ดอกบัวมีแค่สามเหล่าจริงหรือ เพิ่งอ่านเจอจากท่านสเถียรพงษ์ วรรณปก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย gratrypa, 28 มกราคม 2013.

  1. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    .

    ดอกบัวมีแค่สามเหล่าจริงหรือ เพิ่งอ่านเจอจากท่านสเถียรพงษ์ วรรณปก
    ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ก็อยากจะเชื่อ
    ท่านเขียนชัดเจนว่าในพระไตรปิฏกไม่ได้มีสี่เหล่า

    แรงมากนะเนี่ย เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องใหญ่
    ทำไมไม่เคยรู้มาก่อนเลย
    ยกเว้นเคยเขียนกลอนไว้บทนึงในเวบกลอนไทย
    เดี๋ยวจะไปค้นมาให้ดู

    ยืนยันข้อมูลนะว่าอ่านเจอจริงๆ
    ใครมีหนังสืออยู่ในมือ ช่วยยันด้วยนะ

    กระต่ายป่า ข้างวัด

    .
     
  2. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    .
    วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 13:28:33

    ค้นจากกูเกิ้ลด้วยคำว่า
    "โง่อาภัพเพราะผลกรรมซ้ำเฉยๆ"


    โพสท์ไว้ในเวบกลอนไทย ถูกแบนแล้ว เข้าไม่ได้
    เคยเข้าไปเรียนวิชากลอนเพิ่มเติม
    เมื่อประมาณช่วง ก่อนวันที่ 20/06/555
    มีหลักฐานในกระทู้นักรบแสง หน้า 14 กระทู้ # 264
    ว่าเข้าไปเขียนกลอนไว้หลายบท


    Orion264(มือขวา):


    ดอกบัวมีสี่เหล่าคนเขาเปรียบ
    คือการเทียบปัญญาชนคนทั้งหลาย
    คือสัจจะความจริงของหญิงชาย
    จากชั่วร้ายดีงามตามภูมิตน

    บ้างงดงามล้ำเลิศประเสริฐศรี
    พบความดีบรรลุหลักแห่งมรรคผล
    บ้างต้องคอยอบรมบ่มกมล
    บ้างฝึกฝนต่อไปให้เป็นทุน

    เหมือนดังบัวพ้นน้ำเด่นงามล้ำ
    คือคนที่เห็นธรรมนำเกื้อหนุน
    บัวอีกเหล่าใกล้ปริ่มน้ำยามอรุณ
    มิพ้นขุ่นรอเวลา วันหน้า บาน

    บัวอีกเหล่าอยู่ลึกเกินตรึกนัก
    เปรียบเหมือนคนจับหลักไม่แตกฉาน
    อาจบรรลุจุดหมายได้ตามกาล
    ก็ต้องใช้เวลานานผ่านพ้นไป

    บัวอีกเหล่าเต่าและปลามาแทะสิ้น
    ต้องถูกกินตาถลอกงอกไฉน
    เหมือนคนพาลมิได้หวังเชื่อฟังใคร
    แม้พบทางสดใสไพล่ละเลย

    จึงเป็นบัวที่สี่มิอาจนับ
    ช่างอาภัพเพราะโง่พุทโธ่เอ๋ย
    ใครสอนสั่งฟังที่ไหน ไม่น่าเชย
    ไม่งอกงอกเงยงดงามเสื่อมทรามตน

    นี่คำพุทธพิสุทธิ์ศรีท่านมีตรัส
    บริษัททั้งสี่มีต่างผล
    บัวสี่เหล่าคือคำเปรียบเทียบกับคน
    ปัญญายลหรือหยาบให้ทราบไว้



    อันนี้ของเราแก้กลอนของเขาไว้
    gratrypa:


    ดอกบัวมีหลายสีที่เขาขาย
    ปัญญาชนคนหลายขวนขวายซื้อ
    ตามราคาสัจจริงไม่กิ้งกือ
    อย่าอื้อฮือบ่นบ้าราคาแพง

    บัวงดงามราคาเลิศประเสริฐศรี
    ราคาดีบรรลุหลักแห่งมรรคผล
    แต่ต้องคอยพรมน้ำรดข้างบน
    อย่ามัวบ่นรดไปไม่ขาดทุน

    อยากเก็บบัวต้องรอจนพ้นน้ำ
    และเก็บตามธรรมชาติไม่ขัดเขิน
    ส่วนบัวใกล้ปริ่มน้ำให้ข้ามเลย
    ถ้าทำเฉยวันข้างหน้าข้าจะบาน

    บัวอีกกออยู่ไม่ลึกเราคึกคัก
    เราจับลากมัดกับไม้ให้เผยอ
    ใกล้แสงแดดมาอีกนิดชิดกะเธอ
    พอเราเผลอเธอพ้นน้ำใครห้ามบัง

    บัวอีกเหล่าเต่าปลาแทะไม่สิ้น
    เราดีดดิ้นขุดไปไว้ใกล้ใกล้แสง
    ปล่อยคนพาลดิ้นพราดหวาดระแวง
    พอหมดแรงเจอแสงส่องต้องตื่นใจ

    บัวที่สี่ใครบอกพี่ว่ามินับ
    โง่อาภัพเพราะผลกรรมย้ำเฉยเฉย
    ใครสอนสั่งฟังไม่เป็นไม่เห็นเชย
    ไม่งอกเงยทันใจพี่ฉันมิแคร์


    นี่คือคำพูดพุทธพิสุทธิ์ศรี
    เรามีสี่บริษัทไม่ขัดสน
    บัวสี่เหล่าเราต้องเฝ้าขนทุกคน
    ยกปัญญาผู้ดิ้นรนให้พ้นดิน

    กระต่ายป่า ข้างวัด

    .
     
  3. roserasa

    roserasa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +243
    ในพุทธพจน์ พระไตรปิฎก บัวมีสามเหล่าจริงค่ะ
    หลังจาก ตรัสรู้ ทรงเปรียบคนคือบัวสามเหล่า มี
    บัวใต้น้ำ บัวเสมอน้ำ และบัวพ้นน้ำ
    ส่วน บัวสี่เหล่าเป็นคำที่แต่งใหม่ของสาวก อรรถกถา
    รายละเอียด เข้าไปศึกษาได้จาก เวบพุทธวจน
    www.watnapp.com
     
  4. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506

    โอ้...ขอบคุณมากครับ ที่ช่วยยืนยันข้อมูล
    ผมว่านี่ต้องมีการโวยกันมั่งล่ะเนี่ย

    จะด่าใครดีหว่า สำนักพุทธหรือมหาเถรสมาคม
    มหาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งทราบเรื่องไม๊เนี่ย
    น่าทุเรศจริงๆเลย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ยังปล่อยปละละเลยได้
    ชุ่ยมาก เฮงซวย ห่วยแตก บ้งเบ้ง ล้งเล้ง

    อายุป่านนี้แล้ว พึ่งจะรู้ว่าบัวมีแค่สามเหล่า บ้าชิบ ประเทศไทย

    เฮ้อ..ยิ่งคิด ยิ่งอนาถ ประหลาดจิต
    ใครจะคิด ออกไหม เรื่องใหญ่หลวง
    เรื่องใหญ่ยักษ์ จักปล่อย ให้ถ่อยลวง
    คิดแล้วง่วง งงงัน ฉันล่ะเซ็ง

    บัวมีสี่ หรือสาม จงลามทุ่ง
    ไฟจงพุ่ง พรวดพา ปัญญาเหิร
    ข้ากระทุ้ง พุ่งกระแทก แตกกระเจิง
    เหล่าระเริง ร้อนเร่า เราลนลาน

    ขอด่ากราด ฟาดพระ น่าละอาย
    พระทำขาย ขี้หน้า บ้าบอหลาย
    หมาลัยสงฆ์ สองแห่ง แข่งกันใหญ่
    หน้าไม่อาย ไยไม่สอน วอนช่วยโวย

    หรือไม่รู้ เจ้ากู เพิ่งรู้เรื่อง
    มัวฝันเฟื่อง เขื่องโข โม้มั่วหมาย
    ถึงยศศักดิ์ รักพัด ธรรมกาย
    ไม่สนใจ ใดจริง ยิ่งกว่าธรรม

    โว้ย...เซ็งเป็ด

    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง / แสงสว่างตราค้างคาว

    .
     
  5. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    .

    จากการค้นด้วยกูเกิ้ล ที่ท้ายหน้ามีกลอนอีกบท
    ขอลงไว้ด้วยละกัน มันคงไม่บังเอิญล่ะมั้งนะ
    ไม่รู้ว่้าเป็นใคร อยู่แถวนั้น ก็ขนมาด้วยละกัน


    toshare:

    ....เหง้าบัวตัวอยู่ใต้..........ผิวนที
    ยังชีพเฉกอินทรีย์.............รอบข้าง
    แวดล้อมรอบชั่วดี.............มีหมด
    ก่อเกิด “ตัวตน” สร้าง”........รู้ชอบ”คือประเด็น

    ....เป็นเด็กวงแวดล้อม........รอบตน
    ผู้ใหญ่แบบอย่างดล...........เช่นนั้น
    เมตตาจักส่งผล...............ปฏิบัติ
    ปันแบ่งทุกชนชั้น..............มิช้าพ้นนที


    โคลง ๒ บทนี้ ตั้งใจจะลงไว้ที่นี่ แต่หาไม่เจอ
    เลยไปลงที่อื่น ต้องขออภัย ขอลงซ้ำอีกครับ



    นั่งเล่นในร้านเนทตั้งสามชั่วโมง กว่าจะนึกได้ว่าจะถามเรื่องนี้ด้วย
    อ่านเจอเมื่อคืนนี้เอง สงสัยอย่างสูงเลย ว่าจริงหรือนี่
    ท่านใดอ่านแล้วช่วยโพสท์ด้วยครับ
    ว่าท่านรู้รึเปล่า ว่าบัวมีสามเหล่า ไม่ใช่สี่เหล่า
    อยากรู้สถิติว่า ชาวพุทธทั่วไปเขารู้หรือเปล่า
    หรือเราโง่อยู่คนเดียว แต่ไม่เคยรู้เห็นเลยนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อจริงๆ

    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  6. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    ดีใจ ในที่สุดก็ได้เจอคนมีระดับ ศึกษาไตรปิฎกอย่างนักประวัติศาสตร์
    คือ ใช้่ข้อมูลอย่างระมัดระวัง ไม่ใช่อ่านแล้วเชื่อเลยอย่างกะตำราเรียน!


    ประเด็นที่ว่า "บัวมีสามหรือสี่เหล่า" อาจไม่ใช่ปัญหาสำึคัญที่จะทำให้
    คนบรรลุธรรมหรือไม่บรรลุ ไม่ใช่ส่วนเนื้อหาสำคัญนะครับ แต่ประเด็น
    สำคัญน่าจะอยู่ตรงที่ "พระไตรปิฎกมีการเขียนใหม่" ซึ่งไม่เหมือนเิดิม


    ใครจะรู้ละ ว่าอาจมีจุดอื่นๆ อีกมากมายที่เขียนใหม่แบบนี้ แล้วอาจเป็น
    "ประเด็นสำคัญ" ที่ส่งผลให้คนอาจไม่ได้บรรลุธรรม ก็ได้? นี่ละประเด็น


    พิเศษสำหรับ "คนมีระดับ" เท่านั้นนะครับ
     
  7. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    หมาวัด มันรู้อยู่ แค่รูอึ่ง
    ดันทะลึ่ง ว่าอ่านเยอะ มาอวดเขา
    เป็นเกรียน เถียงกับใคร ก็อ้างเอา
    ยกธรรมะ เท่าภูเขา มาอ้างอิง


    อ่านไม่หมด ยังไม่จบ ก็ยังหลง
    ทะนงตน ว่ารู้มาก ตัดสินได้
    ชี้ใครถูก ใครผิด เอาตามใจ
    น่าอับอาย อวดหางอึ่ง ทะลึ่งเอย



    (ปล. ไม่ได้ว่าใครนะ เขียนกลางๆ)
     
  8. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    เคยอ่านธรรม มามากมาย ใช่จริงหรือ?
    เห็นหนังสือ มันขัดแย้ง เองบ้างไหม?
    ในตำรา ไตรปิฎก เยอะยาวไกล
    ยังขัดแย้ง กันเองได้ ไฉนกัน?


    ถ้ายังอ่าน ไม่เจอ ข้อขัดแย้ง
    อย่าเพิ่งแข่ง กับใคร ว่าอ่านเยอะ
    กลับไปอ่าน ให้ถึงครึ่ง ก่อนเสียเถอะ
    เดี๋ยวจะเจอะ หน้าแหก แตกกลับไป


    ผู้รู้ธรรม หาธรรม อ้างไม่ได้
    ใช่ว่าเขา ไม่รู้ได้ ในธรรมนั้น
    เพียงแค่เขา อ่านผ่าน หาไม่ทัน
    เลยอ้างเอา ธรรมะนั้น ไม่ได้แลฯ


    ...
     
  9. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506


    ผมไม่มีนะครับระดับ แต่ถ้าเป็นระดับ "ความบ้าและค่าความเพี้ยน" ล่ะก็
    มีแยะเชียวล่ะ เกินจินตนาการเชียว

    น่าสงสัยอยู่แล้ว พระไตรปิฏก โดยเฉพาะอีกประเด็นคือ
    ถ้าภิกษุเป็นอยู่โดยชอบแล้ว โลกก็จะไม่ไร้พระอรหันต์
    จริงๆ อาจจะมีอยุ่เยอะแยะนะครับ พระอรหันต์น่ะ
    ถ้าตัดข้อกำหนดบางประการออกไป เช่น
    ต้องได้อภิญญา หรือวิชา 3456 อะไรพวกนั้นออกไป
    ไม่งั้นท่านพุทธทาสคงหาพระอรหันต์เจอ หลายองค์แล้วก็ได้

    เพราะผมดูๆ แล้วนะ การทำใจให้พ้นจากกิเลส นี่ไม่น่ายากเท่าไหร่นะ
    พระสงฆ์หลายๆ รูป ก็ดูเหมือนว่าจะทำได้ดี แน่วแน่ มั่นคง ไม่วอกแวก

    ผมว่าต้องมีการสอดไส้หลายรสแน่ ไอ้พวกฝรั่งนั่นแหละ ตัวเลว

    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  10. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    เรื่องแค่นี้สอบถามก็ได้ แต่บางท่านกลับเอามาเป็นเหตุหาเรื่องด่าคณะสงฆ์ในทางเสียหาย แสดงเจตนาที่ต้องการทำลายคณะสงฆ์ไว้ก่อน

    เ้รื่องบัว 3 เหล่า หรือ 4 เหล่า นี้มันมีที่มาที่ไป ไม่ใช่ว่าอยู่ดีก็โผล่ขึ้นมาเ้อง หรือใครอยากจะใส่ตามใจชอบก็หาไม่

    บัว 3 เหล่าหรือบุคคล 3 ประเภทนั้น มีนัยปรากฎในพระวินัยไตรปิฎก มหาวรรค(4/9/11) ความว่า
    ... ครั้นอาตมภาพทราบว่าท้าวสหัมบดีพรหมอาราธนา และอาศัยความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย จึงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ. เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี เปรียบเหมือนในกอบัวขาบ ในกอบัวหลวง หรือในกอบัวขาว ดอกบัวขาบ ดอกบัวหลวง หรือดอกบัวขาว ซึ่งเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ บางเหล่ายังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ น้ำหล่อเลี้ยงไว้ บางเหล่า ตั้งอยู่เสมอน้ำ บางเหล่า ตั้งขึ้นพ้นน้ำ น้ำไม่ติด ฉันใด ดูกรราชกุมาร เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ฉันนั้น ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี...
    พุทธพจน์ส่วนนี้มุ่งหมายเอาที่เวไนยสัตว์ที่สามารถตรัสรู้ได้ ซึ่งมีอยู่ 3 จำพวก จึงทรงเปรียบเทียบกับบัว 3 เหล่า ที่จะทรงสั่งสอนได้ ไม่ได้หมายรวมถึงพวกคนพาลหรือมิจฉาทิฐิแต่อย่างใด

    ส่วนบัว 4 เหล่าหรือบุคคล 4 ประเภทนี้มีที่มาจากการที่ทรงแบ่งบุคคลในโลกออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน ปรากฎหลักฐานในกอังคุตรนิกาย จตุกกนิบาต (2/133/183) ความว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลสี่จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลกคือ(1) อุคฆฏิตัญญู ผู้อาจรู้ธรรมแต่พอท่านยกหัวข้อขึ้นแสดง (2) วิปจิตัญญู ผู้อาจรู้ธรรมต่อเมื่อท่านอธิบายความแห่งหัวข้อนั้น (3) เนยยะ ผู้พอแนะนำได้ (4) ปทปรมะ ผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลสี่จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก”
    ในอุคฆฏิตัญญุสูตร อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต (21/133/350) ก็ได้แสดงว่าด้วยบุคคลสี่จำพวกความว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลสี่จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลกคืออุคฆปฏิตัญญูบุคคล วิปจิตัญญูบุคคล เนยยบุคคล ปทปรมบุคคล"

    ในกรณีแรกพระพุทธเจ้าตรัสถึงบุคคล 3 ประเภท ทรงมุ่งหมายเฉพาะเวไนยสัตว์ที่สามารถทรงสั่งสอนให้ตรัสรู้ได้ แต่ที่ตรัสถึงบุคคล 4 ประเภทนั้นหมายรวมถึงบุคคลที่เป็นอเวไนยสัตว์ไปด้วย
    ทีนี้อรรถกถาซึ่งเป็นหนังสือที่ขยายความพระไตรปิฎกได้เอาพระสูตรทั้งหมดมารวมกันและขยายความบุคคล 4 ประเภทให้เป็นบัว 4 เหล่า ดังที่แสดงในอรรถกถาพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม 2 ภาค 1 หน้าที่ 148 ได้เปรียบเทียบบุคคลสี่จำพวกกับดอกบัวสี่เหล่าความว่า “บุคคลสี่จำพวกคืออุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู เนยยะ ปทปรมะ ก็เปรียบเหมือนดอกบัวสี่เหล่านั้นแล ในบุคคลสี่จำพวกนั้น (1) อุคฆฏิตัญญู ได้แก่บุคคลที่ตรัสรู้ธรรมพร้อมกับเวลาที่ท่านยกขึ้นแสดง (2) วิปจิตัญญู ได้แก่บุคคลที่ตรัสรู้ธรรมเมื่อท่านแจกความแห่งคำย่อโดยพิสดาร (3) เนยยะ ได้แก่บุคคลที่ตรัสรู้ธรรมโดยลำดับด้วยความพากเพียรท่องจำ ด้วยการไต่ถาม ด้วยทำไว้ในใจโดยแยบคาย ด้วยคบหาสมาคมกับกัลยาณมิตร (4) ปทปรมะ ได้แก่บุคคลที่ไม่ตรัสรู้ธรรมได้ในชาตินั้นแม้เรียนมาก ทรงไว้มาก สอนเขามาก
    อรรถกถาได้อธิบายต่อไปว่า ในบทนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูหมื่นโลกธาตุเช่นกับ ดอกบัว ได้ทรงเห็นแล้วว่าบุคคลจำพวกอุคฆฏิตัญญู ดุจดอกบัวจะบานในวันนี้ บุคคลจำพวกวิปจิตัญญู ดุจดอกบัวจักบานในวันพรุ่งนี้ บุคคลจำพวกเนยยะดุจดอกบัวจักบานในวันที่สาม และบุคคลจำพวกปทปรมะดุจดอกบัวอันเป็นภักษาแห่งปลาและเต่า

    เรื่องมันมีที่มาที่ไปและมีเหตุมีผลอย่างนี้ ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงต้นสายปลายเหตุก็จะเห็นแต่กุศลเจตนาของพระอรรถกถาจารย์ในอดีต ซึ่งไม่สมควรเลยที่พวกท่านจะปรามาสพระเถระู้ทรงธรรมในอดีตอย่างไร้เหตุผล และไม่สมควรประนามคณะสงฆ์ปัจจุบันด้วยความหยาบคาย บางท่านพาลไปโทษธรรมกายโน่นไปเลย ซึ่งไม่เห็นว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2013
  11. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    เรื่อง "พระอภัยมณี" ของสุนทรภู่น่ะ
    ดัดแปลงมาจาก "ชาดกเรื่องหนึ่ง" ในครึ่ง
    เรื่องแรก หลังจากนั้นเป็นจินตนาการ



    ใครทราบครับว่า ชาดกนั้นเรื่องอะไรเอ่ย...
     
  12. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    ถ้าไม่มีระดับ ก็ต้องเป็น "นางเงือกน้อย" ที่หายไปกับฟองคลื่นนะ แบบนี้


    [​IMG]
     
  13. Mon Treal

    Mon Treal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +536
    ฟังพุทธวน ธรรมะออกจากพระโอษฐ์ จากวัดนาป่าพง ลำลูกกา ปทุมธานี บัวมี 3 เหล่า จริงค่ะ คอนเฟิรม
     
  14. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +1,919
    โอ้วโง่มานาน พรึ่งรู้นะนี่

    ตามพระพุทธเจ้า กล่าวไว้มี 3 (หรือจะเป็น 3 เหล่านี้ที่สามารถจะบรรลุธรรมได้)
    อรรถกถา มี 4 มีอธืบาย เหล่าที่ 4 จนโคลนตม+เป็นอาหารปลา อาหารเต่า

    เหมือนวิกิพิเดียก็มีอธิบาย
    บัวสี่เหล่า - วิกิพีเดีย
    เว็ปบอร์ดอื่นก็เคยมีคนสงสัย
    บัวสามเหล่า ไม่ใช่สี่เหล่า
     
  15. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เปรียบบุคคลด้วยดอกบัว ๓ เหล่า
    ดูกรราชกุมาร ครั้นอาตมภาพทราบว่าท้าวสหัมบดีพรหมอาราธนา และอาศัย
    ความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย จึงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ. เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ
    ก็ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี
    มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยาก
    ก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี เปรียบเหมือนในกอบัวขาบ ในกอบัวหลวง
    หรือในกอบัวขาว ดอกบัวขาบ ดอกบัวหลวง หรือดอกบัวขาว ซึ่งเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ

    บางเหล่ายังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ น้ำหล่อเลี้ยงไว้
    บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ
    บางเหล่าตั้งขึ้นพ้นน้ำ น้ำไม่ติด ฉันใด

    ดูกรราชกุมาร เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ฉันนั้น
    ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี
    มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยาก
    ก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี. ดูกรราชกุมาร ครั้งนั้นอาตมภาพ
    ได้กล่าวรับท้าวสหัมบดีพรหมด้วยคาถาว่า

    ดูกรพรหม เราเปิดประตูอมตนิพพานแล้ว เพื่อสัตว์ทั้งหลาย
    ผู้มีโสต จงปล่อยศรัทธามาเถิด เราสำคัญว่าจะลำบาก จึงไม่
    กล่าวธรรมอันคล่องแคล่ว ประณีต ในมนุษย์ทั้งหลาย.
    ลำดับนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงเปิดโอกาส เพื่อจะแสดง
    ธรรมแล้ว จึงอภิวาทอาตมภาพ ทำประทักษิณแล้ว หายไปในที่นั้นเอง.
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์หน้าที่ ๓๔๙/๕๑๘
    http://palungjit.org/threads/เปรียบบุคคลด้วยดอกบัว-๓-เหล่า.325057/
     
  16. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    คำสอนของพระพุทธเจ้าล่วงเลยมานานแล้ว
    ครูอาจารย์สืบทอดคำสอนตามอาจารย์รุ่นก่อน
    ศิษย์ยึดอาจารย์ตนเป็นที่ตั้ง ผมยกพระไตรปิฏกมาให้อ่าน
    หลายคนต่อว่าผม หาว่าผมเถียงพระ บางคนกดไม่เห็นด้วย
    เพราะยึดคำสอนของอาจารย์ตน มากกว่าพระธรรมที่อยู่ในตู้
    พระพุทธเจ้าทรงมอบพระธรรมเป็นศาสดาแทนพระองค์ครับ
    พระสงฆ์ต้องบอกสอนธรรมะของพระพุทธเจ้า
    แต่สมัยนี้ยึดอาจารย์เป็นศาสดามากกว่าพระธรรม
    อ่านพระไตรปิฏก อ่านคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ
    แล้วท่านจะรู้ว่ากรณีบัว ๓ เหล่านี้เป็นจุดเล็กๆ เท่านั้น
     
  17. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    ทำไมพระพุทธเจ้าจึงตรัสบุคคลว่ามี 3 เหล่าบ้าง 4 เหล่าบ้าง ไม่ขัดแย้งกันเองหรือ

    พระพุทธองค์แบ่งบุคคลเป็น 4 ประเภทคือ อุคฆปฏิตัญญูบุคคล วิปจิตัญญูบุคคล เนยยบุคคล ปทปรมบุคคล แต่ทรงเปรยบเทียบบุคคลกับดอกบัวแค่ 3 เหล่าเท่านั้น คือนำดอกบัวเทียบกับบุคคลประเภท อุคฆปฏิตัญญูบุคคล วิปจิตัญญูบุคคล เนยยบุคคล โดยไม่นำบุคคลประเภทปทปรมบุคคลมาเปรียบเทียบแต่อย่างใด เรื่องนี้มีเหตุ
    เหตุผลง่ายๆ คือกรณีแรกเป็นการพิจารณาตามคำอาราธนาของท้าวมหาพรหมที่กราบทูลว่าเวไนยสัตว์มีอยู่ จึงทรงตรวจสอบเวไนยสัตว์ก็พบว่าในโลกมีเวไนยสัตว์คือผู้ที่จะสามารถรู้ธรรมได้ถ้าทรงสั่งสอนพวกเขาซึ่งก็มีอยู่ 3 ประเภทดังที่กล่าวไว้ว่าเปรียบเทียบกับดอกบัว 3 เหล่า
    แต่ในพระสูตรอื่นทรงแบ่งบุคคลออกเป็น 4 ประเภทก็เพราะู้ถามปัญหาให้ความมุ่งหมายกับคนทั้งโลก ต่างจากกรณีของท้าวมหาพรหมที่ให้ความสำคัญเฉพาะเวไนยสัตว์เท่านั้น กรอบของการพิจารณาจึงต่างกัน
    การขยายความเพิ่มของพระอรรถกถาจารย์เป็นดอกบัว 4 เหล่า ก็ทำให้เกิดความชัดเจน และัสอดคล้องกับเนื้อหาในพระสูตรมากขึ้น ไม่ได้บิดเบือนแต่อย่างใด คนที่พยายามหาเรื่องติเตียนสงฆ์ก็พึงระงับเสีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2013
  18. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    เปล่าเลย ที่คนเขาต่อต้านคุณก็เ้พราะกรรมของคุณนั่นแหละ และก็จะไม่ใช่เฉพาะในเว็บนี้ แต่ในโลกภายนอกด้วย ไม่เห็นหรือว่าคุณถูกคัดค้า่นต่อต้านโดยไม่มีสาเหตุแม้จะพูดถูกก็เหมือนผิด ใครต่อใครก็จะอยากจับผิดคุณ เรียกว่าเหม็นหน้าโดยไม่มีสาเหตุ แต่จริงๆมันมีสาเหตุ
     
  19. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    ถูกต้องตามพระไตรปิฎก
    1.มีบัวในน้ำ ยังมีอันตราย ทีโอกาสเป็นอาหารของปลาและเต่า คือคนมีกิเสลหนามาก
    2.บัวปริ่มน้ำ (เสมอน้ำ) ปลอดภัยมากแล้ว เตรียมจะบาน ไม่นานนัก ก็จะบาน คือ ถ้าได้รับการศึกษาธรรมะ ก็เข้าใจได้เร็ว
    3.บัวพ้นน้ำ ปลอดภัยจากปลาหรือเต่าแล้ว เมื่อได้รับแสงอาทิตย์ ก็บานได้ทันที คือ ไม่ต้องเทศนาให้มาก ฟังไม่กี่คำก็บรรลุธรรมได้ เหมือนไฟฟ้าที่ต่อสวิชต์เรียบร้อย เมื่อมีคนกดสวิชต์ก็ติดเลย สว่างจ้าได้เลย

    ดีแล้ว ดีแล้ว สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มกราคม 2013
  20. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    นี่ครับตัวอย่างคนที่ต่อต้านผม ยึดคำอาจารย์เถียงแทนอาจารย์
     

แชร์หน้านี้

Loading...