ซาลามัท ดาตัง...ยลเสน่ห์มาเลเซีย

"ซาลามัท ดาตัง" อาจเป็นคำทักทายแรกที่ได้ยิน หลังผ่านเข้าแดนดินถัดจากสุดปลายด้ามขวานของไทย อันหมายถึง "ยินดีต้อนรับ" สู่ประเทศมาเลเซีย

การเดินทางครั้งนี้มีจุดสิ้นสุดยังกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศ สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยความอลังการของตึกรามบ้านช่องรูปร่างแปลกตา ประกอบไปด้วยอาคารสูงหลายสิบชั้น แฝงความสะอาดสะอ้านไว้ทุกซอกมุม ด้วยเหตุนี้ทำให้กัวลาลัมเปอร์ได้รับการยอมรับว่าเป็นนครหลวงที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่ง

กรุงกัวลาลัมเปอร์ อยู่ในรัฐเซลังงอร์ เป็นเขตการปกครองพิเศษของมาเลเซีย ความหลากหลายของประเทศทำให้การปกครองแบ่งได้ถึง 13 รัฐและเขตปกครองพิเศษอีก 3 เขต เฉพาะจำนวนประชากรในนครหลวงมีสูงถึง 2 ล้านคน

การโดยสารเครื่องบินน่าจะเป็นตัวเลือกที่ประหยัดเวลามากที่สุด ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเศษ เจ้านกยักษ์ก็ร่อนลงจอดยังท่าอากาศยานที่ขึ้นชื่อว่าทันสมัยมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก "KLIA" พิสูจน์ได้จากรถไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยระบบคอมพิวเตอร์รับส่งผู้โดยสารระหว่างอาคารภายในสนามบิน แต่ระยะทางจากสนามบินเข้าเมืองหลวงอาจไกลสักหน่อยเพราะกินระยะทางราว 50-70 กิโลเมตร <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

ระหว่างทางเข้าเมืองหลวง มีด่านให้ชำระค่าผ่านทางหลายจุด รวมแล้ว 6-7 ริงกิต คิดเป็นเงินไทย 600-700 บาท

เรื่องสภาพอากาศของที่นี่คล้ายกับภาคใต้ของไทย ลักษณะร้อนชื้น อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 20-30 องศาเซสเซียส

จุดเด่นที่มาแล้วไม่ควรพลาดเห็นจะเป็นตึกเปโตรนาส ตึกแฝดที่รับประกันความสูงไว้เป็นที่สุดในโลกด้วยความสูง 452 เมตร จำนวน 88 ชั้น รวมถึง "เคแอลทาวเวอร์" หรือหอโทรคมนาคม ที่รับประกันความน่ามองด้วยความสูงของหอในอันดับ 4 ของโลก ทั้งสองแห่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของมาเลเซียก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของเมืองจะมองเห็นยอดตึกทั้งคู่เสมอ <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=2><TBODY><TR bgColor=#ffffe8><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

ข้อแนะนำสำหรับการชมตึกทั้ง 2 แห่ง คงต้องอยู่ห่างตึกพอสมควร เพื่อเก็บความสูงของตึกไว้ในเฟรมได้ทั้งหมด

อีกแห่งที่ไม่ควรพลาด คืออนุสาวรีย์แห่งชาติมาเลเซีย หรือ National Monument ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ด้านในมีอนุสาวรีย์รูปปั้นคนขนาดใหญ่ สร้างแบบลอยตัวด้วยบรอนซ์จากอิตาลี

โดยรอบอนุสาวรีย์มีน้ำพุประดับ ร้อยเรียงด้วยอนุสาวรีย์ป้ายรำลึกวีรชนที่สร้างขึ้นเป็นแท่งสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ แต่ละด้านของป้ายรำลึกสลักชื่อเหล่าวีรชน

สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ผู้กล้าในช่วงปราบกลุ่มจีนคอมมิวนิสต์ เมื่อถึงวันชาติจะมีผู้คนมาร่วมไว้อาลัยโดยการนำสัญลักษณ์ดอกป๊อปปี้สีแดงสดมาวางเรียงอันเป็นภาพที่น่าบันทึกไว้

หากเหนื่อยนักแวะพักเติมพลัง อาหารพื้นเมืองของชาวมาเลย์มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่นาซี เลมัค (Nasi Lemak) อาหารมุสลิมที่หน้าตาคล้ายกะเพราไข่ดาวบ้านเรา ประกอบด้วย ข้าวที่หุงด้วยกะทิสด ปลาเล็กปลาน้อยผัดผสมเครื่องเทศ ไข่ต้ม เนื้อไก่คล้ายกับมัสมั่น แตงกวา และเครื่องเคียงที่รสชาติคล้าย "กิมจิ" หรืออีกเมนูเป็นกุ้งทอดราดซอสสูตรมาเลย์ ชื่อว่า อัสซัม พรอนส์ (Assam Prawns) ให้รสชาติคุ้นลิ้นพอควร

แวะสัมผัสประวัติศาสตร์ของชาติและสิ่งน่าอัศจรรย์ของเมืองแล้ว หากจะจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อของฝากคงไม่พ้น SURIA KLCC ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ย่านถนนบูกิตบินตัง เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนม หากหมดเวลากับการเลือกซื้อสินค้าไปพอควร ก่อนอาทิตย์ลับขอบฟ้าเลือกนั่งรับลมเย็นด้านหลังอาคาร SURIA KLCC ก่อนค่อยกลับที่พัก

มนต์เสน่ห์มาเลเซีย...หวังว่าสักวันคงได้กลับไปเยือน
http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03tou03141249&day=2006/12/14