ดาวที่เหลือรอด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 28 สิงหาคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    ดาวที่เหลือรอด <O:p> <O:p> (26 สิงหาคม 2549) <TABLE id=AutoNumber2 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD dir=ltr vAlign=top width="100%"><O:p> นานมาแล้วก่อนที่นิยายเรื่องโจน่าห์(Jonah) ซึ่งถูกวาฬกินในคัมภีร์ไบเบิ้ล ดาวดวงหนึ่งได้หลุดออกมาจากการถูกกัดกินโดยดาวฤกษ์ยักษ์ข้างเคียง เหยื่อนั้นเป็นดาวแคระน้ำตาลดวงหนึ่งซึ่งเป็นดาวฤกษ์แท้งที่มีขนาดเล็กเกินกว่าจะเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่ส่งพลังงานให้กับดาวฤกษ์ทั่วๆ ไป จำเลยเป็นดาวยักษ์แดงดวงหนึ่งซึ่งเป็นดาวฤกษ์อายุมากที่ครั้งหนึ่งเคยเหมือนดวงอาทิตย์ของเราแต่ได้พองตัวออกจนมีขนาดใหญ่มากหลังจากเชื้อเพลิงไฮโดรเจนหมดลง ตั้งแต่นั้นมาดาวยักษ์แดงก็ผลักก๊าซเกือบทั้งหมดออกสู่อวกาศและกลายเป็นดาวฤกษ์หนาแน่นขนาดเท่าโลกที่เรียกว่า ดาวแคระขาว
    [​IMG]
    เมื่อประมาณ 4.5 พันล้านปีก่อนดวงอาทิตย์ได้ถือกำเนิดขึ้นและมีขนาดเท่ากับที่เห็นในปัจจุบัน(จุดสีส้ม) โลกก่อตัวขึ้นหลังจากนั้นอีกไม่นาน แต่ในอีก 5-7 พันล้านปีข้างหน้าเมื่อดวงอาทิตย์กลายเป็นดาวยักษ์แดงขยายตัวจนมีขนาดใหญ่กว่าในปัจจุบันร้อยเท่าโลกจะร้อนจนอาจจะระเหยไปจนหมด

    ด้วยการใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่มาก(VLT) ของหอสังเกตการณ์ทางใต้ของยุโรป(ESO) นักดาราศาสตร์ได้สำรวจระบบดาวคู่ที่ยังเหลือรอดอยู่ซึ่งเป็นระบบของดาวแคระน้ำตาลและแคระขาว ดาวแคระน้ำตาลอยู่รอดจากการกลืนกินโดยดาวข้างเคียงของมันในระหว่างที่ดาวแคระขาวยังอยู่ในช่วงเป็นดาวยักษ์แดง การค้นพบเผยแพร่รายละเอียดในวารสาร Nature ฉบับวันที่ 3 สิงหาคม ให้หลักฐานแน่ชัดว่าวัตถุที่มีขนาดเล็กเท่าดาวแคระน้ำตาลซึ่งใหญ่กว่าดาวเคราะห์ยักษ์ไม่มากนัก สามารถอยู่รอดจากช่วงดาวยักษ์แดงของดาวฤกษ์อื่นได้ ก่อนหน้านี้ พบแต่เพียงดาวแคระแดงซึ่งเป็นดาวฤกษ์มวลประมาณหนึ่งในสามของดวงอาทิตย์ที่เหลือรอดจากเหตุการณ์อย่างนี้ได้
    ระบบที่เรียกว่า WD0137-349 อยู่ไกลออกไปประมาณ 300 ปีแสงจากโลก ดาวแคระทั้งสองแยกจากกันเพียงไม่กี่ส่วนในพันส่วนของระยะทางของโลกถึงดวงอาทิตย์ และวัตถุก็โคจรรอบกันและกันในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ในอดีต วัตถุทั้งสองเคยอยู่ห่างกันมากกว่านี้ แต่ชั้นก๊าซของดาวยักษ์แดงที่ห่อหุ้มดาวแคระน้ำตาลไว้ชั่วคราวได้ชะลอความเร็วในการโคจรของแคระน้ำตาลลง ทำให้มันหมุนวนเข้าใกล้ดาวข้างเคียงขนาดใหญ่มากขึ้น แม้ว่ามันจะมีขนาดเล็กเกินกว่าจะเป็นดาวฤกษ์แท้ แต่ดาวแคระน้ำตาลก็ยังมีขนาดยักษ์มากพอที่จะไม่ระเหยไปเมื่อมันถูกกัดชะ ถ้ามันมวลน้อยกว่า 20 เท่าดาวพฤหัส Pierre Maxted ผู้เขียนหลักจากมหาวิทยาลัยคีล ในอังกฤษ กล่าวว่า มันคงถูกเซาะจนระเหยไปหมดในช่วงนี้
    แต่ยังมีเหตุผลอื่นที่ดาวแคระน้ำตาลยังคงอยู่ นักวิทยาศาสตร์คิดว่ามันเร่งช่วงเป็นยักษ์แดงของดาวข้างเคียงให้เร็วขึ้น ด้วยวิธีเดียวกับที่เอนไซม์เร่งปฏิกิริยาทางชีววิทยาโดยที่โมเลกุลไม่เสียหายแต่ประการใด เมื่อดาวแคระน้ำตาลถูกกัดกิน มันจะรวบรวมมวลจากเปลือกก๊าซของดาวยักษ์แดงและปล่อยออกสู่อวกาศ ด้วยการทำอย่างนี้ จะบั้นทอนช่วงดาวยักษ์แดงของดาวข้างเคียงให้สั้นลงได้ Matt Burleigh สมาชิกทีมจากมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ ในอังกฤษ กล่าวว่า ดาวยักษ์แดงปกติดวงโดดมักจะพองตัวไม่เกิน 1 ร้อยล้านปี แต่ในระบบนี้ มันอาจจะอยู่เพียงไม่กี่สิบปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การอยู่รอดของดาวแคระน้ำตาลเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น วงโคจรของมันจะค่อยๆ หดลงและในอีกประมาณ 1.4 พันล้านปี มันจะเข้าใกล้มากพอที่ดาวแคระขาวจะดึงมวลก๊าซจากพื้นผิวได้ เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น ดาวแคระน้ำตาลจะค่อยๆ มีมวลลดลง ขณะที่มวลที่สะสมบนพื้นผิวดาวแคระขาวจะทำให้เกิดการระเบิดนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ซึ่งเรียกว่า โนวา(nova) ในทุกๆ ไม่กี่ปี
    ในอีกประมาณ 5 ถึง 6 พันล้านปี สิ่งที่เกิดในระบบ WD0137-349 จะเกิดซ้ำในระบบสุริยะของเรา ดวงอาทิตย์จะหมดไฮโดรเจนและกลายเป็นดาวยักษ์แดง ขยายตัวจนกระทั่งเส้นผ่าศูนย์กลางมีขนาดเท่ากับวงโคจรของโลก แต่ดาวเคราะห์ของเราไม่น่าจะอยู่รอดเหมือนดาวแคระน้ำตาล อย่างน้อยก็คงไม่เหมือนในสภาพปัจจุบัน Burleigh กล่าวว่า ยังคงเป็นข้อโต้แย้งอย่างต่อเนื่องว่าโลกจะถูกกลืนกินหรือไม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนก็คือชั้นบรรยากาศและมหาสมุทรบนโลกจะระเหยไป แม้ว่ามันจะไม่ถูกกัดกิน แต่โลกก็คงตายซาก
    หลายล้านปีหลังจากช่วงเป็นดาวยักษ์แดง ดวงอาทิตย์ของเราจะหดตัวลงและกลายเป็นดาวแคระขาว ณ จุดนี้ วงโคจรของดาวพฤหัสและดาวเสาร์จะขยายเพิ่มเป็นสองหรือสามเท่าเมื่อดาวแคระขาวศูนย์กลางระบบมีมวลน้อยกว่าดวงอาทิตย์ของเราในขณะนี้ ดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลออกไปอาจจะประสบกับโชคร้าย พวกมันอาจจะหลุดแล้วล่องลอยออกไปในห้วงอวกาศ

    <TABLE dir=ltr borderColor=#000000 cellSpacing=0 cellPadding=3 width=581 align=center bgColor=#ffcc99 border=1><TBODY><TR><TD dir=ltr width=571>แหล่งข่าว
    <O:p><O:p><O:p><O:p>space.com : object survives being swallowed by a star <O:p>
    rook (sararook@hotmail.com) : รายงาน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <CENTER><TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650 bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD dir=ltr vAlign=top>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>Ref. http://www.darasart.com/news/2549/august/26-2.html</CENTER>​
    </O:p></O:p></O:p></O:p></O:p></O:p></O:p></O:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...