ตะลึง!!...แก้บนถวายพระพุทธรูปล้นวัด

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 23 มิถุนายน 2005.

  1. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    [​IMG]การบนบานศาลกล่าวและการแก้บนถือว่าเป็นของคู่กัน ส่วนจะแก้บนด้วยอะไรนั้นสุดแล้วแต่ใครจะบนอะไร แต่การแก้บนที่วัดหนองบัวแตกต่างจากที่อื่นอย่างสิ้นเชิง คือ การแก้บนด้วยการถวายพระพุทธรูปซึ่งมีมากกว่า ๑๕,๐๐๐ องค์

    วัดหนองบัว ตั้งอยู่ที่ ๒๑ หมู่ ๔ ต.หนองบัว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร บนเนื้อที่ ๒๐ ไร่ แบ่งเป็นโรงเรียนวัดหนองบัว ๔ ไร่ บริเวณหน้าวัดมีพระรูปหลวงพ่อแดง ๓ องค์ ปั้นด้วยปูนเท่าองค์จริง ประดิษฐานอยู่ภายในศาลา สำหรับเป็นที่พึ่งพิงทางใจกราบไหว้ ทั้งในละแวกใกล้เคียงและคนห่างไกล จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๕ แต่ไม่มีประวัติที่ชัดเจนในการสร้าง

    ความแปลกของวัดแห่งนี้ คือ มีทางออกทางเดียว ไม่มีซุ้มประตู และรั้ว กั้นอาณาเขต มีพื้นที่ติดคลองดำเนินสะดวก และคลองบ้านแพ้วทั้งสามด้าน องค์ประกอบของวัดเป็นเรือนหลังไม้เต็ง ประกอบด้วย โบสถ์ ศาลาการเปรียญไม้ โรงครัวไม้ ส่วนที่เป็นปูน เมรุ และศาลาหลวงพ่อแดง ก่อนหน้านี้มีพระดูแล ๑ รูปชื่อ พระภิกษุเชื้อ เจ้าอาวาส ๑ องค์ คือ พระครูวินัยธรเล็ก ปภัสสะโร โดยทั้งสองได้มรณภาพไปแล้ว ปัจจุบันมีพระครูสาครกิจจานุกูล เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส

    [​IMG]สำหรับหลวงพ่อแดงพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพนับถือของ ชาวบ้านปั้นขึ้นมาจากปูนธรรมดา มีอายุกว่า ๘๐ ปี หน้าตัก ๕๐ นิ้ว มีด้วยกัน ๓ องค์ (๓ ปาง) ประดิษฐานอยู่ภายในศาลาขนาดเล็ก ริมน้ำหน้าโบสถ์ ก่อนหน้านี้เป็นฐานลังไม้ โดยปกติมักจะมีคนสลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาไหว้บนบานศาลกล่าว โดยมีความเชื่อกันว่าความศักดิ์สิทธิ์ของท่านเมื่อขออะไรมักสมหวัง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุที่ทำให้มีคนมาถวายพระพุทธรูปเป็นประจำ จนขณะนี้ซึ่งมีมาก ๑๕,๐๐๐ องค์

    ความศรัทธาหลวงพ่อแดงนั้น มีตั้งแต่ชาวบ้านธรรมดาไปจนถึงนักการเมือง และนักธุรกิจระดับประเทศ สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี คือ รายชื่อที่ปรากฏอยู่บนฐานพระพุทธรูป อาทิ ตระกูลดัง "เทพกาญจนา" และตระกูล " พัฒนพานิช" อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น

    พระครูสาครสิริทัต (ฉลวย นิยโต เปาทุย) อายุ ๗๓ ปี เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน และเจ้าคณะอำเภอบ้านแพ้ว บอกว่า กรณีชาวบ้านที่มีความศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อแดง ซึ่งมักถือปฏิบัติคงแวะเวียนมานานกว่า ๑๐ ปี ปีโดยได้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่าง ๆ ตามประเพณีทางศาสนา อาทิ สวดสะเดาะเคราะห์เสริมจิตใจ ถวายพร้อมสังฆทานเพื่อแผ่เมตตาให้กับผู้อื่น ซึ่งเชื่อกันว่าหากมีคนมากราบไหว้บูชาพระของตนไปด้วยก็มีโอกาสทำให้จิตใจเราสบายไปด้วย โดยความเชื่อมิอาจห้ามได้ ขณะที่เคยได้ประกาศงดรับไปแล้ว เนื่องจากไม่มีสถานที่จัดเก็บ

    [​IMG]ทางด้าน พระครูสาครกิจจานุกูล ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อาจเป็นความเชื่อและความศรัทธาของแต่ละคน ซึ่งผู้ที่เลื่อมใสเองอาจกล่าวขานกันหลังเข้ามานมัสการกราบไหว้ ตลอดจนยึดไปปฏิบัติกันลักษณะคล้ายประเพณีหลังมีความสำเร็จหรือฐานะดีขึ้น ส่วนการนำพระพุทธรูปมาถวายให้กับทางวัดนั้น ขึ้นอยู่แต่ละความเชื่อ และความสมัครใจเช่นกัน

    ส่วนการสร้างและจำหน่ายวัตถุมงคลนั้น พระครูสาครกิจจานุกูล ยืนยันว่า ทางวัดก็ไม่มีการจัดทำเครื่องรางของขลัง รวมทั้งวัตถุมงคลใด ๆ ตลอดจนไม่มีการจัดพิธีกรรมใด ๆ ให้กับชาวบ้านทั้งสิ้น นอกจากความศรัทธา

    สำหรับภารกิจของสงฆ์ และพิธีกรรมที่ปฏิบัตินั้นก็ไม่ต่างไปจากวัดอื่น ๆ ทั่วไป และพระพุทธรูปองค์ขนาดใหญ่นั้นยังมีราคานับแสน ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า มีพระพุทธรูปกระจัดกระจายไปตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ทุกหนแห่งในวัด รวมทั้งในโบสถ์ด้วย

    "ที่ผ่านมาบรรดาญาติโยมต่างแวะหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเชื่อว่าสะเดาะเคราะห์ให้กับตนเอง โดยพระที่นำกันเข้ามามีตั้งแต่หน้าตัก ๓ นิ้ว ไปรวมถึงพระพุทธรูปบูชาที่มีความสูง ๒-๓ วา ซึ่งบางองค์ต้องใส่รถบรรทุกขนาดใหญ่มา นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปราคานับแสนบาท" พระครูสาครกิจจานุกูลกล่าว


    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=8 bgColor=#006666 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>พระล้นวัดปัญหานี้มีทางออก

    พระราชวิจิตรปฏิภาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม และพระนักเทศน์ชื่อดัง ให้ทัศนะคติธรรมว่า การสร้างพระประจำวันหรือพระพุทธรูปปางพระเคราะห์ต่างๆ ในอดีตนั้น มีจุดประสงค์ให้สร้างไว้เพื่อเจ้าของวันเกิด และผู้ที่พระเคราะห์เสวยอายุมีไว้บูชาประจำตัวประจำบ้าน เพื่ออาศัยคุณของพระรัตนตรัยคุ้มครองป้องกัน โดยเมื่อสร้างแล้วก็นิยมให้พระคณาจารย์ปลุกเสกและเบิกพระเนตร แต่ปัจจุบันนี้หมอดู โหราจารย์ พวกนั่งทางใน รวมทั้งพวกทรงเจ้า กลับแนะนำให้สร้างแล้วนำไปถวายวัด

    โอกาสที่พระรัตนตรัยจะคุ้มครองผู้ที่พระเคราะห์เสวยอายุจึงบังเกิดมีขึ้น เพราะเอาแต่เพียงคำว่า ได้บุญ ดังนั้นจึงเกิดปรากฏการณ์ พระพุทธรูปล้นวัด ซึ่งมีขนาดต่างๆ และพระพุทธรูปที่ถวายนั้น วัดต่างๆ ไม่สามารถมอบให้แก่ใครได้เลย เพราะถูกจารึกชื่อผู้สร้างไว้ที่ฐานพระพุทธรูป พระพุทธรูปเหล่านี้จึงกลายเป็นการปล่อยเคราะห์กรรมของผู้สร้าง

    บางคนก็แนะนำว่า ถ้าล้นวัดก็นำไปแจกวัดต่างๆ ก็ทำไมผู้สร้างไม่หาวัดเองบ้าง ยิ่งนานวันสิทธิการถวายพระพุทธรูปก็ยิ่งเพิ่มขึ้น วัดต่างๆ ก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้เลย โดยเฉพาะบางวัดที่มีพระประธานใหญ่ๆ ประจำวัดอยู่แล้ว จึงไม่รู้จะอัญเชิญพระพุทธรูปไปวางที่ไหนถึงจะเหมาะสม จึงควรเห็นใจวัดดังๆ ที่ต้องแบกรับภาระดังกล่าว

    "ทำไมคนไทยไม่คิดสักนิดว่า ก่อนที่จะเช่าบูชาพระพุทธรูปไปถวายวัดใดวัดหนึ่ง ทำไมไม่นำเงินไปบูรณะปิดทอง ซ่อมแซมพระพุทธรูปโบราณอีกจำนวนมาก ซึ่งจะได้อานิสงส์มากกว่ากัน หมอดูทั้งหลายควรแนะนำวิธีอื่นที่จะได้บุญมากกว่านี้ เช่น บริจาคให้กับ บ้านเด็กกำพร้า สถานที่รับเลี้ยงเด็กหูหนวกตาบอด โรงเรียนที่อดอยากยากจนทุรกันดาร ได้บุญกว่าเยอะ ผู้ที่ถูกทำนายว่ามีเคราะห์ก็ควรจะมีสติปัญญาทำบุญให้ดีกว่านี้" พระราชวิจิตรปฏิภาณกล่าว ในขณะที่ อาจารย์ธรรมจักร สิงห์ทอง คณาจารย์สำนักพิมพ์เลี่ยงเชี่ยง บอกว่า การสร้างพระพุทธรูปถือว่าเป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา ในด้านการสร้างสิ่งเคารพแทนองค์พระพุทธเจ้า อย่างน้อยผู้ที่เข้ามานับถือพระศาสนาที่ยังเข้าไม่ถึงพระธรรม ถ้ามีโอกาสได้มากราบสักการะพระพุทธรูปก็จะทำให้เกิดศรัทธา เพื่อที่จะเข้าไปศึกษาหลักธรรมคำสอน เพื่อพัฒนาด้านจิตใจให้พ้นทุกข์ได้ในโอกาสต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพระพุทธศาสนา กรณีที่ทางวัดห้ามนำพระพุทธรูปมาถวายนั้นไม่สมควรห้าม เพราะเป็นความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน เท่ากับเป็นการปิดกั้นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้านวัตถุ ในกรณีวัดไม่มีที่เก็บก็นำไปถวายวัดอื่นๆ ที่ยังขาดแคลน วัดบางแห่งกว่าจะหาพระพุทธรูปมาประดิษฐานสักองค์ก็แสนจะยากลำบาก ถ้าหากคิดว่าจะเป็นภาระในการจัดส่งก็ควรประกาศให้วัดทั่วไปทราบ เพื่อเดินทางมารับเอง ถือว่าเป็นทานการสร้างบุญบารมีอย่างหนึ่งเช่นกัน


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...