เรื่องเด่น ฌาน... ความสุขในพระพุทธศาสนา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Phanudet, 9 มิถุนายน 2009.

  1. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ท่านครับ ท่านลองอ่านพระสูตรที่มีท่านอื่นยกมาสักร้อยรอบพันหน ก็จะรู้ว่าแตกต่างกันยังไง
    "เราอยู่มากด้วยสุญญตวิหารธรรม
    เปรียบเหมือนปราสาทของมิคารมารดาหลังนี้
    ว่างเปล่าจากช้าง โค ม้า และลา
    ว่างเปล่าจากทองและเงิน ว่างจากการชุมนุมของสตรีและบุรุษ
    มีไม่ว่างอยู่ก็คือสิ่งเดียวเฉพาะภิกษุสงฆ์เท่านั้น
    ฉันใด ดูกรอานนท์ ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกันแล"

    อ่านแล้วพิจารณาแปลดีๆ หรือใช้ปัญญาพิจารณาให้ดีๆ อย่าเอาความคิดอื่นใดมาปรุงแต่ง แค่ธรรมบทนี้ บาทนี้ บทเดียว ผู้มีปัญญาก็ละได้ซึ่งอาสวะได้อย่างแน่นอน แต่ ผู้มีปัญญาจะมานั่งเถียงกันทำไมครับ อย่าไปแปลตามตัวหนังสือ ภาษาธรรมไม่ใช่ภาษาของตัวอักษรจงมีศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นสรณะ พระพุทธองค์ตรัสสิ่งนั้นเพื่อชนรุ่นหลังระลึกนึกถึงสิ่งใด?
    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  2. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +452
    เห็นด้วยกับผู้มีสติ ทุกประการ แต่กระผมข้อเพิ่ม พณ.ท่าน ธรรมภูต

    อีกท่าน ส่วน ท่านขันธ์ ท่านนิวรณ์ ไห้คงอยู่

    จะไช้คำว่าพูดแบบน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรงคงจะไม่ได้

    กับท่านเหล่านี้ ต้องไช้คำว่า เจ้าพวกนกแก้ว นกขุนทอง

    นกแก้ว นกขุนทอง เวลาพูดภาษาคน สภาพเป็นอย่างไง

    พณ.ท่านทั้งสามก็เป็นเช่นนั้น

     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    นั่นสิ ผมอ่านแล้ว ก็ไม่ได้ชี้ความว่างในตัวภิกษุสงฆ์อะไรสักหน่อย

    ความว่างที่ชี้ คือ ความว่างของปราสาท ในปราสาทนี้ไม่มี ช้าง มา วัว

    จะมีก็แต่ สงฆ์ นั่งกันอยู่เต็มคึดในปราสาท

    ดังนั้น ความว่างนี้ ก็คือ ความว่างจากการมีสัตว์ บุรุษ สตรี ฯ

    แล้วคำว่า สงฆ์ นี่ โดยคุณสมบัติ เขาก็ไม่เรียกว่า สัตว์ อีกเช่นกัน
    เพราะว่า พ้นการเวียนว่ายตายเกิดแล้ว สิ่งที่ยังเวียนว่ายตายเกิดนั้น
    มีชื่อสั้นเรียกว่า สัตว์ เทวดา อิน พรหม ยม ยักษ์ ฯ เนี่ยะ สัตว์ทั้งนั้น

    เบื่อคุยกับกบฏ แค่นี้นะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2010
  4. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ขอบคุณในความห่วงใย ที่จะพยายามแยกผมออกจากธรรมภายนอก

    ผมพิจารณาดีแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงครับ...
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    นั่นสิ ไปอ่านของท่านพุทธทาสดีกว่ามั้ง

    ไม่ใช่ ทำกสิณลม ไขว้ กสิณแสงสว่าง นอนตายในสมาธิ
    แล้วอธิบายเสียยกใหญ่ว่า อานาปานสติ
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    นายนิวรณ์ เพ้อเจ้อ

    เที่ยวไปเตือนคนอื่นว่า จะกราบกรานใครดูให้ดี

    ตัวเอง ก็ต้องดูให้ดีก่อน เหมือนกัน ก่อนที่จะเตือนคนอื่น

    ไม่เช่นนั้น ก็ติดหล่มแบบทุกวันนี้
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    คุณทบทวนเอาง่ายๆ ก็ได้

    สิ่งที่คุณพุดมาเมื่อวาน ที่ว่าเอาไว้ระลึก เพื่อลัดเข้านั้นหนะ

    ความชำนาญของตนที่แท้ คือ อะไรกันแน่ อธิบายให้มันตรง
    ตามที่ตนถนัด วิจัยออกมาให้ดีๆว่ามันคือ กรรมฐานอะไร ไม่
    ใช่จับแพะชนแกะ

    แต่จับแพะชนแกะได้ ก็ทำไปนะ เพราะไม่ใช่สาระ หากทำ
    แล้วมันประหานกิเลสได้จริง ก็ทำไปเต๊อะ

    แต่ผมว่านะ ถ้าจะพูดถึง อานาปานสติ กรรมฐานของมหาบุรุษ
    ปฏิสัมภิทา สัพพัญญู นี่ รอบคอบในการเอ่ยไว้จะดีกว่ามั้ง
     
  8. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ตอบแบบรู้น้อยได้ไหมครับ
    อานาปณสติ = ความรู้ชัดที่กาย เวทนา จิต ธรรม ในปัจจุบัน(ของลมหายใจ) แต่ต้องเป็นปัจจุบันเท่านั้น ผ่านไปแล้วไม่สน ที่ยังมาไม่ถึงก็ไม่สน จึงเรียกว่า อาณาปาณสติ แต่ขณะที่เจริญอยู่นั้นเมื่อกำหนดรู้กายคือลมด้วยสติ ที่ไหนก็แล้วแต่เลือกเอาที่ๆชัดที่สุดในร่างกายนั่นแหละ จิตจะเกิดสมาธิเอาให้ได้แค่นี้ก่อนค่อยว่ากันต่อ อย่าหวังไปไกลนัก 16 ขั้นนั้นก็เพียงแนวทางและวิธีปฏิบัติเนื่องจากความพอใจในจิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อาจพักหยุดที่ความสงบก็เป็นได้ ถ้าสติถึงพร้อมเมื่อไหร่ในปัจจุบันนั้นแหละ เวทนา จิต ธรรมก็ปรากฏ อันนี้ผมตอบตามความเห็นนะครับ
    กสิณ คือ การระลึก สร้างนิมิต และ ติดกับนิมิต นั้นลืมตาเห็นหลับตาเห็น สติอยู่กับนิมิต ท่านจึงมักสอนให้สร้างนิมิตที่เป็นสิ่งไม่เคลื่อนไหวเป็นอันดับต้นๆ แต่หลายครั้งที่กิเลสหลอกไปให้ไปเห็นว่า แบบไหวติงให้สิ่งนั้นสิ่งนี้ ถ้าอ่านพระไตรปิฏกเป็นหรือมีปัญญาพอจะอธิบายให้ตัวเองทราบ ท่านก็ให้เริ่มจาก ปฐวี กสิณ นั่นแหละ บางท่านยังใช้พระพุทธรูปเลยอย่างนี้จึงดูน่าจะเป็นได้ ให้สติจับให้เกิดนิมิต ในสิ่งที่ไม่เคลื่อนไหว ไม่เกี่ยวกับ อดีต หรือ ปัจจุบัน ไม่ใช่ทำเพื่อให้เกิดปัญญา เป็นแต่เพียงให้รู้จักกับความนิ่ง นิ่งบ้าง ความเคลื่อนไหว ของธรรมทั้งหลาย จนเป็นวสี จิตก็จะสงบ ปราศจากนิวรณ์
    อันนี้ก็ความเห็นเช่นกันครับ
    ก็ร่วมด้วยช่วยกันแล้วกันนะครับ
    พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
     
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    คุณ นิวรณ์ คุณไม่เข้าใจเองว่า ธรรมคืออะไร
    คุณก็ จับไปทั่ว ว่า อันนั้นแบบนั้นอันนี้แบบนี้ ตามตรรกะตน

    อย่าวิพากษ์ สิ่งรอบตัวให้่มันมาก อ่านแล้วมีสมาธิกับสิ่งทีอ่านให้ดีก่อน

    อีกหน่อย แม้ใบไม้ไหว ก็จับเอามาวิพากษ์
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    ความชำนาญ ในการเข้าถึง สมาธิ นี่ผมจะพูดเอาไว้ เผื่อคนอ่าน จะได้ไม่เพี้ยน ตามนายนิวรณ์

    อุบายในการทำสมาธิ คืออุบาย เช่น การสร้างสัญญา ในการเข้าถึงสมาธิ

    การทำสมถะ คือ การทำสมถะ นิ่งไป โดยใช้กำลังใจ

    การทำอานาปานสติ ต้องเจริญ มหาสติ เพียงพอ ควบคู่กันไป จะเป็น ปัญญาอบรมสมาธิ สมาธิ อบรมปัญญา

    การเจริญ พุทโธ ทำได้ ทั้ง อนุสติ และ จ่อกับคำบริกรรม

    อินทรีย์ต้อง สร้างก่อน จึงจะทำมหาสติให้ดีได้
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ก็ว่ากันไป

    แค่นี่แหละ พูดอีก เดี๋ยวยิ่งสั้น
     
  12. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +452

    ผมเห็นด้วยกับคุณผู้มีสติ1 ทุกถ้อยคำครับ แต่กระผมจะขอเพิ่ม

    พณ.ท่านธรรมภูติอีกสักท่าน ส่วน ท่านขันธ์ ท่านนิวรณ์ ไห้คงอยู่ไว้

    จะไช้คำว่าพูดแบบน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรงคงจะไม่ได้

    กับพณ.ท่านเหล่านี้ ต้องไช้คำว่า เจ้าพวกนก แก้วนกขุนทอง นกแก้ว

    นกขุนทอง เวลาพูดภาษาคน แล้วมีสภาพเช่นไร พณ.ท่านทั้งสาม

    ก็มีสภาพเช่นนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2010
  13. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    พี่ ประกายพลอย ก็นะ เค้าก็สนทนากันตามโอกาศ ส่งอารมกันไปสลับมา .. อย่างไรเสียเราก็ฝึกใจตัวเองไปไม่ดีกว่าเหรอคับ
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    ลองอ่าน ข้อความข้างต้่นหน่อยซิ พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ว่ามันหาประโยชน์อะไรได้บ้าง
    หาเนื้ออรรถเนื้อธรรมไม่มีเลย นี่แหละ เขาเรียกว่า ปากพล่อย ยังไม่มีสัมมาวาจา ไม่ขัดเกลาวาจา ให้เกิดสัมมาวาจา

     
  15. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +452
    พณ.ท่านขันธ์ เอาคำพูดนี้ไช้กับตัวท่านเอง จะดีกว่า
    จะเหมาะกว่าไหม

    ธรรมะไม่ค่อยจะมีกัน ธรรมเมาและเพียบเลยแถวนี้

    เมาวิชา เมาตำรา เมาความรู้ เมาในตัว เมาในตน เมาในความเห็น (ทิฐิ)

    เมาว่าดีกว่า เมาว่ารู้มากกว่า เมาว่าเหนือกว่า เมาเชื่อในความเชื่อของตนว่าถูกแล้ว ดีแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 935227851.gif
      935227851.gif
      ขนาดไฟล์:
      6.4 KB
      เปิดดู:
      248
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2010
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    ท่านครับ ใครกันแน่ที่กำลังสารพัดเมาอยู่ไม่สร่างซา
    ถ้าไม่เมา ก็แสดงตนหน่อย ว่ามีดีอะไรบ้าง???

    อย่าใช้วิธีแสดงตนข่มคนอื่นด้วยคำพูดเลย มันไม่งามหรอก...
    ถ้าคิดว่ามีดี แสดงออกมาให้คนอื่นได้ยลบ้างก็ดีนะ อย่าเอาแต่พูดดี(ดีแต่ปาก)เท่านั้น....

    ;aa24
     
  17. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +452
    งามสิท่าน ดีสิท่าน ถ้าไม่มีดี จะกล้าพูดแบบนี้หรอ เพราะว่าผมดูพวกท่าน

    แสดงวิวาทะกันน่าดู เอาธรรมะมาอ้างกันหลากหลาย ผมติดตามผลงานของพวกท่านมาตลอด

    บอกได้คำเดียวว่า ดีแต่ปาก ดีแต่ปริยัติ เป็นนักตำรา ไม่ไช่นักปฎิบัติ

    ถ้าพูดถึงการปฏิบัติ การเข้าถึงจริงๆของพวกท่าน ผมไห้แค่ นะ


    ธรรมะจริงๆ มันไม่ได้ซึม ไม่ได้ซับเขาไปในจิต ในใจของพวกท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2010
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    ท่านครับ อย่าดีแต่พูด ถ้ากล้าคุยโม้คุยโตว่าคนอื่นไม่ใช่นักปฏิบัติ
    แล้วนักปฏิบัติที่ถูกจริตท่าน หน้าตาเป็นยังไงเชิญแสดง

    ในเมื่อกล้าคุยโม้คุยโต ควรต้องกล้าแสดงด้วยสิ อย่าทำตัวเป็นอีแอบอยู่เลย
    ทำตัวงามแบบอีแอบไม่ดีนะ....

    ผมน้อมรอฟังคำสอนของนักปฏิบัติที่เกินตัวก.นะ เชิญญญญญญญญ.....

    ;aa24
     
  19. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ฌาน มันเป็นบาทฐาน ถ้ามีได้ ทำได้ ก็ควรพากเพียร แต่วาสนาของคนนั้นมันไม่เหมือนกัน หากเพื่อพิจารณาธรรม ขอให้อย่างน้อย สติ และ สมาธิ ควรมีกำลังอยู่ในอุปปจารสมาธิ อย่างน้อยเวลาเผลอสติจะได้รู้ตัว ถึงแม้จะช้าไปบ้างครับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องยึดมั่นว่าต้องมีเท่านั้นถึงจะพิจารณาธรรมได้
     
  20. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
    กระทู้นี้ช่างยาวนานมาแล้ว....ไม่ทราบว่าท่านพหูสูตและบัณฑิตทั้งหลาย ท่านยังสบายดีกันอยู่ไม....

    ช่วงหลังกระทู้อาจยุ่งไปหน่อย....

    อย่างไรอนุโมทนาสาธุธรรมอีกครั้ง...ที่ยังดันขึ้นมา.....เพื่อประโยชน์ที่ยังจะมีอยู่....แก่ผู้ที่ได้ศึกษา...หรือมาใหม่...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...