวัติพระ)

    แล้ว

    เรื่องราวภายในของ. หมู่สงฆ์ จะดี ไม่ดียังไง
    ห้ามเอามาปรึกษา. ข้างนอก

    ถ้ามี ฆราาส. วิจารณ์พระ. กรรมในการไม่มี
    โอกาสได้บวช. จะเกิดขึ้นกับ. ฆราวาสทึ่วิจารณ์สมณะ

    ท่านจะบวชยาก. บวชแล้วก้จะไปเจอ ฆราวาสแต่งตัว
    เปนพระ

    กงกรรมกงเกวียน.

    อาสัยเปน. ธรรมเตือน. ปฏิสังเวที หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้

    ..........
    ..........


    /\ _0_ /\ _0_ /\ _0_
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ยกตัวอย่าง สภาวะธรรม. อันเปน. ข้าศึก
    ที่จะเกิดกับการถามคำถาม กรรมฐานจากฆราวาส
    ทุกรูปนาม

    คือ. อาการเชื่อตาม คำบอกกล่าวของฆราวาส
    แล้วน้อมไปทดลองปฏิบัติ

    ยาพิษบางอย่างจะเกิด. ความกำหนัดบางอย่าง
    จะเกิดแน่นอน. คือ. อารมณ์เหนว่า ฆราวาสสอนธรรมได้

    ความกำหนัดจะสะท้อนไปที่ อยากสึก. ทุกครั้งที่
    ล้มเหลว. รู้ทุกข์ ลืมกำหนดรู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2017
  8. แนน จันทบุรี

    แนน จันทบุรี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +82
    กรณาทำความเข้าใจก่อนนิด เมื่อก่อนพระพุทธเจ้าท่านทำอย่างไร ท่านเอาคำบริกรรมภาวนามาจากไหน ทีนี้ ก็ตัดปัญหาเถียงกันเรื่องคำบริกรรมภาวนา ส่วนตัวใช้คำบริกรรมภาวนา พุธ-โธ เพื่อให้จิตเป็นสมาธิติดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งก่อน แล้วมีสติสัมปะชัญญะเพิ่มขึ้น ๆ ๆ เอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...