ตัวกระทำไม่ตายเวรกรรมมีจริงทุกสิ่งเป็นกลางตามธรรมชาติ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย นายวิชัย มณีรัมย์, 17 เมษายน 2017.

  1. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    สติตั้งมั่น อยู่ในสมาธิ เกิดความว่างเปล่า อันมั่นคง กายใจจิต เพื่อเข้าสู่วิปัสสนากัมมัฏฐาน สติปัฏฐาน4 น้อมเข้ามา กายใจจิตเข้าสู่สมาธิ เข้าถึงอารมณ์แห่งความว่างเปล่า หายใจเข้าว่างเปล่า หายใจออกว่างเปล่า เพื่อเข้าสู่ รูปฌาน4 อรูปฌาน4 ในสิ่งที่เห็น และสิ่งที่ไม่เห็น เป็นความหมาย กล่าวบอกได้ เป็นอารมณ์ เกิดรู้เห็น เป็นปัญญา สมาธิใจ ให้เกิดเป็น อารมณ์เห็น สิ่งทั้งหลาย เกิดดับตาย ใจจิตเรา
    ฌานอาศัยสมาธิเป็นแดนเกิด กายวาจาใจ สมาธิอาศัย กายวาจาใจ เป็นแดนเกิด ของฌานทั้ง4 รูปฌาน4 อรูปฌาน4 ฌานสมาธิ ตัวเดียวกันก็ได้ คนละตัวก็ได้ สติปัฏฐาน4 วิปัสสนากัมมัฏฐาน4 ฌานสมาธิกายใจจิต ก่อเกิดปัญญาอันบริสุทธิ์ กายใจจิต สว่างไสว ญาณหยั่งรู้ ฌานคือฌาน กายใจจิต สมาธิคือสมาธิ ความว่างเปล่าคือความว่างเปล่า รวมทั้งหมดก่อเกิดแสงสว่าง ปัญญากายใจจิต
     
  2. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    สายลมธรรม พัดผ่าน เย็นกายใจจิต สัมผัสได้ด้วยตนเอง ที่กายใจจิต ใสนิ่งสนิท กายใจจิตเย็น สายน้ำธรรมใสเย็น
    เห็นได้ด้วยตนเอง พระอาทิตย์ทอแสง สว่างแจ้งกายใจจิต ได้รู้เห็นเป็นปัญญากว้างไกล สำหรับตนผู้ปฏิบัติ ท่องเที่ยวไปในแผ่นดินธรรม สงบว่างเบาเย็น กายใจจิต จิตกายใจ ไร้สิ่งกังวน รูป เสียง กลิ่น รส ทั้งหลาย สัมผัสกายใจจิต ปฏิบัติมากเห็นมาก ปฏิบัติน้อยเห็นน้อย ธรรมชาติมีรสเดียว สงบว่างเบาเย็น ไม่มีอะไร ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ต่างคนต่างอยู่ อยู่ใครอยู่มัน เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง คือสิ่งเดียวกัน หนึ่งเดียวคือธรรมชาติ ตามความเป็นจริงในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ธรรมชาติคือเรา เราคือธรรมชาติ ท่องเที่ยวไป ในวัฏสงสาร ชื่นบานกายใจจิต ไม่มีอะไรในธรรมชาติ ในธรรมชาติก็ไม่มีอะไร สว่างไสวทั่วกายใจจิต สงบนิ่งเบาเย็น รู้เห็นธรรมชาติตามความเป็นจริง ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ทุกข์ขัง อนิจจัง อนัตตา ทุกสิ่งเกิดมาไม่มีอะไร กายใจจิต ใจจิตกาย สิ่งทั้งหลายไม่ใช่ตัวตน สิ่งหลุดพ้นเกิดที่ตัวเรา เรารู้รสชาติ รสชาติอยู่กับเรา เราคือผู้ปฏิบัติ รู้แจ่มแจ้งชัด เกิดจากการปฏิบัติของเรา เห็นด้วยตนเอง รู้ด้วยตนเอง เห็นตามกาล รู้ตามกาล จงน้อมกายใจจิต ของท่านทั้งหลาย ดูด้วยตนเอง เห็นด้วยตนเอง ปฏิบัติด้วยตนเอง นี่คือความจริง ในสิ่งที่ต้องปฏิบัติ ตัวกระทำไม่ตาย เวรกรรมมีจริง ทุกสิ่งคือสายกลาง คือหนทางแห่งการปฏิบัติ ไม่ตรึงไม่หย่อน ไม่อ่อนไม่แข็ง ไม่มีอดีตไม่มีอนาคต ปัจจุบันดีที่สุด
     
  3. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ดินน้ำลมไฟ คือหัวใจ นักปฏิบัติ
    สิ่งแจ้งชัด นักปฏิบัติ ใจจิตกาย
    อริยะสัจจ์ โลกธรรม8 สิ่งทั้งหลาย
    รู้เห็นได้ กายใจจิต เกิดกับตน
    วัดมีมากมาย ทั่วไทยมีแต่วัด
    วัดการปฏิบัติ วัดกัมมัฏฐาน
    วัดบ้านวัดป่า วัดกายใจจิต
    วัดเพ่งพิจธรรม วัดนำลิขิต
    วัดจิตวัดใจ วัดธรรมใสส่อง
    วัดมองวัดเห็น วัดเป็นวัดตาย
    วัดได้ทุกวัย วัดใจปฏิบัติ
    วัดเกิดวัดเป็น วัดแจ้งแจ่มชัด
    วัดจิตวัดใจ วัดได้ด้วยตนเอง
     
  4. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    สมาธิคือเทียนไข เปลวดวงไฟ คือองค์ฌาน แสงสว่างคือปัญญา เปลวไฟเทียนไขแสงสว่าง อาศัยพึ่งพาซึ่งกันและกันเป็นแดนเกิด สมาธิทั้งหลาย สมาธิอย่างนั้น สมาธิอย่างนี้ อย่างไรเสีย สมาธิก็คือสมาธิ คือแท่งเทียนแห่งความว่างเปล่า ฌานทั้งหลาย ฌานอย่างนั้น ฌานอย่างนี้ อย่างไรเสีย ฌานก็คือฌาน คือเปลวดวงไฟ ที่อาศัยแทงเทียนเป็นแดนเกิด ปัญญาอย่างนั้น ปัญญาอย่างนี้ อย่างไรเสีย ปัญญาก็คือปัญญา คือแสงสว่าง ที่อาศัยดวงไฟจากแสงเทียน เป็นแดนเกิด เทียนแท่งเล็ก เทียนแท่งใหญ่ ให้แสงสว่างที่เหมือนกัน แต่แตกต่างกัน ตรงที่ว่า เล็กสว่างน้อยอยู่ใกล้ตัว ใหญ่สว่างมาก ไกลตัวออกไป ชี้ทางให้คนอื่นได้ ทานใดๆ ศีลใดๆ ภาวนาใดๆ สมาธิใดๆ ปัญญาใดๆ กัมมัฏฐานใดๆ วิปัสสนาใดๆ จะขั้นอะไร หรือเป็นแบบใด มันก็ไม่แตกต่าง จากเทียนแท่งเล็ก เทียนแท่งใหญ่ อวดอ้างกันทำไม แสงมากแสงน้อย มันก็แสงเหมือนกัน สว่างมากสว่างน้อย มันก็สว่างเหมือนกัน โต้เถียงกันทำไม กล่าวตู่กันทำไม มันแตกต่างกันตรงที่ว่า เล็กคือเล็ก ใหญ่คือใหญ่ บุญบารมีที่สั่งสมกันมา ไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน กายใจจิต อวดอ้างกันทำไม ปัญญาใครปัญญามัน ปล่อยวางทุกสรรพสิ่ง กายใจจิต สงบนิ่งเบาเย็น ไม่มีอะไรในทุกสิ่ง ในทุกสิ่งไม่มีอะไร กายใจจิต นิพพานใคร นิพพานมัน อมตะใคร อมตะมัน ของใครของมัน เสื้อผ้าเก่าใหม่ ไม่มีร่างกายก็หมดค่า ฌานอย่างนั้น ฌานอย่างนี้ ไม่มีสมาธิก็หมดค่า ปัญญาอย่างนั้นปัญญาอย่างนี้ ไม่มีฌานก็หมดค่า แท่งเทียน ทั้งใหญ่ทั้งเล็ก ไม่มีไฟก็หมดความหมาย กายใจจิต ถ้าไม่ปฏิบัติ ก็หมดค่า หมดความหมาย สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ สำหรับข้าพเจ้านายวิชัยมณี เห็นว่า มันไม่มีอะไร เรือข้ามฟาก ข้ามถึงฝั่งนิพพานก็หมดความหมาย มันก็แค่เรือที่ไม่มีอะไร เรือใหญ่เรือเล็ก ข้ามถึงฝั่งพระนิพพาน ก็ต้องทิ้งเรือเหมือนกันหมด อวดอ้างเรือกันทำไม ขอความสวัสดีจงมีแก่ทุกท่าน
     
  5. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ของเก่า นำมาเล่าใหม่
    เป็นปัจจัย ของการปฏิบัติ
    กายใจจิต คือสิ่งชี้ชัด
    ผู้ปฏิบัติ ต้องค้นหาเอง
    ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
    สิ่งหลุดพ้นเกิดขึ้นที่ตัวเรา
    ของใหม่ สว่างไสว
    กายจิตใจ คือปัจจัยรู้เห็น
    ต้องปฏิบัติ จึงเกิดเป็น
    สิ่งรู้เห็น ปัญญาเรา
    สิ่งทั้งหลายเกิดกับเรา
    ก็ต้องดับที่ตัวเรา
    อันทานศีลภาวนา จงค้นหา มาให้ครบ
    มาบรรจบ กายใจจิต คิดเหตุผล
    ทั้งดีชั่ว สุขทุกข์โศก เกิดที่ตน
    เกิดเหตุผล เกิดสมาธิ เกิดปัญญา
    เกิดสมาธิ เกิดปัญญา จิตใจแจ้ง
    ทุกหนแห่ง กายใจจิต คิดเหตุผล
    สิ่งดีชั่ว ตัวกระทำ เกิดที่ตน
    สิ่งหลุดพ้น ตนปฏิบัติ แจ้งชัดใจจิตเรา
    กายใจจิต พิศมัย
    ท่องเที่ยวไป ในจักรวาลย์
    ดวงแก้ว ดวงนิพพาน
    สุขสำราญ เบิกบานใจ
    รู้เห็นแจ้ง แทงทุกสิ่ง
    เห็นความจริง สิ่งทั่วไป
    ดวงแก้ว จิตกายใจ
    ปัญญาใส สงบเย็น
    รู้เห็น เย็นใสแจ้ง
    ธรรมสาดแสง ส่องถึงใจ
    ปัญญาจิตปัญญาใจ รู้กว้างไกลในเหตุผล
    ท่องเที่ยวไปใจเบิกบาน สุขสำราญกายจิตตน
    สิ่งทั้งหลายได้เหตุผล ทั้งสากลดับที่เรา
     
  6. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    อันความตาย หมดความหมาย กายใจจิต
    น้อมมาคิด นิมิตธรรม ล้ำค่าหมาย
    สอนคนเป็น ให้ปฏิบัติ แจ้งก่อนตาย
    รู้ความหมาย ได้นิพพาน ตอนเป็นเป็น
     
  7. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    กลางปีวอก กลอกกลิ้ง สิ่งทั้งหลาย
    เกิดมากมาย หลายร้อยพัน แห่งปัญหา
    ทุกสรรพสิ่ง สิ่งทั้งหลาย ที่เกิดมา
    ทั้งทั่วหล้า ต่างระทม ขมขื่นใจ
    บนท้องฟ้า อากาศแห้ง แล้งทั่วถิ่น
    ในแผ่นดิน น้ำทั่วถิ่น มีมากหลาย
    ทุกสิ่งอย่าง ต่างพิศดาร เกิดมากมาย
    เกิดดีร้าย สิ่งกลับกลอก วอกหลอกลวง
    กลางระกา มาบรรจบ ต่างพบสุข
    เข้าสู่ยุค ศรีวิไล เย็นใสแจ้ง
    ทั้งปฐพี เกิดสิ่งดี ทุกหนแห่ง
    เป็นดังแสง วิฬุรเจ้า เช้าวันใหม่
    สิ่งทั้งหลาย กลายแปรเปลี่ยน หมดทุกข์เข็ญ
    ระกาเย็น เป็นสัตย์ซื่อ คือความหมาย
    ถือสัจจ์ธรรม นำชีวิต หมดวุ่นวาย
    สิ่งเลวร้าย ก็กลับกลาย ร้ายเป็นดี
     
  8. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    นักปฏิบัติ ก่อเกิดเป็น กรรมเด่นชัด
    นักปริยัติ เกิดรู้เห็น ปัญญาใส
    นักปฏิเวช เกิดเหตุผล ภายนอกใน
    ปฏิบัติปริยัติปฏิเวช
    เกิดเหตุผลกายจิตใจ
    รู้กว้างไกลในจักรวาลย์
    เห็นนิพพานกายจิตใจ
    ความมืดสนิทก็ดับหาย
    ความสว่างมากมายบังเกิดผล
    ท่องเที่ยวไปในสากล
    ทั่วทั้งกายใจจิตตน
    สิ่งทั้งหลายมีเหตุจึงเกิดผล
    เกิดรู้ได้ตนในตน
    สงบนิ่งจึงว่างเบา
    ใจจิตเราได้ร่มเย็น
    สิ่งรู้เห็นเย็นนิพพาน
    ดับที่อื่นฝืนผิดกฏ
    ดับทั้งหมดดับที่เรา
    ในทุกสิ่งมีหนักเบา
    เราไม่เอาจึงปล่อยวาง
    สงบว่างจึงเบาเย็น
    เพราะรู้เห็นจึงแจ้งใส
    ตามรู้จิตตามรู้ใจ
    ได้เย็นใสใจจิตเรา
    โลภโกรธหลงกายใจจิต
    ความมืดมิดครอบงำเรา
    โลภโกรธหลงเราไม่เอา
    เข้าถึงว่างสว่างเย็น
    ปริยัติปฏิบัติปฏิเวช
    ตัวเหตุล้ำค่าธรรมมาผล
    ปริยัติปฏิบัติเกิดที่ตน
    รู้เหตุผลปฏิเวชเหตุแห่งกรรม
    ธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นได้ที่เราปฏิบัติ
    ปริยัติเกิดที่ตนค้นให้เห็นปัญญาใส
    ปฏิเวชกายจิตใจได้รู้เห็นสิ่งเกิดเป็นทั้งหลาย
    กายจิตใจตามรู้เห็นสิ่งทั้งหลาย
    เกิดขึ้นได้ที่ตัวเราเข้าถึงได้นิพพานในตน
     
  9. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    อโหสิกรรม นำรู้แจ้ง กายใจจิต
    คลายยึดติด จิตใจกาย คลายลุ่มหลง
    จิตใจกาย ได้รู้เห็น เป็นสายตรง
    โลภโกรธหลง ปล่อยวางได้ กายจิตใจ
    อโหสิกรรม นำแก้ไข บ่วงแห่งกรรม
    อโหสิกรรม เป็นสายธรรม อันล้ำเลิศ
    นำก่อเกิด เลิศปัญญา ใสเย็นแจ้ง
    อโหสิกรรม ตอกย้ำคิด จิตทั้งหลาย
    มีมากมาย เกิดก่ายกอง มองไม่เห็น
    ปัญญาใคร ปัญญามัน รู้สิ่งเป็น
    มองให้เห็น เป็นปัญญา พานิพพาน
    นำก่อเกิด ปัญญาเลิศ ประเสริฐศรี
    น้อมสิ่งดี มีให้เห็น เป็นค่าหมาย
    ทั้งเกิดแก่ ไม่เที่ยงแท้ เจ็บและตาย
    ล้ำค่าหมาย เข้าถึงได้ อโหสิกรรม
    กรรมใครก็กรรมมัน สิ่งผูกพันธุ์กรรมสนอง
    กรรมใครๆครอบครอง ตามสนองสิ่งตนทำ
    รู้เรื่องกรรมทำให้แจ้ง ทุกหนแห่งเกิดแต่กรรม
    สิ่งทั้งหลายเกิดจากการกระทำ อโหสิกรรมก็หมดเวร
    อโหสิกรรมนำเข้าสู่สายตรง ปล่อยวางลง ว่างกายจิตใจ เข้าสู่จิตสว่างว่างเย็นใส ปล่อยวางทุกสรรพสิ่งกายจิตใจ รู้เห็นได้ อโหสิกรรมนำเข้าสู่ประตูเมืองพระนิพพาน
     
  10. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    อโหสิกรรม เกิดสายธรรม อันยิ่งใหญ่
    นำจิตใจ ว่างใสเย็น เห็นเหตุผล
    สิ่งหนักเบา ทั้งหลาย เกิดที่ตน
    สิ่งหลุดพ้น ตนปล่อยวาง อโหสิกรรม
    อโหสิกรรม ธรรมปล่อยวาง ว่างใจจิต
    อโหสิกรรม ดับสนิท โลภโกรธหลง
    อโหสิกรรม สิ่งทั้งหลาย ได้ดับลง
    อโหสิกรรม นำสู่ตรง ว่างเย็นเบา
    อโหสิกรรม นำไปสู่ เมืองนิพพาน
    อโหสิกรรม หมดกรรมเวร
    อโหสิกรรม หมดชาติภพ
    อโหสิกรรม ว่างเบาเย็น
    หมดกรรม หมดเวร หมดชาติ หมดภพ
    หมดทุกข์ หมดโศก หมดโลก หมดภัย
    หมดสิ่งเสนียดจัญไร ทั้งหลายทั้งปวง
    ได้เข้าถึงนิพพานใจ รู้แจ้งเมืองแห่งอโหสิกรรม
    อโหสิกรรม นำทุกสิ่ง สู่สายตรง
    โลภโกรธหลง ดับลงได้ ในอโหสิกรรม
    วางได้จริง ในทุกสิ่ง ที่อโหสิกรรม
    กุศลธรรม นำก่อเกิด ว่างจิตใจ
    บุญหลั่งไหล ใจว่างเปล่า สะอาดขาวจิต
    เข้าสู่ชาติ อริยะ ได้เหตุผล
    ความว่างเปล่า อโหสิกรรม เกิดที่ตน
    เป็นสุขล้น พ้นทุกข์โศก หมดเวรกรรม
    อโหสิกรรม บุญล้ำค่า มหาศาล
    ก่อเกิดทาน อันยิ่งใหญ่ ใจจิตว่าง
    ในทุกสิ่ง ไม่ยึดติด รู้ปล่อยวาง
    เป็นหนทาง สว่างแจ้ง กายใจจิตอโหสิกรรม
     
  11. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ถ้าไม่รู้ก็ธรรมไม่เป็น ถ้าไม่เห็นก็ธรรมไม่ถูก กายใจจิตเรา เฝ้ารู้เห็นภายนอกภายใน สว่างใสแจ้งเกิดรู้เห็นเป็นปัญญา เกิดขึ้นได้ที่ตัวเรา ผู้เฝ้าปฏิบัติทุกลมหายใจเข้าออก ทุกเช้าทุกเย็น ทุกวันเวลา

    ธรรมทั้งหลาย เกิดที่เรา เฝ้าตามปฏิบัติ
    น้อมปริยัติ ปฏิบัติเพียร เรียนรู้เห็น
    กฏแห่งกรรม ทำให้แจ้ง ในทุกสิ่งที่เกิดเป็น
    ปฏิเวชเห็น สิ่งเป็นผล ที่ตนทำ
    สิ่งทั้งหลาย ได้เกิดผล ตนปฏิบัติได้เกิดเห็น
    กรรมเกิดเป็น เห็นดีชั่ว ตัวส่งผล
    ทั้งดีชั่ว ตัวปฏิบัติ เกิดที่ตน
    ได้รับผล สิ่งตนทำ กรรมทั้งปวง
    อโหสิกรรม ธรรมปฏิบัติ ชัดแจ้งเห็น
    กรรมเกิดเป็น เห็นความจริง สิ่งทั้งผอง
    กรรมทั้งหลาย เกิดขึ้นได้ มีใจตนผู้ครอบครอง จงไตร่ตรอง เห็นค่าล้ำ
    กรรมปล่อยวาง
    อโหสิกรรม กฏแห่งกรรม ก็ดับหาย

    อโหสิกรรม ธรรมมากมาย พอกพูนผล

    อโหสิกรรม เบาสบาย เกิดที่ตน

    อโหสิกรรม ได้หลุดพ้น สิ่งทั้งปวง

    อโหสิกรรม ทำลายบ่วง คล้องคอสัตว์

    อโหสิกรรม เห็นแจ้งชัด สิ่งมากล้น
    อโหสิกรรม ปฏิบัติได้ เกิดที่ตน
    อโหสิกรรม เกิดสิ่งผล ว่างเย็นเบา
    อโหสิกรรม หมดทุกข์เข็ญ หมดเวรกรรม
    ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นได้ ที่เราปฏิบัติ
    ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนเตือนตน จึงพ้นผิด
    ตนเตือนจิตสว่างแจ้ง ใจเกิดผล สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นได้ใจจิตตน สิ่งหลุดพ้น ใจจิตตนค้นหาเอง ไม่มีใครทำให้ใครได้
    ปัญญาใครปัญญามัน นิพพานเกิดจากการปฏิบัติ นิพพานใครนิพพานมัน โง่ใครโง่มัน ฉลาดใครฉลาดมัน ทุกสิ่งอย่าง ทุกสิ่งอย่างค้นหาได้ กายใจจิตเรา
     
  12. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    พระนิพพาน เข้าถึงได้ กายใจจิต
    แนบสนิท จิตใจกาย คลายลุ่มหลง
    สมาธิจิต สงบกายใจ ว่างเย็นลง
    สู่สายตรง โลภโกรธหลง ปลงปล่อยวาง
    กายใจจิตว่าง เกิดหนทาง สว่างแจ้งใส
    กายจิตใจ ใสเย็นแจ้ง ทุกแห่งหน
    เห็นนิพพาน กายใจจิต เกิดกับตน
    รู้เหตุผล ในทุกข์ขัง อนิจจังอนัตตา

    ทุกข์ขังอนิจจังอนัตตา กายใจจิตแจ้ง รู้เหตุผล ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง

    ทุกข์ขังอนิจจังอนัตตา ปล่อยวางทุกสรรพสิ่ง กายใจจิต ว่างเบาเย็น

    ทุกข์ขังอนิจจังอนัตตา ทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นที่ตัวเรา ก็ต้องดับทุกสรรพสิ่งที่ตัวเรา

    ทุกข์ขังอนิจจังอนัตตา กายใจจิตในทุกสิ่งไม่มีอะไร ก็ไม่มีอะไรในกายใจจิต ของทุกสิ่ง เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วดับลง
    นี้คือความจริง ไม่มีอะไร ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง กายใจจิต สงบว่างเบาเย็น ใสเย็นแจ้ง เข้าถึงเมืองแก้วเมืองนิพพาน
    กายใจจิตเบิกบาน สำราญใจ สงบว่างเบาเย็นสบาย กายใจจิตอโหสิกรรม
     
  13. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    กายแก้วใส ใจเบิกบาน นิพพานจิต
    แนบสนิท จิตใจกาย ได้บุญผล
    ทานศีลภาวนา สมาธิปัญญา ปฏิบัติตน
    บังเกิดผล ล้นปัญญา พารู้จริง
    ในทุกสิ่ง เห็นตามจริง สิ่งทั้งหลาย
    เกิดต้องตาย กายแก่เจ็บ ได้รับผล
    เห็นทุกข์ขัง อนิจจัง เกิดกับตน
    สิ่งหลุดพ้น อนัตตา นิพพานจริง
    กายเห็นกาย ใจเห็นใจ จิตเห็นจิต
    กายใจจิต เห็นหนักเบา รู้เหตุผล
    กรรมทั้งหลาย สิ่งดีชั่ว เกิดที่ต้น
    ปัญญาล้น ตนพึ่งตน พ้นอัตตา
    สิ่งมีค่า ค้นหาได้ ที่กายใจจิต
    น้อมนำคิด จิตใจกาย ตามรู้เห็น
    สุขทุกข์โศก โลกทั้งหลาย เกิดมีเป็น
    ได้รู้เห็น ตามเป็นจริง กายจิตใจ
     
  14. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    จิตไม่ยึดติดต่อสิ่งใด คือใจจิตพ้นจิตใจ
    จิตใดรู้ทันจิต จิตนั้นย่อมหลุดพ้น
    จิตใจอันใสสะอาด ปฏิบัติเกิดขึ้นได้ตนพึ่งตน
    จิตข้ามพ้น ไม่ยึดติดจิตพ้นภัย
    ธรรมแท้จริงมีไม่มาก จิตไม่ทุกข์ไม่ยึดติดสิ่งทั้งหลาย
    ธรรมมากมายไหลเข้าจิต พ้นทุกข์ว่างสงบว่างเบาเย็น
     
  15. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ๑ อันชีวิตแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
    อันใครๆไม่อาจกระทำอันตรายได้ฉันใด ขอชีวิตความเป็นอยู่แห่งข้าพเจ้า จงเป็นเหมือนเช่นนั้น อันว่าญาณที่ไม่มีเครื่องกระทบของพระพุทธเจ้าผู้มีบุญย่อมมีในอดีต
    ในอนาคต ในปัจจุบัน
    ๒ อันว่ากายกรรมทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลายสามเหล่านี้ มีญาณเป็นประธานเป็นไปตามญาณ อันว่าวจีกรรมทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลาย สามเหล่านี้
    มีญาณเป็นประธานเป็นไปตามญาณ อันว่ามโนกรรม
    ทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลาย สามเหล่านี้
    มีญาณเป็นประธานเป็นไปตามญาณ
    ๓ อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของประโยชน์ที่ประสงค์ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ผู้มีบุญ ผู้ประแล้วด้วยคุณธรรม ๖ประการเหล่านี้
    อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงแห่งการแสดงธรรม
    ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของความเพียร ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของวิปัสสนาญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงแห่งกามาวจรและรูปาวจรวิมุตติ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ๔ อันว่าการพูดเล่น ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ผู้ประกอบด้วยคุณธรรมทั้งหลาย๑๒ประการเหล่านี้ อันว่าการพูดพลั้งเผลอโดยขาดสติ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันว่าความไม่แพร่หลายในเญยยะธรรม๕ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันว่าการกระทำใดๆอย่างผลุนผลันโดยไม่มีการพิจารณาเสียก่อน ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันว่าความมีใจวุ่นวายด้วยกิเลส ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันว่าการกระทำที่ไม่มีอุเบกขาในเตภูมิสังขาร ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ๕ อันว่าความเคารพนอบน้อมขอจงมีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรม ๑๘ประการเหล่านี้ทั้ง๗พระองค์
    อันว่ากายทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต
    อันว่าวจีทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต
    อันว่ามโนทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต
    อันว่าญาณอันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในอดีต
    อันว่าญาณอันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในปัจจุบัน
    อันว่าญาณอันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในอนาคต
    อันว่ากายกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    อันว่าวจีกรรมทั้งปวงไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    อันว่ามโนกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    อันว่าธารณปริตรนี้ไม่มีเครื่องเทียบ ไม่มีเครื่องเสมอเหมือนเป็นที่ต่อต้าน เป็นที่หลบซ่อนของสัตว์
    ผู้กลัวภัยในสังสารวัฏทั้งหลาย อัคคัง ประเสริฐ มหาเตชัง มีเดชมาก
    ๖ ดูกรอานนท์ ท่านจงท่องจดจำ สอบถาม ซึ่งธารณปริตรนี้ อันว่ากายของผู้ท่องบทสวดมนต์ ธารณ ปริตรนี้ ไม่พึงตายด้วยงูพิษ พิษนาคไม่พึงตายในน้ำ อันว่าไฟไม่พึงไหม้เป็นผู้พ้นภัยพิบัติต่างๆ ใครคิดทำร้ายในวันเดียวก็ไม่สำเร็จ ใครคิดทำร้ายในสองวัน สามวัน สี่วัน ก็ไม่สำเร็จ ไม่พึงเป็นโรคหลงลืม ไม่พึงเป็นบ้าใบ้
    อันมนุษย์ทั้งหลาย และอมนุษย์ทั้งหลาย ไม่สามารถเบียดเบียนได้
    ๗ อันว่าธารณปริตรนี้ มีความศักดิ์สิทธิ์ คือ ชาโล มีอานุภาพเหมือนพระอาทิตย์ ประชุมกัน๗ดวง ที่ขึ้นมาในเวลาโลกาพินาศ มหาชาโล มีอานุภาพเหมือนมุ้งเหล็ก ที่สามารถป้องกันภัยจากเทวดา อินทร์ นาค ครุฑ ยักษ์ เป็นต้น ชาลิตเต มีอานุภาพประหารศัตรูทั้งหลาย มหาชาลิตเต มีอานุภาพให้พ้นจากกัปทั้ง3 คือ โรคันตรกัป สัตถันตรกัป และ ทุพภิกขันตรกัป
    มีอานุภาพให้พันจากโรคต่างๆ ในเวลาปฏิสนธิคือ การเป็นใบ้ เป็นคนพิการ เป็นคนหูหนวก อีกทั้งไม่พึงตกต้นไม้ ตกเหว ตกเขาตาย สามารถได้สมบัติที่ยังไม่ได้ ทรัพย์สมบัติที่ได้มาแล้ว ก็เจริญขึ้นโดยความเป็นจริง สามารถประหารความมืด แล้วได้ความสว่าง
    ๘ ดูกรอานนท์ อันธารณปริตร ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงตรัสไว้พึงสมาคมคนดี ไม่พึงสมาคมคนชั่ว พึงนำมาซึ่งกลิ่น และรสอันเป็นธรรม พึงน้อมนำมาซึ่งน้ำใจดี ไม่พึงน้อมนำมาซึ่งน้ำใจร้าย พึงทำกายให้เป็นกายดี พึงนำมาแต่สิ่งอันเป็นกุศล ไม่พึงนำมาซึ่งสิ่งอันเป็นอกุศล พึงฟังแต่สิ่งที่ดี ไม่พึงฟังสิ่งที่ไม่ดี พึงเห็นแต่นิมิตดี ไม่พึงเห็นนิมิตร้าย โยรุกเข ต้นไม้ที่ตายแล้วสามารถฟื้นคืนมาได้ มหาโยรุกเข ต้นไม้ที่ยังเป็นอยู่ก็ทำให้เจริญงอกงาม โดยความเป็นจริงสามารถประหารความมืดแล้วได้ความสว่าง
    ๙ ดูกรอานนท์ อันธารณปริตรนี้ สามารถรู้ความคิดร้ายของผู้อื่น อาวุธต่างๆมีเครื่องประหาร เช่น มีด หอก ปืน ไฟ เป็นต้น ไม่สามารถทำอันตรายได้ มันติลา สามารถทำมนต์คาถาให้มีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้น
    สามารถประหารโรคต่างๆได้ และโรคร้ายแรงต่างๆไม่อาจทำอันตรายได้ ทุพพิลา สามารถหลุดพ้นจากเครื่องผูกมัด ด้วยอำนาจแห่งสัจจะวาจานี้
    ขอความสวัดดี มีชัยจงมีแก่ข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อเถิด
     
  16. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด คิดดีก็ดีไป คิดร้ายสิ่งร้ายเข้าหาตน
    จิตเห็นจิต จิตใดเล่า จะเข้าถึง
    จิตรำพึง จิตเสน่หา พาใจวุ่น
    จิตทั้งหลาย พาหมองมัว จิตใจขุ่น
    จิตว้าวุ่น ใจวุ่นวาย ใจจิตเรา
    จิตเห็นจิต จิตใดเล่า จะเข้าถึง
    จิตพึ่งจิต จิตพึ่งใจ ใจจิตตน
    จิตเห็นจิต จิตเห็นใจ ใจจิตตน
    จิตหลุดพ้น ค้นเห็นจิต ใจจิตเรา
    อริยะจิต จิตสดใส ใจปล่อยวาง
    จิตเห็นจิต ไม่ห่างไกล ใจสุขสันต์
    จิตทั้งหลาย มีใจตน ปล่อยรู้ทัน
    จิตรู้ทาง ใจสว่าง จิตใจเรา
    จิตเห็นจิต ใจเห็นใจ ใครเล่าจะเข้าถึง
    จิตรำพึง จิตร้อนลุ่ม เสน่หา
    จิตเห็นจิต ใจเล่าร้อน ในอุรา
    จิตนำพา สุขทุกข์โศก ใจจิตเรา
    จะดับจิต ต้องดับใจ ในลุ่มหลง
    จิตมั่นคง ใจเห็นจิต จิตรู้ทัน
    จิตทั้งหลาย จิตเห็นจิต ใจผูกพันธ์
    จิตรู้ทัน นั้นปล่อยวาง ว่างจิตใจ
    วันคืนเดือน เปลี่ยนแปลงไป ไม่คงที่
    ทุกชีวี มีเกิดดับ ต้องรับผล
    สิ่งทั้งหลาย ได้ดีชั่ว เกิดกับตน
    สิ่งหลุดพ้น ค้นหาได้ กายจิตใจ
    ในความจริง สิ่งทั้งหลาย ต้องตายแน่
    เกิดต้องแก่ เจ็บแล้วตาย ได้เหตุผล
    กาลเวลา พาความตาย มาสู่ตน
    คือเหตุผล คนประมาท ตายทั้งเป็น
    สิ่งดีเลิศ เกิดขึ้นยาก ต้องพรากเพียร
    เฝ้ารู้เรียน กายใจจิต คิดรู้เห็น
    สิ่งทั้งหลาย สุขทุกข์โศก ร้อนหนาวเย็น
    ตามรู้เห็น เป็นกรรมผล ตนรับกรรม
     
  17. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    อันชั่วต่ำ กรรมทำง่าย กายใจจิต
    ไม่ต้องคิด สิ่งใดๆ ในเหตุผล
    ไม่สนใจ ในกรรมเวร เห็นแก่ตน
    กายจิตตน ใจยึดเกาะ สิ่งทั้งปวง
    นี้คือหนทางแห่งการปฏิบัติ
    บ่งบอกชัดปฏิบัติกายใจจิต
    ทานศีลภาวนาสมาธิปัญญาแนบสนิท
    กายใจจิตเพ่งพิศธรรมล้ำค่าหมาย
    ตาหูจมูกลิ้นกายใจทั้งในนอก
    บ่งบอกชัดวิปัสสนากัมมัฏฐาน
    กายเวทนาจิตธรรมก่อเกิดญาณ
    คือหลักฐานนิพพานเกิดกายจิตใจ
    ธรรมทั้งหลายรู้เห็นได้ที่กายใจจิต
    แนบสนิทจิตใจกายสิ่งทั้งหลายก่อเกิดธรรม
    ปฏิบัติจิตใจกายสิ่งทั้งหลายรู้เห็นได้เกิดจากการกระทำ
    วิบากกรรมเกิดจากการกระทำกรรมดีชั่วเกิดที่กายจิตใจ
    คำว่าพระเกิดขึ้นได้ในทุกคนผู้เพียรปฏิบัติ
    กายใจจิตคือเหตุผล
    เกิดกับบุคคลผู้ปฏิบัติ
    ชำระกายจิตใจให้ใสสะอาด
    ปัญญาชาติอริยะความเป็นพระเกิดกับตน
    สีขาวสีเหลืองไม่ใช่ตัวเหตุผล
    ทำให้คนเป็นพระไม่ได้ถ้าไม่ปฏิบัติ
    ชำระกายใจจิตให้ใสสะอาด
    เกิดเป็นชาติอริยะได้ในทุกคนที่ปฏิบัติ
    พระเกิดขึ้นได้ที่กายใจจิตที่บริสุทธิ์อันขาวสะอาดปราศจากโลภโกรธหลง
    พระเกิดขึ้นที่ใจกายจิตในบุคคลผู้ปฏิบัติ
    ทุกๆคนที่เกิดมาบนโลกนี้เป็นพระได้ในทุกคนที่ปฏิบัติในทานศีลภาวนาสมาธิปัญญา
    จิตเห็นจิตใจรู้ใจบุคคลใดเป็นพระเรารู้ได้ด้วยตนเอง
    ศีลธรรมจะกลับมาในวันโลกาวินาศ
     
  18. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ขันธ์ทั้ง5 รูปเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    รูป กิเลสใหญ่ 1ร้อย กิเลสน้อย 1พัน คือกิเลสจร ไหลเข้าออก กายใจจิต
    เวทนา กิเลสใหญ่ 1ร้อย กิเลสน้อย 1พัน คือกิเลสจร ไหลเข้าออก กายใจจิต
    สัญญา กิเลสใหญ่ 1ร้อย กิเลสน้อย 1พัน คือกิเลสจร ไหลเข้าออก กายใจจิต
    สังขาร กิเลสใหญ่ 1ร้อย กิเลสน้อย 1พัน คือกิเลสจร ไหลเข้าออก กายใจจิต
    วิญาณ กิเลสใหญ่ 1ร้อย กิเลสน้อย 1พัน คือกิเลสจร ไหลเข้าออก กายใจจิต
    กิเลสทั้งหลายทั้งปวง โลภ โกรธ หลง อย่างละพันหนึ่งร้อย มากมายก่ายกอง คือกิเลสจร ไหลเข้าออกอยู่ตลอดเวลาทุกลมหายใจ เกิดขึ้นที่กายใจจิต สำหรับนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ต้องตามดูกิเลสทั้งหลาย ต้องตามรู้กิเลสทั้งหลาย ต้องตามเห็นกิเลสทั้งหลาย ทุกๆตัวที่กายใจจิตตน รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง การสู้รบของนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ต้องมีอาวุธอันวิเศษ3อย่่าง
    1 ปริยัติ 2ปฏิบัติ 3ปฏิเวช พรหมวิหารธรรม4คืออาภรณ์ กายเวทนาจิตธรรม คือสติปัฏฐาน4 คือกำแพงขวางกั้นกิเลสจร 5,500 สู้กับตัวกิเลสทั้งหลายทั้งปวง เพื่อเข้าไปสู่อริยะสัจจ์4 ด้วยความรู้แจ้ง อันสะอาดหมดจด ด้วยการปฏิบัติตามมรรคมีองค์8 แผดเผาโลกธรรม8 ให้ดับสนิท กายจิตใจหลุดพ้น เข้าถึงความจริง สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์ เป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วดับไป เป็นของไม่มีตัวไม่มีตน สงบว่างเบาเย็นไมมีอะไร ไม่มีโลภไม่มีโกรธไม่มีหลง เป็นผู้รู้เท่าทันกิเลสทุกตัว ตลอดเวลา ที่กายใจจิต เป็นผู้ตื่นอยู่ตลอดเวลา เห็นกิเลสตลอดเวลา ที่กายใจจิต เป็นผู้เบิกบาน กายใจจิตไกลจากกิเลสทั้งหลายทั้งปวงตลอดเวลา
    0=9+1 =8+2=7+3=6+4=5+5=0
    1=9+2= 8+3=7+4=6+5=5+6=1
    2=9+3= 8+4=7+5=6+6=5+7=2
    3=9+4= 8+5=7+6=6+7=5+8=3
    4=9+5= 8+6=7+7=6+8=5+9=4
    5=9+6= 8+7=7+8=6+9=5+0=5
    6=9+7= 8+8=7+9=6+0=5+1=6
    7=9+8= 8+9=7+0=6+1=5+2=7
    8=9+9= 8+0=7+1=6+2=5+3=8
    9=9+0= 8+1=7+2=6+3=5+4=9
    50=100=100 =100=100=100 =100=100=100 =100=100=50
    กิเลสใหญ่ของจริง
    50
    กิเลสน้อยของปลอม
    1000
    กิเลสใหญ่ของจริง
    50
    ธรรมของจริง ธรรมของปลอม ธรรมของจริง
    ฉันใดก็ฉันนั้นในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
     
  19. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ขันธ์ทั้ง5= รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    อายตนะทั้ง6ใน นอก= รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสกาย สัมผัสใจ
    = ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
    อิทธิบาท4= ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
    พรหมวิหารธรรม4= เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
    3อย่าง กาย วาจา ใจ ของผู้ปฏิบัติธรรม คือทางเดินไปสู่หนทาง แห่งความสำเร็จในมรรคผลนิพพาน

    สติปัฏฐาน4= กาย เวทนา จิต ธรรม
    อริยะสัจจ์4= ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
    มรรคมีองค์8 = เห็นชอบ คิดชอบ เจรจา การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ ความเพียรชอบ สติชอบ สมาธิชอบ
    3อย่าง กาย วาจา ใจ ของผู้ปฏิบัติธรรม คือข้อปฏิบัติไปสู่ความรู้แจ้ง ในมรรคผลนิพพาน
    โลกธรรม8 =มียศ เสื่อมยศ มีลาภ เสื่อมลาภ มีสรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทุกข์
    กฏไตรลักษณ์ตามความเป็นจริงในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง = ทุกข์ขัง อนิจจัง อนัตตา
    2 อย่างกายจิต เป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่น เป็นผู้เบิกบาน เข้าถึงเมืองแก้ว เมืองนิพพาน อมตะนครอจินไตร กายจิตใจ เข้าถึงได้ สำหรับผู้ปฏิบัติ ตามหนทางที่บอกกล่าวมา ชี้ทางสว่างไสวให้ผู้ปฏิบัติ ถูกทางในการปฏิบัติ เข้าถึงความแจ้งชัดทุกผู้ทุกนาม สำหรับผู้ปฏิบัติทุกท่าน
    สำหรับผู้ชอบปฏิบัติธรรมทุกท่าน ข้าพเจ้า นายวิชัยมณีรัมย์ ขอเรียนเชิญทุกท่านไปปฏิบัติธรรมที่ถ้ำมหาเถร4วัน วันที่2-3-4-5 มิถุนานี้ พ.ศ. 2559 วัดน้ำจั้น ถ้ำมหาเถร จังหวัดลพบุรี
    ท่านใดที่สนใจในการปฏิบัติธรรม สอบถามได้ ที่เบอร์โทร 085-6662917 นายวิชัยมณีรัมย์ ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกท่าน ที่ปฏิบัติ กาย ใจ จิต
     
  20. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    มีสติของการระลึกได้ อย่างมั่นคง ซื่อตรงนอบน้อมต่อสัจจะ ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ตามลมหายใจเข้าออก อยู่กับปัจจุบัน ตามรู้เหตุและผล ของความดีและความชั่ว หายใจเข้ารู้หายใจออกรู้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว จะมากหรือน้อยค่อยๆทำ ค่อยๆปฏิบัติ จากน้อยไปหามาก หยดน้ำหยดลงทุกวัน น้ำย่อมเต็มขันธ์ ในภายหน้าอย่างแน่นอน ไม่มีอดีตไม่มีอนาคต อยู่กับปัจจุบันอย่างเดียว
     

แชร์หน้านี้

Loading...