ตัวกระทำไม่ตายเวรกรรมมีจริงทุกสิ่งเป็นกลางตามธรรมชาติ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย นายวิชัย มณีรัมย์, 17 เมษายน 2017.

  1. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ธรรมชาติ ได้รักษา ทุกสิ่งทุกอย่างไว้ ตรงเหตุตามผล
    มีความเที่ยงธรรม ถูกตรงและถูกจริง ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
    ธรรมชาติ ได้รักษา ความสมดุลย์ อยู่ในตัว ของธรรมชาติเอง
    ตลอดเวลา ธรรมชาติสร้างสิ่งไหน ก็ทำลายในสิ่งนั้น
    สร้างสิ่งใหม่เพื่อทำลายสิ่งเก่า มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
    ในโลกแห่งความเป็นจริง มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น
    เพราะธรรมชาติ ก็มีความเปลี่ยนแปลง อยู่ในตัวของธรรมชาติ เพื่อรักษาความเป็นกลาง อยู่ในตัวของธรรมชาติเอง ตลอดเวลา
    ดิน น้ำ ลม ไฟ คือธรรมชาติของผู้สร้าง ทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้น อยู่ตลอดเวลา แต่ในที่สุด ดิน น้ำ ลม ไฟ ก็คือธรรมชาติ ของผู้ทำลายเช่นกัน เหตุผลก็คือ เพื่อรักษาความสมดุลย์ ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ได้รับความเป็นธรรม เสมอกัน
    ไม่มีใครได้มาก ไม่มีใครได้น้อย เช่นเดียวกัน กับคนทั้งโลก
    ที่เกิดมา ไม่ว่าจะเป็นคนดี หรือคนชั่ว เกิดมาเท่าไหร่ ก็ตายเท่านั้น เสมอกันหมด จะแตกต่างกัน ตรงที่ว่า ระหว่างคนดี
    กับคนชั่ว ใครรู้ทันธรรมชาติ ได้มากน้อยเท่าไหร่ ธรรมชาติได้ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ธรรมชาติ ก็เอาคืนทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกัน
     
  2. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    โลกใบเล็กดวงนี้ ประหนึ่งเหมือนว่าเป็นเศษเสี้ยว ของผงธุลี ที่เกิดมาจากธรรมชาติ อันกว้างใหญ่ ไพศาล เป็นธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ เหนือ อนันตจักรวาล ในมหาสากลจักรวาลนี้ ล้วนจะต้องอาศัย ธรรมชาติเป็นตัวเกิด
    เพราะฉะนั้นแล้ว เราทุกคน ที่เกิดมา ล้วนต้องอาศัย ธรรมชาติเป็นตัวเกิด เรามาเรียนรู้ธรรมชาติกันดีไหม
    สิ่งทั้งหลายที่เรากำลังพูด กำลังคิด กำลังทำกันอยู่นี้ ไม่มีใครหนีพ้น กรอบของธรรมชาติไปได้เลย ล้วนแต่อ้างอิงธรรมชาติ มาเล่าขานสู่กันฟัง โลกใบเล็กดวงนี้ มีอะไรที่มากมายมหาศาล ที่เรายังไม่รู้ ที่เรายังไม่ได้ดู ที่เรายังไม่ได้เห็น แล้วนำมาพูดกัน เถียงกัน ไม่มีที่สิ่นสุดอย่างแน่นอน เพราะเหตุว่า โลกใบเล็กดวงนี้ มีอะไรที่มากมายมหาศาล สลับซับซ้อน ลึกลับซ่อนเร้น บางสิ่งก็น่ากลัวเหลือเกิน
    บางสิ่งก็ดูน่าขัน คละเคล้ากันไป นี่แหละคือธรรมชาติที่แท้จริง เรามาเรียนรู้ ธรรมชาติกันเถอะ ธรรมชาติที่ถูกต้อง ตามความเป็นจริง ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง รู้ธรรมชาติ ธรรมชาติรู้เรา เห็นธรรมชาติ ธรรมชาติเห็นเรา เป็นธรรมชาติ ธรรมชาติเป็นเรา เราอยู่ตรงกลางของธรรมชาติ ธรรมชาติก็อยู่ตรงกลางเรา เพราะเหตุที่ว่า ธรรมชาติมีความเป็นกลาง
     
  3. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ดิน น้ำ ลม ไฟ คือธรรมชาติที่แท้จริง ยิ่งใหญ่กว่ามหาอนันตสากลจักรวาลทั้งหลายทั้งปวง

    ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ ทุกสรรพสิ่ง
    โดยความสมบูรณ์แบบ สร้างกฏระเบียบ กติกาวินัย และเงื่อนไข ในการสร้าง
    ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ให้เกิดขึ้น โดยอาศัยส่วนรวม เป็นหลักพื้นฐาน ในการสร้างสรรค์
    ดิน มีหน้าที่ในส่วนของดิน น้ำ มีหน้าที่ในส่วนของน้ำ ลม มีหน้าที่ในส่วนของลม
    ไฟ มีหน้าที่ในส่วนของไฟ ในส่วนของการทำลาย ก็เช่นเดียวกัน ไม่มีสิ่งใด
    ในโลกนี้ ที่จะสามารถรอดพ้น ไปจากการย่อยสลาย ของ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไปได้
    ตัวอย่างง่ายๆ ไม่มีเศษขยะใดๆ ในโลกนี้ ที่จะอยู่ในท้องทะเลได้ เพราะว่า
    คลื่นน้ำในทะเล ได้ซัดเศษขยะ และซากศพทั้งหลาย เข้าหาฝั่ง คือแผ่นดินอยู่เสมอ เพื่อย่อยสลาย โดยอาศัย ลมและไฟ นี่แหละคือกฏระเบียบ กติกา วินัย
    และเงื่อนที่จะสร้างความสมดุลย์ที่มี ความเป็นกลางของธรรมชาติ ที่ถูกต้อง
    และถูกตรง ธรรมชาติได้สร้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ให้เป็นของคู่ คือ
    เกิดคู่ตาย ได้คู่เสีย สุขคู่ทุกข์ หญิงคู่ชาย ดีคู่ชั่ว สว่างคู่มืด สิ่งที่กล่าวมานี้
    เพียงแต่ย่อ มาเป็นบางส่วนเท่านั้น เพื่อให้เห็น ตรงตามความเป็นจริง ว่า
    ธรรมชาติมีความเป็นกลางอยู่เสมอ ดังนี้
     
  4. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    การที่เรา จะเข้ามาเรียน ธรรมชาติตามความเป็นจริง จุดเริ่มต้น เราต้องค้นหาคำตอบ ให้กับตัวเราเองเสียก่อน
    ว่า เรามาจากไหน? เราคือใคร? พ่อแม่ของเรามาจากไหน?
    พ่อแม่ของเราคือใคร? ปู่ย่า ตายาย ของเรามาจากไหน?
    ปู่ย่าตายายของเราคือใคร? ถามไปเรื่อยๆ ค้นหาคำตอบไปเรื่อยๆ ในที่สุด คำถามคำตอบ ก็จะอยู่ในเรื่องเดียวกัน
    เรื่องของธรรมชาตินั้นแหละคือคำถามคำตอบ ที่ถูกต้องที่สุด
    โลกใบเล็กดวงนี้ คนทั้งหลายมีความคิดเห็นตรงกันว่า
    โลกกลม และมีน้ำมากกว่าดิน คือ ดินหนึ่งส่วน น้ำสามส่วน สำหรับความคิดเห็น ของเราผู้เขียน มีบางส่วนที่ถูก
    และก็มีบางส่วนที่ผิด ส่วนที่ถูกก็คือโลกกลม ส่วนที่ผิด
    น้ำมีมากกว่าดินสามส่วน ดินหนึ่งส่วน ตามเหตุและผล
    ของธรรมชาติ ที่มีความเป็นกลาง ดินกับน้ำ น่าจะเท่ากัน
    สำหรับความคิดเห็นของผู้เขียน ไม่ได้ว่าส่วนรวม เพราะเหตุที่ว่า ใต้ท้องทะเลที่เราเห็นว่ามีน้ำเป็นส่วนมากนั้น มีแผ่นดิน
    เป็นที่รองรับน้ำทะเลอยู่ ดังนี้ อุปมาเหมือนกระจก ส่องหน้าบานใหญ่ ด้านหลังของกระจกมืด ด้านหน้าของกระจกสว่าง
    ระหว่างด้านหน้ากับด้านหลัง ทั้งสองด้านนั้น ย่อมเท่ากัน
    ฉันใดก็ฉันนั้น ดินกับน้ำจึงน่าจะเท่ากัน อีกอย่างหนึ่ง
    ร่างกายของคนและสัตว์ทั้งหลาย ก็เช่นเดียวกัน ที่คนส่วนมาก มีแนวความคิดเห็นว่า ในร่างกายของคนและ
    สัตว์ทั้งหลายนั้น มีน้ำมากกว่าเนื้อ กระดูก ถึงสามส่วน
    น้ำสามส่วน เนื้อกระดูกหนึ่งส่วน ผู้เขียนขอแย้งว่า
    เป็นความเห็นที่ผิด ตามธรรมชาติแห่งความเป็นจริง
    น่าจะเท่ากัน ข้อพิสูจน์ มีดังนี้ เรามาทดลอง แร่เนื้อในร่างกายของคนและสัตว์ทั้งหลายดู ชั่งน้ำหนักเอาไว้ก่อน จากนั้น
    เอาเนื้อและกระดูก ของคนและสัตว์ทั้งหลาย ไปตากแห้ง ให้ลม และไฟเป็นผู้จัดการ ตามกาลเวลาที่เหมาะสม จนในที่สุด ไม่ให้เหลือน้ำ อยู่ในเนื้อและกระดูกของสัตว์ทั้งหลาย คือให้แห้งสนิท แล้วจึงเอาเนื้อและกระดูกของสัตว์ทั้งหลายที่แห้งสนิทแล้ว มาชั่งน้ำหนักดู จะเหลือน้ำหนักอยู่เท่าไหร่ นั้นแหละคือคำตอบ ที่ถูกตรงตามความเป็นจริงที่สุดดังนี้
     
  5. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    จงน้อมมาดูธรรมชาติอันวิจิตร พิสดาร ตรงนี้เถิด จะเกิดปัญญา อาหารทั้งหลาย อันเป็นปัจจัยเกื้อหนุน ซึ่งกันและกัน ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าของเราทุกมื้อ ย่อมบ่งบอก ถึงความหมาย อย่างแจ้งชัด ว่ามีความสำคัญ เป็นอย่างมาก สำหรับเรา ชาวมนุษย์โลกทั้งหลาย ทุกผู้ทุกนาม ที่เกิดมาบนโลกนี้ กินข้าวกันมาหรือยัง เป็นคำถาม ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นปัญหาที่ตามมา ไม่หยุดหย่อนในเรื่องของการกิน การอยู่ ขอยกตัวอย่างให้เห็นดังนี้ว่า
    เรื่องมีอยู่ว่า มีนักปฏิบัติธรรม คือชายชุดขาวคนหนึ่ง แกนุ่งชุดขาว ห่มขาว เต็มตัวเลยทีเดียว แกเที่ยวอวดอ้างสรรพคุณ ในการกินของแกว่า เป็นการกินดี มีคุณธรรมชั้นสูง ไม่เบียดเบียนเนื้อสัตว์ แกชอบเที่ยวไปถาม คนนั้นบ้างคนนี้บ้าง ว่าวันนี้กินเจกันหรือเปล่า สิ่งที่แกได้รับคำตอบก็คือ คนส่วนมากกินเนื้อสัตว์ มีส่วนน้อยที่กินเจ แล้วเหตุการณ์ ก็ยิ่งทวีความวุ่นวาย ไปกันใหญ่ ในเรื่องที่กินผิดและกินถูก ที่เกิดจากความคิดเห็น ของชายชุดขาวคนนั้น แกเที่ยวบอกกล่าว กับคนทั้งหลายว่า คนไหนที่กินเจ เป็นคนไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ จะเป็นคนที่มีน้ำใจงาม สะอาดขาวบริสุทธิ์ เป็นคนมีศีลธรรมอันหมดจด ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์นั้น เป็นคนที่มีน้ำใจร้าย มีใจดำมืด ไม่สะอาด เป็นคนไม่มีศีลธรรม แกเที่ยวบรรยาย ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม รู้ธรรม เห็นธรรม และการกินเจ ของแกให้คนอื่นรับรู้อยู่เสมอ มีวันหนึ่ง เกิดเหตุการณ์ ที่แปรเปลี่ยน ก็มาถึง เฮ้ย?... ไอ้หนุ่ม แกปฏิบัติธรรม แกกินเจหรือเปล่า การกินเจมีอานิสงค์มากเชียวนา ได้บุญมากด้วย เพราะว่าเราไม่เบียดเบียนเนื้อสัตว์ ทำให้เราปฏิบัติธรรม รู้ธรรมเห็นธรรมได้เร็ว ทำให้ใจเราสะอาด บริสุทธิ์ ถึงเราตายไป ก็ไม่ตกนรก ชายชุดขาวคนนั้น แกก็พูดยาวไปเรื่อย ตามเรื่องของแก โดยไม่สนใจเลยว่า ชายหนุ่มผู้ฟังอยู่นี้ เริ่มหงุดหงิด รำคาญขึ้นทุกขณะจิต เข้าให้แล้ว ในที่สุด ชายหนุ่มก็ทนไม่ได้ ในการฟัง ปัญหาถามตอบ ในเรื่องราว ของการกินเจ และไม่กินเจ รวมถึงการปฏิบัติธรรม ของชายชุดขาว จึงตอบว่า พี่ผู้ปฏิบัติธรรมชุดขาวที่กินเจ ฟังผมก่อน ให้ผมได้ตอบพี่บ้าง ฟังนะ?... ฟัง?..ให้ดี พี่กินเจ ผมก็กินเจเหมือนกัน แต่มันเป็นเจคนละแบบ สำหรับผู้มีปัญญา และมันก็เป็นเจ ในแบบเดียวกันที่พี่กิน ชายชุดขาวเริ่มงง?...
    มีความขัดแย้งอยู่ในใจลึกๆว่า (คิดในใจว่า กูเห็นมึงกินไก่ทอด กับข้าวเหนียวส้มตำอยู่ชัดๆ?....เมื่อกี้นี้ แต่มึงดันมาบอกกูว่า มึงกินเจเหมือนกันกับกู )?... ไอ้หนุ่ม?.... ชายชุดขาวเริ่มเสียงดัง แบบไม่ค่อยพอใจนัก เมื่อตะกี้นี้ พี่เห็นแกกินไก่ทอด กับข้าวเหนียวส้มตำ อยู่ชัดๆนี่หว่า?.... ทำไมแกถึงบอกพี่ว่ากินเจ อย่างนี้มันหาเรื่องกันนี่หว่า.... พูดโกหกอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นชายหนุ่มก็ตอบกลับไป อย่างนิ่มนวลว่า พี่?... ผมพูดจริงๆ ผมกินเจจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น ไม่ได้หาเรื่องไม่ได้โกหก ถ้าผมโกหกพี่ พูดเล่นกับพี่ หาเรื่องกับพี่ แล้วผมจะได้อะไร?.... ไม่มีประโยชน์อันใดเลย ที่เราจะมาเถียงกัน ให้คนอื่นดู เป็นสิ่งที่ไร้ปัญญาจริงๆ จากนั้นชายหนุ่มก็พูดต่อว่า ฟังให้ดีนะพี่?... ผมจะเล่าเรื่องเหตุและผล ที่ถูกต้อง ที่ถูกตรง ตามความเป็นจริง ในสิ่งทั้งปวง ดังต่อไปนี้ ฟังให้ดีนะพี่ชุดขาว?... ชายหนุ่มย้ำด้วยเสียงอันดังว่า?.... ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบเล็กดวงนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็น ไม่ว่าพืชหรือสัตว์ ล้วนแต่เกิดมาจาก ธรรมชาติที่เท่าเทียมกัน เสมอกัน หมดทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาได้ ต้องอาศัย ปัจจัยเกื้อหนุน คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อันเป็นธรรมชาติที่แท้จริงเป็นตัวเกิด ยกตัวอย่างง่ายๆ หนอนกินพืช พืชเป็นหนอน ไก่กินหนอน หนอนเป็นไก่ ปลากินดิน ดินเป็นปลา ควายกินหญ้า หญ้าเป็นควาย วัวกินหญ้า หญ้าเป็นวัว ม้ากินหญ้า หญ้าเป็นม้า มันจึงเป็นไปตามปัจจัยเกื้อหนุน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ควายกินหญ้าตลอดชีวิตของมัน เนื้อของมันจึงมีแต่หญ้า หญ้ามาจากไหน?.. ก็มาจากธรรมชาติที่แท้จริง คือ .... ดิน น้ำ ลม ไฟ นี่คือความวิจิตรพิสดาร ของธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบเล็กดวงนี้ ไม่ว่าพืชหรือสัตว์ที่เกิดมา ก็มาจากสิ่งเดียวกัน
    สุดแล้วแต่ปัญญา พิจารณาเอาเองเถิด กับคำที่ว่า ธรรมชาติตามความเป็นจริง ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
    ฉะนี้แล
     
  6. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ความวิจิตรพิศดาร สลับซับซ้อน ลึกลับ ของการเวียนว่าย ตายแล้วเกิด ของทุกสรรพสิ่ง ในโลกนี้

    วัฏสงสาร คือเครื่องแปรผัน ที่มีความเปลี่ยนแปลง อยู่เสมอในทุกสรรพสิ่ง จากสิ่งเก่า หมุนเป็นสิ่งใหม่ มีความวิจิตร พิศดาร ลึกลับซับซ้อน ซ่อนกล ยากที่จะรู้ตามได้
    สิ่งทั้งหลาย ที่อยู่บนโลกนี้ ไม่ว่าพืชหรือสัตว์ทั้งหลาย ย่อมมีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ดับไป ตั้งอยู่ เกิดขึ้น หมุนรอบอยู่อย่างนี้ตลอดไป ไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งในอดีต อนาคต ปัจจุบัน ทุกสิ่งทุกอย่างหมุนไป แล้วก็หมุนไป ไม่เคยหยุดเลย แม้แต่วินาทีเดียว เศษเหล็กเก่า กลายเป็นเหล็กเส้นใหม่ รถยนต์เก่า กลายเป็นรถยนต์ใหม่ ซากพืช ซากสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าคนหรือสัตว์ นอนทับถมแผ่นดิน ก็จะกลายเป็นดิน ในที่สุดแล้ว ก็จะกลับมาเป็น พืช คน สัตว์ ตัวใหม่ ใบไม้ที่ร่วงหล่น มาจากต้นลงสู่พื้นดิน กลายเป็นปุ๋ย ไปสู่ยอดใบอ่อน ของต้นไม้ต้นนั้นเหมือนเดิม กลายเป็นยอดใหม่ ของต้นไม้ต้นนั้นอยู่เสมอ ฝนตกเก่ากลายเป็นสายน้ำ ไหลลงสู่ทะเล ก่อตั้งเมฆฝน ขึ้นมาใหม่ กลายเป็นฝนตัวใหม่ ที่เราได้เห็นอยู่ทุกวัน ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบเล็กดวงนี้ มีความวิจิตรพิศดาร สลับซับซ้อนลึกลับ เกินกว่าที่คนทั้งหลาย จะมองเห็น ความเปลี่ยนแปลง ของสิ่งเหล่านั้น ทั้งหลายทั้งปวงได้ นอกเสียจาก ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายเท่านั้นที่จะมองเห็น โดยการนำมาพิจารณา ด้วยสติปํญญาอันมั้นคง ย่อมเห็นได้ทะลุปรุโปร่ง ในทุกสรรพสิ่ง ที่เป็นไปตามธรรมชาติของความเป็นจริง ในสิ่งทั้งปวง ฉะนี้แล
     
  7. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    สิ่งแน่นอนคือของไม่แน่นอน ของที่แน่นอนคือสิ่งไม่แน่นอน ในชีวิตประจำวัน ของมนุษย์โลกทุกผู้ทุกนาม ที่เกิดมาบนโลกใบเล็กดวงนี้ จะต้องประสพพบเจอ ต่อเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ ดังที่กล่าวมา ในเบื้องต้น เสมอภาคเท่าเทียบกันหมด ไม่ว่าคนหรือสัตว์หรือพืชทั้งหลาย เช้าเห็นหน้า สายตาย บ่ายคุยกัน ค่ำตาย เช้าเห็นต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ สายโดนตัดโค่นปรับภูมิทัศน์ บ่ายเห็นหมาตัวนี้วิ่งอยู่ข้างถนน ค่ำเห็นตายกลางถนน เช้าเห็นทุ่งหญ้า เขียวขจี บ่ายเห็นไฟลามทั่วทุ่ง ค่ำเห็นรถคันสีดำวิ่งผ่าน
    วิ่งไปได้ไม่นานชนกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว นี่แหละคือสิ่งไม่แน่นอน แต่เป็นของที่แน่นอน มีอยู่ในตัวของมันเสมอ ฉะนั้นแล้ว เราทุกคน ทุกผู้ทุกนาม ที่เกิดมาแล้ว บนโลกใบเล็กดวงนี้ ต้องพิจารณาด้วยปัญญาของตัวเองเถิดว่า ผู้รู้ทั้งหลาย อาจารย์ทั้งหลาย ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งหลาย ท่านคอยพร่ำสอน บอกกล่าวย้ำเตืยนอยู่เสมอว่า จงเป็นผู้มีสติอันมั่นคงอยู่ตลอดเวลา อย่ามัวหลงตกอยู่ในอำนาจของความประมาทอีกเลย เพราะว่าสิ่งที่ผิดพลาด จะทำให้เกิดความสูญเสีย ดึงมันคืนกลับมาไม่ได้ในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมันเป็นของไม่แน่นอนดังนี้แล
     
  8. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    การเวลาล่วงไป ล่วงไป สิ่งเก่าทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นตั้งอยู่มานาน ก็ดับไป ร่วงไป ร่วงไป สิ่งใหม่ทั้งหลายที่ยังไม่เกิด ก็เกิดขึ้นมา นี้แหละคือสัจจะธรรมที่แท้จริง ของทุกชีวิต และทุกสรรพสิ่ง ทุกอย่างที่มีบนโลกใบเล็กดวงนี้ จงทำใจให้ขาวรอบ สะอาดหมดจด เถิด ท่านผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย จงยังความประมาททั้งหลายให้สิ้นไป จงตั้งสติให้ตรง เพื่อพิจารณาความจริงทั้งหลายให้ปรากฏ เกิดขึ้น ในดวงจิตของเรา ให้เป็นไปในความสว่างไสว ปราศจากมลฑิน คือกิเลสทั้งหลาย อันเป็นเครื่องร้อยรัดสัตว์ ให้ตกอยู่ในความเศร้าหมอง มืดบอด จงยกจิตของตน ให้พ้นจากกิเลสทั้งหลาย อันเป็นเปลือกตม ของ อวิชาห่อหุ้มสัตว์ นำพาสัตว์ ให้เป็นไปตามกรรม คือการเวียนว่ายตายเกิด ตกอยู่ในป่วงแห่งวัฏสงสาร จงอย่าประมาท ในกาลทุกเมื่อเทอญ
     
  9. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ทำบุญกับโจรได้ขึ้นสวรรค์ ทำบุญกับพระอรหันต์ตกนรก

    เริื่องมีอยู่ว่า มีครอบครัว สามีภรรยาคู่หนึ่ง มีความยากจนหาเช้ากินค่ำ มีอาชีพเก็บฟืนขาย ไปวันๆพอเลี้ยงชีพได้ มีความเป็นอยู่ที่พอเพียง อนุเคราะเกื้อกูล โอบอ้อมอารีย์ มีความรักใคร่ปองดองกันเสมอมา ภรรยาได้ตั้งท้อง 7เดือน เกิดอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง อยากกินของแสลง ตามธรรมดาของคนแพ้ท้อง แต่ไม่ธรรมดาสำหรับผู้เป็นสามีเสียแล้ว เพราะว่าของที่นางอยากกินนั้น เป็นของที่หายากมาก เป็นอาหารของพระราชาผู้ใจบุญ ด้วยความสงสารลูกในท้องและภรรยา ชายผู้สามีจึงคิดใคร่ครวญหาวิธี ว่าจะทำอย่างไรดีหนอ ถึงจะได้อาหารจากพระราชาองค์นั้น อยู่มาวันหนึ่ง เห็นพระธุดงค์ เดินไปบิณฑบาตรในเมืองของพระราชาองค์นั้น จึงเกิดความคิดชั่วขึ้นมา ได้วางแผนขโมยบาตรและจีวรของพระธุดงค์องค์นั้น จากนั้นก็โกนหัวตัวเองให้เป็นคนหัวโล้น เช้ามืดวันต่อมา พระปลอมได้เดินเข้าไปบิณฑบาตร ในเมืองของพระราชาองค์นั้น ครั้นจะเดินเร็วก็กลัวผ้าจีวรจะหลุด พระปลอมองค์นั้นก็จึงค่อยเดิน พระราชาเห็นพระปลอมเดินมาแต่ไกล ด้วยความเชื้องช้า จึงเกิดความเลื่อมใสเป็นอย่างมาก เกิดความศรัทธาอย่างมหาศาล ในพระปลอมองค์นั้น จึงทำบุญใส่บาตรด้วยอาหาร คาวหวานทั้งหลาย อันปราณีตแก่พระปลอมองค์นั้น เมื่อใส่บาตรเสร็จแล้ว ก็เกิดความยินดี เต็มเปลี่ยมไปด้วยความสุข เป็นบุญของเราแท้หนอ ที่มีโอกาสได้ทำบุญกับพระอรหันต์ จึงสั่งอำมาตย์ผู้ติดตามไปว่า จงตามพระอรหันต์องค์นี้ไป ไปดูสิว่าท่านอยู่ตรงไหนในป่านั้น อำมาตย์ผู้นั้นจึงติดตามไป พอถึงนอกเมือง อำมาตย์ผู้นั้น ก็ได้เห็นความจริงว่า นี่คือพระปลอมที่ไปหลอกพระราชาให้ทำบุญใส่บาตรให้กับตัวเอง เพื่อที่จะได้อาหารของพระราชา มาให้ภรรยาของตนที่กำลังแพ้ท้องได้กิน ตามที่นางแพ้ท้องอยากกินอาหาร ของพระราชา อำมาตย์ผู้นั้นได้เห็นการกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง ได้ทราบความจริงทุกสิ่งทุกอย่าง ในการตั้งท้องของสามีภรรยา ผู้ยากจนคู่นี้ จึงเกิดความเมตตา อโหสิกรรมให้ จากนั้นก็กลับไปเพื่อเข้าเฝ้ากราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ ครั้นจะกราบทูลตามความจริง ในทุกสิ่งที่เห็นมา ก็กลัวพระราชาจะเสียพระทัย ในบุญกุศลครั้งนี้ จึงกราบทูลไปว่า พระอรหันต์องค์นั้น ที่ข้าพเจ้าติดตามไป พอถึงนอกเมือง ท่านก็หายวับไปกับตา ไม่รู้ว่าท่านอยู่ไหน พอพระราชาได้ยินดังนี้ ก็เกิดความปิติปราโมทย์ ยินดีในบุญกุศลเต็มเปลี่ยมด้วยความสุข มีความผ่องใสร่าเริง ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พระราชาก็มีแต่ความสุข คิดถึงแต่บุญกุศลที่ตนทำในครั้งนี้ ตลอดอายุขัย ครั้นพอถึงเวลาสิ้นใจ ด้วยผลบุญในครั้งนี้ พอกาลตายของพระราชามาถึง จึงได้เกิดเป็นเทพบุตรอยู่บนสวรรค์ พอหมดบุญของพระราชาองค์นี้ ในกาลต่อมา อำมาตย์ผู้ติดตาม ได้ขึ้นครองราช แทนพระราชาองค์เดิม ได้เป็นพระราชาองค์ใหม่ของเมืองนี้ ด้วยเหตุผลและประเพณีเก่า ของพระราชาองค์เก่า ที่ชอบทำบุญให้ทานอยู่เสมอ พระราชาองค์ใหม่จะต้องปฏิบัติตาม โดยการให้ทานทำบุญอยู่เสมอเช่นกัน ด้วยความร้อนรุ่ม ในสิ่งที่เห็นจากอดีตที่ผ่านมา ในใจของท่านมีแต่พระปลอม ในใจของท่านมีแต่ความเศร้าหมอง ครั้นจะไม่ทำบุญก็กลัวชาวเมืองตำหนิ พอทำบุญครั้งใด ก็เสียดายในทานนั้นๆ ทุกครั้งไป อยู่มาวันหนึ่ง มีพระอรหันต์ 500รูป มาบิณฑบาตรในเมือง ครั้นจะไม่ทำบุญก็ไม่ได้ เพราะเป็นประเพณีเก่าของพระราชาองค์ก่อน จึงจำใจในการทำบุญในครั้งนี้ ครั้นพอทำบุญกับพระอรหันต์ ครบทั้ง 500รูป ก็เกิดเสียดายในทานทั้งหลาย เพราะคิดว่า เป็นพระปลอม มาหลอกเราแน่ ในที่สุด พระราชาองค์นี้ ก็เกิดความทุกข์มากมายมหาศาล เพราะเสียดายในทานทั้งหลายที่ทำไป ก็เกิดความตรอมใจ เกิดความทุกข์เวทนาจิตใจเศร้าหมอง ในที่สุดก็ถึงแก่ความตาย ก่อนสิ้นใจ ก็คิดเห็นแต่พระอรหันต์ปลอมทั้งหลาย ในที่สุดก็ตกไปสู่นรก เพราะการทำบุญแท้ๆ ดังที่กล่าวมา ทำบุญกับโจรได้ขึ้นสวรรค์ ทำบุญกับพระอรหันต์ตกนรก ทุกสื่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากใจ มีใจกำหนด มีใจให้ผล ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ดังนี้แล
     
  10. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    วัวชื่อนางเขียว กลับชาติมาเกิด ชดใช้หนี้กรรม
    เป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น แม่วัวตัวหนึ่งชื่อ นางเขียว มีลูกติดหนึ่งตัว นางเขียวชาติก่อนเป็นคน มีลูกเป็นผู้ชาย1คน และได้ลูกสะใภ้ที่ดี เมื่อเกิดเป็นแม่วัว ก็ยังระลึกชาติเก่าได้ พูดไม่ได้ แต่ฟังภาษาคนออก จิตที่ระลึกชาติเก่าได้ ได้ไปเข้าฝันลูกสะใภ้ เมียของลูกชายครั้งเป็นคนว่า แม่มาเกิดแล้ว แต่เกิดเป็นวัว ชื่อนางเขียว เพราะแม่เป็นหนี้เขา 5 บาท (บอกชื่อเจ้าหนี้) ยังไม่ได้ใช้หนี้เขา แม่ตายแล้วจึงมาเกิดเป็นวัว เพื่อใช้แรงกายแทนหนี้ ขอให้ลูกนำเงิน 5บาท ไปใช้หนี้แทนแม่ด้วย ส่วนลูกสะใภ้ ก็ไม่กล้าบอกความฝันกับสามี ต่อมาจิตของนางเขียว ก็ไปเข้าฝันลูกสะใภ้อย่างนั้นอีก ลูกสะใภ้ก็ไม่กล้าบอกสามีเช่นเดิม จากนั้นอีก 2 อาทิตย์ต่อมา จิตของนางเขียวก็ไปเข้าฝันลูกชาย บอกข้อความอย่างเดียวกัน กับที่ไปเข้าฝันลูกสะใภ้ พอตื่นตอนเช้า ลูกชายก็เล่าความฝันให้ภรรยาฟัง ภรรยาจึงพูดขึ้นว่า วัวนางเขียวนั้นเป็นแม่ของเราจริงๆ สามีจึงถามภรรยาว่า เธอรู้ได้อย่างไร? ภรรยาตอบว่า วัวนางเขียวก็มาเข้าฝันฉัน อย่างที่พี่ฝันเหมือนกันถึง 2 ครั้งแล้ว สามีจึงต่อว่าภรรยา ทำไมเธอถึงไม่บอกฉัน ภรรยาตอบว่า ฉันกลัวพี่โกรธ หาว่าแม่พี่ไปเกิดเป็นวัว เราควรนำเงินไปใช้หนี้แทนแม่ 5 บาท และเงินอีก 1 พันบาท ไปซื้อแม่มาเลี้ยง ให้แม่ของเรามีความสุข สามีพอใจเป็นอย่างมาก จึงได้นำเงินไปบ้านเจ้าหนี้ พอดีก็ไปพบป้า ที่เป็นเจ้าหนี้ของแม่ จึงถามได้ความว่า แม่เขาเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ เป็นหนี้ที่ยังไม่ได้ใช้ 5 บาทจริง ตรงตามความฝัน จึงบอกความประสงค์ จะนำเงินมาใช้หนี้แทนแม่ 5 บาท ป้าเจ้าหนี้บอกว่า ป้าไม่เอาหรอก เพราะอธิฐานยกหนี้ให้แล้ว ตอนไปเผาศพแม่เธอนั้นแหละ ป้าเจ้าหนี้ก็จึงย้อนถามไปว่า เธอรู้ได้อย่างไร ว่าแม่ของเธอติดหนี้ป้าอยู่ 5 บาท เขาจึงตอบไปว่า วัวของป้าชื่อนางเขียว ไปเข้าฝันเมียของผมถึง 2 ครั้ง และครั้งที่ 3 ก็ไปเข้าฝันกับผม บอกข้อความเดียวกันว่า แม่เกิดเป็นวัวชื่อนางเขียว อยู่ที่บ้านของป้า ขอให้ลูกนำเงิน 5 บาท มาใช้หนี้แทนแม่ด้วย ผมจึงรู้ว่า แม่ผมเป็นหนี้ป้าอยู่ 5 บาท วันนี้ผมจึงนำเงินมา หนึ่งพันบาท เพื่อขอซื้อวัวแม่ผมไปเลี้ยงดูให้มีความสุข ป้ากรุณาขายให้ผมด้วยเถิด ป้าจึงพูดว่า ป้าไม่กล้าขายแม่ของเธอหรอก นางเขียวมีลูกติด 1 ตัว อยู่ที่ฝูงโน้น เธอจงไปเรียกเอาเองเถิด ถ้ามันตามเธอไป ป้าก็ยกให้เธอเอามันไปได้เลย ไม่ต้องซื้อ 2 สามีภรรยา จึงไปที่ฝูงวัวทั้งหลายฝูงนั้น ร้องเรียกว่า แม่เขียว แม่เขียว พอวัวนางเขียวได้ยิน ก็เดินออกจากฝูงมาหา 2สามีภรรยา พร้อมลูกแหง่ 1 ตัว ที่ดวงตาของวัวนางเขียว มีน้ำตาไหลพราก 2สามีภรรยา เดินไปยืนอยู่ข้างๆ แล้วพากันร้องไห้ เมื่อกลั้นน้ำตาได้แล้ว จึงนัดกัน เดินออกมาห่างๆ เฉยๆ โดยไม่ร้องเรียกอีก ดูซิว่า แม่เขียวจะตามมาอีกไหม ปรากฏว่า แม่เขียวกับลูกแหง่ ก็เดินตาม 2 สามีภรรยา ซึ่งเป็นลูกชาย และลูกสะใภ้ของตน เมื่อครั้งเป็นมนุษย์อยู่ 2สามีภรรยา เมื่อบอกกิริยา และอาการ ของแม่วัว ให้ป้าเจ้าหนี้เข้าใจดีแล้ว และกล่าวคำขอบพระคุณ กับป้าเจ้าของหนี้ เรียบร้อยแล้ว จึงพาแม่วัวและลูกแหง่ไปเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ตลอดจน สิ้นอายุขัย ของวัวนางเขียว ดังนี้แล
     
  11. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ธรรมชาติ สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ในมหาสากลอนันตจักรวาลย์ ให้มีความเป็นกลาง ในการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของสิ่งต่างๆ ในมหาสากลอนันตจักรวาลย์ โดยการสร้าง วัฏสงสาร คือเครื่องหมุน ผลัดเปลี่ยน เวียนเกิดเวียนตาย หมุนรอบ เปลี่ยนแปลง ผลัดกันเกิด ผลัดกันตาย ไม่มีวันจบสิ้น เป็นอมตะตลอดกาล ดวงจิตของทุกสรรพสิ่ง ในมหาสากลอนันตจักรวาลย์นี้ ไม่มีวันแตกดับ เพราะมันคือธรรมชาติ ตามความเป็นจริง ในสิ่งเป็นกลาง ดังนี้แล
     
  12. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    แสงแดด สายลม น้ำ ดิน คือพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ในมหาสากลอนันตจักรวาลย์ทั้งหลายทั้งปวง ให้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ดับไป เกิดขึ้น ตั้งอยู่
    ตั้งอยู่ ดับไป เกิดขึ้น ไม่ได้หายไปไหน ทุกสรรพสิ่ง ยังคงอยู่ที่เดิม บริเวณเดิม
    อุปมามีดังนี้ เม็ดทรายทั้งหลาย มารวมอยู่ในที่เดียวกัน บริเวณเดียวกัน ถูกก่อขึ้นให้เป็นเจดีย์ทราย ยอดของเจดีย์ทราย มีทรายอยู่หนึ่งเม็ด ที่สูงกว่าเม็ดทรายทั้งหลายทั้งปวง ในที่สุดเจดีย์ทราย ก็ถูกทำลาย กลายเป็นกองทรายที่เสมอกัน ถูกก่อขึ้นมาใหม่ เป็นเจดีย์ทรายใหม่ ที่มาจากทรายเม็ดเดิมทั้งหลายทั้งปวง ผลัดกันไปสู่ยอดเป็นเจดีย์ทราย พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น ไม่ได้หายไปไหน
    ต้นไม้ใหญ่มียอดอ่อนสูง ใบไม้แก่เหลืองร่วงหล่น ลงสู่พื้นดิน กลายเป็นปุ๋ย ไปเลี้ยงยอดอ่อน ต้นไม้ใหญ่แตกใบใหม่ อาศัยปุ๋ยจากใบไม้เก่า ที่ร่วงหล่นลงสู่พื้นดินที่เป็นบริเวณเดิม และที่เดิมของต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น ใบไม้เก่ากลายเป็นใบไม้ใหม่
    ใบไม้ใหม่กลายเป็นใบไม้เก่า เวียนเกิดเวียนตาย อยู่อย่างนี้ในที่เดิม บริเวณเดิม เหมือนเจดีย์ทราย เม็ดทรายทั้งหลายทั้งปวง เปลี่ยนกันเป็นยอด ของเจดีย์ทราย ที่อยู่ในที่เดิม และบริเวณเดืม ฉันใดก็ฉันนั้น ฝนตกหนักหนาเม็ด ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า กายเป็นน้ำไหลลงสู่คลอง เป็นแม่น้ำไหลลงสู่ทะเล กลายเป็นน้ำทะเล น้ำทะเลกลับกลายมาเป็นน้ำฝนใหม่ ฉันใดก็ฉันนั้นดังนี้แล
    เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตั้งอยู่ ดับไป เกิดขึ้น ดับไป เกิดขึ้น ตั้งอยู่
     
  13. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ทำดีคิดดีย่อมได้ดี มีแต่ความสุข ทำชั่วคิดชั่ว ได้แต่สี่งชั่ว เต็มไปด้วยความทุกข์ ใครสร้างสิ่งไหนก็ได้แต่สิ่งนั้น ไม่ว่าบุญหรือบาบ กรรมของสัตว์ กรรมของใครก็กรรมของมัน เกิดจากการกระทำทั้งสิ้น ได้รับผลอย่างแน่นอน พูดมากเสียมาก ไม่พูดไม่เสีย สิ่งที่พูดเป็นสิ่งดี สิ่งที่พูดสร้างกุศล
     
  14. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ธรรมชาติคือสิ่งเกื้อหนุน พึ่งพาอาศัยซึ้งกันและกัน เป็นแดนเกิดทุกสรรพสิ่ง ที่เราได้เห็นบนโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ ต้นไม้ใบหญ้า ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดมาจากดิน ทุกสิ่งทุกอย่างคือแท่งดิน เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ดินแท่งใหม่ อาศัยดินตัวเก่า หมุนเวียนกันเกิดอยู่อย่างนี้ตลอดไป เหมือนฝนตัวใหม่ อาศัยฝนตัวเก่า เกิดมาจากที่ีเดียวกัน คือทะเล ฉันใดก็ฉันนั้น ทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นมาจากดิน ก็ต้องกลับไปสู่ดินเหมือนเดิม
     
  15. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    เห็นจริงทำจริง เห็นเล่นทำเล่น ไม่เห็นไม่ทำ เห็นคือเรา ไม่เห็นคือเรา
    รู้จริงทำจริง รู้เล่นทำเล่น ไม่รู้ไม่ทำ รู้คือเรา ไม่รู้คือเรา
    ดาวอยู่บนท้องฟ้า เราอยู่ในโลก คือสิ่งที่เหมือนกัน ดาวก็ธรรมชาติ ท้องฟ้าก็ธรรมชาติ เราก็ธรรมชาติ โลกก็ธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่าง ในอนันตมหาสากลจักรวาลย์ ล้วนเป็นธรรมชาติ
    ธรรมชาติคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ในอนันตมหาสากลจักรวาลย์นี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ธรรมชาติคือเรา เราคือธรรมชาติ ธรรมชาติมี เรามี ธรรมชาติเป็น เราเป็น ธรรมชาติเกิด เราเกิด ธรรมชาติดับ เราดับ ธรรมชาติตั้งอยู่ เราตั้งอยู่ อมตะตลอดกาล
     
  16. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    หนทางหลุดพ้นจริงๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้โลกทั้ง3ก็ได้ ถ้าเรารู้ว่าเรามาจากไหน เราเกิดมาทำไม เราคือใคร ใครสร้างเรา แล้วเราสิ้นสุดที่ไหน เราปฏิบัติธรรมเพื่อสิ่งใด หลุดพ้นเพื่ออะไร ตายแล้วไม่ต้องเกิด หรือเกิดแล้วไม่ต้องตาย การเวียนว่ายตายแล้วเกิดมีจริงไหม ตายแล้วดับศูนย์ หรือตายแล้วเกิดใหม่ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องคิดก็ได้ หรือคิดก็ได้ มันไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย กับการบรรลุธรรม เพราะการบรรลุธรรมเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่เกิดขึ้นในตัวของผู้ปฏิบัติธรรม จำเพาะเจาะจงในตัวบุคคลเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องของโลกทั้ง3ก็ได้ เพราะมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ ตามความเป็นจริงเท่านั้น สิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับผู้บรรลุธรรม มันเกิดขึ้นที่ตาจิต ที่อยู่ภายใน ของผู้ปฏิบัติธรรม ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวกับคนอื่นก็ได้ เพราะเหตุใด ด้วยเหตุที่ว่า ถ้าพูดไปแล้วคนอื่นไม่เข้าใจ เขาจะกล่าวหาว่าเราบ้า จึงนิ่งเสียไม่บอกกล่าว เรามีเงินอยู่ร้อยบาท เราจะทำบุญเท่าไรก็ได้ เท่าที่เรามี เราไม่ทำบุญก็ได้เพราะเป็นเงินของเรา
    เมตตาอยู่ในจิต มืดสนิทก็ดับหาย แสงสว่างเกิดมากมาย ปัญญาแจ้งเกิดกับเรา สิ่งทั้งหลายที่หนักเบา เรารู้ผลสิ่งตนทำ
     
  17. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ผู้มีกำลังมากย่อมยกของหนัก ได้อย่างง่ายดาย สายแห่งธรรมชาติก็เช่นเดียวกัน ไม่มีอะไรมากไม่มีอะไรน้อย โลกทั้ง3ก็เช่นเดียวกัน มีก็ได้ไม่มีก็ได้ ตัวเราสั้น ก็คือทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้นกับเรา ก็ต้องดับลงกับเรา เราคือผู้ได้รับผล โลกทั้ง3ยาว ก็คือทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยเหตุ ปัจจัยทั้งหลายเป็นแดนเกิด เพราะมีสิ่งนี้ก็จึงมีสิ่งนี้ ถ้าไม่มีสิ่งนี้ก็จึงไม่มีสิ่งนี้ มีสูงจึงมีต่ำ มีสั้นจึงมียาว มีสุขจึงมีทุกข์ มีโลภจึงมีโกรธ มีโกรธจึงมีหลง มีหนักจึงมีเบา เรามีเราจึงมี เราไม่มีเราจึงไม่มี ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพราะอาศัยเรา เป็นแดนเกิดถูกผิดเกิดขึ้นกับเรา เรารับผล เพราะสิ่งถูกอาศัยสิ่งผิด เป็นแดนเกิด สิ่งผิดอาศัยสิ่งถูกเป็นแดนเกิด ถ้าไม่ผิดจะหาสิ่งถูกจากที่ไหน ถ้าไม่ถูกจะหาสิ่งผิดจากที่ไหน
     
  18. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    โลกทั้ง3ศูนย์มีค่ามากมายมหาศาล สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม เกิดความเห็นได้ ด้วยตาจิตที่อยู่ภายใน ดวงใจอันใสสะอาด ปราศจากโลภโกรธหลง มีใจอันบริสุทธิ์ เต็มเปี่ยมไปด้วยพรหมวิหารธรรม4 เกิดความสว่างไสว เห็นเด่นชัด เกิดขึ้นในภายใน ของตัวบุคคล ผู้ปฏิบัติธรรมผู้นั้น เห็นได้ด้วยตนเอง รู้ได้ด้วยตนเอง
    สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ที่ใจ สิ่งทั้งหลายเกิดมีขึ้นที่ตัวเรา หลักธรรมเหล่านี้ มันรู้ง่ายเสียเหลือเกิน ไม่ต้องปฏิบัติก็รู้ได้ เพราะรู้ตามเขาว่า มันสั้นเสียเหลือเกิน จนน่าตกใจ ในความรู้ง่ายในสิ่งเหล่านั้น ที่พูดต่อๆกันมา ใครๆก็รู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง เป็นความรู้ง่าย ที่ไม่สิ้นเปลืองการปฏิบัติ ไม่ต้องปฏิบัติก็รู้ได้ เด็กรู้ได้ผู้ใหญ่รู้ดี สิ่งที่ยาวกลับไม่พูดถึง กลับไม่ค้นหา ในองค์ความรู้ ที่ต้องอาศัย เกิดขึ้นควบคู่ ไปกับการปฏิบัติ เต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธา มีความเพียรพยายามอุตสาหะด้วยความมั้นคง สิ่งยาวก็คือ เพราะมีสิ่งนี้ก็จึงมีสิ่งนี้ ถ้าไม่มีสิ่งนี้ก็จึงไม่มีสิ่งนี้ เพราะสิ่งนี้มีก็จึงสิ่งนี้มี
    ถ้าสิ่งนี้ไม่มีก็จึงสิ่งนี้ไม่มี ร้อยพันหมื่นแสนล้าน มีค่าได้เพราะอาศัยศูนย์ เพราะมันถูกจึงมีผิด เพราะมันผิดจึงมีถูก เพราะมีสูงจึงมีต่ำ เพราะมีสุขจึงมีทุกข์ ธรรมทั้งหลาย เห็นได้จากการปฏิบัติของผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย เกิดตามกาล รู้ตามกาล เห็นตามกาล ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นกับเรา รู้เห็นกับเรา ขุมทรัพย์อันประเสริฐ เกิดขึ้นที่ใจเรา ไม่มีใครแย่งเอาของเราไปได้ เราเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว เราจะแบ่งปัน ให้กับคนทั้งหลายก็ได้ เราไม่แบ่งปันให้ใครก็ได้ เพราะเราเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว
     
  19. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    เรื่องราวเกี่ยวกับตำนาน มีการเล่าขานสืบต่อกันมา จากผู้รู้ทั้งหลาย เกี่ยวข้องกับโลกทั้งสาม โดยความวิจิตรพิสดารลึกลับซ่อนเล้น มีอิทธิฤทธิ์ อิทธิพลัง อิทธิปาฏิหารย์ เป็นการบอกกล่าวมายาวนาน ถูกเปิดเผย จากผู้รู้ทั้งหลาย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งเรื่องของวิญญาณ หลังความตาย ทั้งเรื่องของการกลับชาติมาเกิด ทั้งเรื่องของพญานาคในเมืองบาดาล ทั้งเรื่องของเมืองลับแล เมืองบังบด เมืองผี เมืองเปรต เมืองนรก ทุกสิ่งล้วนมีจริง แต่หาคนเชื่อน้อยมาก ผู้มีบุญปฏิบัติธรรม จนถึงความรู้แจ้ง ในธรรมทั้งหลาย ย่อมรู้เห็นได้ด้วยตนเอง ในโลกของเทวดา โลกของผี วิญญาณเร่ร่อน เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ เราทำสิ่งไหนไว้ เราก็จะได้รับผลกรรมในสิ่งนั้น ทั้งหลายทั้งปวงอย่างแน่นอนในชาติปัจจุบันนี้ ตามความเป็นจริงในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ปฏิบัติภายนอกหลอกกันง่าย แต่การปฎิบัติภายใน เพื่อให้ใจสะอาดนั้น หลอกกันยาก สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย รู้ธรรมทั้งหลาย เห็นธรรมทั้งหลาย เสมอกันหมดในสิ่งทั้งปวง คือเกิดที่เราก็ดับที่เรา ใครจะว่าเราบ้าเราก็ยอมบ้าแต่ภายนอก เพราะสิ่งภายนอก ทำให้เราบ้า เราเสียสละยอมบ้า เพื่อแก้ปัญหา ทุกสิ่งทุกอย่างให้อยู่ในความถูกต้อง ตามความเป็นจริง ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง เพราะสิ่งนี้มีจึงมีสิ่งนี้ ถ้าสิ่งนี้ไม่มีก็ไม่มีสิ่งนี้ ภายในของเราไม่ยอมบ้า เพราะเราแก้ปัญหาทุกอย่าง อยู่ภายในโดยความถูกต้องตามความเป็นจริงในสิ่งทั้งปวง
    กล้าได้ต้องกล้าเสีย ใครไม่เชื่อก็ตามใจ สิ่งทั้งหลายเหล่าใด เกิดเห็นได้ที่ใจตน กายกรรม3 วจีกรรม4 มโนกรรม3 ปฏิบัติธรรมก็หวังหลุดพ้น สิ่งทั้งหลายเกิดเห็นได้ในตน หลุดพ้นได้ที่ตัวเรา
     
  20. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ธรรมชาติคือความเป็นจริง ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง เป็นของไม่มีวันตาย ไม่มีวันแดกดับสลาย หาจุดเริ่มต้นไม่มี หาจุดท่ามกลางไม่เจอ หาที่สิ้นสุดไม่ได้ มีอยู่อย่างนี้ตลอดไป อมตะตลอดกาล มีหรือไม่มี ผู้รู้ทั้งหลายตอบได้เสมอกันคือ ศูนย์มีค่าก็ได้ ศูนย์ไม่มีค่าก็ได้ ถ้ามีผิดก็ต้องมีถูก ถ้าไม่มีผิดก็ไม่มีถูก ถ้ามีถูกก็ต้องมีผิด ถ้าไม่มีผิดก็ไม่มีถูก สิ่งทั้งหลายทั้งปวง เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป เห็นที่เรา เกิดที่เรา ก็ต้องดับลงที่เรา ไม่มีอะไร อะไรก็ไม่มี ธรรมชาติคือความจริง ที่ถูกต้อง ตามความเป็นจริง ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง คนจะมี ไม่ให้มีมันก็มี คนจะไม่มี ให้มี มันก็ไม่มี ผู้รู้ทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น รู้เท่าทันกันหมด เสมอกันหมด ในที่สุดก็ต้องตาย ความตาย เสมอกันหมด ข้อนี้คือความจริง ที่ง่ายมาก ไม่ต้องปฏิบัติ เกิดความฉลาดได้ โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ผู้รู้พารู้ รู้ตามผู้รู้ ไม่ผิดแน่นอน ถูกต้องตามความเป็นจริง ในสิ่งต้องตาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...