ดินแดนอาถรรพณ์"ภูเขาควาย"

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Norlnorrakuln, 29 มกราคม 2013.

  1. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,814
    ค่าพลัง:
    +15,099
    images?q=tbn:ANd9GcQBIbHQKFYosgv-GQLs0JBK2oOM0Dg5hLh-nuKlNagGqf2RYOrHDA.jpg images?q=tbn:ANd9GcQpLkMkYHOFeRxPppNWvV6Jr63vHWthiLXxAvj5aaYqf1aS1Okb.jpg

    "แดนดินถิ่นลี้ลับ"
    ภูเขาควายเป็นสถานที่ที่เป็นป่าลึกร้อนชื้น บางช่วงเป็นป่าดิบบางช่วงเป็นป่าเบญจพรรณ มีอาณาเขตติดต่อกับฝั่งไทยลาวเป็นเทือกเขาแนวยาวไปตลอด
    สามารถติดต่อไปทางจำปาศักดิ์ปากเซซึ่งเป็นเขตทางภาคใต้ของประเทศลาว อันมีสถานที่เลื่องชื่ออีกแห่งหนึ่งเรียกว่า "แก่งลีผี"
    สถานที่ของภูเขาควายตลอดแนวไปจนถึงแก่งลีผีนี่เองที่เป็นตำนานเรื่องเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของป่าแถบนี้ นานมาแล้วสถานที่ดังกล่าวเป็นเขตรุกขมูล
    ของพระธุดงค์จากทั้งไทยและลาวรวมไปถึงพม่าและเขมร พระอาจารย์หลายท่านต่างพากันมาสำเร็จอภิญญาสมาบัติ ณ สถานที่แห่งนี้
    รวมไปถึงการมาของกลุ่มคนมบางกลุ่ม ที่ต้องการวัตถุธาตุกายสิทธิ์เหนือโลกอย่างเหล็กไหลและหินกินเหล็ก บนภูเขาควายยังมีเทือกเขาสลับซับซ้อนกันอีกหลายภู
    ล้วนเป็นสถานที่ที่ไปมาลำบาก เสี่ยงอันตรายนานัปการ หากไม่มีความจำเป็นแล้วก็ไม่มีใครอยากเข้าไปเสี่ยงชีวิตนักหรอก แต่แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า
    ในวันวานที่ผ่านมาจะมีผู้คนยอมเข้าไปตายถวายชีวิต เพื่อการปฎิบัติเอามรรคผลรวมไปถึงการแสวงหาธาตุกายสิทธิ์

    เป็นความจริงที่ว่าภายในภูเขาควายที่ซับซ้อน มีภูเล็กๆอีกเป็นจำนวนมากซ่อนอยู่ และเชื่อกันว่าตามภูตามเทือกเหล่านั้น
    มีของกายสิทธิ์เกิดขึ้นตามธรรมชาติมากมายนับไม่ถ้วน แต่การที่จะได้มานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะของดีย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เร้นลับมองไม่เห็นคอยดูแลรักษา
    เฝ้าติดตามหวงแหนอยู่ ต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาจริงๆเท่านั้นถึงจะสามารถไปนำมาเป็นสมบัติของตนได้
    images?q=tbn:ANd9GcT866VpWX9ZTeyFW4uqyEyAArIESHvO6ds-Kfte40EQO6qjDPI3VQ.jpg images?q=tbn:ANd9GcSpiLfllrME3MmN3dX16ltbE6oxogZsHZyqO-pPT19BBOWv6B3P.jpg images?q=tbn:ANd9GcSumhCRnmpyum68f7d_q1hfBhSE5ThXu0Nx23BndGL742QdJ-Fw_w.jpg

    "เหล็กไหลกายสิทธิ์ สุดยอดตำนานแห่งภูเขาควาย"
    เมื่อเราเอ่ยถึง"ภูเขาควาย"สิ่งหนึ่งที่หลายคนคิดขึ้นมาย่อมไม่พ้นเรื่อง "เหล็กไหล"ธาตุกายสิทธิ์สุดยอดแห่งเครื่องรางของขลัง
    เป็นที่เล่าสืบต่อกันมานานหลายชั่วอายุคนว่าที่ภูแห่งนี้มีเหล็กไหลซุกซ่อนอยู่ "หลวงปู่จันดี เกสาโร"ท่านเคยเล่าไว้ว่า สมัยที่ท่านเป็นเณร
    เคยมีพระอาจารย์ของท่าน ๕ รูปขึ้นไปตัดเอาเหล็กไหลบนยอดภูเขาควาย โดยทราบตรงกันเป็นที่แน่ใจแล้วว่าเหล็กไหลนั้นอยู่ภายในผนังถ้ำ
    ใกล้กับต้นตะเคียนยักษ์อายุนับร้อยนับพันปีเป็นจุดสังเกต!เมื่อพระอาจารย์ทั้ง ๕ ขึ้นไปถึงยังที่หมายแล้วได้ทำการลองเอาน้ำผึ้งเทลงใส่บนฝ่ามือ
    ยื่นล่อเหล็กไหล ผลปรากฎว่า เหล็กไหลได้ย้อยตัวลงมาเป็นดุจเส้นใยบัวเพื่อมาเสพน้ำผึ้ง!พระอาจารย์ทั้ง ๕ เห็นเป็นอัศจรรย์ดังนั้นจึงเตรียมการ
    ทำพิธีเรียกเหล็กไหล โดยสั่งให้สามเณรจันดีคอยเตรียมหุงหาอาหารไว้ให้ ส่วนพระอาจารย์ทั้ง ๕ ก็เริ่มทำพิธีกัน โดยคราวนี้ตกลงที่จะล่อเหล็กไหล
    ออกมาหน้าปากถ้ำแล้วเดินวนรอบผูกไว้กับต้นตะเคียนยักษ์ที่ขึ้นเด่นอยู่หน้าปากถ้ำ จากนั้นจึงค่อยใช้มีดอาคมตัด

    images?q=tbn:ANd9GcTkzT4RSZUlZiHa-IZRAYF1RNoQd59BdgJA7-SQ9AS0pq6PGv04.jpg images?q=tbn:ANd9GcTJSLMhnwrxPTIylG2kpsdM7YcsWOsiNTkp4-bBFyJJ7RmmNDhB.jpg

    การดำเนินพิธีเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ คือเริ่มเอาน้ำผึ้งล่อเหล็กไหลดังกล่าว จากนั้นพอเหล็กไหลย้อยตัวลงมาตามแผนก็ล่อหลอกให้เหล็กไหล
    ยืดยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วค่อยๆถือน้ำผึ้งเดินวนรอบต้นตะเคียนยักษ์ พระอาจารย์จันดีย้อนความหลังให้ฟังในคราวครั้งนั้นว่าท่านเองได้เห็นกับตา
    ถึงสิ่งเร้นลับนามเหล็กไหลมีลักษณะเป็นเส้นๆคล้ายผมคนหรือเส้นใยบัว สีเขียวปีกแมลงทับยามต้องกับแสงแดดดูมันวาวเป็นประกายน่าจับตามอง
    สวยงามมาก แต่ทว่า!สิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจสามเณรจันดีในขณะนั้นก็คือ ท่านมีความรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก คงเป็นเพราะเหล็กไหลนั้น
    มีอาถรรพณ์พลังบางอย่างซ่อนเร้นอยู่เป็นแน่ สามเณรจันดีมองอยู่ได้ไม่นานก็โดนพระอาจารย์ท่านอื่นไล่ลงไปเตรียมสำรับกับข้าวเอาไว้ เพราะตรงนี้
    ไม่ใช่ที่ที่เด็กอย่างสามเณรจันดีจะเข้ามายุ่งย่าม จากนั้นท่านพระอาจารย์ทั้ง ๕ ก็เริ่มทำพิธีกันต่อไป

    พิธียังคงดำเนินเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วพอสามเณรจันดีเดินลับหลังหายไปได้สักพักหนึ่ง โศกนาฎกรรมก็บังเกิดขึ้นทันที!
    เมื่อพระอาจารย์ท่านหนึ่งในกลุ่มนั้น ได้ทำการลงมีดอาคมเพื่อหวังตัดเอาเหล็กไหลที่ยืดย้อยตัวออกมาจนถึงที่สุดแล้ว...
    ทันที่ที่มีดอาคมถูกต้องสัมผัสเข้ากับเหล็กไหล ก็บังเกิดเสียงดังครืนๆๆๆ คล้ายกับถ้ำบนภูที่สถิตย์อยู่ของเหล็กไหลจะถล่มทลายลงมา
    พร้อมกับมีแสงประกายวาบดุจว่ามีการระเบิดเกิดขึ้น พระอาจารย์หลวงปู่จันดีเองในขณะนั้นกำลังเตรียมหุงหาอาหารหากจากตัวถ้ำ
    ลงไปด้านล่างเมื่อได้ยินเสียงดังคล้ายกับถ้ำระเบิดจึงรีบวิ่งกลับขึ้นไปดูทันที ปรากฎว่าภาพที่สามเณรจันดีเห็นในขณะนั้นเป็นศพพระอาจารย์
    ทั้ง ๕ นอนตายอยู่มีลักษณะแขนขาและหัวขาดกระจายไปคนละทิศละทางเป็นที่น่าสยดสยองสลดใจยิ่งนัก!ที่น่าแปลกประหลาดใจอีกอย่างก็คือ
    ไม่มีเลือดสักหยดไหลให้เห็นบนพื้นดินเลย!...และนี่คือประสบการณ์ในการล่าแสวงหาเหล็กไหลบนภูเขาควาย
    ที่มีทั้งพระและฆราวาสนับไม่ถ้วนต่างพากันไปสังเวยชีวิตมาแล้ว

    เรื่องการตัดเหล็กไหลบนภูเขาควายในสมัยนั้นเป็นที่โดงดังเอามากๆ มีคนตายไปหลายศพสังเวยต่อความโลภและความอาถรรพณ์ของเหล็กไหลบนภู
    จนข่าวเรื่องเหล็กไหลอาถรรพณ์ฆ่าคนมานักต่อนัก แพร่ไปถึงหูท่านพระอาจารย์มั่นและพระอาจารย์เสาร์ ในกาลนั้นเองเมื่อออกพรรษาแล้วพระอาจารย์ทั้งสอง
    ได้ออกเดินทางจาริกไปยังภูเขาควายเพื่อกำราบเหล็กไหล ในครั้งนั้นได้มีหลวงปู่ฝั้นศิษย์เอกท่านพระอาจารย์มั่นติดตามไปด้วย
    เมื่อพระอาจารย์มั่นและพระอาจารย์เสาร์ได้เดินทางไปถึงยังสถานที่ที่เล่าลือว่ามีเหล็กไหลสิงสถิตอยู่แล้ว ได้ทำการแสดงพระธรรมเทศนาสั่งสอนเหล็กไหล
    ดุจว่าเป็นญาติโยมสาธุชนคนหนึ่ง ท่านได้เทศน์อะไรมิทราบได้ แต่คงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการละเว้นปาณาติบาตเป็นแน่แท้
    การที่ท่านพระอาจารย์มั่นและท่านพระอาจารย์เสาร์ขึ้นไปภูเขาควายนั้นเพื่อโปรดเหล็กไหล มิได้ไปตัดดังที่หลายคนเคยเข้าใจผิด ปรากฎอัศจรรย์เป็น
    "อนุสาสนีปาฎิหาริย์"คือการแสดงพระธรรมเทศนาเป็นอัศจรรย์ จนเหล็กไหลเข้าใจถึงข้ออรรถข้อธรรมที่ท่านแสดงนั้น เกิดสำนึกผิดเห็นบาปบุญคุณโทษ
    เหล็กไหลในถ้ำเดียวกันกับที่มีต้นตะเคียนยักษ์นั้นเอง ได้ทำการย้อยตัวลงมาจากผนังถ้ำแล้วตกลงในบาตรของท่านพระอาจารย์มั่นโดยดุสดี!

    เหล็กไหลของมีค่าสุดยอดความปรารถนาชิ้นนั้นที่หลายคนต่างพากันไปสังเวยชีวิต ท่านเชื่อหรือไม่ว่าพระอาจารย์มั่นท่านกลับไม่มีความต้องการ
    เมื่อท่านได้มาแล้วกลับนำไปโยนทิ้งลงแม่น้ำโขง ทั้งนี้เพื่อตัดปัญหาในอนาคตไม่ให้ผู้ใดขึ้นมาแก่งแย่งมาตัดเหล็กไหลในถ้ำนี้อีก เรียกว่าเป็นการตัดปัญหา
    ความโลภของมนุษย์นั่นเอง มนต์ขลังของเหล็กไหลบนภูเขาควายยังคงเป็นสิ่งที่ล่อใจใครต่อใครอีกเป็นจำนวนมากแม้ว่าต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม!

    images?q=tbn:ANd9GcR82Vef60-kCL-wdBxX5woi4-ZIyJe_IUUhzH6CTg8GMtNb6Qla.jpg images?q=tbn:ANd9GcTIDqR0LP9pRVAAmw6XSWUJgqnJ4Fwzcu8F1cmEhHsOhrjLVW51.jpg

    "หินกินเหล็ก อีกหนึ่งตำนานแห่งภูเขาควาย"
    หินกินเหล็กเป็นแร่ชนิดหนึ่งที่มีอยู่บนยอดภูเขาควาย ครั้งแรกของการพบเจอหินชนิดนี้ท่านว่าเกิดจากการที่ชาวบ้านไปขุดต้นไม้บนภูเขาควาย
    แล้วปรากฎเป็นเรื่องแปลกว่าจอบเสียมของชาวบ้านที่ขุดลงไปบนพื้นดิน เกิดการผุกร่อนแล้วหักลงอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ ทั้งที่ยังเป็นของใหม่!
    ใช้ไปได้ดีๆอยู่แท้ๆ จนกระทั้งชาวบ้านสืบค้นพบสาเหตุที่แท้จริงว่า ภายในแผ่นดินภูเขาควายนั้นมีแร่อัศจรรย์อยู่มันคือ "หินกินเหล็ก"นั่นเอง

    อำนาจจากหินกินเหล็กสามารถทำลายเนื้อเหล็กกล้าดีๆให้ผุกร่อนลงไปภายในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนั้นยังเชื่อกันว่ามันมีอำนาจทางมหาอุดหยุดกระสุน
    เฉกเช่นเดียวกับเหล็กไหล ดังนั้นผู้รู้จึงสันนิฐานและเชื่อกันว่าน่าจะเป็นเผ่าพันธ์เดียวกันกับเหล็กไหลเหมือนกัน แต่เป็นอีกชนิดหนึ่ง อย่างเหล็กไหลแท้ๆนั้น
    เขาจะมีอำนาจด้านการกินและไฟและไฟฟ้าซึ่งของเหล่านี้นับว่าเป็นของแปลกอาถรรพณ์มีจิตวิญาญาณอยู่ในตัวแร่นั้น

    "หินกินเหล็ก"เคยเป็นเรื่องราวทางหน้าหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่มาแล้วหลายครั้ง เชื่อว่าหลายท่านคงเคยได้ยินชื่อแร่กายสิทธิ์ชนิดนี้ เพราะเท่าที่ผ่านมาในวงการ
    ก็ได้เอาชื่อแร่หินชนิดนี้มาหลอกขายตั้งเป็นแก๊งหินกินเหล็ก มีพฤติกรรมคล้ายแก๊งเหล็กไหลที่ชอบหลอกต้มตุ๋นเอาเงินชาวบ้าน ที่ไม่รู้เท่าทันมานักต่อนักแล้ว
    การโกงหินกินเหล็กชนิดนี้พวก ๑๘ มงกุฎที่รู้ๆเขาจะเอาน้ำยาชนิดหนึ่งที่มีอานุภาพทำลาย"รถถัง"ซึ่งถูกสั่งนำเข้ามาจากรัสเซีย น้ำยาชนิดนี้
    สามารถทำลายเหล็กได้โดยที่ไม่ต้องนำมาแช่ เพียงแค่อยู่ในระยะที่ตัวน้ำยาระเหยไปถึงเหล็กและวัตถุโลหะที่อยู่ในรัศมีใกล้ๆก็จะหมดสภาพผุกร่อนลงไป
    ภายในระยะเวลาอันสั้น น้ำยาชนิดนี้ทราบว่าเป็นเคมีจำพวกกรดกัดกร่อนที่ทำให้เกิดสนิมเหล็กอย่างรวดเร็ว ปกติของจำพวกนี้จะใช้ในสนามรบเพื่อให้รถถัง
    ของฝ่ายตรงข้ามหมดสภาพใช้งานไม่ได้ พวกหัวใสกลับหาวิธีนำเอาของพวกนี้มาบรรจุใส่ผสมลงในวัตถุเลียนแบบคล้ายเหล็กไหล หรือหินกินเหล็กเพื่อหวัง
    ต้มตุ๋นหลอกลวง หาเงินกับผู้รู้เท่าไม่ถึงการมานักต่อนักแล้ว

    [​IMG] images?q=tbn:ANd9GcSbfY30YZxKLFgMyHp9bbZBwkAESkiHJzXzIRQhb21drKU6Ldbx.jpg [​IMG] images?q=tbn:ANd9GcQ8mpk4Po_he6p_kkReBtw3DC248LnJfly2x5W65303hRhF235f.jpg

    "ถิ่นปรอทป่ากายสิทธิ์"
    ดั่งที่กล่าวมาในข้างต้นว่าชัยภูมิของภูเขาควายนั้นล้วนเต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ แดดส่องไม่ค่อยถึง แม้บางช่วงจะมีแดดส่องลงมาบ้างก็ไม่ทำให้รู้สึกร้อน
    อากาศค่อนข้างเย็นและมีหมอกลงปกคลุมตลอดทั้งปี!สังเกตว่ามันจะมีหมอกหนักเรี่ยเท้าขึ้นอยู่เป็นระยะๆยิ่งเข้าใกล้แหล่งน้ำเท่าไหร่ยิ่งมีมาก
    ทางเจ้าหน้าที่ที่พาขึ้นไปกล่าวว่าแอ่งน้ำบนภูเขาควายแห่งนี้แปลกกว่าแหล่งน้ำธรรมดาที่พบเห็นโดยทั่วไป คือจะมีหมอกหนักขึ้นปกคลุมในแอ่งตลอดทั้งปี
    บางส่วนของแอ่งจะมีลักษณะเป็นดินเลนอันเกิดจากซากพืชซากสัตว์ทับถมกัน เมื่อให้ท่านผู้มีจิตสัมผัสตรวจสอบดูพบว่า เป็นสถานที่ที่มี"ปรอทกายสิทธิ์"
    ซ่อนตัวอยู่ ชัยภูมิที่มีหมอกหนักเรี่ยติดดิน!ยิ่งมีแหล่งน้ำที่มีดินเลนแบบนี้อยู่ด้วยแล้วยิ่งเป็นไปได้สูงมาก ปรอทที่กล่าวถึงนี้มิใช่ปรอทในเทอร์โมมิเตอร์แต่อย่างใด
    แต่หมายถึงปรอทธาตุกายสิทธิ์จัดว่าเป็นเหล็กไหลสายพันธุ์หนึ่ง ปรอทประเภทนี้มีความพิศดารมากเพราะมันสามารถซ่อนตัวอยู่ในหมอก
    โดยหมอกที่มันอาศัยซ่อนตัวอยู่นั้นเรียกว่าปรอทหนัก ที่เราสังเกตเห็นว่าหมอกมันลอยตัวต่ำเรี่ยติดพื้นดินเป็นเพราะว่าปรอทต้องการเสพของหมักเปื่อยเน่า
    อันมีเศษซากสัตว์และใบไม้หมักหมมทับทมกันนั้นเอง ยิ่งของสดของคาวก็ยิ่งชอบ!เพราะแร่ปรอทป่านั้นจัดว่าเป็นภูตชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ในตัวอีกด้วย

    images?q=tbn:ANd9GcRVy6JrOTdySRlspNwaf3mkjCid9udO4Lx1ONCzsojAijZ4C8Nw4g.jpg

    ผู้รู้ยังกล่าวอีกว่าในป่าเมืองไทยอย่างที่เขาใหญ่นั้นก็มีหมอกหนักเช่นนี้เหมือนกันมีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า "ปรอทหมอก"ผู้ใดเดินป่าต้องระวังให้มาก
    เพราะใครก็ตามที่ดวงอ่อนหรือมีเคราะห์ เมื่อหลับนอนในป่าโดยมิทันระวังเพราะขาดความรู้หรือรู้แล้วไม่เชื่อ อาจหมดสิทธิ์กลับบ้าน
    ต้องมาตายกลายเป็นผีเฝ้าป่าไป เพราะครั้งหนึ่งเคยมีผู้เดินป่าในเขาใหญ่เจอปรอทหมอกเช่นนี้แล้วไม่หาทางป้องกันตัว
    คือเวลานอนไม่ยอมล้างเท้าให้สะอาด และไม่สวมถุงเท้าก่อนเข้านอนในป่า เจ้าปรอทหมอกซึ่งถือว่าเป็นภูตอย่างหนึ่ง ได้กลิ่นของเน่าๆแล้วค่อยๆลอยเข้ามาใกล้
    "นิ้วหัวแม่โป้งเท้า"จากนั้นมันก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายดูดเลือดผู้นั้นจนหมดตัว!แบบเดียวกันกับผีโป่งที่ชอบย่องมาดูดเลือดที่ปลายเท้าของนักเดิน
    ทางในยามหลับนอน จึงต้องระวังให้มากเพราะมิเช่นนั้นท่านอาจโดนผีปรอทและผีโป่ง สูบเลือดหมดตัวเอาได้ง่ายๆ

    images?q=tbn:ANd9GcTQispjaD4c6M7JGZ3x4v1yzRH1IrnnnZR297vNF33KW4HFhBx8Jw.jpg

    "ภูเขาควาย สุดยอดสถานที่บำเพ็ญภาวนา"
    จากการเดินทางจาริกไปของท่านพระอาจารย์มั่น ยิ่งเป็นที่รับรองว่า "ภูเขาควาย"เป็นสถานที่เหมาะสมในการบำเพ็ญเพียรอย่างที่สุด
    เพราะท่านจะให้ศิษย์ชั้นหัวกะทิไปลองปฎิบัติภาวนาในภูเขาควายแทบทุกรูป เรียกได้ว่าศิษย์คนไหนเคยได้ไปภาวนาผ่านด่านภูเขาควายมาแล้ว
    แสดงว่าต้องไม่ธรรมดา ทั้งนี้กล่าวขานกันว่ามีสิ่งแปลกๆที่เข้ามาทดสอบจิต เช่นเสือ หมีควาย งูจงอาง รวมไปถึงภูตผีปีศาจและเทวดา ท่านใดที่มีจิตเข้มแข็ง
    ฝึกมาดีแล้วจะถูกส่งขึ้นไปเพื่อทดสอบสภาวจิต และปรากฎพบว่าหลายท่านต่างก็ได้สภาวะธรรมกลับมาเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง
    ไม่เพียงภูเขาควายจะเป็นสถานที่วิเวกสงัดจากการรบกวนของมนุษย์แล้ว ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์เล่าว่าเป็นที่อาศัยอยู่ของ
    พระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา พระฤาษี สิทธาดาบสจำนวนมาก เมื่อท่านเหล่านั้นได้มาบรรลุธรรม บารมีธรรมต่างๆจึงซึมซับลงในแผ่นดินหล่อเลี้ยงพลังอำนาจ
    คุณวิเศษอันศักดิ์สิทธิ์ เอื้ออำนวยต่อการบำเพ็ญภาวนาแก่ทุกดวงจิตที่เข้าไปสัมผัส หากผู้ใดปฎิบัติจนสามารถเข้าสมาธิได้ก็จักเป็นการต่อยอดให้เจริญก้าวหน้า
    ในการบำเพ็ญภาวนาในชั้นสูงยิ่งๆขึ้นไป บางท่านอาจเกิดหัวข้อธรรมได้พบเห็นสัจจธรรมความจริงตามที่วาสนาเคยสั่งสมอบรมณ์มา

    เนื่องจากภูเขาควายมีกระแสพลังงานทางจิตที่แรงมาก ไม่ว่าใครก็ตามที่ตั้งใจเข้าไปบำเพ็ญสมณธรรมก็จักสามารถสงบจิตรวมลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นผู้แสวงหา
    วิโมขธรรมในครั้งอดีตจึงนิยมเข้ามาพักภาวนากันมากกว่าสถานที่อื่นๆ ภูเขาควายยังคงเป็นดินแดนแห่งมนต์ขลังมาจนถึงทุกวันนี้ คงเชื่อกันอยู่ว่าภายในภูเขาควาย
    แห่งนี้ยังมีพระอริยเจ้าที่ซ่อนตัวบำเพ็ญโปรดสัตว์โลกบรรเทาภัยพิบัติต่างๆ รวมไปถึงมหาฤษีผู้ทรงฌานสมาบัติมีอายุนับพันๆปี
    แม้กระทั้งเรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดรก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของตำนานเล่าขานในภูเขาควาย!นอกจากนั้นภูเขาควาย
    ยังเป็นแหล่งที่รวมเอาทรัพยากรธรรมชาติต่างๆที่หาได้ยาก เช่นว่านยา เหล็กไหล ไพรดำ ปรอท ฯลฯ ครบหมดทุกอย่างยากจะหาสถานที่ใดมาเทียบได้
    ผืนป่าแห่งนี้จะยังคงอยู่ไปตราบนานเท่านานก็ต่อเมื่อเราเห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่ภายใน โดยไม่เห็นแก่คุณค่าทางโลกวัตถุมากกว่าคุณค่าแท้ตามธรรมชาติ
    เพราะสิ่งที่สูญไปแล้วยากที่จะสร้างใหม่ได้

    Copy of ภูเขาควาย.jpg

    "ภูเขาควายในวันนี้"
    ทราบแล้วว่าซีกหนึ่งของภูเขาควายถูกพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสถานบันเทิง แต่นับว่ายังโชคดีที่สถานที่ต่างๆ ตามตำนานของครูบาอาจารย์ เช่น ถ้ำ น้ำตก ฯลฯ
    ยังคงรอดพ้นจากการพัฒนาด้านวัตถุเหล่านั้น และยังคงตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนที่ทางการลาวคอยดูแลควบคุมอย่างเข้มงวด
    ภูเขาควายสมัยปัจจุบันนี้จึงเป็นเสมือนเหรียญที่มีสองด้าน ด้านหนึ่งเจริญทางวัตถุรูปธรรม อีกด้านหนึ่งยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยธาตุกายสิทธิ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ทางจิตวิญญาณอันเป็นนามธรรม รอคอยการพิสูจน์ของผู้มีบุญสัมพันธ์มาจนตราบเท่าทุกวันนี้.

    ที่มาอ้างอิง:หนังสือบูรพาปาฎิหาริย์ ๒๕๔๖
     
  2. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229
    ท่านหน่อ .มาเล่าต่อค่ะอยากฟัง..
     
  3. sorravut

    sorravut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    261
    ค่าพลัง:
    +455
    ผมเคยอ่านมันมีต่อนี้ครับ มีตอนหลวงปู่มั่นท่านไปปราบด้วยนิครับ
     
  4. chollada

    chollada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +484
    ชอบอ่านค่ะ อยากไปที่สุดคือภูเขาควาย แต่คงได้แต่อ่านเท่านั้นไม่มีวาสนาแน่นอน
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    คิดอยากไปเยือนนานแล้วค่ะ ท่านหน่อนรคุณ
    หวังว่าสักวันฝันจะเป็นจริง
     
  6. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810
    อนุภาพเหล็กไหลนี่เยี่ยมจริงๆ
    เราก็มีแร่เหล็กไหล ยิงฟันไม่เข้าเลยล่ะ
    ห้อยที่ไรหึกเหิมจริงไม่เกรงใครเลย
    เวลาเขายิงกันก็อย่าออกไป เขาฟันกันก็อย่าเข้าไป
    ปลอดภัยชัวร สามป้าบเลย
    เพราะฉานมันคนรักสงบ
    รบไม่ยุ่ง มุ่งธรรมมะ อิ อิ อิ
     
  7. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,248
    ค่าพลัง:
    +68,026
    เรื่องราวอาถรรพ์น่ากลัวดีค่ะ เพิ่งรู้ว่าเหล็กไหลนี่มีอันตรายถึงขนาดเอาชีวิตคน

    และโดนปราบโดย พระอาจารย์ มั่น ภูริทัตโต

    ปรอทหมอกนี่ก็ น่ากลัวไม่น้อยเลย ดูดเลือดคนได้ด้วย

    อาถรรพ์เกี่ยวกับป่่า จนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังคงมีข่าวให้เห็นกันอยู่

    ขอบคุณที่นำมาเผยแพร่ค่ะ คุณNorlnorrakuln
     
  8. JibBieable

    JibBieable Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +87
    ขอบคุณค่ะ
     
  9. Than_2012

    Than_2012 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2013
    โพสต์:
    460
    ค่าพลัง:
    +1,027
    ภูเขาควาย อยู่ที่ไหน
     
  10. มองภายใน

    มองภายใน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +188
    อยากลองไปปฏิบัติที่นี้จังเลย
     
  11. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    อ่านสนุก ขอบคุณครับ
     
  12. Than_2012

    Than_2012 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2013
    โพสต์:
    460
    ค่าพลัง:
    +1,027
    อ้อ...เจอแล้ว อยู่ประเทศลาวโน้้นนน
     
  13. ไร้หนทาง

    ไร้หนทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    376
    ค่าพลัง:
    +2,274
    ผมเคยไปปฏิบัติ ธรรมกับหลวงพ่อพระอาจารย์ผม ในสมัยท่านยังไม่มรณะ
    ผมเคยไปเเถว ตรงทีมีทหารลาว กองหลอน ครับ เขาพาผมไปดูทีภูเขา ทีสร้างบ่อนคาสิโน เเละก็ไปเทียวหาฤษีต่างหลายท่านทีอยู่ในเเห่งนั้นหลายมุมครับ ต้องไปแบบ เดินไปเเทบจะร้องเเละถ้าคนไม่มีความอดทน จะต้องเจอบททดสอบมากมายสารพัดเเละครับ บอกตรงๆๆทุกอย่างๆๆเลยละ เเต่จะไม่ขอเล่าเล่าเเล้วเดียวเมา(เอ้าฮาๆๆๆๆตึม)
    ครับ การเดินทางไปกับพระท่านเเละฤษีหลายๆๆท่าน นอกจากต้องมีบุยกันจริงๆๆถึงจะเจอครับ อย่าหวังไว้เลยถ้าอยากจะเจอเเบบเด็จๆๆยากครับ ถ้าไม่มีบุญร่วมกันมาก่อน
    ผมเคยไปอยู่10กว่าครั้งเเล้วสมัยก่อน เเต่ปัจจุบันก็อยากจะไป เเต่ทหารเขาไม่ค่อยให้ขึ้นเเล้ว สมัยนี้ ขึ้นได้เเต่ก็ไม่ลึก ไม่เหมือนสมัยก่อนผมไปกับนายพล ทหารลาวเขาอาสาไปส่ง เองเลยสบาย เข้าไปกลางๆๆลึกๆๆทึบมากๆๆๆน่าวังเวงเลยละ
    ถ้ำก้เยอะตามหน้าผาเขาเเร่ทองคำเยอะ สิ่งต่างๆๆก้เยอะ ถึงเข้าใจว่า คนโลภมากจึงอยากจะไปเอาของกันมาก แบบนี้เอง พระท่านก็มีหลายอย่างแบบทีว่าเเละครับ
    ไปเพื่อลองวิชาว่าตนจะเเกร่งเเค่ไหน ไปเพื่อหาของ ไปเพือ่ทดสอบจิตใจ หลายรูปเลยละ
     
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    ท่านหน่อนรคุณไม่กลับมากระทู้นี้เลย
    แหม! เล่นมาโปรยให้ชวนติดตาม ^^
     
  15. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ### สาธุคะ

    ... ไม่เคยไปเลยอยากไปมาก .. เพราะมีแค่ฟังจากพ่อเล่าให้ฟัง กับ แฟนเพื่อนพ่อที่เป็นคนลาวที่อาศัยอยู่ตรงตีนเขาภูเขาควายเล่าให้ฟังเท่านั้นเอง กับไปอ่านหนังสือประวัติพระหลายรูปที่ไปปฏิบัติธรรมที่นั้น ... คิดว่ามันท้าทายน่าตื่นเต้นเพราะเท่าที่รู้มามันยังมีอาถรรพ์มากมายที่นั้น ด้วยความที่มันเป็นส่วนหนึ่งของลาวใต้ และได้ขึ้นชื่อว่า มีหมอผี พวกนิยมคุณไสยย์ที่เก่งมาก ๆ อยู่มากอาจารย์ของดิฉันเคยบอกว่า หมอผีลาวใต้เก่งกว่าหมอผีเขมรสะอีก รวมทั้งพระที่ทรงอภิญญาก็มีมากเช่นกัน ... ไม่เว้นแต่สิ่งของอาถรรพ์ต่าง ๆ เช่น เหล็กไหล หินเปียก อสุรกาย ต่าง ซึ่งพ่อของดิฉันก็ยืนยันว่ามีจริง และ เยอะมากเพราะคณะของท่านที่เคยไปเอา เหล็กไหลที่นั้นก็ "ตาย" มาแล้ว และ ยังมีถ้ำที่ลึกจนไม่อาจรู้ได้ว่ามันสุดตรงไหน ... มันท้าทายความรู้สึกของดิฉันมาก ตั้งแต่เด็ก ๆ จนโต ความฝันนี้ก็ยังมีอยู่ ... ถึงแม้ว่าตอนนี้ทุกอย่างมันจะไม่เหมือนเดิมจากที่ดิฉันเคยได้ยินเปลี่ยนไปเยอะมาก แต่ดิฉันคิดว่ากลิ่นไอของมันยังมีอยู่แน่นอน .. อยากฟังต่อนะคะ
     
  16. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... อ้อ .. ฤษีอายุเป็นพันปีดิแันยังไม่ได้ยินพ่อเล่านะคะ ... มีแต่พระคะพระที่ท่านอยู่มานานหลายร้อยปีคะพ่อบอกชื่อแต่ดิฉันจำไม่ได้ เพราะฟังไปเรื่อย ๆ แกเล่าเยอะมากคะ แต่พ่อบอกว่าท่านสามารถไปเมืองของนาคได้ด้วยคะ จะมีคนที่รู้เหลืออยู่ไม่มากแล้ว .. พ่อบอกว่าท่านเดินเข้าไปในถ้ำคะ มันมีถ้ำที่เชื่อมต่อไปได้ น่าเสียดายที่จำได้แค่นี้ .. เพราะที่ไม่สนใจจำคิดว่าคงไม่มีหรอกวิชาที่ทำให่อยู่ได้นานขนาดนั้น แต่เคยเห็นฤษีที่อายุ 80 กว่าปี แต่ร่างกายแช็งแรงเหมือนคนอายุ 50 ตอนไปเจอท่านยังปั้นคูกั้นน้ำบนเขาอยู่เลย ร่างกายยังไม่มีรอยเหยี่ยวเยอะเลยคะ ตอนนั้นไปเจอแถวอำเภอบ้านผืออุดรธานีคะ เพราะพ่อดิฉันท่านอยู่แถวนั้นห่างจากฝั่งลาว 8 กิโลเมตร และ ทุกวันท่านจะข้ามฝั่งไปเผื่อหาของป่าที่ฝั่งลาวมาขาย แต่ตอนนี้ไม่ค่อยข้ามไปเพราะแก่มากแล้ว และ ไม่ค่อยสบายบ่อย ๆ ท่านมีเรื่องเล่ามากมายคะ ว่าจะทำกระทู้ไว้สักอันเอาไว้เล่าเรื่องของท่าน .. แต่บางคนอาจคิดว่าโม้ก็ได้นะคะ ไม่ถือคะ
     
  17. ต้อครับ

    ต้อครับ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +20
    ขอขอบมากครับ
     
  18. charoenrat

    charoenrat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +108
    ภูเขาควายประเทศลาวค่ะ
     
  19. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +1,203
    น่ากลัวจัง
     
  20. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    รอด้วยคนด้วยใจจดจ่อ แฮ่ๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...